จ่านป๋ายถอนหายใจออกมา หากอยากจะใช้เหตุผลพูดคุยอะไรกับหูชีเยี่ยน เว้นแต่ว่าคุณต้องมีกำปั้นที่แข็งกว่าเขา ไม่อย่างนั้นเขาพูดอะไรคุณก็ต้องรับฟังให้หมด อีกอย่างการคิดเชิงตรรกะของเขาก็แปลกมากเช่นเดียวกัน ของที่ไม่รู้จักมาก่อนแบบนี้ เขายังกล้าเอามาถูบนมือซีเหมินจินเหลียน ถ้ามีพิษหรือมีผลข้างเคียงขึ้นมาจะทำอย่างไร?
“แต่อะไร?” หูชีเยี่ยนถาม “ให้นายเอาไปตรวจสอบทางเคมีอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ นี่เป็นของโบราณ และยังมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “อีกอย่างถึงมันจะไม่มีพิษ แต่ใครจะไปรู้ว่ามีผลข้างเคียงหรือเปล่า แต่คุณกลับ…”
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาน่าจะเกลี้ยกล่อมไม่ให้ซีเหมินจินเหลียนผ่าราชาหยก ของมีค่าหายากบนโลกใบนี้ให้มาเสียหายอย่างนี้ และเหลือแค่เปลือกไข่ที่ว่างเปล่านี่นะ?
ซีเหมินจินเหลียนไม่เห็นว่าจะมีสิ่งผิดปกติตรงไหน อย่างไรของเหลวสีใสเย็นสะอาดนั่นเมื่อถูลงไปบนมือแล้วก็สบายมากเหลือเกิน และไม่ว่าอย่างไรก็ถูไปแล้ว จะโทษกล่าวอะไรก็ไม่มีประโยชน์ สำหรับจ่านป๋ายที่พูดถึงเรื่องผลข้างเคียง ตอนนี้เธอยังไม่รู้สึก
คงจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรไหม? ที่หูชีเยี่ยนบอกว่าช่วยเรื่องเสริมความงามลดริ้วรอย เกรงว่าคงเป็นแค่คำพูดเย้าแหย่ให้รู้สึกดี
“ถึงมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตจริงแล้วจะเป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสวยของลูกสาวฉันแล้ว” หูชีเยี่ยนสองมือไพล่หลังเดินออกไปข้างนอก เมื่อเดินถึงหน้าปากประตูยังไม่ลืมพูดขึ้นอีกว่า “พรุ่งนี้นำหินลายน้ำออกมาผ่าดูไหม?”
แม้ว่าจะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงก็มีความหนักแน่นเป็นอย่างมาก
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน จ่านป๋ายมองไปทางหูชีเยี่ยนที่เดินออกไปถึงถามขึ้นว่า “คุณจะผ่าหินลายน้ำออกมาดูจริงเหรอ?” ในใจบ่นพึมพำประโยคหนึ่ง นี่ไม่ใช่ผ่าแตงโมนะ ผ่าออกมาหนึ่งก้อนก็สูญเสียไปหลักร้อยล้านเชียว
“ถ้าเขายืนกรานแบบนั้นก็ผ่าไปเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
จ่านป๋ายทำได้แต่ยิ้มขื่น เคยเห็นคนบ้า แต่ไม่เคยเห็นใครบ้าขนาดนี้มาก่อน ซีเหมินจินเหลียนคนที่เคยรอบคอบระมัดระวังคนหนึ่ง ทำไมหลังจากที่เจอหูชีเยี่ยนถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
“จินเหลียน พวกลูกพึมพำอะไรอยู่ที่ห้องใต้ดิน ไม่ใช่ว่าแอบด่าพ่ออยู่หรอกนะ?” หูชีเยี่ยนหันหลังกลับมาถามฉับพลัน
“ไม่มีครับ ไม่มีแน่นอนครับ!” จ่านป๋ายรีบแก้ตัว
“นายน่ะมันเป็นพวกวาจาไหลลื่น ฉันเชื่อนายไม่ลงหรอก!” หูชีเยี่ยนพูด “จินเหลียน ครั้งนี้ที่ลูกซื้อหินหยกมามีอะไรพิเศษบ้าง”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงมีอะไรพิเศษเธอก็ไม่บอกเขาหรอก แต่หินหยกดิบที่ซื้อมาจากบ้านของลุงหนิงชุ่ยฉินก้อนนั้นมีสิ่งพิเศษบางอย่าง ไม่รู้ว่าของข้างในนั้นจะเหมือนราชาหยกหรือเปล่า ความจริงข้างในก็มีของเหลวสีใสสะอาดเหมือนกัน
“น่าจะไม่มีนะคะ ของแบบนี้สามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้” ซีเหมินจินเหลียนเห็นหูชีเยี่ยนรอคำตอบจากตนจึงรีบพูด
“หึ…เรื่องนี้ก็พูดยาก!” หูชีเยี่ยนยิ้มออกมาแหะๆ และหมุนตัวเดินไปข้างนอก ในเวลานั้นก็สั่งกำชับขึ้นว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบนอนพักเถอะ จ่านมู่หรงพรุ่งนี้หกโมงตรงอย่าลืมจัดการโจ๊กให้เรียบร้อยซะนะ”
“ทราบแล้วครับ” จ่านป๋ายรับคำและบ่นพึมพำ ผู้อาวุโสท่านนี้เมื่อไหร่จะไป ถ้าเขายังไม่ไปตนเองก็อย่าได้ใช้ชีวิตดีๆ เลย
“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาผ้าม่านมาซักด้วยล่ะ…” เสียงของหูชีเยี่ยนส่งผ่านเข้ามา
จ่านป๋ายสีหน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อวานก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ซัก? ทันใดนั้นจึงรีบวิ่งออกไปหา “คุณหู ลุงหูครับ เมื่อวานคุณเป็นคนบอกเองว่าไม่ต้องซักแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ฉันแค่บอกว่าวันนี้นายไม่ต้องซัก ไม่ได้บอกนี่ว่าพรุ่งนี้จะไม่ให้นายซักเสียหน่อย!” หูชีเยี่ยนพูด
จ่านป๋ายพูดไม่ออกสักคำ เพราะอย่างไรตอนนี้หูชีเยี่ยนก็คือคนที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ แค่แกล้งเขาให้มีความสุขก็แค่นั้น…ซีเหมินจินเหลียนมองเขาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ปัดมือเพื่อแสดงว่าเธอไม่มีความสามารถทำอะไรได้
ซีเหมินจินเหลียนเองก็รู้สึกจนปัญญา หันกายเดินไปข้างนอก ค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป เธอทำตามกิจวัตรประจำวันของตัวเอง เก้าโมงเช้าตื่นนอนขึ้นมาขยี้ตา จากนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำส่องกระจก แต่ไม่ทันได้ตั้งสติ…เธอรู้ว่าตัวเองไม่ได้สวยถึงขั้นน่าจับตามองเหมือนจางต่งเอ๋อร์ คนที่ทำให้รู้สึกตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นแค่ผู้หญิงน่ารักธรรมดาคนหนึ่ง
หลังจากที่ตัวเองเล่นพนันหินจนตั้งตัวได้ เธอก็ไม่เคยตำหนิในใบหน้ารูปทรงไข่ของตัวเอง ครีมบำรุงก็ใช้ไปไม่น้อยเลย เธอยังสาว เธอยังต้องแต่งงานอีกนะ แน่นอนว่าเธอต้องทำให้ผิวของเธอดีมากๆ และขาวกระจ่างใส
แต่มันไม่มีทางเหมือนตอนนี้ ผิวขาวเนียนเหมือนกับเด็กทารกแรกเกิดนี่นะ? ซีเหมินจินเหลียนสงสัยว่านั่นอาจจะเป็นภาพลวงตา เธอจึงเปิดผ้าม่านและให้แสงอาทิตย์สาดเข้ามาและส่องกระจกดูอีกครั้ง ผลที่ตามมาเป็นอย่างที่คิด นี่เป็นความจริง ผิวของเธอขาวใสเด้งนุ่ม…เมื่อยื่นมือไปสัมผัส เธอยังไม่กล้าออกแรงแม้แต่น้อย ด้วยกลัวว่าจะทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ…
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ซีเหมินจินเหลียนคิดพลางมองไปที่มือตัวเอง นิ้วมือทั้งสิบเหมือนหยกที่เปล่งปลั่งกระจ่างใส ขาวผุดผ่องเป็นยองใย มีน้ำมีนวลเหมือนหยวกกล้วยก็ไม่ปาน…ส่วนหลังฝ่ามือซ้ายที่มีดอกบัวสีทองกึ่งบานกึ่งตูมนั้น สีก็ยิ่งชัดสว่างกว่าเก่า
“หรือว่าของเหลวนั่นมีคุณสมบัติช่วยเสริมความงามจริงๆ?” ซีเหมินจินเหลียนส่องกระจกอย่างเหม่อลอย
ไม่ถูกสิ แม้ของเหลวข้างในราชาหยกจะมีคุณสมบัติช่วยเสริมความงามจริง แล้วหูชีเยี่ยนรู้ได้อย่างไร? ซีเหมินจินเหลียนย้อนคิดกลับไปเมื่อวานที่หูชีเยี่ยนผ่าหยกทีละขั้นตอน เมื่อหยกผ่าเสร็จจ่านป๋ายบอกว่าในนั้นมีของเหลวเหมือนดั่งไข่ขาว เขาคงรู้ตั้งแต่แรกแล้วเพราะดูไม่มีความแคลงใจเลยแม้แต่น้อย…
จากนั้นเขาก็ชี้ชัดอย่างมั่นใจว่ามันไม่มีพิษ และต่อจากนั้นเขาก็เอาของเหลวนั่นมาถูบนมือเธอ
ประโยคนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ความจริงก็ตั้งใจให้เธอกับจ่านป๋ายได้ยิน…ซีเหมินจินเหลียนส่องกระจกด้วยสติเลื่อนลอย หากเป็นแบบนั้นจริงหูชีเยี่ยนน่าจะเคยเจอของสิ่งนี้มาก่อน และอาจจะรู้โดยบังเอิญว่ามันช่วยเสริมความงาม…
หรือบนโลกใบนี้ยังมีราชาหยกอีกก้อนหรือ? ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไร อีกอย่างถึงจะมีของแบบนั้นจริง เขาจะเอาอะไรมาวัดว่าของเหลวข้างในหยกพวกนี้จะเป็นชนิดเดียวกันทั้งหมด?
ซีเหมินจินเหลียนคิดอย่างนั้นก็ยิ้มเฝื่อนออกมา สวี่อี้หรานเคยบอกว่า หนังสือโบราณมีบันทึกเรื่องคาลซิโดนี และบอกว่าคาลซิโดนีช่วยให้ผนังเซลล์ที่ถูกทำลายฟื้นตัว กระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง แต่ของแบบนี้ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน…
หรือจะเป็นคาลซิโดนีโบราณจริง? แต่ของแบบนี้ถูกตนใช้ไปจนสิ้นเปลืองไม่เหลือแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกเสียดายของ แม้ว่าเธอจะรักสวยรักงาม แต่ของแลกเปลี่ยนมันก็สูงเกินไปหน่อย นี่มันคาลซิโดนีโบราณเชียวนะ!
เมื่อหวีผมเผ้าล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยจึงเดินลงไปด้านล่าง เมื่อเดินถึงโค้งบันได ก็ได้ยินเสียงจ่านป๋ายเรียกขึ้น “จินเหลียน…”
“อรุณสวัสดิ์” ซีเหมินจินเหลียนทักทายเหมือนทุกวัน
“จินเหลียน คุณดูสวยขึ้น?” จ่านป๋ายมองใบหน้าของซีเหมินจินเหลียนและถามอย่างตกใจ
หูชีเยี่ยนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเช่นนั้นเลยมองซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่งและยิ้มออกมา “คาลซิโดนีโบราณมีคุณสมบัติช่วยเสริมความงามอย่างที่ว่า คนโบราณไม่ได้โกหกพ่อสินะ!”
จ่านป๋ายมึนงงอยู่นานเอ่ยขึ้น “คุณหู เอ่อ…นี่เป็นเพราะว่าประสิทธิภาพของราชาหยกก้อนนั้นอย่างนั้นเหรอ? นี่มันน่าอัศจรรย์เกินไปหรือเปล่า?”