หลิงหยุนรีบใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจดูภายนอกคลินิกทันที แต่ภายใต้รัศมีจิตหยั่งรู้ หลิงหยุนกลับไม่พบเห็นบุคคลต้องสงสัยเลยแม้แต่คนเดียว
หลิงหยุนถอนจิตหยั่งรู้กลับมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมั่นใจ คิ้วตรงคล้ายดาบคู่นั้นขมวดเข้าหากันทันที และรีบหันกลับไปถามคนของแก๊งมังกรเขียวที่วิ่งเข้ามารายงาน
“ใครเป็นคนพูด?!”
สมาชิกแก๊งมังกรเขียวหน้าตาเฉลียวฉลาดผู้นั้น ถึงกับยกมือขึ้นเกาศรีษะด้วยความงุนงง พร้อมกับตอบไปอย่างประหลาดใจ
“ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด.. แต่แค่ได้ยิน ก็เลยรีบวิ่งเข้ามารายงานพี่!”
ใช้วิธีส่งกระแสจิตงั้นรึ!?
หลิงหยุนเข้าใจได้ในทันที จากนั้นจึงรีบใช้มังกรคำรามประกาศบอกกับแขกเหรื่อทุกคนที่อยู่ภายในคลินก
“ต้องขออภัยทุกท่านด้วย.. ที่ต้องขอให้ทุกท่านรีบออกจากคลินิกโดยเร็วที่สุด และกรุณาอย่ายืนขวางประตู! ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง!”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินคำพูดของหลิงหยุนที่คล้ายกำลังกระซิบอยู่ข้างหูนั้น ตัวหลิงหยุนเองก็กำลังงุนงงเช่นกัน! แขกเหรื่อต่างไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น และภายในคลินิกก็เริ่มโกลาหลวุ่นวาย!
“เกิดอะไรขึ้น? จู่ๆ ทำไมถึงให้พวกเราออกไปข้างนอน?”
“หลิงหยุนขอให้พวกเราอย่ายืนขวางประตู.. หรือว่าจะมีแขกคนสำคัญมางั้นเหรอ?”
“ดูหลิงหยุนสิ สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปมาก..”
“ฉันคิดว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นซะอีก..”
ทุกคนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา และยังคงยืนคาดเดากันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลิงหยุนเพียงคนเดียวไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ เขาจึงรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากท่านหมอเสี่ยว หลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าว
“ท่านปู่ ลุงหลี่ ลุงถัง ช่วยพาทุกคนออกไปนอกคลินิกให้เร็วที่สุด ผมต้องการใช้พื้นที่ภายในคลินิก เพราะมีผู้ป่วยอาการสาหัสหลายรายกำลังถูกนำตัวมาส่งที่นี่!”
ถังเมิ่งนั้นใกล้ชิดกับหลิงหยุนมานาน เขาจึงรู้ดีว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น “พี่หยุน.. เกิดอะไรขึ้นกันแน่? คนไข้อาการสาหัสอะไรกัน?!”
หลิงหยุนรีบตัดบท “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ฉันไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก นายแค่ทำตามคำสั่งของฉันก็พอ! จัดการเคลียร์ผู้คนออกไปด้านนอกให้หมด!”
หลี่ยี่เฟิงเห็นสีหน้าของหลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เขาจึงไม่ถามเซ้าซี้ และรีบลุกขึ้นจัดการเคลียร์ผู้คนออกจากพื้นที่ทันที
ถังเทียนห่าวเองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นเช่นกัน ‘คนไข้อาการเข้าขั้นโคม่างั้นเหรอ?! คลินิกเพิ่งจะทำพิธีตัดริบบิ้นเสร็จ ทำไมถึงมีคนไข้ขั้นโคม่าได้? แล้วก็มีหลายคนด้วย?!’
จริงอยู่ว่าการเปิดคลินิก ยิ่งมีคนไข้เข้าเยอะก็ยิ่งดี แต่นี่ดูเหมือนว่าจะมีคนไข้มาใช้บริการรวดเร็วจนเกินไป..
ท่านหมอเสี่ยวถอนหายใจเล็กน้อย แววตาของเขาเป็นประกายก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับสั่งว่า
“ยังจะมัวถามอะไรกันอยู่อีก ตอนนี้หลิงหยุนกำลังมีคนไข้.. ไม่ได้ยินกันหรือยังไง?”
ท่านเสี่ยวหมอเทวดาเป็นชายชราที่ฝึกถึงขั้นเซียงเทียน-1 แล้ว ดังนั้นคำพูดของสมาชิกแก๊งมังกรเขียวที่กระซิบกับหลิงหยุนเมื่อครู่ เขาจึงได้ยินหมดว่าเกิดอะไรขึ้น?
ท่านหมอเสี่ยวได้ยินอย่างชัดเจนว่า หนุ่มน้อยของแก๊งมังกรเขียวนั้นได้บอกกับหลิงหยุนว่า มีใครบางคนบอกกับเขาว่าจะมีผู้ป่วยอาการโคม่ายี่สิบกว่าคน ถูกนำตัวส่งมาที่คลินิกสามัญชนแห่งนี้เพื่อให้หลิงหยุนทำการรักษา และหากหลิงหยุนไม่สามารถรักษาได้ ก็ให้ปิดคลินิกทันที!
แขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีเปิดยังไม่ทันจะกลับไป ก็มีผู้ป่วยอาการสาหัสมากมายถูกส่งมาที่คลินิกของหลิงหยุนพร้อมกันในคราวเดียว และหากหลิงหยุนรักษาไม่ได้ ชื่อเสียงคลินิกของเขาก็คงต้องเสียหายอย่างแน่นอน
ภายในคลินิกของหลิงหยุนมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย และทุกคนต่างก็ได้ยินคำพูดของสมาชิกแก๊งมังกรเขียวที่กระซิบบอกหลิงหยุนทั้งหมด บางคนขุ่นเคืองใจ บางคนเป็นห่วงเป็นใย แต่บางคนก็เพียงแค่จ้องมองด้วยความสะใจ
หลงเทียนเจียวที่แม้จะนั่งมองด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ภายในใจกลับยินดีพร้อมกับครุ่นคิดว่า
‘เจ้าเย่อหยิ่งจองหองไม่ยอมรับของขวัญจากตระกุลหลงของข้า? ข้าจะรอสมน้ำหน้าเจ้าที่ต้องปิดคลินิกเพราะรักษาไม่ได้!’
ตอนนี้คลินิกเล็กๆของหลิงหยุนกลับกลายเป็นสถานที่รวบรวมคนใหญ่คนโตของเมืองจิงฉูไว้มากมาย ทั้งยังมียอดฝีมืออีกเกือบสิบคนไม่ว่าจะเป็นหลิงหยุน ไป๋เซียนเอ๋อ ฉินตงเฉี่วย ท่านหมอเสี่ยว และเหล่ากุ่ย!
ต่อให้กินดีหมีหัวใจเสือเข้าไป ก็คงไม่กล้ามาหาเรื่องหลิงหยุนในเวลานี้แน่ แต่สีหน้าของหลิงหยุนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเช่นนั้น คงจะต้องเป็นศัตรูของเขาอย่างแน่นอน!
เมื่อได้เห็นท่านหมอเสี่ยว หลี่ยี่เฟิง ถังเทียนห่าว และคนอื่นๆ ที่ต่างก็มีสีหน้ากังวลใจ และกำลังวุ่นอยู่กับการเคลียร์ผู้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่แล้ว หลงเทียนเจียวก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่สุด เขาสุขจนตัวแทบลอยเลยทีเดียว..
‘เมื่อครู่พวกเจ้าเพิ่งจะยกยอหลิงหยุนราวกับเป็นเซียนลงมาจากสวรรค์ เป็นหมอที่วิเศษวิโส หลิงหยุน.. ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะเก่งอย่างหมอเทวดาในตำนานหรือไม่?’
ผู้คนภายในคลินิกยังคงกรูกันออกไปด้านนอกราวกับฝูงผึ้ง ในสมองต่างก็ครุ่นคิดกันไปต่างๆนานาพร้อมกับพูดกันไปเรื่อยเปื่อย ท่ามกลางการโต้แย้งของผู้คน บางคนก็คิดไม่ต่างจากหลงเทียนเจียว
การที่หลี่ยี่เฟิงชื่นชมหลิงหยุนที่สามารถรักษาอาการป่วยของลูกชายตนเอง และไม่มีผู้ใดโต้เถียงนั้น เป็นเพราะพวกเขาเกรงกลัวในบารมีของหลี่ยี่เฟิง แต่ความจริงแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อในคำพูดของเขา
ในเมื่อตอนนี้ลูกชายของเขาหายดีแล้ว เขาก็ย่อมพูดอะไรก็ได้!
และนี่คือความคิดที่อยู่ในใจของหลายๆคน.. ดังคำพูดที่ว่า ได้ยินด้วยหู ไม่สู้ได้เห็นด้วยตา!
ทันทีที่หลิงหยุนมาถึงหน้าประตูคลินิก เขาก็ใช้มังกรพรางร่างขั้นสุด วิ่งสำรวจไปมาทางด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตกซึ่งมีระยะทางห่างกันกว่าสองร้อยเมตร
และเขาก็พบบางอย่างทางด้านทิศตะวันออก!
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนจับอยู่ที่รถหรูสีดำคันหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปทางด้านทิศตะวันออกของคลินิกสามัญชน
หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ และเดินตรงไปที่รถสีดำคันนั้น เขายกมือขึ้นเคาะกระจกสีดำเบาๆ
กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงช้าๆ และภายในรถก็มีคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว!
หญิงสาวผมยาวดำขลับนั่งอยู่ที่เบาะหลัง รูปร่างของนางมีเสน่ห์ร้อนแรงอย่างมาก ผิวขาวสว่าง และใบหน้าปกปิดไว้ด้วยผ้าแพรสีดำ ดูแล้วมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา หญิงสาวผู้นั้นยิ้มเล็กน้อยขณะที่จ้องมองหลิงหยุนซึ่งยืนอยู่นอกรถ
ธิดาพรรคมาร!
“ข้าคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเจ้า!” หลิงหยุนพูดจบก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
คนที่กล้ามาก่อกวนหลิงหยุนถึงที่เมืองจิงฉู นอกจากธิดาพรรคมารแล้ว คงไม่มีใครอื่นอีก?!
เวลานั้นเอง.. ฉินตงเฉี่วยและไป๋เซียนเอ๋อต่างก็ตามหลิงหยุนออกมานอกคลินิกเช่นกัน พวกนางเห็นหลิงหยุนยืนอยู่คล้ายกำลังมองหาศัตรู แต่หลิงหยุนกลับหันไปบอกกับหญิงสาวทั้งคู่ว่า
“ข้าไม่เป็นไร.. พวกท่านกลับไปคอยคุ้มครองคนของเราไว้!” หลิงหยุนร้องสั่งทันที
หลิงหยุนรู้ดีว่าหญิงสาวทั้งสองคนั้น คนหนึ่งก็ใจร้อนที่สุด ส่วนอีกคนก็ไม่เกรงกลัวอะไร หากทั้งคู่ได้พบกับธิดาพรรคมารเข้าแล้วล่ะก็ มีหวังต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้นอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ธิดาพรรคมารกล้าบุกมาถึงที่นี่ เห็นได้ชัดว่าต้องมีการเตรียมการมาอย่างดีแล้ว ใครจะไปรู้ว่านางได้เตรียมการลับหลังอะไรมาบ้าง? นอกจากหลิงหยุนแล้ว ก็มีเพียงไป๋เซียนเอ๋อ และฉินตงเฉี่วยที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงพวกนางเท่านั้นที่จะสามารถคุ้มครองหนิงหลิงยู่ เสี่ยวเม่ยหนิง และคนอื่นๆได้
“บอกมาดีกว่าว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่?!”
หลิงหยุนเห็นผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากคลินิกมากมายแล้ว จึงรีบถามธิดาพรรคมารอย่างตรงไปตรงมา
ธิดาพรรคมารน่ารังเกียจเช่นนั้นเชียวหรือ?! นางกระพริบตาถี่ พร้อมกับเอนหลังพิงเบาะ และแสยะยิ้มก่อนจะตอบไปว่า
“ข้าให้คนไปบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึ? ข้าก็ต้องการมาดูคลินิกของเจ้าถูกปิดพร้อมกับคนอื่นๆน่ะสิ!”
ธิดาพรรคมารก็ตรงไปตรงมาไม่แพ้หลิงหยุนเช่นกัน นางทำราวกับว่าการปิดคลินิกของหลิงหยุนก็คือความสุขของนาง..
น้ำเสียงของธิดาพรรคมารนั้นช่างไพเราะกังวานราวกับเสียงระฆัง อีกทั้งยังมีเสน่ห์น่าหลงใหล หากใครได้ยินได้ฟังก็เป็นต้องเคลิบเคลิ้มหลงใหลอย่างแน่นอน
“เจ้าเพ้อเจ้อไปแล้ว..! ข้าเพิ่งจะเปิดคลินิก ก็จะให้ข้าปิดในทันที แล้วเจ้าจะให้ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน?”
หลิงหยุนตอบด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะถามออกไปอย่างท้าทาย “เจ้าจะให้ข้ายืนคุยอยู่แบบนี้งั้นรึ? กล้าให้ข้าเข้าไปนั่งคุยกับเจ้าในรถหรือไม่?”
ในเมื่อไม่สามารถปะทะกันได้ ก็สู้เข้าไปเจราต่อรองกันดีกว่า..
“หากเจ้าอยากเข้ามา เจ้าก็เปิดประตูเข้ามาได้เลย ไม่มีใครห้ามเจ้านี่!” ธิดาพพรรคมารเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับตอบ
ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสกๆ อีกทั้งยังอยู่ใจกลางเมือง ทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าไม่สามารถสู้กันที่นี่ได้ ต่างคนต่างก็เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเอง จึงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งลงพูดคุยเจราจากัน
ริมฝีปากของหลิงหยุนแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ลักยิ้มแก้มซ้ายสั่นพร้อมกับขยิบตาให้กับธิดาพรรคมาร แล้วหลิงหยุนก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านในอย่างไม่ลังเล
ธิดาพรรคมารทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนัก ร่างเล็กบอบบางรีบขยับไปทางซ้าย และเมื่อหลิงหยุนขึ้นมานั่งในรถได้ก็ปิดประตูทันที
ทั้งคู่ก็นั่งเคียงข้างกันอยู่ภายในรถ..
กลิ่นหอมจากเรือนร่างของธิดาพรรคมารอบอวลไปทั่วทั้งรถ หลิงหยุนได้แต่ทำจมูกฟุดฟิดพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“กลิ่นช่างหอมนัก..!”
หากคนภายนอกเห็น.. ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าทั้งคู่เป็นศัตรูที่จ้องเอาชีวิตของกันและกัน แต่พวกเขาคงต้องคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันเสียมากกว่า ชายหนุ่มก็หน้าตาหล่อเหลา ส่วนหญิงสาวก็ดูมีเสน่ห์ แต่น่าเสียดายที่ผ้าแพรสีดำคลุมหน้าไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าทั้งหมดได้
“นี่มารน้อย.. วันนี้คลินิกของข้าเพิ่งจะเปิดเป็นวันแรก เจ้าหยุดก่อกวนข้าสักวันไม่ได้หรือยังไง? หากเจ้าต้องการหาเรื่องกับข้า คืนนี้เจ้าไปพบข้าที่บ้านได้เลย แล้วข้าจะเล่นกับเจ้าจนกว่าเจ้าจะพอใจ? ว่าแต่.. เจ้าเองก็งดงามเช่นกัน!”
หลิงหยุนนั่งพิงประตูรถพร้อมกับหันหน้าไปเจราจาต่อรองกับธิดาพรรคมาร ระหว่างที่ริมฝีปากแย้มยิ้มนั้น ดวงตาก็จับจ้องอยู่ที่รูปร่างอันงดงามมีเสน่ห์ของนาง และได้แต่เอ่ยออกมาอย่างชื่นชม
ธิดาพรรคมารเพียงแค่ยิ้ม ร่างของนางร้อนผ่าว และเกือบจะกรีดร้องออกมา ‘ชายชั่ว! นี่เจ้าจะให้ข้าไปพบเจ้าที่บ้านทั้งที่มีสาวงามอยู่มากมายงั้นรึ?’
ธิดาพพรรคมารดูเหมือนตั้งใจจะพูดอไรบางอย่างออกมา แต่จู่ๆกลับเปลี่ยนเป็นพูดกับหลิงหยุนว่า
“ใครว่าข้าก่อกวนเข้า!? นี่เจ้าคิดว่าการไปนำตัวผู้ป่วยขั้นโคม่าออกมาจากโรงพยาบาลในเมืองจิงฉูเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงใดที่จะทำให้เจ้าได้รับความอับอายในวันนี้!”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจพร้อมกับตอบไปว่า “นี่.. เจ้ากับข้าก็ไม่เคยมีเรื่องบบาดหมางกัน เหตุใดเจ้าจึงต้องตามก่อกวนข้าด้วย?”
เสียงกังวานใสราวกับระฆังของธิดาพรรคมารดังขึ้น “เจ้าอย่ามาตีหน้าซื่อ! เจ้าสังหารยอดฝีมือขององค์กรนักฆ่าไปตั้งมากมาย คงจำได้แล้วสินะ! ข้าจะสังหารเจ้า และฉีกเนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน “จะสังหารข้า แล้วก็ฉีกเนื้อข้า? ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะลงมือเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นี่ดูเหมือนเจ้าอยากจะเล่นสนุกกับข้าเสียมากกว่า นี่เจ้าสนุกมากหรือยังไง?”
“อีกอย่าง.. ข้าเปิดคลินิกมาเพื่อหาเงินด้วยการรักษาคนไข้ และที่นี่ก็ไม่มีเครื่องมือแพทย์ ข้าไม่รักษาคนไข้ของเจ้า!” หลิงยุนตอบ
ธิดาพรรคมารไม่สนใจการตอบโต้ของหลิงหยุน นางยิ้มพร้อมกับพูดว่า “เจ้าจะไม่รักษาคนไข้ที่ถูกนำมาส่งที่คลินิกของเจ้าแม้แต่คนเดียวงั้นรึ?! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ฟังคำพูดของข้าให้ดี.. หากคนไข้ที่ข้านำมาในวันนี้ตายแม้แต่คนเดียว เจ้าก็รอจัดพิธีศพให้กับเสี่ยวเม่ยเม่ยได้เลย!”