ระบบเจ้าสำนัก 440 : อาจารย์ ?

ตอนที่ 440 : อาจารย์ ?

ทุกคนต่างก็พากันชื่นชมคังชือหลิน ราวกับว่าคังชือหลินคือคนที่ดีที่สุดของสมาคมค่ายกล

 

“ไม่ หัวหน้า ท่านบอกเองไม่ใช่รึว่าจะไม่เลือกข้า ? ” คังชือหลินลนลานและพูดขึ้นมาด้วยความกังวล

 

หงยู่สีหน้าเปลี่ยนไป เพราะกลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดเขาจึงรีบพูดขึ้นมา  “คังชือหลินเจ้าอย่าพูดไร้สาระ ! เจ้าใช้หูข้างไหนฟังว่าข้าจะไม่เลือกเจ้า ? ”

 

คังชือหลินชะงักและพูดขึ้นมา  “แม้ว่าท่านจะไม่ได้พูด แต่สิ่งที่ท่านจะสื่อก็หมายถึงว่าท่านจะไม่เลือกข้าไม่ใช่รึ ? ”

 

“ ผู้อาวุโสคังชือหลิน ” หงยู่ถอนหายใจออกมา และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  “ ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจที่ข้าบอกผิดไป ข้าแค่บอกว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่ดี และมีแค่เจ้าที่มีสิทธิทำงานที่ท่านเซียนได้มอบหมายให้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกเลยที่เจ้าจะได้รับหน้าที่นี้ ”

 

หลังจากนั้น หงยู่ก็มองไปที่ผู้อาวุโสคนที่เหลือทันที

 

ทุกคนต่างก็พากันจับจ้องไปที่คังชือหลินราวกับบีบบังคับเขา

 

“ข้าเห็นด้วยกับหัวหน้า ผู้อาวุโสคังชือหลิน คือคนที่เหมาะสมที่สุด”

 

“ข้าด้วย”

 

“ข้าเองก็คิดว่าผู้อาวุโสคังชือหลินนั้นเหมาะสมแล้ว ข้าไม่คิดว่าหัวหน้าจะคิดเหมือนกันกับข้า”

 

ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันเสนอชื่อคังชือหลิน ไม่มีใครคัดค้านเลย นอกจากตัวคังชือหลินเอง

 

ลั่วซู่หยางไม่ได้โง่ เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าใจดีว่าหงยู่และผู้อาวุโสพวกนี้ทำอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามพวกนี้ เขาอยู่เฉยๆและปล่อยให้คนเลือกคังชือหลิน

 

สำหรับคังชือหลินแล้ว ลั่วซู่หยางรู้จักอีกฝ่ายแค่เล็กน้อย แต่ความสามารถของอีกฝ่ายนั้นถือว่าดีแต่ก็ไม่ได้ดีนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีที่ว่างในสมาคมค่ายกลให้กับคังชือหลิน บางทีการออกจากที่นี่ไปยังสำนักคังเฉียงในฐานะอาจารย์ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคังชือหลิน

 

“เอาล่ะ ผู้อาวุโสคังชือหลิน เป็นเจ้านี่แหละ” ลั่วซู่หยางไม่ได้เปิดโอกาสให้คังชือหลินได้ปฏิเสธ

 

เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วซู่หยาง ผู้อาวุโสหลายคนต่างก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

หงยู่แอบถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็กำจัดคนที่เป็นหอกข้างแคร่ของเขาได้ !

 

ลั่วซู่หยางมองไปที่หงยู่และผู้อาวุโสคนอื่นๆ แต่กลับไม่ได้เข้าไปขัดขวางอะไร เขาหันไปมองคังชือหลินและพูดขึ้นมา  “ผู้อาวุโสคังชือหลิน อย่าผิดหวังไปเลย สำนักที่เจ้าจะไปเป็นอาจารย์ให้นั้นไม่ได้ธรรมดาแบบที่เจ้าคิด ”

 

คังชือหลินทั้งสลดและอยากร้องไห้ เขาไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

ไม่ธรรมดา ?

 

มันไม่ธรรมดาแต่มันก็เป็นแค่สำนัก มันจะเทียบกับสมาคมค่ายกลได้ยังไง ?

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้โกหกที่ว่าเขารักสมาคมค่ายกล สมาคมค่ายกลคือบ้านหลังที่สองของเขา หากดูทั้งสมาคมแล้วอาจจะไม่มีใครภักดีต่อสมาคมเท่ากับเขา แต่ตอนนี้บ้านหลังที่สองของเขากลับไล่เขาออกไป เขาจะรับผลลัพธ์นี้ได้ยังไง ?

 

เขาเหมือนกับโดนญาติสนิทหักหลัง ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้

 

“ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าสำนักนั้นชื่อสำนักคังเฉียง มันตั้งอยู่บนภูเขาร้างที่เขตเหนือภายในเขตตงโจว ข้อมูลเกี่ยวกับสำนักคังเฉียงนั้นเมื่อเจ้าไปถึง เจ้าจะเข้าใจเองว่าข้าพูดถึงอะไร เจ้าไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้” ลั่วซู่หยางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  “เจ้าอย่าคิดว่ามันเป็นโชคร้าย อันที่จริงแล้วนี่คือโอกาสครั้งใหญ่ของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากับสมาคมค่ายกลเกี่ยวข้องกันมาเกินไป ข้าคงอาสาไปเอง โชคนี้คงไม่ได้ตกไปถึงเจ้า”

 

ทำไมลั่วซู่หยางถึงไม่พูดสิ่งที่เขาได้รู้ เกี่ยวกับสำนักคังเฉียงมา ?

 

เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันน่าตกใจ และฟังดูตลกเกินการรับรู้ของคนได้ แม้ว่าเขาจะพูดออกมาแต่ก็คงไม่มีใครเชื่อ แล้วทำไมเขาต้องเปลืองน้ำลายด้วย ?

 

ลั่วซู่หยางมองไปที่คังชือหลินและพูดต่อ  “ข้าหวังว่าเจ้าจะทำงานของเจ้าให้ดี และรับผิดชอบหน้าที่ของอาจารย์เอาไว้ …บางที เจ้าอาจจะประสบความสำเร็จในระดับที่เจ้าก็คาดไม่ถึง จนแม้แต่สมาคมค่ายกล, แม้แต่ข้า เจ้าก็อาจจะมองข้ามพวกเราได้ ”

 

ทุกคนได้ยินแบบนั้นต่างก็พากันตะลึง

 

สำนักไหนกันที่มีอำนาจมากแบบนั้นได้ ?

 

เซียนค่ายกลบ้าไปแล้วหรือไง ?

 

ไม่มีใครเชื่อในคำพูดของลั่วซู่หยางเพราะมันฟังดูเกินจริงไป

 

ในสายตาของพวกเขาแล้ว สมาคมค่ายกล, ปรุงยาและหลอม คือสามสมาคมชั้นนำของทวีปป่า แม้แต่พันธมิตรร้อยสำนักก็ยังด้อยกว่า บอกได้ว่านี่คือบัลลังก์ระดับสูง ลั่วซู่หยางชมว่าสำนักคังเฉียงเหนือว่าสมาคมค่ายกล แน่นอนว่าทุกคนไม่เชื่อเรื่องนี้ พวกเขาคิดว่าลั่วซู่หยางคงแต่งเรื่องเพื่อโกหกคังชือหลิน

 

คังชือหลินเงียบไปอยู่สักพักและเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา  “มันไม่มีโอกาสหายากสำหรับผู้น้อยอย่างข้า ผู้น้อยหวังแค่ว่าจะได้อยู่ในสมาคมค่ายกลนี้ไปตลอด ”

 

“คังชือหลิน! ” ลั่วซู่หยางสลดไป  “ ช่างเถอะ ข้าไม่อยากพูดออกมาเป็นครั้งที่สอง ”

 

เมื่อพูดจบเขาก็แผ่จิตสังหารออกมาครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนต่างก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา

 

คังชือหลินเหงื่อผุดขึ้นมาและแทบจะหายใจไม่ได้

 

“ท่านเซียน ยกโทษให้ข้าด้วย ! ” คังชือหลินหน้าซีดเผือด เขารีบพูดขึ้น  “ ข้าเต็มใจจะไปยังสำนักคังเฉียง ไม่คัดค้านใดๆ ! ”

 

เขามั่นใจว่าหากเขากล้าปฏิเสธ งั้นเซียนค่ายกลคงฆ่าเขาทีนี่

 

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการออกจากสมาคมค่ายกล และไม่เต็มใจไปยังสำนักคังเฉียงเพื่อเป็นอาจารย์แต่เขาก็ยังไม่อยากตาย

 

ตอนที่คังชือหลินก้มหน้ายอมรับผลลัพธ์นี้ จิตสังหารก็ได้หายไปในทันทีราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน

 

“ดีมากคังชือหลิน ข้าไม่ผิดหวังในตัวเจ้า”  ใบหน้าที่เย็นชาของลั่วซู่หยางกลับเผยรอยยิ้มออกมา  รอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ เขาเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วจนทำให้ทุกคนตะลึง  “ เจ้าไปเก็บของเถอะ ข้าขอจบการประชุมแต่เพียงเท่านี้ ไปได้ ”

 

เขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก และเขาอยากส่งคังชือหลินไปที่สำนักคังเฉียงทันที เขามีเรื่องสำคัญกว่าต้องไปจัดการ เขาจึงต้องให้คังชือหลินไปที่สำนักคังเฉียงเพียงลำพัง  “ ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน ด้วยความเร็วของเจ้าแล้วเจ้าน่าจะไปถึงสำนักคังเฉียงในสามวันได้ ”

 

เมื่อเห็นว่าลั่วซู่หยางกำหนดเวลาไว้คังชือหลินก็ต้องเศร้ากว่าเดิม

 

“ได้ ท่านเซียน !” คังชือหลินตอบกลับด้วยความสลด

 

ตอนนั้นคังชือหลินเหมือนกับหมดแรง เขาราวกับคนกำลังจะตายที่เหลือเวลาชีวิตไม่กี่ปี

 

อาณาจักรโจวที่เขตเหนือเป็นที่ที่ห่างไกลและล้าหลัง ที่นั่นจะมีสำนักดีๆได้ยังไง ?

 

คังชือหลินไม่ได้ใส่ใจคำพูดของลั่วซู่หยางเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาไม่คิดจริงๆว่าเขตเหนือจะมีสำนักดีๆได้ ไม่ว่าสำนักจะดีแค่ไหนแต่จะดีกว่าสำนัก 6 ดาวในเขตกลางและที่อื่นๆได้รึ ?

 

เขตเหนือคือที่ล้าหลังที่สุดของทวีปป่า ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ที่นั่นมีสำนัก 6 ดาวเพียงไม่กี่แห่งและสำนัก 6 ดาวเหล่านั้นก็หายไปตามประวัติศาสตร์…

 

“ทำให้ดี อย่าทำให้ข้าผิดหวัง” ลั่วซู่หยางเดินไปตรงหน้าคังชือหลินก่อนจะตบไหล่อีกฝ่ายและพูดขึ้น “เจ้าอาจจะไม่เข้าใจว่าตอนนี้ข้าพูดถึงอะไร แต่มันก็ไม่สำคัญ เจ้าต้องทำให้ดี  จำคำพูดข้าไว้ เมื่อเจ้าไปยังสำนักคังเฉียง เจ้าจะเข้าใจเอง ”

 

ลั่วซู่หยางไม่มีลูก ไม่งั้นแล้วเขาคงส่งลูกเขาไปที่สำนักคังเฉียงโดยไม่ลังเล โอกาสแบบนี้คงไม่ตกเป็นของคังชือหลิน

 

ในมุมมองของลั่วูซู่หยางนั้น สำนักคังเฉียงคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่คังชือหลินเข้าร่วมสำนักคังเฉียง อนาคตของเขาก็ไร้ขีดจำกัด !

 

ท่าทีของลั่วซู่หยางทำให้คังชือหลินรู้สึกอบอุ่น ตลอดการอยู่ในสมาคมค่ายกลมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วซู่หยางพูดกับเขาอ่อนโยนและใกล้ชิดแบบนี้ เขาถึงกับรู้สึกว่าลั่วซู่หยางไม่ได้คิดว่าเขาเป็นลูกน้องแต่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเท่าเทียมด้วย

 

“ อย่าแปลกใจไป” ลั่วซู่หยางเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของคังชือหลินได้ เขาพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าถือว่าเป็นคนของสำนักคังเฉียงแล้ว เป็นธรรมดาที่ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นเดิมไม่ได้ รอให้เจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงให้ได้เต็มตัวก่อน จากนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าอาจารย์ ไม่ใช่แค่ข้า แม้แต่เซียนโอสถ, เซียนอักษรและเซียนหลอม เมื่อพวกเขาพบเจ้าในอนาคต พวกเขาก็จะเรียกเจ้าว่าอาจารย์ ตำแหน่งของเจ้าไม่ได้ด้อยกว่าพวกเราเลย ! ”

 

คังชือหลินมองไปที่ลั่วซู่หยางด้วยความสับสน

 

“จริงรึ ? ข้าคังชือหลินจะถูกเรียกว่าอาจารย์โดยเหล่าเซียนทั้งสี่รึ?” เขาแทบไม่เชื่อเรื่องนี้

 

ลั่วซู่หยางแสดงสีหน้าจริงจังออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหก

 

คังชือหลินอดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะมีฐานะเท่าเทียมกับยอดฝีมือระดับสูงสุดในอนาคต

 

หงยู่และผู้อาวุโสคนที่เหลือต่างก็มองคังชือหลินไม่ต่างอะไรจากคนโง่  “ ท่านเซียนโกหกแบบนี้ แต่ก็ยังเชื่ออยู่อีกรึ ? สมองเขายังปกติดีอยู่รึ ? ” ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่เชื่อคำพูดของลั่วซู่หยาง

 

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองคังชือหลินด้วยความสงสาร

 

แต่มันก็แค่สงสาร ไม่มีใครอยากไปแทนที่คังชือหลินเพื่อไปยังสำนักคังเฉียงในฐานะอาจารย์ เรื่องแย่ๆและยุ่งยากมักตกเป็นของคังชือหลินเสมอ แล้วจะมีใครให้คังชือหลินอยู่ในสมาคมค่ายกลต่อ ? เขายังไม่มีพรรคพวกด้วย

 

สายตาของลั่วซู่หยางว่องไว เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของหงยู่ และคนอื่นๆแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแค่แอบส่ายหน้า  “ คนพวกนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลาดอะไรไป…”

 

พวกโง่ !

 

“ เอาล่ะ ผู้อาวุโสคังชือหลิน เจ้าควรไปได้แล้ว ” ลั่วซู่หยางละสายตากลับมาและบอกกับคังชือหลินผ่านการส่งข้อความ  “ ใช่สิ หลังจากที่ไปถึงสำนักคังเฉียง ข้าฝากทักทายเจ้าสำนักด้วยและฝากข้อความบอกเขาทีว่าข้าจะภารกิจที่เจ้าสำนักมอบหมายมาให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด และจะไม่มีทางทำให้เจ้าสำนักผิดหวัง !”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset