เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยูทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวกันขึ้นมา
หากช้าตัวตนของเขาจะหายไป !
ผู้คนต่างก็พากันกลั้นหายใจเพราะความตึงเครียด
“ท่านพร้อมรึยัง?” จางหยูไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่น เขายังคงมองไปที่โอวเสินเฟิง และถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โอวเสินเฟิงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างพลังงานตรงหน้าจางหยู
“1”
เมื่อจางหยูเริ่มนับ บรรยากาศก็ตึงเครียดกว่าเดิมหลายเท่าตัว ใจของทุกคนเต้นรัวราวกับว่าพวกเขาได้ไปออกกำลังอย่างหนักมา
“2”
น้ำเสียงที่เฉยชาของจางหยูดังขึ้นอีกครั้ง แม้ไม่ได้เปล่งเสียงที่ดังมาก แต่ก็ดังสนั่นราวกับสายฟ้าที่ผ่าเข้ากลางใจของทุกคน
ต่อมาจางหยูก็ได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังมหาศาล “ 3 !”
ตอนที่จางหยูตะโกนนับสาม โอวเสินเฟิงก็พุ่งออกไปทันที
ตอนนั้นเขารวดเร็วราวกับสายฟ้า แทบไม่มีใครเห็นร่างของเขาได้เลย
ในเวลาเดียวกันวิญญาณของเขาก็ราวกับถูกไฟไหม้ เขาได้ระเบิดพลังออกมา พลังนี้มากกว่าตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ มันอาจจะเทียบได้กับพลังของพวกขอบเขตตุ้นซวน
เร็วเกินไปแล้ว !
บอกได้ว่า เซียวเหยียน,โจวซินเอ๋อร์เอ๋อร์และศิษย์คนอื่นๆ รวมไปถึงซู่เหยียนกับอู่ฉิงฉวน เห็นได้แค่เงาพร่ามัวเท่านั้น
กลุ่มเดียวที่เห็นร่างของโอวเสินเฟิงได้อย่างชัดเจนก็คือ จางหยู,เฉินกู,อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียน
ไม่มีใครรู้ว่า โอวเสินเฟิงปกปิดลูกไม้อย่างการเผาวิญญาณเอาไว้ ซึ่งสามารถระเบิดพลังเหนือที่กว่าขอบเขตของตนเองได้ชั่วคราว ซึ่งเป็นความสามารถที่ผู้บ่มเพาะทั่วไปไม่มี มันคือทักษะสำหรับร่างวิญญาณ !
แม้แต่โอวเสินเฟิงก็เพิ่งศึกษามันมาได้ไม่นาน และเขาคงไม่ใช้มันนอกซะจากว่าจะจำเป็นจริงๆ ซึ่งก็คือตอนที่อันตรายถึงชีวิต โอวเสินเฟิงไม่สนผลกระทบจากการใช้ทักษะนี้ ความคิดเดียวในหัวของเขาตอนนี้คือต้องเข้าไปในร่างพลังงานนั้นให้ได้
การเคลื่อนไหวของโอวเสินเฟิง ในมุมมองของเหล่าศิษย์นั้นผ่านไปแค่ครู่เดียว แต่สำหรับจางหยู, เฉินกูและคนอื่นๆนั้นยาวนานอย่างมาก
พวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของโอวเสินเฟิงได้ชัดเจน !
ตอนที่โอวเสินเฟิงเข้าใกล้ร่างพลังงานนั้น วิญญาณของเขาก็ลุกไหม้ราวกับไฟ มันปลดปล่อยไฟสีขาวออกมา ยิ่งเข้าใกล้ร่างพลังงานเท่าไหร่ ร่างของเขาก็ยิ่งโปร่งใสมากเท่านั้น
ไม่รู้ว่าทำไมจางหยูและคนอื่นๆถึงคิดว่าร่างวิญญาณกำลังละลาย
ใช่…โอวเสินเฟิงตอนนี้เหมือนกับก้อนน้ำแข็ง ร่างพลังงานนั้นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่แผ่แสงไม่รู้จบออกมา ยิ่งเข้าใกล้ดวงอาทิตย์เท่าไหร่ มันก็ยิ่งละลายเร็วเท่านั้น !
บางทีตอนที่เขาสัมผัสกับร่างวิญญาณ มันอาจจะเป็นตอนที่เขาต้องตาย !
ร่างวิญญาณของโอวเสินเฟิงโปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ และพลังที่เขาระเบิดออกมาเริ่มอ่อนแอลง..
ตอนที่เขาไปถึงร่างพลังงาน ร่างวิญญาณของเขาก็แทบจะหายไปทั้งหมด ตอนนั้นทุกคนพากันกลั้นหายใจ
หัวใจของพวกเขาหนักอึ้ง สายตาจับจ้องไปที่ร่างพลังงานตรงหน้าจางหยู
สำเร็จหรือไม่ ?
ล้มเหลวรึ ?
ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบไหน !
“อาจารย์ !” เซียวเหยียนกำมือของโจวซินเอ๋อร์ไว้แน่นจนมือของนางซีดขาวโดยที่เขาไม่รู้ตัว
โจวซินเอ๋อร์ไม่สนใจความเจ็บปวด มืออีกข้างของนางกุมมือของเซียวเหยียนและปลอบออกมา “พี่เซียวเหยียน อาจารย์โอวต้องทำสำเร็จ ! ”
นอกจากสองคนนี้แล้วศิษย์คนอื่นๆต่างก็พากันภาวนาในใจ “ อาจารย์โอว ท่านต้องทำให้ได้ ! ”
ใจของทุกคนหล่นวูบ พวกเขากลัวที่จะได้ยินผลลัพธ์ของเรื่องนี้
15 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่างพลังงานนั้นยังคงนิ่งเหมือนกับมนุษย์ไม้ สายตาของเขาว่างเปล่า ร่างกายโปร่งใสไม่มีท่าทีตอบโต้ใดๆ
ใจของทุกคนหล่นวูบเมื่อเห็นแบบนั้น
เซียวเหยียนร้องไห้ออกมาและตะโกนขึ้น “ อาจารย์…..”
ร่างพลังงานไม่ได้ตอบโต้อะไรอยู่นาน ผู้คนสงสัยว่าผลลัพธ์ที่ออกมาคงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดขึ้น แม้แต่จางหยูเองก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน
“ล้มเหลวรึ?” แม้จะรู้ว่าผลลัพธ์น่าจะออกมาเป็นเช่นนี้ แต่จางหยูก็ยังรู้สึกไม่อาจจะรับได้ “มัน…ไม่สำเร็จรึ !”
แม้ว่าอัตราล้มเหลวจะมากกว่า 9 ใน 10 แต่จางหยูก็ยังเชื่อว่ามันยังมีหวังเล็กๆ เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ เขานี่แหละที่เป็นคนรู้สึกแย่ที่สุด
หากว่าล้มเหลว มันก็หมายความว่าโอวเสินเฟิงได้หายไปอย่างสิ้นเชิง
อาจารย์ที่สร้างผลงานมากมายให้กับสำนักคังเฉียง อาจารย์คนแรกที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงได้ตายไปด้วยน้ำมือของเขาเอง
แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่โอวเสินเฟิงร้องขอแต่จางหยูก็ยังรู้สึกผิด
เขาได้ถามกับตัวเอง “ ข้าได้อะไรจากการทำแบบนี้ ? หากข้ารออีกหน่อย ข้าอาจจะมีวิธีบ่มเพาะร่างวิญญาณ จากนั้น อาจารย์โอวก็ไม่ต้องเสี่ยง เขาก็ไม่ต้องหายไปแบบนี้…”
เงียบสนิท
ทุกคนต่างก็มองไปที่ร่างพลังงานซึ่งไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับรูปปั้นหิน
สีหน้าของเซียวเหยียนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดในใจ เขาอยากจะร้องไห้ออกมาแต่คอของเขาเหมือนจะมีบางอย่างมาจุกเอาไว้ เขาอ้าปากค้างแต่ไม่อาจจะส่งเสียงใดๆออกมาได้ แม้แต่การตะโกนออกมาก็ไม่อาจจะทำได้
ตอนนี้จิตใจของเซียวเหยียนได้พังทลายลงไป !
ศิษย์คนที่เหลือต่างก็รู้สึกเศร้าและรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าในจิตใจ
เฉินกู, อ้าวเยว่ และคนอื่นๆพากันถอนหายใจออกมา หากเทียกับพวกเขาแล้ว โอวเสินเฟิงนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก ปกติแล้วพวกเขาไม่คิดจะสนใจโอวเสินเฟิง แต่ตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกชื่นชมโอวเสินเฟิง ยังไงซะมันก็มีโอกาสล้มเหลวถึง 9 ใน 10 หากล้มเหลวก็จะหายไปจากโลกนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าทำแบบนี้ ความกล้าของโอวเสินเฟิงคือสิ่งที่พวกเขาต้องชื่นชม
แต่…ยังไงซะมันก็ล้มเหลว !
เมื่อบรรยากาศหนักอึ้งจนถึงขีดสุด อยู่ๆร่างพลังงานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
“นี่มัน!” จางหยูหรี่ตาลงทันที
ร่างพลังงานค่อยๆอัดแน่นตัวเอง มันเปลี่ยนจากร่างโปร่งใสมาเป็นกายเนื้อ ขั้นตอนนี้ช้าอย่างมากแต่มันไม่ได้หยุดเลยแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันร่างก็ได้แผ่พลังชีวิตที่อ่อนแรงออกมา หากไม่ตรวจสอบดีๆอาจจะมองข้ามได้
เฉินกูและคนอื่นๆต่างก็หันไปสนใจการเปลี่ยนแปลงของร่างพลังงานนั้น พวกเขาอึ้งเมื่อเห็นการอัดแน่นของร่างพลังงาน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความช็อก “ หือ ? มันสำเร็จจริงๆรึ ?”
ปาฏิหาริย์ของการฟื้นคืนชีพและสร้างร่างเนื้อรึ ?
“พี่เซียวเหยียน ดูนั่น!” โจวซินเอ๋อร์กุมมือของเซียวเหยียนแล้วตะโกนออกมา
เซียวเหยียนตกใจและรีบวิ่งไปหาร่างพลังงานด้วยสีหน้ายินดี บรรยากาศเศร้าสร้อยตะกี้หายไปในทันที ทุกคนต่างก็มองไปที่ร่างพลังงานด้วยความคาดหวังและกังวล
ภายใต้สายตาของทุกคน สุดท้ายร่างพลังงานก็เปลี่ยนเป็นกายเนื้อ มันคือมนุษย์จริงๆ มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและลมหายใจ พลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนก้าวข้ามระดับของคนทั่วไป
ผ่านไปสักพัก ‘โอวเสินเฟิง’ ก็ยังไม่ขยับ สายตาของเขายังว่างเปล่าซึ่งทำให้ทุกคนกังวลขึ้นมาอีกรอบ
“ อาจารย์โอว ? ” จางหยูลังเลและลองเรียกออกมา
เสียงของจางหยูเหมือนกับเวทย์มนต์ เมื่อเขาพูดจบ ดวงตาของโอวเสินเฟิงก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
เขาหรี่ตามองไปที่จางหยูและพูดขึ้นด้วยเสียงแก่ๆ “ ข้า….ทำสำเร็จรึ ?”
โอวเสินเฟิง ไม่รอให้จางหยูได้ตอบกลับ เขาตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของตัวเองแล้วตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “ สำเร็จ สำเร็จจริงๆด้วย ! ”
“ ฮาฮา ! ยอดเยี่ยม ข้าทำสำเร็จ ! ” โอวเสินเฟิงตื่นเต้นจนหัวเราะออกมาเหมือนกับคนบ้า แต่ถึงอย่างนั้นแก้มของเขาก็ยังเปียกไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี
ผ่านมากี่ปีแล้วนะ เขาไม่คิดว่าเขาจะฟื้นคืนชีพกลับมาได้และใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป ไม่มีใครหัวเราะกับการที่โอวเสินเฟิงไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ คนที่ตายไปแล้วและฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ได้ จากร่างวิญญาณกลับมาเป็นมนุษย์ปกติ แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้มีประสบการณ์แบบนั้น แต่ก็พอมองออกได้ว่าโอวเสินเฟิงรู้สึกยังไง
ทุกคนพากันไปยินดีกับการที่โอวเสินเฟิงได้ฟื้นคืนชีพกลับมาได้ !
“ ไม่ …” อยู่ๆสีหน้าของจางหยูก็เปลี่ยนไป เขารับรู้ได้ถึงพลังชีวิตของโอวเสินเฟิงที่ถดถอยลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วระดับนี้โอวเสินเฟิงอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงปีและต้องตายไปอีกครั้ง “ พลังชีวิตเจ้ากำลังหายไป ! ”
เมื่อได้ยินคำเตือนจากจางหยู โอวเสินเฟิงก็ใจเย็นลงก่อนจะตรวจสอบตัวเอง อยู่ๆเขาก็พูดขึ้น “เจ้าสำนัก นี่มัน…”
รอยยิ้มของทุกคนยังไม่ทันได้หายไป ก็ต้องกลับมาเครียดกันอีกครั้ง
จางหยูคิ้วขมวดและใช้มองทะลุขึ้นสูงเพื่อตรวจสอบข้อมูลของ โอวเสินเฟิง
***
โอวเสินเฟิง
เผ่า : มนุษย์
เพศ : ชาย
อายุ : 1,548 ปี
ร่างกาย : 6 ดาวขั้นสูง
การรับรู้ : 6 ดาวขั้นต่ำ
พรสวรรค์พิเศษ : หลอม (6 ดาว)
ทักษะการบ่มเพาะ : ทักษะจี๋อู่
ทักษะต่อสู้ : อาณาเขตไฟ, ไฟระเบิด, อัคคีควบแน่น, สายฝนแห่งเปลวไฟ, เสาไฟทั้งเก้า
ขอบเขต: ตันซวนขั้นต่ำ
ทักษะ : หลอม 5 ดาว
สถานะ : ถดถอยอย่างรวดเร็ว
***
“ดูจากสถานการณ์แล้วมันน่าจะสำเร็จ” จางหยูคิ้วขมวด ตามข้อมูลที่ได้มา การหลอมรวมร่างวิญญาณกับร่างพลังงานนั้นบอกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เขาตรวจสอบดูอยู่สักพักแต่ก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมพลังชีวิตของโอวเสินเฟิงถึงได้ตกต่ำเร็วแบบนี้
หากต้องบอกว่าข้อมูลส่วนไหนผิดพลาด งั้นคงเป็นข้อมูลส่วนสุดท้าย
จางหยูครุ่นคิด “ถดถอยอย่างรวดเร็ว มันเพราะอะไรกัน ?”
เมื่อมองไปที่อายุของโอวเสินเฟิง จางหยูก็ได้ความคิดใหม่ขึ้นมา “ 1,548 ปี ! “
“ ข้าเข้าใจแล้ว ! ” จางหยูรู้ทันที “ อาจารย์โอว พลังชีวิตของท่านหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะระดับการบ่มเพาะที่ต่างกับอายุมากเกินไป ท่านเคยเป็นวิญญาณ อายุขัยของวิญญาณนานแค่ไหนข้าไม่รู้ แต่ตอนนี้เมื่อท่านฟื้นคืนชีพขึ้นมา อายุขัยของท่านจึงเท่ากับมนุษย์ปกติ ”
อายุขัยของคนที่อยู่ขอบเขตตันซวนอยู่ที่ 400-600 ปี โอวเสินเฟิงไม่ได้ตายไปในทันที แต่ก็ถือว่าอยู่ในอันตราย
จางหยูพูดดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ ท่านต้องเพิ่มระดับการบ่มเพาะของท่านให้เร็วที่สุดเพื่อเพิ่มพลังชีวิต ไม่งั้นแล้วก็ไม่มีใครที่จะช่วยท่านได้ ”
มีแค่การเพิ่มพลังชีวิตให้ได้มากกว่าความเร็วของการถดถอยนี้ จึงจะทำให้โอวเสินเฟิงรอดไปได้ จนกว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะขึ้นไปถึงขอบเขตหลี่ซวน
หากชักช้าแม้เพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้โอวเสินเฟิงเสียพลังชีวิตไปอย่างมาก