ระบบเจ้าสำนัก 435 : เกิดใหม่(I)

ตอนที่ 435 : เกิดใหม่(I)

“เกิดใหม่!” โอวเสินเฟิงช็อก

 

แม้ว่าเขาจะต้องการเกิดใหม่มานาน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้

 

ตั้งแต่โบราณมาแล้วไม่ว่าจะเป็นมนุษย์,สัตว์อสูรหรือมังกรต่างก็ตายไปไม่อาจจะกลับมาเกิดใหม่ได้

 

แต่ตอนนี้ จางหยูกลับบอกเขาว่ามีหวังที่จะได้เกิดใหม่และใช้ชีวิตในแบบมนุษย์อีกครั้ง !

 

จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา  “อาจารย์โอว ท่านต้องตัดสินใจเอง วิธีนี้อันตรายอย่างมาก หากมันล้มเหลว ท่านจะหายไปจากโลกนี้ไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีก หากท่านรอต่อไป มันอาจจะมีวิธีบ่มเพาะร่างวิญญาณก็ได้ ”

 

หากทำสำเร็จก็จะเกิดใหม่ได้ แต่หากล้มเหลวเขาจะถูกลบหายไปจากโลกนี้

 

เมื่อได้ยินคำแนะนำของจางหยู โอวเสินเฟิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆและยิ้มออกมา  “ ไม่ต้องกังวลเจ้าสำนัก ข้าเลือกที่จะลอง ! ”

 

เรื่องในอนาคตไม่มีใครจะบอกได้ วิธีการบ่มเพาะร่างวิญญาณอาจจะปรากฏขึ้นมาหรือไม่ก็ได้

 

ประเด็นคือโอวเสินเฟิงไม่อาจจะรอได้อีกต่อไป เขาไม่อยากใช้เวลาอันยาวนานกับผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้  สำหรับเขาแล้ว ทุกนาทีที่ผ่านไปคือการทรมานตัวเขาเอง

 

กลับกันแล้ว มันดีกว่าที่จะเสี่ยงในตอนนี้

 

“อาจารย์” เซียวเหยียนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “เจ้าสำนักพูดถูก ท่านรอต่อไปก็ได้”

 

ในใจเขาแล้ว โอวเสินเฟิงถือว่าเป็นญาติสนิท ความสำคัญของโอวเสินเฟิงไม่ได้น้อยไปกว่าเซียวติงผู้เป็นพ่อของเขาเลย

 

หากโอวเสินเฟิงล้มเหลวกับการเสี่ยงในครั้งนี้  มันคงเกิดผลลัพธ์ที่เซียวเหยียนไม่อาจจะรับได้  !

 

โอวเสินเฟิงมองไปที่เซียวเหยียน และเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เด็กโง่ อาจารย์อยู่มานานเกินพอแล้ว แม้ว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจริงๆ ข้าก็พร้อมจะยอมรับมัน”

 

“แต่หากเป็นเช่นนั้น…”  เซียนเหยียนไม่กล้าที่จะพูดต่อ เขากลัวว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเลวร้าย

 

“อาจารย์โอว” โจวซินเอ๋อร์เองก็กังวล

 

“พวกเจ้าไม่ต้องกล่อมข้าอีกแล้ว” โอวเสินเฟิงโบกมือและแสดงท่าทีมุ่งมั่นออกมา “ข้าตายมาแล้วครั้งหนึ่ง หากตายอีกทำไมจะไม่ได้?”  เขาเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับมองข้ามเรื่องความเป็นความตายไป น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

 

คนอื่นๆพากันเงียบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

 

พวกเขาไม่ใช่โอวเสินเฟิง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เข้าใจว่า โอวเสินเฟิงต้องทนทุกข์มากแค่ไหน

 

“เจ้าสำนัก ข้าจะลอง” โอวเสินเฟิงหันไปหาจางหยู

 

จางหยูมองไปที่โอวเสินเฟิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ ท่านมั่นใจหรือว่าเลือกที่จะลอง ? ”

 

“แน่นอน!”

 

“แม้ว่า…จะมีโอกาสสูงที่ท่านจะต้องตายไปอีก ท่านก็ยังไม่เปลี่ยนใจรึ?”

 

“ถูกต้อง!”

 

เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่น  จางหยูก็เงียบไป

 

ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยู พร้อมกับบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขาต่างก็พากันกังวล

 

สักพัก จางหยูก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น  “ ได้ ข้าเคารพในการตัดสินใจของท่าน ”

 

โอวเสินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดขึ้น  “ ขอบคุณเจ้าสำนัก ! ”

 

หากจางหยูไม่คิดจะทำ แม้ว่าโอวเสินเฟิงจะเต็มใจแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีโอกาส

 

“ทุกคนถอยออกไป” จางหยูมองไปรอบๆและบอกกับทุกคน

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็รีบเดินถอยไปก่อนจะหยุดและมองมาที่จางหยู

 

ทุกคนต่างก็พากันสงสัยเกี่ยวกับการทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ และการสร้างกายเนื้อให้กับร่างวิญญาณ

 

แม้แต่เฉินกู,อ้าวเยว่ และคนอื่นๆต่างก็มองมาที่จางหยูเพื่อต้องการดูว่าจางหยูจะทำอะไร

 

เซียวเหยียนและศิษย์คนอื่นๆต่างก็กังวล พวกเขากังวลเกี่ยวกับความล้มเหลวมากกว่าความสงสัยในเรื่องนี้ !

 

ไม่นานก็มีแค่จางหยูและโอวเสินเฟิงที่อยู่ในวงกลม

 

“เฮ้อ…”

 

จางหยูสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปรับสภาพจิตใจตัวเอง

 

จางหยูยื่นมือออกมา ก่อนจะพลิกมือขึ้น พร้อมกับการรับรู้ที่เริ่มควบคุมพลังงานเข้ามายังฝ่ามือ แค่ไม่กี่อึดใจพลังงานนั้นก็อัดแน่นกลายเป็นลูกบอลที่คล้ายกับบอลธาตุ ยกเว้นแค่บอลพลังงานนี้อัดแน่นขึ้นจากพลังดั้งเดิมที่โปร่งใส

 

เมื่อบอลพลังงานปรากฏขึ้นมา วิญญาณของโอวเสินเฟิงก็เริ่มสั่นไหว

 

พลังดั้งเดิมนี้อยู่ขั้วตรงข้ามกับร่างวิญญาณ มันทำให้เขากลัวขึ้นมา !

 

หากไม่รู้ว่าจางหยูจะไม่ทำร้ายเขา โอวเสินเฟิงคงกลัวจนหนีไปเพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังงานที่เป็นภัยต่อเขา

 

“ฟู่….”  แม้ว่าจะอยู่ห่าง แต่โอวเสินเฟิงก็ยังคงรู้สึกอึดอัด เขาแทบหายใจไม่ออก เขาอ้าปากค้างราวกับว่าพยายามสูดหายใจเข้าไปเพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง

 

จางหยูไม่เห็นท่าทีผิดปกติของโอวเสินเฟิง เขายังคงควบคุมพลังดั้งเดิมให้อัดแน่นเป็นบอลวิญญาณต่อ

 

ตอนที่จางหยูหยุด บอลวิญญาณก็มีพลังดั้งเดิมกว่า 100 หน่วยอัดแน่นกัน สำหรับจางหยูแล้วมันเท่ากับเศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิมที่มี เพราะแค่หลับตาและบ่มเพาะ เขาก็มีพลังระดับนี้ได้แล้ว แต่หากมองจากอีกมุมหนึ่งแล้ว พลังดั้งเดิม 100 หน่วยนี้ ถือว่ามาก ซึ่งเพียงพอที่จะให้จางหยูสร้างร่างขั้น 3 ได้

 

“กรึก กรึก…” โอวเสินเฟิงตัวสั่นจนฟันกระทบกัน

 

เขามองไปที่บอลวิญญาณราวกับลูกแกะที่มองดูหมาป่าที่หิวโหย

 

“เกือบแล้ว” หลังจากที่ใช้พลังดั้งเดิมไป 100 หน่วย จางหยูก็หยุดและเงยหน้าขึ้นมองโอวเสินเฟิง ทันใดนั้นเขาก็ช็อกกับอาการของอีกฝ่าย  “ อาจารย์โอว ท่านเป็นอะไรไป ?”

 

โอวเสินเฟิงฝืนยิ้มออกมา และพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่น  “ ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าสำนัก ไม่ต้องสนข้า “

 

จางหยูคิ้วขมวด เขารู้ว่าพลังดั้งเดิมส่งผลเสียต่อร่างวิญญาณ ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับโอวเสินเฟิงเขาที่มีพลังดั้งเดิมไม่ได้กลัวการโจมตีของร่างวิญญาณเลย และสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่ายด้วย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าโอวเสินเฟิงจะรับไม่ได้แม้กระทั่งเศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิมนี้

 

แต่มันคือความจริงกับการที่ว่าเขาไม่ใช่คนเดิมแล้ว  การที่โอวเสินเฟิงไม่อาจจะทนได้นั้นถือว่ามีเหตุผล

 

“มันอันตรายมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ !” จางหยูอดไม่ได้ที่จะลังเล “หากเป็นเช่นนี้ โอวเสินเฟิงอาจจะเข้าใกล้พลังดั้งเดิมไม่ได้ และอาจจะหายไปจากโลกนี้ นี่ไม่ต้องนับการหลอมรวมเข้ากับพลังดั้งเดิมเลย…”

 

ถูกต้องแล้ว ความคิดของจางหยูคือการสร้างร่างให้กับโอวเสินเฟิงด้วยร่างเทียม

 

ปัญหาคือ โอวเสินเฟิงไม่อาจจะทนรับได้ แม้แต่เศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิม แล้วเขาจะหลอมรวมกับร่างเทียมได้ยังไง ?

 

“อาจารย์โอว ท่านควรคิดดูอีกรอบ เพราะโอกาสที่จะล้มเหลวนั้นมีสูงถึง 9 ใน 10 ! ” จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา และพูดทุกอย่างออกมาด้วยความหนักใจ “ โอกาสที่จะสำเร็จนั้นมีแค่ 1 ใน 10 มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงรึ ?”

 

“คุ้ม !” โอวเสินเฟิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตอบกลับ แม้ว่าตัวจะสั่นแต่ท่าทีของเขายังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง  “เจ้าสำนัก ท่านบอกข้าทีว่าต้องทำยังไง เป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าจะตัดสิน ! ”

 

ตอนนี้เขาบ้าไปแล้ว

 

จางหยูเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  “ ดี ขึ้นอยู่กับพระเจ้า ”

 

เมื่อพูดจบ จางหยูก็เริ่มตั้งค่าเผ่า, รูปร่าง, พรสวรรค์, การรับรู้และส่วนอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป ร่างนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปทีละนิดๆ เพื่อสร้างหน้าตาให้เหมือนกับโอวเสินเฟิง ยกเว้นแค่พรสวรรค์และระดับการบ่มเพาะที่ต่างออกไป ข้อมูลที่เหลือนั้นเหมือนกับของโอวเสินเฟิงหมด หน้าตาของร่างเทียมก็ยังเหมือนกับหน้าตาของโอวเสินเฟิงในตอนนี้ด้วย

 

นี่คือการสร้างร่างเทียม ที่จางหยูจริงจังมากที่สุด  ไม่สิ มันคือกายเนื้อ

 

ร่างขั้น 3 ที่มีพลังทัดเทียมกับขอบเขตตันซวน !

 

“ร่างขั้น 3 อัดแน่นขึ้นจากพลังดั้งเดิม ผลงานที่โอวเสินเฟิงสร้างให้กับสำนักคังเฉียงไม่ใช่น้อยๆ” จางหยูมองไปที่โอวเสินเฟิง “พรสวรรค์หลอม 6 ดาว, การรับรู้ 6 ดาว ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับ โอวเสินเฟิง….”

 

หากโอวเสินเฟิงและร่างขั้น 3 นี้หลอมรวมกันสำเร็จ งั้นโอวเสินเฟิงก็จะไม่ใช่แค่ฟื้นคืนชีพ แต่ยังได้พรสวรรค์การรับรู้ 6 ดาวและพรสวรรค์การหลอม 6 ดาวด้วย แม้แต่ระดับการบ่มเพาะก็ยังอยู่ที่ขอบเขตตันซวนขั้นต่ำ

 

ที่สำคัญที่สุดคือ ร่างนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพลังดั้งเดิม ดังนั้นพลังในการต่อสู้จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกหลิงซวนขั้นต่ำ มันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโอวเสินเฟิงได้บ่มเพาะทักษะจี๋อู่แบบดัดแปลง จากนั้นก็จะค่อยๆเปลี่ยนไป พลังงานอันบริสุทธิ์ ก็จะค่อยๆสูญเสียความสามารถพิเศษที่แข็งแกร่งและลึกลับไป

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจางหยูถึงได้เลือกที่จะสร้างร่างขั้น 3 !

 

หากข้ามร่างขั้น 3 ไปสร้างร่างขั้น 4 5 หรือ6 งั้นโอวเสินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องทำการบ่มเพาะ เพียงแค่ทำความเข้าใจกฎโดยตรง ก็สามารถพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเองไปเรื่อยๆ และกลายเป็นผู้แข็งแกร่งรองจากจางหยูได้….ซึ่งจางหยูไม่สบายใจกับเรื่องนี้ !

 

จางหยูไม่ใช่คนดีนัก เขาอยากช่วยโอวเสินเฟิง แต่เขาไม่ยอมรับความเสี่ยงนั้น

 

เขาเป็นแค่ปุถุชนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงมีข้อดีข้อเสียที่คนทั่วไปต่างก็มี

 

“พร้อมหรือยัง ?” จางหยูมองไปที่โอวเสินเฟิง

 

โอวเสินเฟิงกัดพันแน่นและพยักหน้าตอบรับ

 

“ขั้นตอนก็ง่ายๆ ท่านเห็นร่างพลังงานนี่หรือไม่?”  จางหยูชี้ไปที่ร่างพลังดั้งเดิม และบอกกับโอวเสินเฟิง “ท่านแค่ต้องพุ่งเข้ามาที่ร่างพลังงานนี่ให้เร็วที่สุด จำไว้ว่าต้องเร็วที่สุดเพราะหากช้าเพียงเล็กน้อย ท่านจะหายไป มันจะไม่มีโอกาสที่จะหลอมรวมกับมันได้อีก”

 

ถึงจางหยูจะไม่พูด แต่ต่อให้โอวเสินเฟิงพุ่งเข้าไปที่ร่างพลังงานนั่นได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลอมรวมได้สำเร็จแน่ๆ

 

สิ่งที่บอกว่าล้มเหลว 9 ใน 10 นั้นไม่ใช่สิ่งที่จางหยูโกหกออกมา !

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-1579 อ่านนิยาย

ระบบเจ้าสำนัก … เรื่องย่อ

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร

มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ

ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์

หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”

เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ

ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้

ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

Options

not work with dark mode
Reset