“เกิดใหม่!” โอวเสินเฟิงช็อก
แม้ว่าเขาจะต้องการเกิดใหม่มานาน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้
ตั้งแต่โบราณมาแล้วไม่ว่าจะเป็นมนุษย์,สัตว์อสูรหรือมังกรต่างก็ตายไปไม่อาจจะกลับมาเกิดใหม่ได้
แต่ตอนนี้ จางหยูกลับบอกเขาว่ามีหวังที่จะได้เกิดใหม่และใช้ชีวิตในแบบมนุษย์อีกครั้ง !
จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “อาจารย์โอว ท่านต้องตัดสินใจเอง วิธีนี้อันตรายอย่างมาก หากมันล้มเหลว ท่านจะหายไปจากโลกนี้ไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีก หากท่านรอต่อไป มันอาจจะมีวิธีบ่มเพาะร่างวิญญาณก็ได้ ”
หากทำสำเร็จก็จะเกิดใหม่ได้ แต่หากล้มเหลวเขาจะถูกลบหายไปจากโลกนี้
เมื่อได้ยินคำแนะนำของจางหยู โอวเสินเฟิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆและยิ้มออกมา “ ไม่ต้องกังวลเจ้าสำนัก ข้าเลือกที่จะลอง ! ”
เรื่องในอนาคตไม่มีใครจะบอกได้ วิธีการบ่มเพาะร่างวิญญาณอาจจะปรากฏขึ้นมาหรือไม่ก็ได้
ประเด็นคือโอวเสินเฟิงไม่อาจจะรอได้อีกต่อไป เขาไม่อยากใช้เวลาอันยาวนานกับผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ สำหรับเขาแล้ว ทุกนาทีที่ผ่านไปคือการทรมานตัวเขาเอง
กลับกันแล้ว มันดีกว่าที่จะเสี่ยงในตอนนี้
“อาจารย์” เซียวเหยียนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “เจ้าสำนักพูดถูก ท่านรอต่อไปก็ได้”
ในใจเขาแล้ว โอวเสินเฟิงถือว่าเป็นญาติสนิท ความสำคัญของโอวเสินเฟิงไม่ได้น้อยไปกว่าเซียวติงผู้เป็นพ่อของเขาเลย
หากโอวเสินเฟิงล้มเหลวกับการเสี่ยงในครั้งนี้ มันคงเกิดผลลัพธ์ที่เซียวเหยียนไม่อาจจะรับได้ !
โอวเสินเฟิงมองไปที่เซียวเหยียน และเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ “เด็กโง่ อาจารย์อยู่มานานเกินพอแล้ว แม้ว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจริงๆ ข้าก็พร้อมจะยอมรับมัน”
“แต่หากเป็นเช่นนั้น…” เซียนเหยียนไม่กล้าที่จะพูดต่อ เขากลัวว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเลวร้าย
“อาจารย์โอว” โจวซินเอ๋อร์เองก็กังวล
“พวกเจ้าไม่ต้องกล่อมข้าอีกแล้ว” โอวเสินเฟิงโบกมือและแสดงท่าทีมุ่งมั่นออกมา “ข้าตายมาแล้วครั้งหนึ่ง หากตายอีกทำไมจะไม่ได้?” เขาเผยรอยยิ้มออกมา ราวกับมองข้ามเรื่องความเป็นความตายไป น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
คนอื่นๆพากันเงียบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
พวกเขาไม่ใช่โอวเสินเฟิง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เข้าใจว่า โอวเสินเฟิงต้องทนทุกข์มากแค่ไหน
“เจ้าสำนัก ข้าจะลอง” โอวเสินเฟิงหันไปหาจางหยู
จางหยูมองไปที่โอวเสินเฟิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ ท่านมั่นใจหรือว่าเลือกที่จะลอง ? ”
“แน่นอน!”
“แม้ว่า…จะมีโอกาสสูงที่ท่านจะต้องตายไปอีก ท่านก็ยังไม่เปลี่ยนใจรึ?”
“ถูกต้อง!”
เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่น จางหยูก็เงียบไป
ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยู พร้อมกับบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่พวกเขาต่างก็พากันกังวล
สักพัก จางหยูก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ ได้ ข้าเคารพในการตัดสินใจของท่าน ”
โอวเสินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดขึ้น “ ขอบคุณเจ้าสำนัก ! ”
หากจางหยูไม่คิดจะทำ แม้ว่าโอวเสินเฟิงจะเต็มใจแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีโอกาส
“ทุกคนถอยออกไป” จางหยูมองไปรอบๆและบอกกับทุกคน
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็รีบเดินถอยไปก่อนจะหยุดและมองมาที่จางหยู
ทุกคนต่างก็พากันสงสัยเกี่ยวกับการทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ และการสร้างกายเนื้อให้กับร่างวิญญาณ
แม้แต่เฉินกู,อ้าวเยว่ และคนอื่นๆต่างก็มองมาที่จางหยูเพื่อต้องการดูว่าจางหยูจะทำอะไร
เซียวเหยียนและศิษย์คนอื่นๆต่างก็กังวล พวกเขากังวลเกี่ยวกับความล้มเหลวมากกว่าความสงสัยในเรื่องนี้ !
ไม่นานก็มีแค่จางหยูและโอวเสินเฟิงที่อยู่ในวงกลม
“เฮ้อ…”
จางหยูสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปรับสภาพจิตใจตัวเอง
จางหยูยื่นมือออกมา ก่อนจะพลิกมือขึ้น พร้อมกับการรับรู้ที่เริ่มควบคุมพลังงานเข้ามายังฝ่ามือ แค่ไม่กี่อึดใจพลังงานนั้นก็อัดแน่นกลายเป็นลูกบอลที่คล้ายกับบอลธาตุ ยกเว้นแค่บอลพลังงานนี้อัดแน่นขึ้นจากพลังดั้งเดิมที่โปร่งใส
เมื่อบอลพลังงานปรากฏขึ้นมา วิญญาณของโอวเสินเฟิงก็เริ่มสั่นไหว
พลังดั้งเดิมนี้อยู่ขั้วตรงข้ามกับร่างวิญญาณ มันทำให้เขากลัวขึ้นมา !
หากไม่รู้ว่าจางหยูจะไม่ทำร้ายเขา โอวเสินเฟิงคงกลัวจนหนีไปเพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังงานที่เป็นภัยต่อเขา
“ฟู่….” แม้ว่าจะอยู่ห่าง แต่โอวเสินเฟิงก็ยังคงรู้สึกอึดอัด เขาแทบหายใจไม่ออก เขาอ้าปากค้างราวกับว่าพยายามสูดหายใจเข้าไปเพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง
จางหยูไม่เห็นท่าทีผิดปกติของโอวเสินเฟิง เขายังคงควบคุมพลังดั้งเดิมให้อัดแน่นเป็นบอลวิญญาณต่อ
ตอนที่จางหยูหยุด บอลวิญญาณก็มีพลังดั้งเดิมกว่า 100 หน่วยอัดแน่นกัน สำหรับจางหยูแล้วมันเท่ากับเศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิมที่มี เพราะแค่หลับตาและบ่มเพาะ เขาก็มีพลังระดับนี้ได้แล้ว แต่หากมองจากอีกมุมหนึ่งแล้ว พลังดั้งเดิม 100 หน่วยนี้ ถือว่ามาก ซึ่งเพียงพอที่จะให้จางหยูสร้างร่างขั้น 3 ได้
“กรึก กรึก…” โอวเสินเฟิงตัวสั่นจนฟันกระทบกัน
เขามองไปที่บอลวิญญาณราวกับลูกแกะที่มองดูหมาป่าที่หิวโหย
“เกือบแล้ว” หลังจากที่ใช้พลังดั้งเดิมไป 100 หน่วย จางหยูก็หยุดและเงยหน้าขึ้นมองโอวเสินเฟิง ทันใดนั้นเขาก็ช็อกกับอาการของอีกฝ่าย “ อาจารย์โอว ท่านเป็นอะไรไป ?”
โอวเสินเฟิงฝืนยิ้มออกมา และพูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่น “ ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าสำนัก ไม่ต้องสนข้า “
จางหยูคิ้วขมวด เขารู้ว่าพลังดั้งเดิมส่งผลเสียต่อร่างวิญญาณ ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับโอวเสินเฟิงเขาที่มีพลังดั้งเดิมไม่ได้กลัวการโจมตีของร่างวิญญาณเลย และสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่ายด้วย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าโอวเสินเฟิงจะรับไม่ได้แม้กระทั่งเศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิมนี้
แต่มันคือความจริงกับการที่ว่าเขาไม่ใช่คนเดิมแล้ว การที่โอวเสินเฟิงไม่อาจจะทนได้นั้นถือว่ามีเหตุผล
“มันอันตรายมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ !” จางหยูอดไม่ได้ที่จะลังเล “หากเป็นเช่นนี้ โอวเสินเฟิงอาจจะเข้าใกล้พลังดั้งเดิมไม่ได้ และอาจจะหายไปจากโลกนี้ นี่ไม่ต้องนับการหลอมรวมเข้ากับพลังดั้งเดิมเลย…”
ถูกต้องแล้ว ความคิดของจางหยูคือการสร้างร่างให้กับโอวเสินเฟิงด้วยร่างเทียม
ปัญหาคือ โอวเสินเฟิงไม่อาจจะทนรับได้ แม้แต่เศษเสี้ยวของพลังดั้งเดิม แล้วเขาจะหลอมรวมกับร่างเทียมได้ยังไง ?
“อาจารย์โอว ท่านควรคิดดูอีกรอบ เพราะโอกาสที่จะล้มเหลวนั้นมีสูงถึง 9 ใน 10 ! ” จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา และพูดทุกอย่างออกมาด้วยความหนักใจ “ โอกาสที่จะสำเร็จนั้นมีแค่ 1 ใน 10 มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงรึ ?”
“คุ้ม !” โอวเสินเฟิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตอบกลับ แม้ว่าตัวจะสั่นแต่ท่าทีของเขายังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้าสำนัก ท่านบอกข้าทีว่าต้องทำยังไง เป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าจะตัดสิน ! ”
ตอนนี้เขาบ้าไปแล้ว
จางหยูเงียบอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ ดี ขึ้นอยู่กับพระเจ้า ”
เมื่อพูดจบ จางหยูก็เริ่มตั้งค่าเผ่า, รูปร่าง, พรสวรรค์, การรับรู้และส่วนอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไป ร่างนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปทีละนิดๆ เพื่อสร้างหน้าตาให้เหมือนกับโอวเสินเฟิง ยกเว้นแค่พรสวรรค์และระดับการบ่มเพาะที่ต่างออกไป ข้อมูลที่เหลือนั้นเหมือนกับของโอวเสินเฟิงหมด หน้าตาของร่างเทียมก็ยังเหมือนกับหน้าตาของโอวเสินเฟิงในตอนนี้ด้วย
นี่คือการสร้างร่างเทียม ที่จางหยูจริงจังมากที่สุด ไม่สิ มันคือกายเนื้อ
ร่างขั้น 3 ที่มีพลังทัดเทียมกับขอบเขตตันซวน !
“ร่างขั้น 3 อัดแน่นขึ้นจากพลังดั้งเดิม ผลงานที่โอวเสินเฟิงสร้างให้กับสำนักคังเฉียงไม่ใช่น้อยๆ” จางหยูมองไปที่โอวเสินเฟิง “พรสวรรค์หลอม 6 ดาว, การรับรู้ 6 ดาว ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับ โอวเสินเฟิง….”
หากโอวเสินเฟิงและร่างขั้น 3 นี้หลอมรวมกันสำเร็จ งั้นโอวเสินเฟิงก็จะไม่ใช่แค่ฟื้นคืนชีพ แต่ยังได้พรสวรรค์การรับรู้ 6 ดาวและพรสวรรค์การหลอม 6 ดาวด้วย แม้แต่ระดับการบ่มเพาะก็ยังอยู่ที่ขอบเขตตันซวนขั้นต่ำ
ที่สำคัญที่สุดคือ ร่างนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพลังดั้งเดิม ดังนั้นพลังในการต่อสู้จึงไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกหลิงซวนขั้นต่ำ มันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโอวเสินเฟิงได้บ่มเพาะทักษะจี๋อู่แบบดัดแปลง จากนั้นก็จะค่อยๆเปลี่ยนไป พลังงานอันบริสุทธิ์ ก็จะค่อยๆสูญเสียความสามารถพิเศษที่แข็งแกร่งและลึกลับไป
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจางหยูถึงได้เลือกที่จะสร้างร่างขั้น 3 !
หากข้ามร่างขั้น 3 ไปสร้างร่างขั้น 4 5 หรือ6 งั้นโอวเสินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องทำการบ่มเพาะ เพียงแค่ทำความเข้าใจกฎโดยตรง ก็สามารถพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเองไปเรื่อยๆ และกลายเป็นผู้แข็งแกร่งรองจากจางหยูได้….ซึ่งจางหยูไม่สบายใจกับเรื่องนี้ !
จางหยูไม่ใช่คนดีนัก เขาอยากช่วยโอวเสินเฟิง แต่เขาไม่ยอมรับความเสี่ยงนั้น
เขาเป็นแค่ปุถุชนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงมีข้อดีข้อเสียที่คนทั่วไปต่างก็มี
“พร้อมหรือยัง ?” จางหยูมองไปที่โอวเสินเฟิง
โอวเสินเฟิงกัดพันแน่นและพยักหน้าตอบรับ
“ขั้นตอนก็ง่ายๆ ท่านเห็นร่างพลังงานนี่หรือไม่?” จางหยูชี้ไปที่ร่างพลังดั้งเดิม และบอกกับโอวเสินเฟิง “ท่านแค่ต้องพุ่งเข้ามาที่ร่างพลังงานนี่ให้เร็วที่สุด จำไว้ว่าต้องเร็วที่สุดเพราะหากช้าเพียงเล็กน้อย ท่านจะหายไป มันจะไม่มีโอกาสที่จะหลอมรวมกับมันได้อีก”
ถึงจางหยูจะไม่พูด แต่ต่อให้โอวเสินเฟิงพุ่งเข้าไปที่ร่างพลังงานนั่นได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลอมรวมได้สำเร็จแน่ๆ
สิ่งที่บอกว่าล้มเหลว 9 ใน 10 นั้นไม่ใช่สิ่งที่จางหยูโกหกออกมา !