ตอนที่ 103 อย่าหาเรื่องใส่ตัว
หลินเยียนเดินลงบันไดหลังจากที่พูดคุยกับวังจิ่งหยาง ขณะที่เท้าของเธอกำลังจะแตะถึงพื้นในอีกเพียงอีกไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างฉีกขาด ชุดเดรสที่ยาวเกินไปของเธอถูกส้นสูงเกี่ยวจนขาดเสียแล้ว
หลินเยียนสบถออกมาดังๆ “เวรกรรม! นี่มันเดรสตัวที่แพงที่สุดของฉันเลยนะ!”
วังจิ่งหยางใช้มือกุมหน้าผากอย่างขุ่นเคือง “อย่าใส่ชุดที่ไม่ชินสิ นี่เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่นะ!”
หลินเยียนลูบคางพลางรำพึงรำพัน “เจ้าหมา นายพูดถูกนะ ใส่ชุดแบบนี้แล้วฉันจะวิ่งหนีเอาตัวรอดจากแอนตี้แฟนได้ไง”
วังจิ่งหยางอึ้ง
หลินเยียนเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย
นี่เป็นงานถ่ายภาพยนตร์งานแรกของหลินเยียนหลังจากที่เธอหวนคืนวงการ จ้าวหงหลิงจึงติดตามตัวตัวมาด้วย เธอตั้งใจจะพาหลินเยียนไปที่กองถ่ายด้วยตนเอง
หลินเยียนสวมหน้ากากและหมวกเพื่ออำพรางตัวก่อนที่จะขึ้นรถ
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ” ตัวตัวทำหน้าเหมือนเห็นบางอย่างที่น่ารังเกียจ
หลินเยียนถอนหายใจ “ตอนแรกก็ว่าจะใส่เดรสแหละนะ แต่รองเท้าส้นสูงเจ้ากรรมดันไปเกี่ยวปลายชุดจนขาดวิ่นเลย อีกอย่าง ฉันใส่เดรสไม่ถนัดเลย! ช่วยทนเอาหน่อยแล้วกันนะ!”
ตัวตัวพูดไม่ออก “พี่จะสร้างบุคลิกที่อ่อนช้อยงดงามได้ไงถ้าตัวจริงดันเป็นคนไม่สมหญิงแถมยังดิบๆ แบบนี้”
“ขอแค่ไม่แก้ผ้ามาฉันก็โอเคแล้ว ไหนๆ ก็ยังเช้าอยู่ เธอจะนอนพักสักหน่อยก็ได้นะ” จ้าวหงหลิงพูดในขณะที่ขับรถ
“พี่หลิงคนดีที่หนึ่งเลย!” หลินเยียนตะโกนอย่างมีความสุข
แม้ว่าหลินเยียนจะเอาชนะอุปสรรคในจิตใจจนสามารถขับรถได้แล้ว แต่เธอก็ยังต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาซื้อรถใช้เดินทางไปไหนมาไหน เธอไม่กล้ารบกวนพี่หลิงให้ขับรถไปรับไปส่งเธอทุกวันอย่างแน่นอน
สามสาวเดินทางมาถึงกองถ่ายโดยใช้เวลาไม่นาน
หลินเยียนเป็นดาราคนแรกที่มาถึง เธอไม่เห็นคนอื่นเลยนอกจากทีมงานของกองถ่าย ทุกคนดูยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมความพร้อม
เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงทางเข้า เธอก็ได้ยินการทักทายเป็นเสียงกระซิบกระซาบและการจับจ้องอย่างไม่เป็นมิตรจากดวงตาหลายคู่
“เฮ้ย นั่น! หลินเยียนนี่! หลินเยียนอยู่ที่นี่!”
“อะไร…เฮ้ย เธอจริงๆ ด้วย! ฉันนึกว่ายัยนี่ชอบสวมแต่ชุดขาวเสริมลุคบัวบานแสนบริสุทธิ์ของหล่อนซะอีก แต่งตัวแบบนี้แทบจำไม่ได้เลยนะเนี่ย”
“สงสัยจะพยายามพรางตัวเพราะกลัวโดนแอนตี้แฟนดักตีน่ะสิ! ฉันทำงานในวงการมานานก็เพิ่งจะเคยเห็นดาราปลอมตัวเป็นครั้งแรกเนี่ยล่ะ แหม ฝีมือการแสดงก็ไม่มี ดีแต่สร้างภาพเป็นเทพธิดาผู้บอบบาง แถมเนื้อในก็แค่คนที่ใช้ชื่อชาวบ้านสร้างชื่อเสียงนั่นแหละ!”
“จริง! เรียนจบแค่ม.ปลาย พอมาเป็นดาราก็เป็นได้แค่พวกปลายแถว ไม่รู้ว่าไปเอาปูนที่ไหนมาโบกถึงได้หน้าด้านกล้ามีข่าวกับเฉินเจามู่และนักแสดงชายอีกเป็นขโยง แล้วยังกล้าโกหกชาวบ้านด้วยนะว่าเป็นแฟนของหันอี้เซวียน! ยัยนี่บ้าไปแล้วมั้ง!”
“อยากรู้จริงๆ ว่าใช้วิธีโกงแบบไหนถึงได้มาร่วมกองถ่ายหนังของเราได้ ฉันว่ายัยนี่ต้องเล็งเผยหนานซวี่ไว้แหงๆ คราวนี้ ไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลย!”
…
ตัวตัวบีบแขนของหลินเยียนแน่นเมื่อได้ยินคำติฉินนินทาที่ทั้งเสียงดังและร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ “ถึงจะโกรธแต่พี่ต้องอดทนนะ ทำเป็นไม่ได้ยินอะไรไปซะ ตอนนี้พี่อยู่ในจุดต่ำสุดของกองถ่ายแล้ว และคนพวกนี้ก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้น”
หลินเยียนถามกลับ “นี่เธอเป็นผู้ช่วยฉันจริงๆ เหรอ?”
จ้าวหงหลิงสวนกลับทันที “ตอนนี้เธอควรจะทำตัวเงียบๆ ไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าตอบโต้เด็ดขาด”
ผู้จัดการสาวกังวลว่าหลินเยียนจะรับมือกับสถานการณ์วุ่นวายและคำนินทาอย่างไร ดังนั้น การขอให้หลินเยียนอยู่เงียบๆ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หลินเยียนตอบตกลงอย่างว่าง่าย “โอเค! นี่ฉันดาวน์โหลดเกมมาเล่นเยอะเลยนะเนี่ย!”
ตัวตัวตะโกนเสียงดัง “ถ้าพี่ยอมเชื่อฟังขนาดนั้นจริงๆ ฉันคงต้องยกสำรับไปไหว้เจ้าแล้วละ!”
ตอนที่ 104 นางเอก
หลินเยียนพบมุมเหมาะๆ ที่เงียบสงบ เธอจึงนั่งลงแล้วสวมหูฟังเพื่อเริ่มเล่นเกม
หลังจากนั้น เธอเปิดดูเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ
ตัวตัวจ้องมองหลินเยียนไม่วางตาเพราะเธอยังไม่มั่นใจในตัวดาราสาว เธอหันไปคุยกับจ้าวหงหลิงว่า “พี่หลิง พี่คิดอะไรอยู่กันแน่ หลินเยียนทำงานให้พี่ก็จริง แต่เธอไม่เคยฟังคำสั่งคนอื่นเลยนะ ยัยนี่ฟังแต่ผู้ช่วยกับน้องสาวเท่านั้นแหละ ตอนนั้นก็ดูเป็นนักแสดงที่มีแววอยู่หรอก แต่ดันโดนหักหลังจนป่นปี้ก่อนซะนี่
ฉันคิดว่าหลินเยียนเป็นเหมือนแอ่งโคลนที่เหลวเป๋วจนเอามาปั้นเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้ พี่กำลังเสียเวลาและเงินทองไปเปล่าๆ ปลี้ๆ นะคะ ถึงพี่จะเสียชื่อไปบ้าง แต่เชื่อฉันเถอะค่ะ พี่ไม่ควรยุ่งกับยัยนี่…”
จ้าวหงหลิงคงสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันทำสัญญากับหลินเยียนไว้แล้ว ฉันก็ต้องรับผิดชอบเธอให้ถึงที่สุด แต่ถ้าหลินเยียนจะยังทำตัวดื้อรั้นเหมือนก่อน ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
แน่นอนว่าถ้าหลินเยียนไม่ช่วยตัวเอง ก็ไม่มีใครช่วยเธอได้อีกแล้ว
ตัวตัวรู้ดีว่าเธอไม่อาจเปลี่ยนใจจ้าวหงหลิงที่เป็นคนยึดมั่นในหลักการได้ เธอจึงทำได้เพียงเก็บซ่อนอาการไม่พอใจเอาไว้ “หวังว่าหลินเยียนจะไม่ก่อปัญหานะคะ…”
“จริงสิ พี่หลิงคะ ใครเป็นนางเอกของหนังเรื่องนี้คะ ทำไมกองถ่ายเขาถึงปิดเงียบขนาดนี้ แค่ชื่อยังไม่ประกาศเลย!” ตัวตัวมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย
จ้าวหงหลิงตอบ “เดี๋ยวอีกสักแป๊บเราก็รู้แล้วล่ะ”
ตัวตัวพยักหน้า “ก็จริงค่ะ…”
ยังไงเสีย คนเป็นนางเอกก็ต้องมาร่วมถ่ายแบบในวันนี้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น สองสาวได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากทางเข้า บอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่และผู้ช่วยกำลังเดินล้อมรอบนักแสดงหญิงรายหนึ่งไปทางสตูดิโอ
ตัวตัวรู้สึกฉุนกึกในทันทีก่อนจะก้มหน้าลง เธอเห็นใบหน้าของดาราหญิงที่ได้รับการอารักขาราวกับเป็นดวงจันทร์ท่ามกลางดวงดาวแล้ว “เจี่ยงซือเฟย!”
เจี่ยงซือเฟยแต่งหน้าได้สวยสดงดงามและมาในเดรสแบรนด์ชาแนลคอลเลกชันใหม่ล่าสุดของซีซันนี้ ชุดที่เธอสวมนั้นเน้นให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้า ทั้งยังช่วยเสริมบารมีให้เธอเปล่งประกายเจิดจรัสราวเทพธิดา
ผู้หญิงข้างๆ ดาราสาวซึ่งสวมชุดสูทแบรนด์ชาแนลคือ จูมั่นเชี่ยน ผู้จัดการระดับท็อปมากฝีมือจากเฮาส์ออฟมิลเลี่ยนมีเดีย เธอรับหน้าที่เป็นผู้จัดการคนปัจจุบันของเจี่ยงซือเฟย
ตัวตัวกระทืบเท้าอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อได้เห็นผู้หญิงทั้งสองคน “ทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ดวงตาของจ้าวหงหลิงส่องประกายอย่างเงียบเชียบ
เจี่ยงซือเฟยไม่ได้แสดงท่าทียี่หระแต่อย่างใดเมื่อสังเกตเห็นอดีตผู้จัดการและลูกน้อง เธอเพียงแต่หันกลับมาและเดินตรงมาทางจ้าวหงหลิง
เจี่ยงซือเฟยยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าจ้าวหงหลิงพลางกวาดตามองหลินเยียนที่กำลังหมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถืออยู่ หญิงสาวส่งยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยนแล้วเริ่มสนทนา “พี่หลิง บังเอิญจังเลยนะคะ พี่มากับศิลปินในสังกัดเหรอคะ”
จูมั่นเชี่ยนที่สังเกตเห็นหลินเยียนหัวเราะเสียงดังขณะที่เลิกคิ้วและอุทานอย่างตกอกตกใจ “คุณผู้อำนวยการจ้าวต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ แค่ฉันได้ตัวน้องซือเฟยมา คุณก็ไม่น่าตกอับขนาดเหลือดาราในสังกัดแค่หลินเยียนนี่คะ ฉันได้ยินมาว่าเธอได้รับบทในหนังเรื่องนี้ด้วย เอ…เป็นบทแบบไหนกันน้า?…อ๋อใช่! ตัวประกอบใช่ไหมคะ?”
จูมั่นเชี่ยนมองเล็บนิ้วมือที่เพิ่งทำสวยมาอย่างดิบดีด้วยความพึงพอใจก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ “ช่างบังเอิญจริงๆ เลยนะคะ วันนี้น้องซือเฟยก็มาที่นี่ด้วยแต่เป็นในฐานะนางเอกค่ะ แหม ก็ถือเป็นของขวัญต้อนรับเข้าบริษัทเล็กๆ น้อยๆ จากเราน่ะค่า!”
เจียงซือเฟยเป็นนางเอกนี่เอง!
ตัวตัวตะโกนลั่น “จูมั่นเชี่ยน! ทำไมถึงกล้าโอ้อวดเรื่องแย่งดาราของบริษัทคนอื่นแบบนี้! หน้าไม่อาย!”