ประโยคนั้น ชือหลีเพียงแต่ขยับริมฝีปากเท่านั้น ไม่ได้ออกเสียงแม้แต่น้อย
คนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว ไยจะต้องไปเพิ่มความกังวลและภาระให้กับเขาอีก
นางยิ้มแล้ว เส้นผมสีแดงปลิวไสวราวเริงระบำ แย้มยิ้มอย่างงดงามที่สุด
รอยยิ้มนั้นถูกดาบที่ไร้น้ำใจของเยี่ยอิงทำลายลงไป
ดาบโซ่ของนางเป็นดาบโค้งที่มีขนาดเท่าๆกันสิบสองเล่มร้อยเรียงกัน ยามเก็บกลับมาจะรวมเข้าอยู่เป็นชุด ยามฟาดฟันออกไปคล้ายดั่งกลุ่มมีดบินที่สามารถปาดเนื้อคนจนเหลือแต่กระดูกขาวโพลน
ครั้งนี้ พอดาบนั้นถูกฟาดออกมาใส่ชือหลี ก็ฟันกระหน่ำลงไปบนแขนขาของนาง
ฟันนางจนยับเยินทั้งร่าง ต่อหน้าต่อตาของตู๋กูเจวี๋ย!
ดวงตาของเยี่ยอิงไม่มีความปราณีแม้แต่น้อย ทั้งยังลำพองอย่างยิ่ง
นางเหลือบตามองดูชือหลี พลางยิ้มเย็นชา “ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง ยังคิดจะมาเปรียบเทียบกับข้าหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นสวะเหมือนกับลู่กว่างหรืออย่างไร?”
ชือหลีไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งนั้น ทั้งสองมือและสองเท้าของนางถูกตัดจนขาด คนมีแต่เลือดท่วมตัว นอนแผ่แน่นิ่งอยู่บนพื้น
ตู๋กูเจวี๋ยเห็นภาพนั้นกับตา ชั่ววินาทีนั้น เขาตื่นตระหนกจนสมองว่างเปล่า!
บนใบหน้าของเขามีแต่เลือดของชือหลี
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ ไม่อาจเห็นเลือด…..ยามนี้กลับต้องมาเห็นคนที่หัวใจเฝ้าคำนึงหา ถูกทำร้ายจนร่างเลอะเลือนราวกับกระเบื้องที่แหลกละเอียดต่อหน้าต่อตาของตนเอง
ร่างของเขายังลอยคว้างอยู่ในอากาศ ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายมาจากด้านหลังของตนเอง
นางกำนัลประจำตัวของราชินีมังกรทมิฬกำลังนำพาผู้คนเข้ามา ตระเตรียมจะแล่เนื้อของเขา
บนร่างของพวกเขาพกพามีดดาบที่คมกริบ แม้แต่ถังที่ใช้รองเลือดก็เอามาพร้อมกันด้วย
ตู๋กูเจวี๋ยไม่ได้มองดูพวกนางแม้แต่น้อย ในสายตาของเขามีแต่ชือหลี
ขณะที่เลือดกำลังสูบฉีดไปทั่วร่างกาย สายตาก็เห็นแต่เพียงภาพดวงตาที่งดงามคู่นั้นกลายเป็นสีแดงประดุจเลือดเท่านั้น
พลังทั้งหมดของชือหลีถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของเขา ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็เหมือนกับประตูที่ถูกคนเปิดออก พลังที่ไร้ขีดจำกัดสายหนึ่งไหลทะลักออกมาจากส่วนลึกในดวงจิต
ทะลวงเข้าไปยังทุกรูขุมขนภายในร่างกาย
ภายในคุกไม่มีสายลม แต่ว่าเสื้อผ้าที่อาบย้อมไปด้วยเลือดของเขากับกระพือขึ้นมา
“รีบจับตัวเขาเอาไว้ องค์ราชินีทรงมีรับสั่ง ให้จับเขามาแล่เนื้อป้อนให้ปลากิน!” นางกำนัลผู้นั้นร้องตะโกนออกมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของตู๋กูเจวี๋ย ในใจของนางก็พลันเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมา
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นว่าเส้นผมสีดำของหนุ่มน้อยผู้นั้นกำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเงินยวง อยู่ดีๆหัวใจของนางก็เต้นโครมครามขึ้นมา
เยี่ยอิงเองก็หันกลับไปมองเช่นกัน นางกุมดาบโซ่เอาไว้ในมือ เสื้อผ้าบนร่างยังคงรุ่ยร่ายจนเปิดเผยท่อนขาเรียวยาว
พึ่งจะก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ก็เห็นเส้นผมบนศีรษะของตู๋กูเจวี๋ยทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีเงินยวงไปแล้ว จากนั้นร่างทั้งร่างก็ลอยขึ้นไป
ร่างของเขาลอยคว้างอยู่กลางอากาศ พอมองดูให้ละเอียดถึงได้เห็นว่ากระทั่งดวงตาทั้งสองก็กลายเป็นนัยตาสีเงินไปแล้ว!
เมื่อถูกกลิ่นอายของเลือดครอบงำ เพราะความโกรธเกรี้ยว จึงได้กลายเป็นเสียสติไปแล้วกระมั้ง!
“นี่มัน….” เยี่ยอิงขมวดหัวคิ้ว ชั่ววินาทีหนึ่ง นางรู้สึกคล้ายกับว่าได้เห็นเงาของพระบิดาอยู่ด้านหลังของคนผู้นั้น!
ราชามังกรทมิฬผู้ทอดทิ้งภรรยาและบุตรธิดาไป!
นางกำนัลผู้นั้นนำพาผู้คนเข้ามาคิดจะจับตัวตู๋กูเจวี๋ย กลับเห็นเขาคำรามด้วยเสียงเกรี้ยวกราดครั้งหนึ่ง ก็ยื่นฝ่ามือออกมาคว้าคน แล้วฉีกคนผู้นั้นเป็นสองส่วนในทันที!
คนของเผ่ามังกรทมิฬ ต่อให้เป็นเพียงพวกเวรยาม ร่างกายก็ยังแข็งแกร่งอย่างที่สุด ยิ่งกว่ากำแพงเหล็กกล้าเสียอีก แต่ว่าเมื่อยู่ในมือของเขา กลับถูกฉีกจนขาดวิ่นได้ราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง!
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังคว้าคนมาอีกคนหนึ่ง พลางฉีกกระชากด้ายที่เย็บเอาไว้ที่ปากออก พออ้าปากได้ก็กัดลำคอของอีกฝ่ายลงไป ดูดกลืนเพียงครั้งเดียวร่างของคนผู้นั้นก็กลายเป็นศพที่แห้งเหือด
สีหน้าของเขาไร้ความรู้สึก แววตาคุ้มคลั่ง ไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น!
ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว เอาแต่ไล่คว้าผู้คนมากมายติดต่อกัน เหล่าคนที่นางกำนัลผู้นั้นนำทางมา เพียงครู่เดียวก็ถูกเขาจับดื่มกินจนกลายเป็นศพแห้งๆ!
มนุษย์ธรรมดาผู้นั้น….เขาคุ้มคลั่งกระหายเลือดไปแล้ว!
ชือหลีที่จมอยู่ในกองเลือดยังลงเหลือลมหายใจอยู่ พอได้เห็นสถานการณ์ที่พลันเปลี่ยนแปลงไป หัวใจของนางก็ตกตะลึงไปแล้ว
ในร่างของตู๋กูเจวี๋ยมีพลังที่แข็งแกร่งของเผ่ามังกรไหลเวียนอยู่…..
เขาเป็น…เผ่ามังกร?
“ตายให้หมด ไปตายให้หมด เฮอะ เฮอะ เฮอะ!” ร่างกายของตู๋กูเจวี๋ยอัดแน่นไปด้วยพลังที่ไม่หมดสิ้น ร่างกายที่เคยผ่ายผอม ยามนี้มองดูแล้วไม่เพียงแต่แข็งแกร่งบึกบึนเท่านั้น บนแขนและหัวไหล่ของเขายังมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน เส้นผมทั่วศีรษะปลิวไสว กลางหน้าผากปรากฏตราประทับรูปมังกรชนิดหนึ่ง
เขาแยกเขี้ยวหัวเราะ ทั่วทั้งร่างมีแต่ไอสังหารพวยพุ่งทะลุฟ้า ราวกับว่าเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ชีวิตจิตใจ
ยามที่ดวงตาของเขากวาดมองออกไป ทั้งหมดล้วนคือเหยื่อที่ต้องล่า
ยกเว้นแต่สตรีผมแดงที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
เขายังคงหลงเหลือสติอยู่เล็กน้อย…..แต่ในช่วงเวลาสั้นๆก็ไม่สามารถจดจำได้ว่านางคือใคร รู้แต่ว่าก้นบึ้งของหัวใจบอกไม่ให้ทำร้ายนาง
สุดท้ายสายตาของเขาก็เลื่อนมายังร่างของเยี่ยอิง
ทันใดนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นเ**้ยมโหดขึ้นมา จนเยี่ยอิงอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้
มนุษย์ธรรมดาผู้นี้อยู่ๆก็ระเบิดพลังของเผ่ามังกรออกมาจากในร่าง …..ทั้งยังเป็นพลังของเผ่ามังกรทมิฬอีกด้วย!
พลังที่คล้ายจะถูกผนึกมานานหลายปี อยู่ๆก็ทะลักออกมา!
นางกำดาบโซ่ในมือเอาไว้แนบแน่น ถอยหลบออกจากคุกอย่างรวดเร็ว
ร่างของตู๋กูเจวี๋ยลอยค้างอยู่ในอากาศ เขายิ้มอย่างลึกลับชั่วร้าย พลิกตัวไล่ติดตามไปในทันที
ชือหลีใช้กำลังขุมสุดท้ายเรียกดาบกระดูกมังกรออกมาอีกครั้ง
ดาบกระดูกมังกรนี้คล้ายดั่งสามารถรับรู้ความคิดของผู้เป็นนาย มันติดตามตู๋กูเจวี๋ยไปในทันที
มันหล่นลงในมือของเขา แสดงพลังเช่นเดียวกับยามแรกที่อยู่ในมือของตู๋กูซิงหลันออกมา
ในขณะเดียวกัน ทั้งบนหอสูง ตำหนักของไท่จื่อและ หุบเหวไร้ก้นต่างก็มีปฏิกริยาขึ้นมา
หวาชางสุ่ยลุกขึ้นยืนในทันที ในหัวใจอยู่ๆก็รู้สึกปวดแปลบขึ้นมา
เยี่ยเฉินเองก็พุ่งเข้ามายังคุกด้วยความรีบร้อน
ใต้หุบเหวไร้ก้น…..สีหน้าของเยี่ยจ้านเปลี่ยนแปลงไปแล้ว อยู่ๆผนึกที่เขาสร้างเอาไว้….ก็สลายหายไป?
เขาเงยหน้าขึ้นมองด้านบนของหุบเหวไร้ก้น ขนตากระพริบน้อยๆ ….เสี่ยวหลันพึ่งจะถูกเขาส่งออกไปจากหุบเขาไร้ก้น ผนึกทั้งสองชุดต่างก็คลายออกแล้ว เผ่ามังกรทมิฬ…..คงจะถึงคราวต้องกลายเป็นทะเลเลือดไปเสียแล้ว
…………………………….
สายลมยามค่ำคืนพัดโหมรุนแรง ในทันใดนั้น เกิดความเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งวังมังกร
ชาวมนุษย์ที่ถูกกักขังอยู่ในคุกของเผ่ามังกรทมิฬอยู่ๆก็เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา….กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ดื่มกินเลือดเนื้อ
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ไล่ดื่มกินผู้คนจากในคุกออกมายังด้านนอกคุก เวรยามนับร้อยถูกเขาสูบกินจนกลายเป็นศพแห้ง!
ดาบโซ่ของเยี่ยอิงฟาดออกไปนับครั้งไม่ถ้วน ถึงจะกรีดร่างของเขาเป็นแผล แต่ว่าบาดแผลเหล่านั้นก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พี่ชายของนางเยี่ยเฉินเองก็มีพลังในการฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามองดูแล้ว….ไอ้หน้าอ่อนที่กำลังคุ้มคลั่งผู้นี้ยังสามารถฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วกว่าพี่ชายเสียอีก!
ในมือของตู๋กูเจวี๋ยกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ ฟาดฟันออกไปอย่างไม่มีกระบวนท่าใดๆทั้งสิ้น แต่ดาบมังกรในมือของเขาก็ระเบิดพลังได้อย่างทรงอานุภาพ ทำเอาตำหนักต่างๆที่อยู่ตรงหน้าพังทะลายลงไป
เขาจ้องมองเยี่ยอิงด้วยสายตาเย็นชา พอดาบโซ่ของเยี่ยอิงพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เขาก็ยื่นมือไปรับเอาไว้
ใบดาบฝังเขาไปในเนื้อ แทบจะเฉือนมือของเขาออกมาครึ่งหนึ่ง
ตู๋กูเจวี๋ยกลับไม่แสดงความรู้สึกว่าเจ็บปวด เขากระชากแรงๆครั้งหนึ่ง ทั้งดาบและเจ้าของก็ลอยลงมาตรงหน้าพร้อมๆกัน
มืออีกข้างยื่นออกไปในพริบตา คว้าลำคอของเยี่ยอิงเอาไว้อย่างแน่นหนา
ปลายเล็บของเขาจิกฝังลงไปในผิวเนื้อของเยี่ยอิง จนเลือดสดๆไหลนองออกมา
……………………………………….
ตอนต่อไป “ดาบยักษ์จากฟากฟ้า!”