ชือหลี “หากมีปัญญาเจ้าก็มาดึงตะปูตรึงมังกรของข้าออกไป ดูสิว่าพวกเราสูสีกันหรือไม่?”
เยี่ยอิงในยามนี้กำลังถูกความโกรธเกรี้ยวครอบงำ ไร้ซึ้งเหตุผลใดๆไปแต่แรกแล้ว วิธีการยั่วยุเช่นนี้อาจจะได้ผลก็เป็นได้
ชือหลีได้แต่นำออกมาทดลองดู
เยี่ยเฉินมองแผนการของนางออกอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ยกมือห้ามปราม
ตอนนี้เสี่ยวอิงกำลังโกรธจัด นางต้องการอาละวาด ในเมื่ออนุคนใหม่นี้ไม่กลัวตาย เช่นนั้นหากถูกนางทุบตีจนตายไปเสียก็ดี
ที่ท้าให้ถอดตะปูตรึงมังกร มังกรที่ถูกถอดกระดูกจนการเป็นเพียงแค่ของเล่นไปแล้วอย่างนาง ยังจะเอาชนะเสี่ยวอิงได้อย่างไร?
เยี่ยเฉินยิ้มเย็นชา ขณะที่เห็นเขาขยับเสื้อผ้า พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไป ถอนตะปูตรึงมังกรของชือหลีออกมา ได้ยินเสียงหล่นไปด้านข้างกระทบพื้นดังติ้ง
เยี่ยเฉินแย้มยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย รอดูน้องสาวของตนเองลงมือทุบตีนังสวะผู้นั้นแต่ฝ่ายเดียว
“เสี่ยวอิง นังสวะคนนี้ถือซะว่าพี่ชายชดเชยแทนคำขออภัยให้กับเจ้า ต่อให้ตีจนตายก็ไม่เป็นอะไร” เขาใช้มือยันศีรษะเอาไว้เอ่ยกับเยี่ยอิงอย่างเรียบเรื่อย
พอตะปูตรึงมังกรหลุดออกไป ชือหลีก็รู้สึกว่าร่างกายเบาสบายขึ้นมาก
นางขับพลังวิญญาณออกมา ร่างกายไหววูบ ก็หลุดออกจากการควบคุมของพวกนางกำนัลอย่างง่ายดาย
เยี่ยอิงสีหน้าเคร่งขรึม นางไม่ต้องการสิ้นเปลืองเวลาอีกต่อไป จึงดึงเอาดาบโซ่ของนางออกมาในทันที สบัดไปยังหัวใจของชือหลี
เสียง ‘สวบ’ดังขึ้นมาครั้งหนึ่งด้วยความรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าสีน้ำเงินฟาดออกมา คิดจะแทงทะลุชือหลีในชั่ววินาที
ชือหลีดึงเอาดาบกระดูกมังกรออกมาจากแผ่นหลังอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นตรงหัวใจของตนเองเอาไว้ รับกระบวนท่าของเยี่ยอิงอย่างอยากลำบากไปครั้งหนึ่ง
ดาบกระดูกมังกรเล่มนี้เดิมทีก็สร้างขึ้นจากกระดูกของนาง ก่อนหน้านี้พอได้รับโลหิตของตู๋กูซิงหลัน จึงถูกปลุกจิตของดาบขึ้นมา
จิตของดาบแผ่ออกไป ยามเมื่ออาวุธทั้งสองกระทบกันจึงเกิดเสียงดัง ทั้งยังมีประกายดอกไม้ไฟงดงาม
พอเยี่ยอิงได้เห็นดาบกระดูกมังกรเล่มนั้น ก็ยิ่งคิดไปถึงตู๋กูซิงหลัน
นังผีที่คอยตามมาหลอกหลอน!
ตายไปแล้วก็ยังคงติดอยู่ในใจของพี่ชาย ตอนนี้กระทั่งอาวุธที่นางเคยใช้ก็ยังจะมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของตน!
ชือหลีรับกระบวนท่าจากนางในครั้งนี้ แม้จะมีดาบกระดูกมังกรคุ้มครองอยู่ แต่ร่างกายก็ยังสะท้านจนชาไปทั้งตัว กระดูกทั่งร่างส่งเสียงเลื่อนลั่นออกมา
นางถูกถอดกระดูกมังกรไปเนิ่นนานหลายปี……ฝ่ายตรงข้ามถึงกับเป็นเผ่ามังกรทมิฬ ความแตกต่างทางด้านพละกำลังหากจะเปรียบเทียบกันแล้วก็เหมือนกับเด็กห้าขวบที่ไปท้าสู้กับผู้ใหญ่
ย่อมต้องถูกกดขี่อยู่ฝ่ายเดียว!
ทรวงอกของนางถูกดาบโซ่กรีดผ่านไปดาบหนึ่ง กรีดผิวออกมาจนเลือดไหลนอง
ชือหลีไม่ได้คิดจะปะทะกับเยี่ยอิงอย่างจริงจัง!
เพียงแต่คิดจะอาศัยการยั่วยุนี้มาถอนตะปูตรึงมังกรออกไป สิ่งที่นางต้องการจะทำก็คือ…..การหลบหนี!
พาตู๋กูเจวี๋ยหลบหนีออกไป!
ช่วงที่ผ่านมา จากคำพูดของเหล่านางกำนัลที่นางได้ฟังมา ทำให้นางพอจะรู้สถานที่คุมขังของตู๋กูเจวี๋ย
พอเห็นนางหลบหนี เยี่ยอิงก็เผยอริมฝีปากขึ้น นางดึงดาบโซ่ของตนเองกลับมา ใช้ปลายลิ้นละเลียดชิมเลือด
พอได้ชิมรสเลือด ดวงตาสีครามคู่นั้นเปล่งประกายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยความกระหายเลือด
นางคลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ราวกับว่ามีความสุขที่ได้เห็นเหยื่อที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับความตายอย่างสุดชีวิต
เลือดของมังกรทอง…..ยังหวานหอมกว่าผู้อื่นมากมายนัก!
นังสวะผู้นี้ ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยๆก็สามารถใช้เป็นแหล่งโลหิตได้มิใช่หรือ?
เยี่ยอิงสะกิดปลายเท้าเล็กน้อย ก็ไล่ตามไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดออกมา
ชือหลีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ว่าความเร็วของเยี่ยอิงก็ยังเหนือกว่านางหลายต่อหลายเท่า เพียงพริบตาเดียวก็ไล่ทันนางแล้ว
ดวงตาของเยี่ยอิงติดตามแผ่นหลังของนางมา
เยี่ยอิงหัวเราะเฮอะฮะ เสียงดัง เหวี่ยงดาบโซ่ในมือออกไปอย่างไร้ความปราณี
ชือหลีขยับร่างไหววูบ หลบคมดาบที่กำลังจะพุ่งเข้ามายังกลางแผ่นหลัง แต่ว่าบนตัวดาบมีใบดาบโค้งมากมายหลายใบ สามารถพลิกแพลงแง่มุมได้อย่างพิศดาร ถึงแม้ว่านางจะหลบพ้นได้ในเวลาอันเฉียดฉิว แต่คมดาบก็ยังกรีดผ่านข้อมือของนาง
ยามที่ใบดาบกรีดเข้าไปในเนื้อ แม้แต่กระดูกก็ยังถูกฟันไปเกือบครึ่ง
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาพุ่งจากกระดูกเข้าสู่หัวใจ ปวดจนชือหลีสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าหยุดยั้งแม้แต่น้อย หากแต่มุ่งโผบินตรงไปยังทิศทางที่ขังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้
เยี่ยอิงก็ไม่คิดจะฆ่านางให้ตายในทันที
นางเหมือนกับเหยี่ยวราตรีที่กำลังหยอกเย้ากับเหยื่อ ก่อนที่จะจับกิน ก็หยอกเล่นให้หมดสิ้นเรี่ยวแรงเสียก่อน จากนั้นในเมื่อฝ่ายตกอยู่ในความสิ้นหวังจึงค่อยสังหาร
หากจะให้ดีที่สุดก็ต้องให้นางสวะนั่นได้เห็นเลือดของตนเองถูกสูบกินทีละหยดๆจนหมด
ก็เผ่ามังกรทมิฬของพวกนาง เป็นเผ่าที่กระหายเลือดอยู่แล้ว
บนหอสูง นางกำนัลกำลังคุกเข่าอยู่ที่ข้างกายของหวาชางสุ่ย รายงานสถานการณ์เบื้องล่างออกมา
“หากอิงเอ๋อร์ชมชอบก็แล้วไป แค่องค์หญิงทะเลตะวันตกผู้หนึ่ง ตายก็ตายไปเถอะ” ดวงเนตรของหวาชางสุ่ยทอประกายเย็นชา “หากว่านางฆ่าไปคนหนึ่งแล้วยังไม่หายโกรธเกรี้ยว เจ้าก็ส่งคนไปจับตัวองค์หญิงอีกสามทะเลมาให้นางฆ่าเสีย”
นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้ารับ “เพคะ”
“ยังมี จัดการเฉือนเนื้อของเจ้ามนุษย์ที่ถูกขังอยู่ในคุกผู้นั้น ไปป้อนปลาเสีย”
เบื้องหน้าของหวาชางสุ่ยคือ อ่างเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ ในนั้นมีปลามังกรที่แสนงดงามอยู่หลายตัว
แววเนตรของนางโหดเ**้ยมอย่างที่สุด “เจ้าว่า หากเยี่ยจ้านได้รู้ว่า บุตรชายของเขาถูกเฉือนเนื้อมาบด ป้อนให้กับปลาที่เขาเคยเลี้ยงดูมาด้วยมือของตนเอง เขาจะรู้สึกอย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ฟ้าดินช่างเข้าข้างนางแล้ว ตู๋กูซิงหลันตายแล้วคนหนึ่ง ก็ยังส่งลูกชายอีกคนของเยี่ยจ้านมาให้ได้ตายอย่างอนาถ
หึหึหึ….
นี่มิเท่ากับว่า สิ่งที่เยี่ยจ้านติดค้างนางเอาไว้กำลังถูกชดใช้ไล่เรียงกันมาหรอกหรือ?
นางกำนัลผู้นั้นมิได้ตอบ เพียงแต่ถอยออกไป ตระเตรียมคนไปแล่เนื้อของตู๋กูเจวี๋ยออกมาเป็นทำเนื้อบด
…………………..
อีกด้านหนึ่ง เพียงแค่ครู่เดียวร่างท่อนบนของชือหลีก็มีแต่บาดแผลทั้งเล็กและใหญ่เต็มไปหมด
ที่ลึกที่สุดก็คือแขนซ้าย ที่เกือบจะถูกตัดขาดออกมา จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากระดูกถูกเฉือนไปครึ่งหนึ่ง
บนหน้าผากของนางมีแต่เหงื่อ ขณะที่มองเห็นคุกที่มืดมิดไปทั้งแถบตรงหน้า ก็เค้นพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างออกมา
ด้านหน้าคุกไม่มีคนเฝ้ายาม ชือหลีไม่ครุ่นคิดก็รีบบุกเข้าไปแล้ว
ในคุกคุมขังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้เพียงคนเดียว
ยามที่ชือหลีได้เห็นเขาบุรุษชุดขาวก็ถูกทรมานจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว
ริมฝีปากของเขาถูกคนเย็บจนติดกัน รอยแผลแห้งจนตกสะเก็ดไปแล้ว
เนื่องเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานาน ร่างกายที่เดิมก็ซูบผอมยามนี้ดูแล้วยิ่งอ่อนระโหยโรยแรง
ริมฝีปากขอดแห้งจนลอกออกเป็นแผ่นๆ ทั้วทั้งร่างมีแต่บาดแผล ชุดขาวบนร่างถูกเลือดย้อมจนแดงฉาน บาดเจ็บหนักแล้ว
ในคุกไม่เจอราชาสุนัขป่าและติ๊งต๊อง
มีเขาเหลืออยู่แค่เพียงผู้เดียว
พอมองเห็นชือหลี ดวงตาที่อ่อนล้าของเขาก็มีประกายขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“อื้อ อื้อ อื้อ …..” เขารีบร้อนลุกขึ้นมา คิดจะพุ่งไปหาชือหลี แต่ว่าทั้งมือและเท้าล้วนถูกล่ามเอาไว้
จนเขาไม่อาจขยับไปหาชือหลีได้
เขาได้ยินพวกเวรยามคุยกันว่า….วันนี้องค์ไท่จื่อจะทรงรับอนุ และชือหลีคือผู้ที่ถูกนำตัวไปเป็นอนุ
ดังนั้นเขาจึงคิดหาหนทางส่งติ๊งต๊องและราชาสุนัขป่าออกไป ให้พวกมันไปช่วยนาง
คิดไม่ถึงว่า นางกลับบุกเข้ามาในคุกแต่เพียงลำพัง
ทั่วทั้งร่างของนางมีแต่บาดแผล…..ที่เหวอะหวะน่ากลัว
ชือหลีฝืนความเจ็บปวดทั่วร่างเอาไว้ มองดูสภาพของตู๋กูเจวี๋ย ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
“เจ้าตัวน้อย…..ลำบากเจ้ามากแล้ว”
“ข้าจะพาเจ้า…..ออกไป”
หากว่าสามารถรอดไปได้……ข้าจะยอมคอยฟังเจ้าพูด ไม่เห็นว่าเจ้าปากมากอีกต่อไป
……………………………………………
ไรท์: (กุมหัวแล้วตะโกนว่า รีบหนี!!!)
ตอนต่อไป “ดูเหมือนว่าข้าจะชอบเจ้าเข้าแล้ว”