บทที่ 547 : ระวังตัวด้วย!
หลิงหยุนจัดการยกกล่องไม้ขนาดใหญ่เข้าไปในห้องนอนของตนเอง เขาเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะทำงานพร้อมกับวางกล่องไม้ลงบนพื้น
หลังจากวางกล่องไม้มะฮ็อกกานีไว้ข้างโต๊ะทำงานแล้ว หลิงหยุนก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะจัดเรียงหนังสือเข้าไปในตู้ แต่กลับยืดตัวตรงพร้อมกับหันไปทางโซฟาหนังที่อยู่ด้านข้าง เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เซียนเอ๋อ.. เจ้าเล่นซ่อนหากับข้าสนุกพอหรือยัง?”
ไป๋เซียนเอ๋อใช้วิชาลวงตาพรางตัวจากสายตาของผู้คน และตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนอนของหลิงหยุน คนอื่นไม่สามารถมองเห็นนางก็จริง แต่หลิงหยุนมีจิตหยั่งรู้ อีกทั้งยังมีเนตรหยินหยาง จึงยากที่ไป๋เซียนเอ๋อจะหลบพ้นจากสายตาของเขาไปได้
“ไม่สนุกเลย.. ท่านเห็นข้าจนได้!”
ไปเซียนเอ๋อถอนวิชาลวงตา และร่างที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาก็ปรากฏออกมาให้เห็นพร้อมกับบ่นพึมพำ
หลิงหยุนยิ้มเอ็นดูไป๋เซียนเอ๋อ ในขณะที่สมองก็กำลังครุ่นคิดว่าอีกสองวันเขาจะไปขนตำราแพทย์ที่อพาร์ทเมนท์มาไว้ที่นี่
หลังจากที่หลิงหยุนได้มาเช่าอพาร์ทเมนท์ใกล้กับโรงเรียนมัธยมจิงฉูอยู่นั้น เขาก็ได้ย้ายของจากที่บ้านเก่ารวมทั้งตำราแพทย์ต่างๆไปไว้ที่นั่นจนหมด แต่จนบัดนี้เขายังไม่มีเวลาได้อ่านตำราเหล่านั้นเลยสักเล่ม และตอนนี้คงจะถึงเวลาที่เขาต้องลงมืออ่านอย่างจริงจังแล้ว
“เซียนเอ๋อ.. นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว ต่อไปเจ้าฝึกอ่านฝึกเขียนหนังสือด้วย เข้าใจหรือไม่?” หลิงหยุนหันไปบอกไป๋เซียนเอ๋อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลิงหยุนไม่สามารถอยู่เคียงข้างไป๋เซียนเอ๋อได้ตลอดเวลา แม้ไป๋เซียนเอ๋อจะเก่งกาจ แต่หากนางต้องการอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างอิสสระ นางจะต้องศึกษาหาความรู้ และฝึกอ่านเขียน
อีกทั้งในยุคที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายเช่นนี้ การอ่านจึงเป็นสิ่งแรกที่ควรต้องทำ!
“ข้าทราบแล้ว..” ไป๋เซียนเอ๋อรับปากตะกุกตะกัก
“แต่ท่านต้องเป็นคนสอนข้าเอง!” แววตาของไป๋เซียนเอ๋อเป็นประกายในขณะที่ต่อรองกับหลิงหยุน
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา! เพราะหากปล่อยให้คนอื่นเป็นคนสอนเจ้า ข้าก็คงจะไม่วางใจ!”
ไป๋เซียนเอ๋อเพิ่งจะกลายร่างมาจากสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง แม้ว่าจะมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง แต่จิตใจนั้นนับว่ายังไม่ประสีประสาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หลิงหยุนจึงไม่ต้องการให้ความรู้ภายนอกมามีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของนางมากนัก เขาจึงต้องคัดกรองความรู้ที่เข้าสู่จิตใจของนาง
เพราะหากไป๋เซียนเอ๋อไปเรียนรู้เรื่องศีลธรรมจนกลายเป็นคนดี และกลับมาสั่งสอนหลิงหยุนต่อ เขาจะทำเช่นไร?!
“พี่หลิงหยุน.. ข้าอยากไปหาพี่เม่ยหนิงก่อน..”
ตอนที่ไป๋เซียนเอ๋อยังเป็นแค่จิ้งจอกขาวนั้น เสี่ยวเม่ยหนิงก็ชื่นชอบนางมาก และทั้งคู่ก็ค่อนข้างสนิทสนมกัน
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับบอกไปว่า “ได้สิ.. แต่อย่าลืมเคาะประตูห้องก่อนเข้าไปล่ะ!”
ไป๋เซียนเอ๋อชายตามองหลิงหยุน และเพียงแค่บิดร่างเล็กน้อย ร่างของนางก็พุ่งหายออกไปจากห้องนอนของหลิงหยุน แล้วหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นทันที!
จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่ดูออกจะเกินจริงไปหน่อยดังตามมา! ทั้งเสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาต่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจที่จู่ๆไป๋เซียนเอ๋อก็โผล่ออกมา
“ห๊ะ! นี่เธอคือ.. น้องเซียนเอ๋องั้นเหรอ?!”
หลังจากที่เสี่ยวเม่ยหนิงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เธอก็ตรงเข้าไปกอดร่างของไป๋เซียนเอ๋อไว้แน่น
หลิงหยุนได้อธิบายทุกอย่างให้เสี่ยวเม่ยหนิงฟังก่อนจะที่เดินทางไปทะเลแล้ว ดังนั้นเด็กสาวตัวแสบจึงค่อนข้างได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้ว เธอจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวไป๋เซียนเอ๋อที่เคยเป็นสุนัขจิ้งจอก แต่กลับตกใจในความงดงามอย่างไม่น่าเชื่อของไป๋เซียนเอ๋อแทน!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นเป็นชนเผ่าเหมี่ยวเจียง และเป็นยอดฝีมือที่ใช้มนต์หนอนกู่โจมตีศัตรู เธอจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเหล่าปีศาจต่างๆ และไม่ได้รู้หวาดกลัวไป๋เซียนเอ๋อเช่นกัน เพียงแต่ตกใจในความงดงามของนางมากกว่า
หลิงหยุนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน และกำลังใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเหตุการณ์ภายในห้องที่อยู่ถัดไป เขาเพียงแค่ยิ้ม และปล่อยให้สามสาวทำความรู้จักกันไป ส่วนตัวเขาเองก็เปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มค้นหาความรู้ที่ต้องการ
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง เสี่ยวเม่ยหนิงก็จัดของในห้องเสร็จเรียบร้อย เธอและไป๋เซียนเอ๋อจึงเดินไปหาหลิงหยุนที่ห้อง และได้บอกกับหลิงหยุนว่าเธอทั้งสองหิวข้าวแล้ว
ในเวลานั้นเอง ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ก็ซื้อของกลับมาพอดี หลิงหยุนจึงพาสามสาวเดินลงไปด้านล่าง และชวนทั้งหมดออกไปทานข้าวข้างนอก จากนั้นทั้งหกคนพร้อมกับรถสามคันก็แล่นออกจากหมู่บ้านไปยังคลีนิคสามัญชนเพื่อรับเหยาลู่ และตรงไปที่โรงแรมแชงกรีล่า
ทั้งเจ็ดคนนั่งรับประทานอาหารมื้อใหญ่ร่วมกันที่นั่นอยู่ราวสองชั่วโมง..
“หนิงน้อย.. พวกคุณทั้งสามคนกลับไปที่บ้านก่อน ถ้าไม่มีอะไรวันนี้ก็หยุดพักผ่อนอยู่บ้านได้ แต่พรุ่งนี้ห้ามขาดเรียนเด็ดขาด..”
“ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ พวกนายสองคนส่งเหยาลู่กลับไปพักผ่อนในบ้านที่ซื้อไว้ให้ และคืนนี้ห้ามค้างที่คลินิก..”
หลังจากสั่งทุกคนแล้ว หลิงหยุนก็ส่งกระแสจิตบอกไป๋เซียนเอ๋อว่า
-เซียนเอ๋อ.. คืนนี้ก่อนที่ข้าจะกลับไปที่บ้านเลขที่-1 เจ้ามีหน้าที่อยู่บ้านคอยคุ้มครองหนิงน้อย หากมีใครกล้าเข้ามาภายในบ้าน จัดการสังหารและเผาร่างมันทิ้งได้เลยทันที เข้าใจหรือไม่?-
นินจาญี่ปุ่น และคนของลัทธิมารดูเหมือนจะบุกเข้าไปที่บ้านเลขที่-1 เมื่อไหร่ก็ได้.. หลิงหยุนจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก และจะประมาทไม่ได้!
ไป๋เซียนเอ๋อในเวลานี้นับว่าแข็งแกร่งอย่างมาก ตราบใดที่นางอยู่ที่บ้าน ศัตรูก็ยากที่จะทำร้ายเสี่ยวเม่ยหนิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็เป็นถึงยอดฝีมือ อีกทั้งยังมีเจ้าทองอ้วนเป็นผู้ช่วยที่ดี และสามารถดูแลตัวเองได้ไม่ว่าศัตรูจะเก่งกาจเพียงใด!
“พี่หลิงหยุน.. ให้พวกเรากลับไปที่บ้าน แล้วพี่จะไปใหน?”
เสี่ยวเม่ยหนิงสงสัยว่าหลิงหยุนจะไปทำอะไรกันแน่ถึงไม่ยอมกลับไปบ้านพร้อมกัน จึงได้แต่ร้องถามออกไป
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ผมจะไปที่โรงเรียนจัดการธุระบางอย่าง เสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านทันที!”
……
ไฟ้ถนนยามค่ำคืนส่องสลัว.. หลิงหยุนขับรถแลนด์โรเวอร์ไปจอดอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมจิงฉู แล้วจึงส่งข้อความบอกฉางหลิงว่าเขาจอดรถรออยู่ที่หน้าโรงเรียน
และเมื่อเสียงกริ่งคาบสุดท้ายดังขึ้น ภายในโรงเรียนก็เริ่มมีเสียงโวยวายหนวกหู และนักเรียนต่างก็เริ่มทยอยกันออกมาจากโรงเรียน
เมื่อตอนบ่ายที่ฉางหลิงได้รับข้อความจากหลิงหยุนแจ้งว่าจะมารับเธอหลังเลิกเรียน เธอก็รีบนั่งแท๊กซี่กลับบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลังจากลองอยู่หลายชุดในที่สุดก็เลือกได้ ฉางหลิงจัดการแต่งหน้าอ่อนๆ และเมื่อสวยเป็นที่พอใจแล้ว เธอก็รีบกลับไปที่โรงเรียน
เพราะไม่ว่าหลิงหยุนจะพูดอย่างไร.. ฉางหลิงก็ยังคงไม่มั่นใจทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขา! เธอยังคงคิดอยู่เสมอว่า ตัวเธอนั้นไม่เหมาะสมกับหลิงหยุน!
แต่ถึงอย่างนั้น.. ในใจกลับปรารถนาที่จะได้พบเจอหลิงหยุน และได้มองเขาไปนานๆ
……..
“เอาล่ะ.. ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดี..”
หลังจากที่สำรวจตนเองอีกครั้งแล้ว ฉางหลิงก็สะกิดเพื่อนักเรียนหญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้าพร้อมกับร้องถามเสียงเบาอีกครั้ง จนเพื่อนของเธอตอบกลับมาอย่างรำคาญ
“นี่ฉางหลิง.. วันนี้เธอเป็นอะไรของเธอ?! ฉันตอบเธอไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าวันนี้เธอดูดีมาก! แล้วคืนนี้เธอก็ดูสวยกว่าปกติเป็นสิบเท่า.. โอเคมั๊ย?”
หากจะพูดไปแล้ว.. ภายในห้องของเด็กนักเรียนสายศิลป์นี้ ฉางหลิงก็นับว่าโดดเด่นอยู่ไม่น้อย เพียงแค่ที่ผ่านมาเธอถูกรัศมีของเกาเฉินเฉินบดบังไว!
แต่ตอนนี้เกาเฉินเฉินก็ไม่ได้เรียนที่นี่แล้ว อีกทั้งคืนนี้เหมี่ยวเสี่ยวเหมากับหลงหวู่ก็ไม่ได้มาเรียนด้วย ฉางหลิงจึงกลายเป็นนักเรียนหญิงที่สวยที่สุดในห้อง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี และได้ขอให้เพื่อนนักเรียนหญิงด้านหน้าช่วยดูแล้วดูอีกเพื่อความมั่นใจ
“นี่ฉางหลิง.. แต่งตัวสวยขนาดนี้ คืนนี้นัดกับใครไว้เหรอ?”
แต่ฉางหลิงรีบตอบกลับไปทันที “ถามอะไรบ้าๆ! ฉันไม่ได้นัดใครเลย ฉันกำลังจะกลับบ้าน..”
พูดจบฉางหลิงก็รีบคว้ากระเป๋าลุกขึ้น หลังจากดึงชายเสื้อให้เรียบร้อยแล้ว ก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที
ฉางหลิงไม่ต้องการให้หลิงหยุนคอยนาน เธอจึงรีบวิ่งตรงไปยังหน้าประตูโรงเรียนทันทีที่เสียงกริ่งดังขึ้น อีกทั้งยังเกรงว่าตนเองจะมีเวลาได้อยู่กลับหลิงหยุนสั้นลง
ฉางหลิงรีบวิ่งลงจากตึกตรงไปที่ประตูโรงเรียน และพุ่งไปที่รถแลนด์โรเวอร์สีเงินซึ่งจอดอยู่ข้างๆประตูทันที
หลิงหยุนเปิดกระจกรถพร้อมกับยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้กับฉางหลิง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“วิ่งมาเร็วจัง.. ขึ้นรถสิ!”
ฉางหลิงเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถทันที และเมื่อฉางหลิงปิดประตูเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็เหยียบคันเร่งออกไป
“หลิงหยุน.. ฉันบอกกับแม่ว่าคืนนี้มีทบทวนตอนดึก.. ฉัน.. ฉันกลับบ้านดึกได้..”
ฉางหลิงเห็นหลิงหยุนขับรถมุ่งหน้าไปทางถนนจิงฉี จึงได้แต่หน้าแดงพร้อมกับร้องบอกโง่ๆออกไปแบบนั้น
“แล้วใครว่าผมจะส่งคุณกลับบ้านเลยล่ะ?”
หลิงหยุนยิ้มให้ฉางหลิงพร้อมกับพูดต่อว่า “ผมจะพาคุณไปที่ทะเลสาบจิงฉู”
ฉางหลิงเห็นสายตาที่มีเลศนัยของหลิงหยุน ก็ได้แต่ใจเต้นตุ้บตั้บ!
“ใหนคุณเคยบอกว่าจะสวมกระโปรงสั้นๆ แล้วก็เสื้อเอวลอยไงล่ะ?”
ระหว่างที่ขับรถมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบจิงฉูนั้น หลิงหยุนก็ไม่ลืมที่จะหยอกล้อฉางหลิงไปด้วย..
“จะบ้าเหรอ..”
ฉางหลิงรีบยกมือขึ้นทาบหน้าอกไว้ ส่วนอีกข้างก็ดึงชายกระโปรงสีแดงลง พร้อมกับกัดริมฝีปากแดงไว้แน่น..