[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 515 : โดนทำโทษ!
หลิงหยุนแอบอยู่ด้านหลังของหนิงหลิงยู่ พร้อมกับใช้มือดันร่างของเธอเข้าไปในบ้าน ดวงตาก็จับจ้องอยู่ที่ฉินตงเฉี่วยราวกับเด็กที่ไปทำความผิดไว้ที่โรงเรียน และกำลังเผชิญหน้ากับผู้ปกครองที่เข้มงวดอยู่
แต่แน่นอนว่าหลิงหยุนก็แสร้งทำเป็นหวาดกลัวไปแบบนั้นเอง..
เพราะเมื่อครู่ตอนอยู่ต่อหน้าหลงเทียนเจียวนั้น หลิงหยุนยังแสดงท่าทางหยิ่งจองหองต่อหน้าเขา และยังบีบมือขวาของเขาจนแทบหักคามือจนได้รับความอับอาย แม้แต่ฉินตงเฉี่วยยังไม่สามารถหยุดเขาได้!
แต่ตอนนี้ฉินตงเฉี่วยนั่งอยู่ในห้องรับแขกเพียงคนเดียว หลิงหยุนกลับทำตัวเป็นเด็ก และมองนางด้วยสายตาระแวดระวัง
เมื่อเห็นหลิงหยุนซ่อนอยู่ด้านหลังหนิงหลิงยู่ และเดินตัวลีบเข้ามาอย่างระมัดระวังตัว ฉินตงเฉี่วยที่นั่งอยู่บนโซฟาถึงกับทนไม่ได้อีกต่อไป นางฉีกยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะจนตัวโยก
ฉินตงเฉี่วยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และหลังจากปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกไปแล้ว ใบหน้าสวยงาม และดวงตาคู่สวยของนางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
ในใจของนางยังนึกโกรธหลิงหยุน และโมโหที่เขาออกไปทำเรื่องให้นางต้องคอยเป็นห่วง แต่ยังกล้ามายืนจ้องหน้านางอยู่เช่นนี้
จู่ๆ ฉินตงเฉี่วยก็ลืมเรื่องที่หลิงหยุนได้สร้างความอัปยศให้กับหลิวซุ่ยเฟิงไปเมื่อครู่
“นี่พ่อคนเก่ง.. ทำไมเจ้าถึงไปซ่อนอยู่ด้านหลังหลิงยู่แบบนั้นล่ะ..? มานั่งคุยกับข้าตรงนี้สิ..!”
ฉินตงเฉี่วยยกแขนเรียวงามของนางขึ้นตบลงบนโซฟา พร้อมกับตะโกนสั่งหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงดุดันที่นางเองก็แสร้งทำเช่นเดียวกัน
“น้าหญิงคะ.. พี่หลิงหยุนกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว ท่าน..”
เมื่อเห็นฉินตงเฉี่วยเตรียมที่จะดุด่าหลิงหยุน หนิงหลิงยู่ก็เริ่มกังวล และเป็นห่วงหลิงหยุนขึ้นมาทันที ใจของเธอเต้นรัว และรีบพูดปกป้องหลิงหยุนทันที
ดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้ที่กระอักกระอ่วนใจที่สุดจะเป็นหนิงหลิงยู่ เพราะฝ่ายหนึ่งก็เป็นน้าหญิง ส่วนอีกคนก็เป็นพี่ชายที่เธอรัก!
“หลิงยู่.. ไปรินน้ำมาให้หลิงหยุนแก้วหนึ่งก่อน แล้วก็ไม่ต้องขอร้องแทนพี่ชายของเจ้าด้วย! หากวันนี้ข้าไม่อบรมหลิงหยุน ต่อไปเขาคงจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา!”
ฉินตงเฉี่วยพูดแทรกหนิงหลิงยู่ขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ลืมสั่งให้เธอไปรินน้ำมาให้หลิงหยุน ซึ่งก็ไม่รู้ว่านี่คือการอบรม หรือการเอาอกเอาใจเขากันแน่
“พี่ใหญ่.. ”
หนิงหลิงยู่มองหลิงหยุนด้วยสายตากระวนกระวายใจ และเป็นห่วง เพราะเกรงว่าเขาจะพูดจา หรือทำท่าทางแปลกๆ กับฉินตงเฉี่วยจนทำให้นางโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
ฉินตงเฉี่วยได้กลายมาเป็นผู้ดูแลหลิงหยุน และหนิงหลิงยู่มากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ทั้งสองคนต่างก็เป็นญาติที่ใกล้ชิดกับหนิงหลิงยู่ที่สุด เธอจึงไม่ต้องการให้ทั้งคู่ทำหน้าตาถมึงทึงใส่กันเช่นนี้
“หลิงยู่.. เป็นความผิดของพี่เอง เธอไปทำธุระของเธอเถอะ พี่ใหญ่ยินยอมรับโทษจากน้าหญิง เธอไม่ต้องเป็นห่วง..”
หลิงหยุนยิ้มให้หนิงหลิงยู่พร้อมกับร้องบอกเธอต่อหน้าฉินตงเฉี่วยซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา แต่ในใจของเขากลับไม่ได้นึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะฉินตงเฉี่วยสั่งให้เขานั่งลง แล้วยังจะมีบทลงโทษที่รุนแรงอะไรได้อีก!
ในที่สุดหนิงหลิงยู่ก็วางใจ และยอมเดินออกไป..
ฉินตงเฉี่วยมองหลิงหยุนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยดวงตาที่สงบนิ่ง แต่กลับแอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ!
“น้าหญิง.. ท่านเก่งมากเลย! เพียงแค่ไม่กี่วันก็สามารถฝึกวิชาดาราคุ้มกายได้ถึงระดับสี่แล้ว”
และผลลัพธ์ของการฝึกวิชาดาราคุ้มกายนี้ ทำให้ร่างกายของฉินตงเฉี่วยแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมสองสามเท่า และผิวพรรณที่สวยงามอยู่แล้วนั้น ตอนนี้ก็ใสราวกับผลึกแก้ว และเนียนนุ่มราวกับไหม จุดตันเถียน และเส้นลมปราณก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เวลานี้ฉินตงเฉี่วยเข้าใกล้ขั้นเซียนเทียน-4 มากแล้ว และสามารถที่จะผ่านเข้าสู่ระดับกลางของขั้นเซียงเทียนได้ทุกเมื่อ
“เจ้าเด็กเหลือขอ! วันนี้ยังไงเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น!” เพียงแค่พริบตาเดียว ฉินตงเฉี่วยก็สามารถเปลี่ยนเป็นผู้ปกครองที่เข้มงวด นางเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างกายหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบข้างใบหูของเขา
จากนั้นก็เอื้อมออกไปบิดใบหูของหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้ว่าหลายวันที่เจ้าไปทะเลนั้น เจ้าไปทำอะไรมาบ้าง? เจ้าต้องเล่าทุกอย่างออกมาให้หมด หากเจ้ากล้าโกหกข้าแม้แต่นิดเดียว ข้าจะดึงหูเจ้าให้ยานเลย!”
เมื่อหลิงหยุนเห็นฉินตงเฉี่วยมาไม้นี้ เขาจึงไม่สามารถแสร้งทำสีหน้าสงบนิ่งได้อีก เพราะไม่เช่นนั้นหากให้หนิงหลิงยู่มาเห็นเข้า ภาพพจน์พี่ใหญ่ของเขาคงต้องเสียหายอย่างแน่นอน เขาจึงรีบร้องขอความเมตตาจากฉินตงเฉี่วย
“น้าหญิง.. ข้าเจ็บ! ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่กล้าทำโกหกแน่!”
ฉินตงเฉี่วยรู้ดีว่าหลิงหยุนไม่ได้เจ็บอย่างที่ร้องออกมาจริงๆ แต่นางก็ใจอ่อน มือที่บิดใบหูอยู่จึงค่อยๆคลายออก
……….
“อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง..”
หลิงหยุนไม่กล้าปิดบังอีก ตอนนี้ไป๋เซียนเอ๋อก็ได้กลายร่างสำเร็จแล้ว จึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องปิดบังอะไร จึงได้เล่าเรื่องราวบนเกาะเตียวหยูให้ฉินตงเฉี่วยฟังจนหมด
แต่แน่นอนว่า.. ในส่วนที่เขาได้รับบททดสอบจากสวรรค์ที่น่าสยดสยองอย่างมากนั้น หลิงหยุนเกรงว่าทั้งฉินตงเฉี่วย และหนิงหลิงยู่จะเป็นห่วง จึงได้แต่เก็บไว้ในใจไม่กล้าพูดออกไป
“เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ข้าเล่า น้าหญิง.. หลิงยู่.. ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่กังวลใจเรื่องที่ต้องทำท่านกับหลิงยู่เป็นห่วงเสียที่ใหน?”
หลิงหยุนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว หลังจากที่เขาเล่าทุกอย่างจนจบ จึงยกแก้วน้ำชาที่หนิงหลิงยู่นำมาวางไว้ให้ขึ้นดื่ม
“โอ้..! ที่แท้ระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ ก็มีบททดสอบจากสวรรค์เพื่อให้สุนัขจิ้งจอกกลายร่างเป็นมนุษย์จริงๆด้วย เรื่องราวที่เขียนไว้ในหนังสือพวกนั้นก็ล้วนเป็นความจริง..”
ฉินตงเฉี่วยพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น จนลืมตัวปล่อยมือออกจากใบหูของหลิงหยุนทันที และริมฝีปากรูปสวยของนางก็อ้ากว้างเป็นวงกลม
แม้ว่าการกลายร่างของไป๋เซียนเอ๋อจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ และตกอกตกใจมาก แต่ก็ยังไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากับเรื่องที่หลิงหยุนเผชิญหน้ากับเรือลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่น และเหล่านินจาอีกหลายร้อยคน ฉินตงเฉี่วยฟังและนึกภาพที่น่าเกรงขามของหลิงหยุนในระหว่างที่ปกป้องไป๋เซียนเอ๋อตามไปด้วย
“โอ้โห.. ที่แท้การเกิดฟ้าผ่ารุนแรงที่ทะเลจีนตะวันออก ก็เป็นผลมาจากการกลายร่างของไป๋เซียนเอ๋อเองหรือคะ?”
หนิงหลิงยู่เคยเห็นสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมาแล้ว แต่เธอกลับนึกไม่ถึงว่า สุนัขจิ้งจอกสีขาวที่เสี่ยวเม่ยหนิงอุ้มไว้แทบจะตลอดเวลานั้น จะสามารถกลายร่างเป็นคนได้!
“นี่หลิงยู่.. เธอยังจำเหตุการณ์ปรากฏการณ์มังกรเล่นน้ำได้มั๊ย? แล้วก็เรื่องที่งูยักษ์กลายเป็นมังกรอีก.. เธอลืมไปหมดแล้วหรือยังไง?”
แทบไม่ต้องพูดถึงหนิงหลิงยู่ เพราะแม้แต่ฉินตงเฉี่วยเองยังถึงกับมองหลิงหยุนนิ่งด้วยความตกตะลึงก่อนจะร้องโวยวายออกมา
“เจ้าหลอกข้าว่าไปฝึก.. ที่แท้ก็พาสุนัขจิ้งจอกไปกลายร่าง เรื่องนั้นข้าพอเข้าใจได้! แต่เจ้าคิดบ้างไหมว่า หากพวกเจ้าไม่สามารถผ่านบททดสอบแล้วถูกฟ้าผ่าตายทั้งคู่ ข้ากับหลิงยู่จะทำอย่างไร?!”
หลิงหยุนได้เห็นฉินตงเฉี่วยแสดงความห่วงใยออกมาเช่นนี้ เขาจึงเกิดอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่ไม่อาจอธิบายได้ และได้แต่ก้มหน้าหน้าแล้วตอบไปว่า
“น้าหญิง.. ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว! ข้าสัญญาว่าครั้งต่อไป..”
“ยังจะมีครั้งต่อไปอีกงั้นรึ?”
ฉินตงเฉี่วยได้ฟัง ก็ถึงกับอึ้งไป นางยกมือขึ้นบิดใบหูของหลิงหยุนอีกครั้ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เจ้าทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ เจ้ายังคิดว่าจะมีครั้งต่อไปอีกงั้นรึ?!”
หลิงหยุนรีบถามขึ้นว่า “เอ่อ.. ไม่มีครั้งต่อไปก็ได้.. ไม่มีครั้งต่อไป..”
ฉินตงเฉี่วยเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงดุหลิงหยุนต่อ “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนกว่าจะสอบเอนทรานซ์เสร็จ เจ้าต้องรับปากข้าว่า.. ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรต้องสะสางก็ตาม ต้องรอจนกว่าจะสอบเอนทรานซ์เสร็จเท่านั้น!”
“ข้าทราบแล้วน้าหญิง..” หลิงหยุนไม่โต้แย้งใดๆ เพื่ออิสรภาพของตนเอง และได้แต่พยักหน้ารับปาก
หลิงหยุนไม่ได้รับปากเพราะเกรงกลัว หรือว่าหวาดกลัว เหตุผลที่เขาต้องเชื่อฟังฉินตงเฉี่วยมีเพียงแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นก็คือความรักความจริงใจที่ฉินตงเฉี่วยมีให้กับเขาจริงๆ
“ในเมื่อจิ้งจอกนั่นก็กลับมาพร้อมกับเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าไม่พานางมาที่บ้านให้ข้ากับหลิงยู่ได้พบบ้าง?”
ฉินตงเฉี่วยอยากจะเห็นว่าไป๋เซียนเอ๋อนั้นมีหน้าตาเช่นไร?
หลิงหยุนตอบไปว่า “น้าหญิง.. นางชื่อไป๋เซียนเอ๋อ ข้าเกรงว่าท่านกับหลิงยู่จะไม่สามารถยอมรับนางได้ จึงจัดให้นางไปอยู่ที่อื่น..”
ฉินตงเฉี่วยประชดหลิงหยุน “เราสองคนนี่นะจะยอมรับนางไม่ได้? นี่เจ้าคิดว่าข้ากับหลิงยู่เป็นคนเช่นไร?”
“สองวันนี้หากเจ้ามีเวลา ก็ไปพาเซียนเอ๋อกลับมาที่บ้าน..”
ฉินตงเฉี่วยลูบไล้ผมยาวสวยงามพร้อมกับยิ้มจนเห็นฟันสวยขณะที่ร้องสั่งหลิงหยุน