เดิมทีก็มีนักค้าหยกสองคนคิดจะต่อรองราคาเพื่อแย่งซื้อมาเช่นกัน แต่เห็นแบบนี้แล้วต่างก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมา
“ตกลงครับ!” จ่านป๋ายพยักหน้า
ซีเหมินจินเหลียนก็รีบควานหาเช็คเงินสดเขียนไปสองหมื่น แล้วยื่นไปให้กับคุณจาง และส่งสัญญาณเป็นนัยให้จ่านป๋ายนำหินสองก้อนนั้นขนย้ายไป
เจียงเจิ้นยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน “คุณจ่านต้องการที่จะเจียรหินเลยไหมครับ? ที่ผมมีเครื่องเจียระไนอยู่”
จ่านป๋ายมองไปทางซีเหมินจินเหลียน เห็นเธอยิ้มมุมปาก เขาก็เลยพูดขึ้น “ได้ครับ ผมเห็นคุณจางเจียระไนหินแล้ว ก็เลยคันไม้คันมือขึ้นมา อยากจะซื้อมาตัดเล่นบ้าง!”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่ส่งเสียงหัวเราะ นักเดิมพันส่วนใหญ่ก็ซื้อมาเพื่อหวังผลทั้งนั้น ซื้อมาตัดเล่นเนี่ยนะ? เขาคิดได้อย่างไรกัน
แต่ทุกคนก็รู้ว่าจ่านป๋ายไม่ได้ดูสินค้า ที่เขาซื้อไว้ก็น่าจะเป็นเพราะผู้หญิงข้างกายของเขา เฮ้อ…ก็แค่พวกผู้ชายที่ชอบทำเป็นฮีโร่ต่อหน้าหญิงสาว! มีคนคิดแบบนี้อยู่ในใจ หินหยกดิบที่ถูกคนปลอมแปลงไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเผยสีเขียวออกมา แต่ตอนนี้หินหยกปลอมก้อนนี้ก็ถูกคุณจางตัดจนเละไปหมดแล้ว โอกาสที่จะเผยสีเขียวก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นหินหยกแพ้เดิมพันก้อนหนึ่ง เขาก็โง่หรืออย่างไรกัน? นี่ถ้าไม่ได้ต้องการจะแสดงตัวเป็นฮีโร่ แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก?
จ่านป๋ายขี้เกียจจะสนใจคำพูดครหาของพวกเขา เจียงเจิ้นก็เรียกให้ลูกน้องคนหนึ่งนำเครื่องเจียระไนมาเสียบปลั๊กไฟ และนำหินหยกในนั้นก้อนหนึ่งมาวางไว้บนเครื่องเจียร ซีเหมินจินเหลียนมองแล้วก้อนนั้นไม่มีหยกพอดี จ่านป๋ายกำลังคึก ถ้าอย่างนั้นก็เหมาะจะให้เขาตัดเป็นก้อนเต้าหู้เลย
ทางฝั่งของน้องชายคุณจางนั้น เขาก็เริ่มเจียรหินหยกก้อนใหญ่ต่อโดยที่มีลูกน้องในร้านสองสามคนคอยช่วยเหลือ ส่วนเจียหยวนฮวานั้นก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน รีบเดินเข้าไปหาจ่านป๋ายเพื่อมองดูเขาเจียรหิน
จ่านป๋ายมักจะเจียรหินด้วยความรวดเร็ว เมื่อจัดวางตำแหน่งหินหยกเรียบร้อยแล้ว เขาจึงวาดเส้นจากตรงกลาง จากนั้นก็จับด้ามจับ เมื่อลงมีดแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการผ่าแตงโม
แน่นอนว่าหินหยกดิบก้อนนี้ก็ไม่ทำให้ทุกคนแปลกใจ เนื้อหินสีขาวที่ดูไม่ได้ ดูเหมือนไม่มีอนาคตสักนิด
แต่จ่านป๋ายก็ไม่ได้สนใจสักนิด เขาเริ่มตัดหินต่อ ด้วยเวลารวดเร็วหินหยกดิบก้อนนั้นก็ถูกเขาตัดออกเป็นก้อนเต้าหู้เสียแล้ว ขนาดเล็กใหญ่คละกันไปทำให้ผู้คนกลัดกลุ้มไม่หยุด
ส่วนทางด้านน้องชายคุณจางที่มีลูกน้องคอยช่วยอยู่ข้างๆ นั้น ตอนนี้เขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างสบายใจแล้ว เป็นเนื้อแก้วแน่ๆ เพียงแต่สีของมันไม่ได้ดึงดูดให้คนชอบสักเท่าไหร่…สีเขียวก็จริง แต่เป็นเขียวดำ อีกอย่างก็ยังคั่นกลางไปด้วยจุดสีขาวที่ทำให้ผู้คนเกลียดชัง
โชคดีที่หินก้อนใหญ่ หากเจียออกมาหมด น่าจะทำของตกแต่งได้สักชิ้น คิดแล้วก็คุ้มค่ากับตั๋วกลับ ไม่อย่างนั้นไปพม่าครั้งนี้เขาก็ขาดทุนย่อยยับแน่
นักธุรกิจแซ่เหลิ่งเดินไปหาจ่านป๋ายแล้วถอนหายใจออกมา “พ่อหนุ่ม ช่างมันเถอะ หินหยกก้อนนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนปลอมขึ้นมา! ไม่มีทางเผยสีเขียวได้หรอก พ่อหนุ่มลองคิดดูสิ หากเผยสีเขียวจริงใครกันจะยังปลอมแปลงมันอีก?”
จ่านป๋ายรู้ว่าเขาเจตนาดี แต่เขาก็เชื่อสายตาในการเดิมพันของซีเหมินจินเหลียนมากกว่า เลยรีบพูดขึ้นว่า “ผมกำลังเบื่อๆ อยู่ ถือเสียว่าฝึกวิชามีดก็แล้วกันครับ!”
ผู้ชมได้ยินเช่นนั้นก็พากันหัวเราะออกมา
จ่านป๋ายจัดการหินหยกก้อนนั้นให้กลายเป็นก้อนเต้าหู้หมดแล้ว เขาก็พลันหันไปมองทางซีเหมินจินเหลียน ฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ดูแล้วเหมือนสองหมื่นนี้จะซื้อไปเสียเปล่าแล้วล่ะครับ”
“ดวงคุณก็ไม่ดีจริงๆ!” ซีเหมินจินเหลียนตั้งใจปัดมือพูด
“ถ้าอย่างนั้นผมตัดก้อนนี้เลยนะ” จ่านป๋ายพูด “คุณเจียง คุณไม่ขัดข้องใช่ไหมครับถ้าผมจะใช้เครื่องเจียระไนหินนี้ต่อ?”
“คุณจ่านพูดอะไรกันครับ? คุณก็ใช้ได้เลย เห็นผมเป็นคนขี้งกขนาดนั้นเลยเหรอครับ!” เจียงเจิ้นหัวเราะแห้ง ในใจสงสัยไม่หยุด หรือว่าหินหยกที่เคยถูกคนปลอมแปลงนี้จะเผยสีเขียวออกมาจริงๆ? แต่คนที่อยู่ในนี้ก็เป็นนักเดิมพันฝีมือดีและนักค้าหยกทั้งนั้น ถึงน้องชายเขายังอายุไม่มากนัก แต่สายตาในการเดิมพันหินไม่เลวเลยทีเดียว เขาชอบเดิมพันหินเป็นงานอดิเรก แต่ตัวเองไม่ได้มีร้าน หลายปีมานี้ก็อาศัยการเดิมพันหินมาเจียรหิน จากนั้นก็นำหินหยกที่ได้ไปขายกอบโกยกำไร
แม้แต่น้องจางยังไม่สนใจหินก้อนนี้ เขาก็ไม่เชื่อว่าเจ้าหญิงหยกอะไรนี่จะพลิกสถานการณ์จนกอบโกยเงินมาได้
หากหินหยกก้อนนี้ทำให้เธอชนะเดิมพันจริง แล้วหินใหญ่ก้อนนั้นล่ะ?…เจียงเจิ้นถอนหายใจออกมา คิดไปคิดมาและส่ายหน้า อย่าทำอะไรเกินตัวเลยดีกว่า ตอนนี้เขาก็ล้มเหลวมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ก็หันมาจริงจังในการทำธุรกิจดีกว่า เพื่อจะได้ไม่เหมือนน้องสาวของตน สุดท้ายแล้วยอม… จนถึงตอนนี้ยังเคราะห์ซ้ำสองแม่ลูก
เห็นจ่านป๋ายท่าทีไม่ลุกรี้ลุกลนนำหินหยกไปวางบนเครื่องเจียระไนหิน วาดเส้นร่างและตัดเหมือนแตงโม โดยเริ่มตัดจากตรงกลาง ส่วนอีกด้านหนึ่ง เพราะมีสีเขียวออกมาแล้ว จึงคิดว่าอาจจะเป็นเนื้อแก้วก็ได้ แม้ว่าสีจะธรรมดา ไหนจะคั่นกลางด้วยจุดสีขาว แต่น้องชายคุณจางก็ไม่กล้าจะวางใจ ค่อยๆ เจียหินและท่าทีระมัดระวัง
ดังนั้นนักค้าหยกพวกนั้นที่มองดูจ่านป๋ายอยู่ก็รู้สึกว่าเขาคงเบื่อจริงๆ นั่นล่ะเลยซื้อหินหยกก้อนนั้นมาตัดเล่น เพื่อฝึกฝีมือ
จ่านป๋ายตัดต่อไปเรื่อยๆ จากนั้นเมื่อหินหยกเปิดออกมาก็ได้แต่ส่งเสียงร้องตกใจขึ้น “จินเหลียน คุณมาดูนี่สิ มีสีเขียวด้วย…วันนี้ดวงผมไม่เลวเลยนะ”
“หา!” ซีเหมินจินเหลียนรีบเดินเข้าไป ในฝั่งด้านซ้ายของหินที่ตัดออกมามีเส้นสีเขียวทะลุผ่าน สีบริสุทธิ์ และเป็นสีเขียวขจีไม่มีผิดเพี้ยน น้ำงามไม่ต้องพูด แม้จะไม่ใช่เนื้อแก้ว แต่เนื้อน้ำแข็งก็หาเจอได้ยากแล้ว
ได้ยินเสียงจ่านป๋ายบอกว่าตัดเผยสีเขียวแล้ว แม้แต่น้องชายคุณจางก็ทิ้งเครื่องเจียแล้วรีบมามุงดูเช่นกัน
และแม้ว่าเนื้อหินที่ตัดออกมาจะมีสีเขียวแค่เพียงเล็กน้อย ทำให้คนไม่ค่อยสนใจมาก แต่ผู้คนก็ยังคงมารุมล้อมอย่างสนอกสนใจ หนึ่งในนั้นมีคุณเหลิ่งที่เมื่อครู่นี้คอยเกลี้ยกล่อมให้จ่านป๋ายไม่ต้องเจียรหินต่อแล้ว เอ่ยขึ้นว่า “ห้าหมื่น พ่อหนุ่ม ให้ฉันเถอะ!”
ซีเหมินจินเหลียนด่าในใจประโยคหนึ่ง บ้าไปแล้วเหรอ? เห็นสีเขียวแค่นิดๆ หน่อยๆ ข้างในยังไม่รู้อะไรเลย แต่เขาดูแค่แวบเดียวก็ขอให้จ่านป๋ายขายต่อให้เขาแล้ว อีกทั้งยังเปิดราคาสูงถึงห้าหมื่น?
ไม่น่าล่ะสองปีมานี้ตลาดหยกถึงได้ราคาสูงลิ่ว นี่ไม่ใช่เรื่องไม่มีเค้ามูล
“เอ่อ…” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูดขึ้น “ผมบอกแล้วไงว่าผมซื้อมาตัดเล่นๆ ถ้าเผยหยกออกมาแบบนี้ ผมต้องให้เพื่อนใช้ฝีมือทำเครื่องประดับสักหน่อย ขายไม่ออกก็ถือว่าซื้อมาเป็นของที่ระลึก”
คุณเหลิ่งได้ยินแล้วส่ายหน้าไม่หยุด ส่วนสีหน้าค่าตาของน้องชายคุณจางกลับแจ่มใส…หินหยกก้อนที่เขาคิดว่าเป็นหินไร้ค่า คิดไม่ถึงว่าจะเผยสีเขียวออกมา? นี่ก็ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
ขอให้มีแค่เส้นสีเขียวเถอะ ไม่เช่นนั้นคืนนี้เขาคงขาดทุนยับแน่
จ่านป๋ายยิ้มและหยิบเครื่องเจียระไนมือเล็กๆ จากด้านข้าง เจียรเนื้อหินไปหน่อย จากนั้นหาน้ำสะอาดราดลงไปด้านบน ชะล้างเนื้อหินให้สะอาดเกลี้ยง ไม่นานสีเขียวมรกตขนาดเล็กเท่าฝ่ามือก็ประจักษ์แก่สายตาทุกคน
“ของดีนี่นา!” เจียหยวนฮวาเอ่ยปากพูดชมไม่หยุด เขาเป็นคนรอบรู้ แต่การที่มีหินหยกปลอมแล้วเดิมพันเนื้อหยกลักษณะแบบนี้ได้ มันไม่ใช่ดวงเท่านั้น
ในใจเขารู้ดี ที่จ่านป๋ายซื้อหินหยกดิบก้อนนี้เป็นเพราะคำสั่งของซีเหมินจินเหลียน…แต่เขาไม่เข้าใจหินหยกเมื่อสักครู่ เขาดูแล้วว่ามันน่าจะปลอมนี่น่า ไม่น่าจะมีโอกาสเผยสีเขียวได้แน่นอน เจ้าของคนเก่าจึงย้อมแมว
แต่เธอชี้ขาดได้อย่างไรว่าหินหยกแบบนั้นจะยังมีสีเขียวได้อีก?
จ่านป๋ายจัดวางตำแหน่งหินหยกอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มตัดไปรอบด้านของหินหยก ไม่นานเขาก็เจียรหินหยกก้อนนี้ออกมาจนเสร็จ ขนาดไม่ใหญ่มาก รูปทรงสี่เหลี่ยม มีขนาดเท่าฝ่ามือ ความหนาประมาณสองเซนติเมตร แต่เป็นสีเขียวสดบริสุทธิ์ เนื้อน้ำแข็ง น้ำงามเปล่งปลั่ง มีรอยเล็กน้อย
ไม่มีทางที่จะทำเป็นของตกแต่งได้ แต่ถ้าทำเป็นเครื่องประดับแน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึง
“คุณจ่านนี่ดวงดีจริงๆ นะครับ ผมก็ดูพลาดไปแล้ว!” น้องชายคุณจางไร้สติ แม้ว่าการไปพม่าครั้งนี้เขาไม่ได้เดิมพันแพ้และยังได้กำไรมาบ้าง แต่เดิมทีแทนที่เขาจะได้ของดีมาไว้ในมือ ตอนนี้กลับโง่ขายไปให้คนอื่นด้วยราคาต่ำ
เฮ้อ นี่ต้องโทษรอยมีดพวกนี้ หากไม่ใช่ว่าตอนเจียระไนเจอร่องรอยปลอมแปลง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาคงไม่ขายด้วยราคานี้ต่อให้คนอื่นแน่
จากนี้เวลาเดิมพันหิน ถ้าไม่ตัดหินหยกเป็นก้อนเต้าหู้ เขาก็จะไม่มีทางยอมขายให้คนอื่นแน่ คุณจางได้แต่กระฟัดกระเฟียดในใจ
แน่นอนว่าจ่านป๋ายไม่รู้เรื่องนี้ และเขาก็หยิบกระดาษหนังสือพิมพ์บนโต๊ะข้างๆ ห่อหินหยกดิบก้อนเล็กๆ นี้เอาไว้ส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียน “ตั้งแต่ที่ผมรู้จักคุณมา ดวงของผมก็ดีตลอดเลย!”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาบางๆ รับหินหยกก้อนนั้นมาเก็บไว้ และอมยิ้มบอกลาผู้คน เพราะว่ามีนัดไปดูสินค้ากับทางชายชรา!
เมื่อเดินไปที่ประตูโกดัง จู่ๆ ก็ได้ยินนักธุรกิจหยกคนหนึ่งถอนหายใจพูดขึ้นว่า “เด็กสมัยนี้ ค่อยๆ เก่งขึ้นทุกวัน”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะชะลอฝีเท้าให้ช้าลง เงี่ยหูฟังเจียงเจิ้นพูด “อะไรนะคะ?”
“เรื่องวันนี้อย่างไรครับ เรื่องใหญ่ขนาดนั้น คุณก็ไม่รู้เหรอ?” น้องชายของคุณจางพูดเสียงดังขึ้น “วันนี้ตอนบ่ายที่ถนนหยกโบราณ มีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ฮะๆ เธอก็สวยมากเลย ส่วนผู้ชายก็หน้าตาธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเดิมพันได้สีเขียวจักรพรรดิ” ในระหว่างที่พูดเขาก็ทำท่าทำทาง “น่าจะหนักสักยี่สิบสามสิบกิโลได้ คุณลองคิดดูสิ ถ้าคิดตามกิโลแล้วราคาจะประมาณไหนกัน?”
ประโยคด้านหลัง ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ฟังต่อ เมื่อเดินถึงหน้าปากประตูแล้วเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถามขึ้นว่า “คุณรู้เรื่องนี้ไหม?”
“รู้สิครับ เป็นฉินเฮ่ากับอวิ๋นเจีย” จ่านป๋ายพูด “พวกเขาก็ดวงดีใช้ได้เลย!”
“อวิ๋นอวิ้นมาเจียหยางแล้วหรือยัง” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ยังครับ” จ่านป๋ายสายหน้าพูด “เธอไปพม่าคนเดียวน่ะ”
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว เธอไปพม่านี่นะ?
“ผู้อาวุโสหูคนนั้น ก็อยู่ที่พม่า” จ่านป๋ายพูดเสริมอีกประโยค
“อืม ฉันรู้แล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ผู้อาวุโสหูโทรมาบอกเธอแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ที่พม่า แต่นั่นก็ช่างมันเถอะ สิ่งที่เธอสงสัยก็คือความสามารถในการเดิมพันหินของอวิ๋นเจีย ของแบบนี้ไม่ใช่เล่นๆ แล้วจะได้ อยากจะฝึกสายตาให้ดีก็ต้องฝึกจากของเล็กๆ ไปจนกระทั่งสะสมประสบการณ์การเดิมพันอย่างต่อเนื่อง