เจียงเจิ้นยิ้มฝืนพลางส่ายศีรษะพูด “นี่มันก็พูดยาก” พูดพลางเขาก็เหลียวไปมองซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่ง ถ้าเธอไม่เปิดราคามาสูงเอง เขาคงไม่พลั้งใจอยากจะตัดหินหรอก แต่นี่ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าหญิงหยกที่ลือกันตามตำนานก็มีโอกาสที่จะเดิมพันแพ้
การเดิมพันหินไม่มีทางที่จะไม่พ่ายแพ้
น้องชายจางก็มองไปที่จ่านป๋ายอีกรอบ จากนั้นมองซีเหมินจินเหลียนและยิ้ม “สาวน้อยคนนี้ก็สวยจริงๆ นะ” พูดจบก็ลากเสียงสูงพูดกับจ่านป๋าย “น้องชาย ระวังไว้บ้างนะ อย่าเที่ยวนำเงินทุนของภรรยามาวางลงทั้งหมดล่ะ ฟังคำพูดพี่ไว้ให้ดี ไม่ผิดหรอก การเดิมพันนี่นะ ควรเหลือทุนไว้สักสามส่วน ไม่อย่างนั้นเวลาขัดสนข้นแค้น ร้องไห้สักแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไรหรอก!”
จ่านป๋ายปัดคราบฝุ่นด้วยสองมือพร้อมยิ้ม “ขอบคุณพี่ชายที่เตือนสติครับ” เขาพูดพร้อมหันไปยิ้มกับซีเหมินจินเหลียน “คุณเรียกรถกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการหินก้อนนี้เสร็จแล้วจะกลับไป น่าจะต้องใช้เวลาสักชั่วโมง”
“อืม คุณไปจัดการเถอะ ฉันกลับเองได้!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด
จ่านป๋ายพยักหน้า ความปลอดภัยในเมืองเจียหยางค่อนข้างดี ทำให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงซีเหมินจินเหลียนสักเท่าไหร่ และจากที่เขารู้จักเธอมา คนทั่วไปหากคิดจะมาลอบกัดเธอ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“น้องชาย นายไปจัดการเรื่องของตัวเองเถอะ คุณผู้หญิงท่านนี้ถ้าสนใจก็อยู่ดูผมเจียระไนหินต่อได้นะครับ อีกเดี๋ยวนายก็ค่อยมารับเธอทางนี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอ?” น้องชายของคุณจางคนนั้นมีความเป็นกันเอง เขาเอ่ยปากพูดกับจ่านป๋ายและหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียนต่อว่า “คุณผู้หญิงคนสวย ไม่ทราบว่าชื่นชอบหยกไหมครับ”
“ใครๆ ก็ต่างชอบหยกกันนี่คะ!” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ดูพวกเราเจียระไนหินดีไหมครับ” น้องชายคุณจางพูดเชื้อชวนเธอ “ผมยังเชิญเพื่อนนักเดิมพันที่มีชื่อเสียงคร่อมวงการนี้มาด้วยหลายคนเลยนะ”
ซีเหมินจินเหลียนมองจ่านป๋าย เขาก็พูดขึ้นว่า “ก็ดีนะครับ คุณอยู่ต่อก่อนละกัน เดี๋ยวผมมารับ”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เมื่อเห็นจ่านป๋ายไปแล้ว เธอจึงเดินกลับเข้าไปในบ้านของเจียงเจิ้นพร้อมกับน้องชายของเขา ในขณะที่ทั้งสามยังไม่ทันได้นั่งลงก็ได้ยินเสียงของแตรรถยนต์
คุณจางรีบเด้งตัวพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า “มาแล้วๆ พี่เจียง พวกเรารีบออกไปกันเถอะ!” พูดจบเขาก็เดินไปทางหน้าประตูด้วยความเร็วแสง
ซีเหมินจินเหลียนและเจียงเจิ้นเดินตามกันมา เห็นว่ามีรถขนสินค้าหนึ่งคัน และรถตู้อีกหนึ่งคันจอดอยู่ที่ปากประตู
ประตูรถตู้เปิดออก ก็มีคนเดินลงมาจากรถ ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไปในทันที คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเจียหยวนฮวาที่นี่ และยังมีคนอีกสี่คนที่มาพร้อมกับเขา แต่เธอกลับไม่รู้จักสักคน แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นนักธุรกิจค้าหยก
นักค้าหยกไม่จำเป็นต้องเปิดบริษัทจิวเวอรี่ เพราะขั้นตอนในการเปิดบริษัทจิวเวอรี่ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องทำธุรกิจในวงกว้าง และจำเป็นต้องมีร้านและโรงงานแปรรูปหยกของตัวเอง
แต่นักค้าหยกคนธรรมดา บางทีก็ต้องการแค่ห้องใต้ดินกับหินหยกสักนิดหน่อย มีฝีมือในการผ่าหินรวมไปถึงแกะสลักเอง จากนั้นก็ค่อยหาลูกค้าแล้วขายออกไป แน่นอนว่านักค้าหยกพวกนี้ โดยปกติมักชอบอู้งานอยู่ในเจียหยาง ชอบมองคนอื่นเจียระไนหินตรงนู้นทีตรงนั้นที หากเผยสีเขียวเมื่อไหร่ พวกเขาก็แค่แก่งแย่งราคาซื้อมาไว้ในครอบครอง เพราะยังไงหลังจากที่ใช้ฝีมือจนเป็นสินค้าหยกแล้ว ราคาขายของมันก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
เช่นเดียวกับนักเดิมพันหินอย่างเจียหยวนฮวา พวกเขาก็มีความสุขที่ได้คบค้าสมาคมด้วย
ชื่อเสียงในวงการของเจียหยวนฮวาค่อนข้างโด่งดังและได้รับเสียงตอบรับที่ดี ส่วนมากเวลาชนะเดิมพัน เขาก็จะขายหินหยกดิบทันทีด้วยราคาที่ไม่สูงมาก
“ผู้อาวุโสเจีย คิดไม่ถึงว่าท่านจะให้เกียรติมาที่นี่” คุณจางมีใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เดิมพันหินตัดหินเป็นเรื่องธรรมดา คนบางคนเก็บไว้เพื่อตัดเองลับๆ ก็เหมือนกับตัวเธอ ตอนนี้นอกจากเหตุผลพิเศษที่จำเป็นจริงๆ แล้ว เธอถึงจะตัดต่อหน้าผู้คน แต่ถ้าไม่ใช่เธอก็ไม่หาเรื่อง
ส่วนคนอื่นๆ ที่ต้องการขายหินหยกดิบ พวกเขาก็หวังที่จะตัดหินต่อหน้าผู้คน เพราะถ้าเดิมพันชนะก็สามารถขายออกไปได้ในพริบตาเดียว หากมีนักธุรกิจค้าอัญมณีอยู่ในนั้นเยอะเท่าไหร่ ราคาก็ต้องสูงขึ้นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงได้ขาดทุนแน่
ดังนั้นซีเหมินจินเหลียนจึงมั่นใจว่าน้องชายคุณจางคนนี้น่าจะเป็นนักเดิมพันหินด้วยความบริสุทธิ์ใจ วันนี้ที่ตัดหินก็เป็นเพราะว่าหากเดิมพันชนะก็จะขายมันออกไปทันที
เมื่อคิดได้แบบนี้ ความสนใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น เพราะถ้าเป็นสมบัติเก็บสะสมของเขา แม้จะผ่าออกมาเป็นหยกดีแค่ไหน เธอก็คงพลาดโอกาสไปต่อหน้าต่อตา แต่หากเขาต้องการที่จะขายจริงๆ เธอก็จะซื้อจริงเหมือนกัน
นักเดิมพันส่วนใหญ่ต่างไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่กันที่ตนนั้นได้สนใจในการผ่าหินเข้าแล้ว
เจียหยวนฮวายิ้มทักทายน้องชายคุณจางเล็กน้อย สายตาเหลือบไปเห็นซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย “คุณซีเหมิน ได้ยินอาจารย์บอกว่าคุณมาที่เจียหยาง คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณที่นี่? คุณมาคนเดียวเหรอ แล้วคุณจ่านล่ะ?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกลับไปให้เขา “เสี่ยวป๋ายเขาซื้อหินหยกก้อนหนึ่งน่ะค่ะ ตอนนี้ดีใจใหญ่คงวุ่นวายกับการย้ายของอยู่ คุณจางท่านนี้เลยเชิญให้ฉันอยู่ต่อดูเขาเจียหินค่ะ ฉันเลยอยู่ต่อดูความสนุกสักหน่อย”
“ผู้มีพระคุณเขาสบายดีไหม” เจียหยวนฮวารีบถาม
ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา “คุณยังไม่รู้เลย แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ?” ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสหูเคยโทรมาหาเธอจริง แต่เมื่อคิดถึงบทสนทนาที่พูดคุยกันแล้ว หน้าเธอก็พลันแดงก่ำจนไม่รู้จะแดงถึงขนาดไหนแล้ว
“ผู้อาวุโสเจียรู้จักกับคุณหนูท่านนี้ด้วยเหรอครับ?” คุณจางยิ้ม
“รู้จักสิ!” เจียหยวนฮวาพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ แนะนำให้ซีเหมินจินเหลียนรู้จักกับคนอื่นๆ และไม่ผิดจากที่เธอคาดการณ์ไว้ทั้งหมดเป็นนักค้าหยก
“เชิญครับ ทุกท่านอย่ามัวพูดคุยกันอยู่หน้าประตูเลย เข้ามานั่งข้างในก่อน!” เจียงเจิ้นผู้เป็นเจ้าของรีบทักทาย
“ไม่ต้องนั่งหรอก ถ้าคนมาครบกันหมดแล้วพวกเราก็เริ่มกันเลยเถอะ! ฉันก็อดใจรอไม่ไหวแล้ว!” ในนั้นมีนักค้าหยกคนหนึ่งยิ้ม
“ใช่ๆๆ ผมก็ร้อนใจไปหมด!” คุณจางพูด “หินหยกทั้งสองก้อนนี้ ผมซื้อมาด้วยเงินไม่น้อยเลยนะ”
ในระหว่างที่พูดนั้น ลูกน้องของเจียงเจิ้นก็เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว รีบขนย้ายหินหยกเข้าไปในโกดัง คนอื่นๆ เลยเดินตามเข้าไปข้างใน
ซีเหมินจินเหลียนเริ่มกวาดสายตาสำรวจหินหยกทั้งสองก้อนที่กำลังจะเริ่มเจียระไน หินไม่ได้ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับหินที่เธอซื้อเมื่อสักครู่แล้ว ในนั้นมีก้อนหนึ่งที่ค่อนข้างเล็ก หนักประมาณยี่สิบกิโลกรัม ก้อนอื่นหนักห้าสิบหกสิบกิโลกรัม ก้อนใหญ่มีผิวสีเหลือง และมีเส้นลายหยกหนึ่งเส้น จุดหยกครอบคลุมถึงครึ่งของผิวหิน ลักษณะดีมาก
ส่วนก้อนเล็กนั้นผิวสีดำอีกาได้มาตรฐาน น่าจะมาจากหมาเหมิง บนผิวเปิดเผยเนื้อหยกที่เปลือยออกมา แน่นอนว่าต้องเป็นเนื้อแก้วสีเขียวสด
แม้จะมีขนาดเล็กใหญ่เท่าครึ่งฝ่ามือ แต่ลักษณะเล็กน้อยนี้ก็สามารถบ่งบอกถึงความจอมปลอมที่ไม่สิ้นสุด