ตอนที่ 1467 การผงาดขึ้นมาของอาณาจักรล่าง (3)
ในขณะที่ผู้คนในอาณาจักรล่างกำลังเรียนรู้และทำความเคยชินกับเรื่องทั้งหมดนี้ คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังเดินออกจากสถานที่ที่เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นเหยียนอย่างเงียบๆ
“พูดก็พูดเถอะ……เจ้าคิดว่ามันดีจริงๆหรือที่ทิ้งความวุ่นวายไว้ที่นี่แล้วหนีไปแบบนี้น่ะ?” เฉียวฉู่ขยับห่อผ้าบนหลังให้เข้าที่ก่อนจะปีนขึ้นรถม้า เขามองจวินอู๋เสียอย่างข้องใจ
อาณาจักรล่างที่ถูกแบ่งแยกได้กลับมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน จวินอู๋เสียใช้ชื่อของนางในฐานะจักรพรรดิแห่งแคว้นเหยียน เชิญผู้ครองแคว้นทั้งหมดมารวมตัวกัน เปิดเผยให้พวกเขารู้ถึงการมีอยู่ของอาณาจักรกลางและทุกสิ่งที่พวกเขาได้กระทำกับอาณาจักรล่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาณาจักรล่างนั้นอ่อนแอ ถ้าพวกเขาไม่รวมกันเป็นหนึ่ง ในอนาคตพวกเขาจะต้องกลายเป็นเหมือนสัตว์ที่อาณาจักรกลางสามารถสังหารได้ตามใจชอบ
ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีอย่างรุนแรงของพวกคนพิษในครั้งนี้ ผู้ครองแคว้นทั้งหลายคงไม่เชื่อคำพูดของจวินอู๋เสีย แต่หลังจากได้ประสบกับตัวเองแล้ว พวกเขาก็เข้าใจว่านั่นคือความแข็งแกร่งที่พวกเขาไม่มีหวังเลยว่าจะต่อสู้ได้
การสลายเขตแดนและการแบ่งแยกของแคว้นทั้งหมด เหลือไว้แต่เพียงตัวอักษรที่อ่านว่า “ดินแดนแห่งการอุบัติ” เมื่ออาณาจักรล่างรวมกันเป็นหนึ่ง ความแข็งแกร่งที่รวมเข้าด้วยกันของพวกเขาจะกลายเป็นพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ จวินอู๋เสียได้สอนวิธียกระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราวให้กับผู้ครองแคว้นทุกคนด้วย เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามใช้วิธีที่เร็วที่สุดในการลดความเหลื่อมล้ำของพลังระหว่างอาณาจักรล่างและอาณาจักรกลาง
แต่……
แม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่สุดท้ายจวินอู๋เสียก็ถูกกลุ่มผู้ครองแคว้นทั้งหมดที่รู้สึกขอบคุณอย่างมากจนเกือบน้ำตาไหลพราก ผลักดันให้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้จวินอู๋เสียคาดไม่ถึงจริงๆ
ผลก็คือ……
นางลากเพื่อนนางทั้งกลุ่มชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
จวินอู๋เสียชะงักไปนิดนึงก่อนจะพูดว่า “กว่าอาณาจักรล่างจะขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับอาณาจักรกลาง มันต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง และช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการก็คือสิ่งที่พวกเราจะไปสู้เพื่อให้ได้มา” จวินอู๋เสียลากเพื่อนๆของนางออกมาและเตรียมจะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรกลาง จากที่ผู้อาวุโสจากวิหารปีศาจเพลิงบอก ช่วงนี้อาณาจักรกลางไม่ค่อยสงบสุข เหมาะกับจุดประสงค์ของพวกเขาพอดี
“ทำไมข้ารู้สึกว่านี่ฟังเหมือนข้ออ้างเลยล่ะ?” เฉียวฉู่ชำเลืองมองจวินอู๋เสีย ท่าทางของนางเหมือนกำลังหนีมากกว่า
หลังจากจวินอู๋เสียปีนขึ้นไปบนรถม้า นางก็เห็นว่าจวินอู๋เหยายังคงยืนอยู่ข้างนอก ไม่ตามนางเข้ามาข้างใน สายตาของนางจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
จวินอู๋เหยายิ้มให้นางและพูดว่า “เจ้าไปก่อนเถอะ ข้ายังมีธุระที่ต้องจัดการ”
แม้ว่าเขาจะอยากอยู่เคียงข้างนาง แต่เขาก็ทำได้แค่เลือกแยกทางกับนางชั่วคราว
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาราวกับต้องการสลักใบหน้านั้นให้ฝังลึกเข้าไปในใจนาง ในที่สุดนางก็พยักหน้าและนั่งลงในรถม้า
จวินอู๋เหยายืนเอามือไพล่หลัง มองดูรถม้าที่ค่อยๆเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ
เย่เหม่ยยืนอยู่ข้างหลังเขา ครั้งนี้จวินอู๋เหยาส่งเย่ฉากับเย่กูไปอยู่ข้างกายจวินอู๋เสียเพื่อดูแลความปลอดภัยของนาง
“นายท่านเจว๋” เย่เหม่ยมองใบหน้าด้านข้างของจวินอู๋เหยา เขารู้สึกได้ว่าดวงตาของจวินอู๋เหยาแฝงความโศกเศร้าเอาไว้จางๆ
นายท่านเจว๋……คงอยากไปกับคุณหนูมากจริงๆ……
“เย่เหม่ย เสี่ยวเสียเอ๋อร์เพิ่งจากไป แต่ทำไมข้าคิดถึงนางแล้วล่ะ?” จวินอู๋เหยามองรถม้าที่ค่อยๆห่างออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆจางหายไปพร้อมกับความรู้สึกที่จุกอยู่ในอก
เย่เหม่ยก้มหน้า ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างไร้เสียง
จวินอู๋เหยาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ละสายตาออกมา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปอาณาจักรกลางกับนาง แต่ถ้าเขาปรากฏในอาณาจักรกลางเคียงข้างนาง คนพวกนั้นก็จะตามรอยเขามาอย่างแน่นอน ถ้าแค่ตัวเขาคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก แต่เขาไม่อยากให้จวินอู๋เสียตกอยู่ในอันตรายแบบนั้น
“น่ารำคาญจริง” จวินอู๋เหยายกมือขึ้น ดวงตาฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง
อยากจะส่งเจ้าพวกนั้นลงนรกเร็วๆจริงๆ