ท้องฟ้ายามราตรียังคงมีดาวแต่งแต้มอยู่ไม่เสื่อมคลาย ผมคิดว่าตัวเองใช้เวลาอยู่ในห้องอาบน้ำแห่งนี้นานเอาเสียมากๆ แต่แล้วมันยังดูเป็นช่วงเวลาย่ำรุ่งอยู่เหมือนเดิม
เพราะความช่วยเหลือจากอิมฮันนา ทำให้ผมสามารถขจัดคราบรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามร่างกายไปได้อย่างสะอาดหมดจด
ผมรู้สึกได้ถึงความสดชื่นที่ปกคลุมเข้าทั่วทั้งร่างกาย ต่างจากตอนก่อนมาอย่างลิบลับ พลางเคลื่อนตัวกลับไปยังที่ของตัวเอง
ตึก ตึก ตึก
ผมเดินเข้ามายังตัวอาคารได้สำเร็จ และในระหว่างที่กำลังขึ้นบันไดมืดๆ ไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่างอยู่นั่นเอง ผมก็คิดถึงเรื่องอิมฮันนาอีกครั้ง
ไม่มีใครที่ไม่เคยมีภูมิหลังมาก่อน
แม้ผมจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องวิเศษวิโสอะไรนัก ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกอารมณ์เสียแต่อย่างใด
ความสนใจของผมในขณะนี้คือ ด้วยความที่วันนี้ผมรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยวมากเป็นพิเศษ แต่พอได้มาฟังเรื่องราวความกังวลใจของอิมฮันนาแล้วนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดี มีความสุขมากขึ้น เรื่องราวของหล่อนได้เข้ามาช่วยบรรเทาความรู้สึกเหงาและอ้างว้างของผม ผมคิดถึงไออุ่นที่รู้สึกได้จากทั่วทั้งร่างของหล่อน พลางเม้มปากตัวเองเบาๆ แต่แล้วก็เกิดกังวลใจขึ้นมา ผมต้องพูดกับโกยอนจูและจองฮายอนอย่างไรล่ะเนี่ย…
ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงหอพักชั้นสี่ และขณะที่กำลังเปิดประตูห้องเข้าไปนั่นเอง ผมก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกหูแปลกตาไปสักเล็กน้อย
มีจุดแปลกอยู่สองจุด
จุดที่หนึ่งคือ ผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดเมื่อครู่ก่อนนั้น บัดนี้กลับดูสะอาดหมดจดไปเสียได้ จุดที่สองคือ บริเวณกึ่งกลางของผ้าปูที่นอนชุดใหม่นี้ กลับโป่งนูนออกมาอย่างผิดสังเกต ผมรู้สึกไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า จึงได้ย่องเข้าไป แล้วถลกผ้าปูที่นอนที่ปูไว้อย่างเรียบร้อยขึ้นมาทันที
ฮี้
ทันใดนั้น ผมก็พบเข้ากับเจ้ายูนิคอร์นที่กำลังนอนคู้ตัว ซุกอยู่กับผ้า คงจะรู้สึกหนาวๆ เย็นๆ ขึ้นมากะทันหันล่ะสิ ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนั้นได้ทันที ผมค่อยๆ อุ้มเจ้ายูนิคอร์นน้อยขึ้นมาอย่างระมัดระวังไม่ให้ตื่น ก่อนที่จะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบ้าง แล้วจึงเข้าไปสวมกอดเจ้ายูนิคอร์นน้อยที่กำลังสั่นงกๆ
ฮี้?
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
เจ้ายูนิคอร์นน้อยรีบผงกหัวขึ้นมาตอบรับการกระทำเช่นนั้นของผม แต่แล้วผมก็ได้ลูบกล่อมมัน จนเริ่มผล็อยหลับลงไปอีกครั้งหนึ่ง ผมรู้สึกได้ว่าเจ้านี่เริ่มมุดตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดมากขึ้น พลางรู้สึกได้ถึงความง่วง ดวงตาใกล้จะปิดอยู่รอมร่อเช่นเดียวกัน
ผมกอดเจ้ายูนิคอร์นที่ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมออีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ
ความหนาวเย็นยังคงปกคลุมทั่วทั้งบรรยากาศภายในห้องอยู่เช่นเดิม แต่แล้วผมกลับคิดถึงไออุ่นที่รู้สึกได้บริเวณช่วงท้อง ผ้าปูที่นอนหอมสะอาด และความรู้สึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนริมฝีปาก
ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่แล้วล่ะ
“อื้อ…”
แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามากระทบกับผิวหน้า จนผมต้องส่งเสียงครวญครางออกมาเบาๆ
…เช้าแล้วเหรอเนี่ย
เข้าสู่เช้าวันใหม่โดยไม่ทันรู้ตัว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ผมยกศีรษะขึ้นมา พร้อมกับดวงตาปรือๆ ยังคงสะลึมสะลืออยู่ พระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าให้เห็นตรงหน้า แสงแดดสาดส่องทะลุหน้าต่าง ทั้งเจิดจ้าและเป็นประกายมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก
ใจจริงแล้วผมอยากจะหลับตา แล้วล้มตัวลงนอนอีกสักรอบหนึ่ง ทว่าน่าเสียดายที่นิสัยเดิมของผมกลับแก้ไม่หายง่ายๆ
เมื่อผมตั้งสติได้ปุ๊บ สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกก็คือ สำรวจตรวจตราร่างกายเหมือนอย่างเคย
เอ๋?
ในระหว่างที่ผมกำลังเช็คการไหลเวียนพลังเวทที่วนตามระบบหมุนเวียนอยู่นั้นเอง ผมก็เกิดสงสัยขึ้นมา เพราะรู้สึกได้ถึงอะไรหนักๆ อยู่บริเวณช่วงท้อง จึงได้เหลือบตามองตามความรู้สึก และแล้วก็ได้เห็นก้อนอะไรขาวๆ นอนขุดคู้อยู่จนได้
ฮี้… ฮี้…
“…เธอนี่น้า”
พอได้เห็นหางกระดิกไหวๆ ไปมา ผมก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของมันได้ทันที
ลางสังหรณ์แปลกๆ ที่รู้สึกได้เมื่อครู่นั้นคือ เจ้ายูนิคอร์นน้อยที่กำลังนอนหลับตาพริ้มสบายใจ เจ้ายูนิคอร์นน้อยนอนอ้าปากหวอ น้ำลายไหลยืดเป็นทางยาว ดูท่าว่าคงจะฝันดีน่าดูเลยล่ะ ผมจึงได้นอนมองมันอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง
เจ้านี่ก็ทำหน้าทำตาแบบนี้ได้เหมือนกันแฮะ
พอมาคิดๆ ดูแล้ว ผมก็รู้สึกผิดกับเจ้ายูนิคอร์นน้อยอยู่บ้าง ยอมทิ้งเพื่อนฝูง(?) แล้วตามพวกเรามาแท้ๆ แต่แล้วผมกลับสะเพร่า ละเลยเขาไป ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าผมยุ่งอยู่แต่กับงาน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเด็กมาก เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวัยที่ต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างมาก
เราเคยบอกไว้ว่าจะตั้งชื่อให้หลังจากกลับมาแล้วนี่นา
ผมคิดอยู่ในใจกับตัวเองว่า ต่อไปนี้จะต้องดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่าเดิม พลางค่อยๆ ยันกายขึ้นมาจากเตียง
ฮี้?
เจ้ายูนิคอร์นน้อยรีบผงกหัวขึ้นมามองทันที คงรู้สึกได้ว่าผมยันกายลุกขึ้นแล้วล่ะมั้ง เขาลืมตาขึ้นมา แล้วรีบมองหาผมทันทีทันใด พอเห็นผมอยู่ในสายตาอีกครั้ง จึงได้ฝังหน้าลงไปกับผ้าห่มเหมือนเดิมด้วยสีหน้าวางใจ ดูท่าว่าจะกังวล กลัวผมหนีหายไปไหนคนเดียวอีก
ผมค่อยๆ อุ้มเจ้ายูนิคอร์นน้อยขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ก่อนละค่อยๆ เดินผละออกมาจากเตียง
“ตื่นๆ เช้าแล้วนะ”
ฮี้ ฮี้?
“โอเค โอเค ยังไงก็กินข้าวเช้าสักหน่อย แล้วค่อยกลับมานอนนะ”
เจ้ายูนิคอร์นน้อยเอาหัวถูไถอยู่ในอ้อมกอด ผมเห็นดังนั้นจึงยิ้มบางๆ ออกมา ใบหูของมันเริ่มตั้งตรงแน่วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ส่วนหางก็ยังกระดิกไปมาเหมือนเดิม ดูเหมือนสิ่งที่อิมฮันนาได้เคยพูดไว้จะถูกต้องทุกประการ
ต่อมาไม่นาน
หลังจากผมได้แบ่งปันช่วงเวลาอันแสนเพลิดเพลินใจกับเจ้ายูนิคอร์นน้อย ผมก็รีบออกจากห้อง แล้วลงบันไดไปด้านล่างทันที ยิ่งเดินลงไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงผู้คนจำนวนมากที่กำลังเดินขวักไขว่เคลื่อนไหวกันอยู่มากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนผมจะตื่นสายที่สุดเลยสินะ
เมื่อผมเดินลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง เหล่าลูกจ้างทั้งหลายที่กำลังตรวจดูเคาน์เตอร์อย่างขะมักเขม้นก็รีบทักทายเลยทันที จากการที่ผมปรายตาสังเกตดู พวกเขาที่ผมเห็นเมื่อวานดูจะช็อกไม่น้อย
“ตะ ตื่นแล้วเหรอคะ”
“ครับ อรุณสวัสดิ์ครับผม สมาชิกเผ่าอยู่ไหนกันเหรอครับ”
“ทะ ท่านที่ตื่นแล้วอยู่กันที่โรงอาหารค่ะ”
พวกเขาตอบกลับมา พลางเหลือบตามองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ อยู่ตลอด ผมจึงพยักหน้ารับ แล้วค่อยก้าวเท้าออกไปอย่างว่องไว แล้วเดินผ่านทางเดินในตึกที่เชื่อมอยู่กับโรงอาหารทันที
ผมเปิดประตูเดินเข้าไป แล้วจึงได้เห็นว่าสมาชิกเผ่าหลายๆ คนกำลังนั่งจับกลุ่มอยู่บริเวณโต๊ะฝั่งหนึ่ง
ท่านผู้เฒ่า โกยอนจู จองฮายอน ชินแจรยง อิมฮันนา อันซล แพคฮันกยอล… พวกเด็กๆ ไม่อยู่หรือนี่
“อุ๊ย ตื่นแล้วหรือคะ แคลนลอร์ด”
อิมฮันนาที่อยู่ตรงกันข้ามประสานสายตากับผมพอดี จากนั้นจึงรีบแสร้งทำเป็นทักทายขึ้นมาทันที หล่อนส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ ดูเหมือนจะเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
“ซูฮยอน?”
“นอนหลับสบายดีหรือเปล่าคะ”
แล้วก็ได้พบกับโกยอนจูและจองฮายอนที่หันกลับมามอง ผมลอบกลืนน้ำลายอยู่เงียบๆ
อิมฮันนา ถ้าแค่กอดเฉยๆ ผมก็ยังมีอะไรให้พูดแก้ตัวได้อยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกันอย่างหวานซึ้งนี่ เห็นทีผมคงจะตาย โดยไม่ต้องฝังกระดูกกันเลยทีเดียว ถึงจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
ผมโบกมือให้กับสมาชิกเผ่าที่กำลังผุดลุกผุดนั่งจากเก้าอี้อย่างร้อนรน แล้วจึงค่อยหย่อนกายนั่งลงตรงที่ว่างที่เหลืออยู่ ค่อยชายตามองบริเวณไหล่ เห็นเจ้ายูนิคอร์นน้อยกำลังนอนกรน ดูท่าว่าจผลอยหลับไปอีกรอบแล้วล่ะสิ
ฮี้… ฮี้…
ผมค่อยๆ วางเจ้ายูนิคอร์นน้อยลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวังไม่ให้ตกลงไป แล้วจึงค่อยหันมองคนทุกคน
“คงได้นอนหลับกันบ้างแล้วใช่ไหมครับ”
“คะ? อ๋อ ค่ะ ไม่ได้นอนเต็มที่แบบนี้มานานเลย บ้านเราสุดยอดที่สุดแล้วเนอะ แล้วซูฮยอนล่ะคะ”
“ผมก็ไม่มีที่อื่นแล้วล่ะ มีแต่บ้านนี่แหละครับ อ้อ อาหารวันนี้ใช่เซทเมนูเอจากสุภาพสตรีรักนวลสงวนตัวหรือเปล่าครับ”
“อุ๊ย ให้ตายสิฉัน จะไปยกมาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
โกยอนจูรีบวางช้อนและตะเกียบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผละลุกออกจากที่นั่งไปทันที โดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดปรามอะไร ผมมองเจ้าหล่อนที่ปรี่เข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว พลางถอนหายใจน้อยๆ
“โฮะๆ พอได้อาบน้ำ ล้างตัวแล้วดูมีสง่าราศีมากเลยนะครับ แบบนี้ถึงจะสมกับเป็นแคลนลอร์ดหน่อย”
ท่านผู้เฒ่ายกถ้วยชาอุ่นๆ พลางส่งยิ้มมาให้ ดูท่าว่าคงจะจัดการกับมื้ออาหารตัวเองจวนจะเสร็จแล้ว ผมพยักหน้าตอบรับ แล้วค่อยๆ เบนสายตาไปจ้องมองอันซลที่กำลังตักอาหารเข้าปากอยู่อย่างเงียบๆ แม้ว่าหล่อนกำลังจะก้มหน้าก้มตา จนไม่สามารถพินิจดูได้อย่างละเอียด แต่แล้วผมก็พอสัมผัสได้ว่าหล่อนยังไม่หายเศร้าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“ว่าแต่สมาชิกเผ่าคนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกันล่ะครับ อันฮยอน อียูจองกินอาหารกันเสร็จแล้วเหรอครับ”
จองฮายอนได้ยินดังนั้น ก็เริ่มทำปากขมุบขมิบ ก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคอ
“อืม ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นพวกเขาตั้งแต่กลับเข้าหอไปเมื่อวานแล้วล่ะ”
ในตอนนั้นเอง
“ฉันเห็นค่ะ”
คนที่ตอบเสียงเจื้อยแจ้วนั่นไม่ใช่ใครอื่น โกยอนจูนั่นเอง หล่อนออกมาจากห้องครัว พร้อมถือถาดขนาดใหญ่ออกมาด้วย แล้วจึงค่อยวางถาดลงตรงหน้าผมอย่างระมัดระวัง พลางพูดต่อมาด้วยน้ำเสียงฟังดูสดใส
“พวกเขายังเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เรียกให้ออกมาก็แล้ว แต่ไม่ยอมตอบมาเลย”
“อย่างนี้นี่เอง แล้ววิเวียนล่ะ”
“วิเวียนไม่อยู่ที่หอนี่นา”
ไม่อยู่ที่หองั้นเหรอ
“หืม ถ้าไม่อยู่หอ ก็คงออกไปไหนสักที่ล่ะสิ”