ขณะที่เชลและหลี่ชุนชิวจ้องมองลงไปในสระแห่งความโชคดีอย่างว้าวุ่น จู่ๆน้ำของสระก็พุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุ
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำที่พุ่งขึ้นมาก็ก่อตัวเป็นอสูรจากโบราณกาล
อสูรตัวนั้นดูใหญ่มหึมาจนน่ากลัว มันมีหัวสองหัวและมีปีกสี่ปีก ในจังหวะที่มันปรากฏตัว มันก็คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงคำรามของมันดังกึ่งก้องไปทั้งห้องโถง
“มังกรปีศาจสองหัว? สายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับมังกรปีศาจสองหัวไปได้” หลี่ชุนชิวจ้องมองไปที่อสูรตัวนั้นอย่างตกตะลึง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ผุดขึ้นมา
ก่อนที่เขาจะหาคำตอบของคำถามเหล่านั้นได้ ภาพของมังกรปีศาจสองหัวก็หายไป วินาทีต่อมาสิ่งมีชีวิตอื่นก็พุ่งขึ้นมาจากสระแห่งความโชคดี
รูปร่างของมันใหญ่โตและสง่างามราวกับนกโบราณจากตำนาน มันกระพือปีกบินไปรอบๆสระแห่งความโชคดีพร้อมกับปลดปล่อยเสียงที่เหมือนกับเหยี่ยว
“ฟินิกซ์เทพ…” หลี่ชุนชิวฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขั้นสูง แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เขาไม่สามารถสงบนิ่งได้อีกต่อไป
หานเซิ่นไม่ได้กระตุ้นภาพนิมิแค่ภาพเดียว เขากระตุ้นภาพนิมิตถึงสองภาพ นั่นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ
มังกรปีศาจสองหัวและฟินิกซ์เทพเป็นซีโน่เจเนอิคสมัยโบราณ สายเลือดของพวกมันสูญพันธุ์ไปเป็นเวลานานแล้ว ถึงแม้สายพันธุ์ของพวกมันจะยังคงเหลืออยู่ในจักรวาล มันก็จะไม่ถูกพบในคริสตัลไลเซอร์แน่นอน
หลี่ชุนชิวไม่สามารถจินตนาการได้ว่าหานเซิ่นกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตของซีโน่เจอิคที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองได้ยังไง และดูเหมือนว่ามันจะยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น ในตอนที่ภาพของฟินิกซ์เทพจางหายไป สระแห่งความโชคดีก็ยังคงแปรปรวนและมีภาพปรากฏขึ้นมาอีกภาพ
ตอนนี้เชลตัวแข็งทื่อไป เขามีสายเลือดของไลอ้อน และมันถือเป็นอะไรที่โชคดีมากแล้วที่เขากระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตของไล้อนหัวสิงโต
หานเซิ่นเป็นเพียงแค่คริสตัลไลเซอร์คนหนึ่ง แต่เขากลับกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตของสิ่งมีชีวิตจากโบราณกาลถึงสามตัว
ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือความจริงที่ภาพนิมิตยังคงปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ซีโน่เจเนอิคจากสมัยโบราณปรากฏตัวให้เห็นจนดูเหมือนกับว่าท้องฟ้าเหนือสระแห่งความโชคดีนั้นเป็นสวนสัตว์
หลี่ชุนชิวและเชลยืนแข็งทื่อไป พวกเขาจ้องมองภาพนิมิตที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง สมองของพวกเขาไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปแล้ว
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าทำไมสระแห่งความโชคดีถึงแสดงภาพนิมิตมากมายขนาดนั้น สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏขึ้นมานั้นไม่มีทางเกี่ยวข้องกับคริสตัลไลเซอร์ที่อยู่ภายในสระไปได้ แบบนั้นพวกมันทั้งหมดแสดงตัวขึ้นมาเพราะหานเซิ่นที่เป็นคนจากเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอได้ยังไง?
หานเซิ่นไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน ยีนระดับเทพเจ้าของเขาถึงหนึ่งร้อยแล้วในตอนนี้ หลังจากที่ร่างเทพของเขาเริ่มวิวัฒนาการ ภาพนิมิตก็ปรากฏขึ้นในสระแห่งความโชคดี หลังจากนั้นพวกมันก็พุ่งผ่านเขาและหายไปเหนือหัวของเขา แต่ละครั้งหานเซิ่นรู้สึกว่าบางสิ่งที่ประหลาดในร่างกายของเขาถูกลอกออกไป
หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขาแทบจะไม่สามารถสัมผัสได้ เขารู้สึกว่าบางสิ่งถูกลอกออกไปจากภายในของเขา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขา และในตอนที่ภาพนิมิตประหลาดปรากฏขึ้น พวกมันทำให้พลังที่เขาดูดซับเข้าไปบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม และความเปลี่ยนแปลงภายในตัวของเขาก็เร่งความเร็วขึ้น
หานเซิ่นคิดในหัว ‘สิ่งมีชีวิตในก็อตแซงชัวรี่เกิดมาจากเลือดของซีโน่เจเนอิคในจักรวาลจีโน เรากินสิ่งมีชีวิตเข้าไปเป็นจำนวนมาก เราดูดกลืนยีนของพวกมันเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น บางทียีนของพวกมันอาจจะหลงเหลืออยู่ในตัวของเรา และในตอนที่ร่างกายของเราเริ่มวิวัฒนาการ มันก็ไปกระตุ้นให้เกิดภาพนิมิตประหลาดพวกนี้ขึ้น?’
หานเซิ่นคิดว่าการคาดเดานั้นฟังดูมีเหตุผล แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ ตอนนี้ร่างกายของเขาถึงจังหวะที่สำคัญที่สุดของการวิวัฒนาการ เขาไม่มีเวลาจะมาทำอะไรอย่างอื่น
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับทุกอย่างในร่างกายของหานเซิ่น มันเหมือนกับว่าทุกเซลล์ภายในตัวของเขาได้เกิดใหม่ มันทำให้ร่างกายของเขาบริสุทธิ์เหมือนกับทารกที่เพิ่งกำเนิดขึ้นมา มันไม่มีอะไรในร่างกายของเขาที่ไม่บริสุทธิ์
แต่หานเซิ่นยังไม่ได้ยินเสียงประกาศว่าร่างเทพเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ ในตอนที่ร่างกายของเขาหยุดการวิวัฒนาการ วิชาจีโนทั้งสี่ของเขาก็เริ่มทำงาน
วิชาโลหิตชีพจร ศาสตร์ตงเสวียน กายหยกและเรื่องราวของยีน วิชาจีโนทั้งสี่เริ่มทำงานภายในร่างกายของหานเซิ่นพร้อมๆกัน
มันมีหลายด้านของวิชาจีโนทั้งสี่ที่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าพวกมันทำงานพร้อมกัน มันอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมา มันอาจจะทำให้พลังลมปราณของเขายุ่งเหยิง และในกรณเลวร้ายที่สุด ร่างกายของหานเซิ่นก็อาจจะพังทลาย
แต่ความกังวลของเขาไม่เป็นความจริง วิชาจีโนทั้งสี่เดินกระแสพลังของตัวเองอย่างราบรื่น และร่างกายของหานเซิ่นดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร มันไม่มีความขัดแย้งระหว่างวิชาทั้งสี่
วิชาโลหิตชีพจรและกายหยกเป็นพลังซีโน่เจเนอิค พวกมันจะส่งผลกระทบต่อเซลล์ของร่างกาย แต่จุดประสงค์ของวิชานั้นแตกต่างจากกันและกัน ถึงแม้พวกมันทั้งคู่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายของหานเซิ่นเหมือนกัน แต่โลหิตชีพจรจะมุ่งเน้นไปที่เลือดและอวัยวะภายใน ขณะที่กายหยกจะมุ่งเน้นไปที่กระดูก
ภายใต้อิทธิพลของพลังทั้งสอง ร่างกายของหานเซิ่นปลดปล่อยศักยภาพระดับเทพเจ้าออกมา โซ่สสารเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆร่างกายของเขา
ศาสตร์ตงเสวียนและเรื่องราวของยีนเป็นพลังของอาวุธจีโน พวกมันส่งผลกระทบต่อร่างกายของหานเซิ่นอยู่บ้าง แต่ความเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จะอยู่ที่อาวุธจีโนของพวกมัน
ชุดเกราะตงเสวียนและมนตราเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเริ่มปลดปล่อยโซ่สสารออกมาเช่นเดียวกัน
โซ่สสารของพวกมันทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โซ่สสารของชุดเกราะตงเสวียนเป็นสีดำ และรูปแบบของการเชื่อมต่อของโซ่ก็เป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ ราวกับว่าโซ่นั่นเป็นตัวแทนของกฎธรรมชาตที่ควบคุมจักรวาล
ส่วนโซ่สสารของมนตราเป็นสีขาว ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนมันจะเป็นเอกราชจากกฎของจักรวาล นอกจากการเชื่อมกับหานเซิ่นแล้ว ดูเหมือนกับว่ามันจะอยู่นอกเหนือจากจักรวาล
ขณะที่วิชาจีโนทั้งสี่กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง ร่างกายของหานเซิ่นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ร่างกายของเขากลายเป็นยีนซีโน่เจเนอิค เขาดูเหมือนกับซีโน่เจเนอิคร่างมนุษย์ที่น่ากลัว
ในจังหวะที่วิชาจีโนทั้งสี่กำลังจะเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกว่าพลังของวิชาจีโนทั้งสี่กำลังเข้าครอบงำร่างกายของเขา มันก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา
หานเซิ่นกระอักเลือด เซลล์ในร่างกายของเขาถูกบดขยี้ภายใต้ความขัดแย้งของพลังทั้งสี่ เขาแทบจะทนต่อแรงกดดันไม่ได้ และพลังของเขาก็บิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด ตอนนี้พลังทั้งสี่ที่เกือบจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าหายไป และโซ่สสารที่ก่อตัวขึ้นก็พังทลายไปด้วย