สวี่อี้หรานคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของซีเหมินจินเหลียนดังขึ้นเสียก่อน ซีเหมินจินเหลียนหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นฉินเฮ่าจึงกดรับสาย ที่ปลายสายมีเสียงร้อนรนตกใจส่งผ่านเข้ามาว่า “จินเหลียน คุณเป็นยังไงบ้าง”
“รับสายคุณได้ แสดงว่าฉันยังสบายดีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“จินเหลียน ผมจะรอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟฮวาเซี่ยงหรง!” ฉินเฮ่าพูดเสร็จรีบร้อนตัดสายไป ราวกับเขามั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรซีเหมินจินเหลียนจะต้องมาแน่ๆ
ซีเหมินจินเหลียนกุมโทรศัพท์มือถือนิ่งงันอยู่นานและบอกกับสวี่อี้หรานให้เปลี่ยนทิศทางไปยังร้านกาแฟฮวาเซี่ยงหรง ระหว่างที่รอรถเข้าจอดที่ร้านกาแฟฮวาเซี่ยงหรงนั้น ซีเหมินจินเหลียนก็เพิ่งเรียกสติกลับคืนมาได้ “ถนนหนทางเมืองหยางโจวคุณก็คุ้นเคยดีนี่นา?” อยู่ๆ เธอก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าครั้งก่อนนั้นเขาก็ตั้งใจพาเธอหลงทางหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงดูคุ้นเคยเส้นทางถนนเมืองหยางโจวได้ดีขนาดนี้
“ผมไม่ได้ชำนาญทางสักหน่อย และไม่ใช่ว่าผมกำลังอยากเลี้ยงกาแฟคุณอยู่พอดีเหรอไง? เลยสุ่มจอดตามร้านกาแฟดู” สวี่อี้หรานตีหน้าพูดจริงจัง “ผมไม่ได้แอบฟังคุณคุยโทรศัพท์เลยนะ ขงจื้อบอกว่า การแอบฟังช่างไร้มารยาท!”
ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทีจริงจังของเขาแล้วก็อยากจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ผมไม่ได้แอบฟังคุณคุยโทรศัพท์เลยนะ’ เธออยากจะหัวเราะให้เสียงดังลั่นสักหลายๆ ครั้ง เมื่อสักครู่ที่มีคนเอาปากกระบอกปืนมาจ่อตรงหน้าเธอ เธอก็ยังรู้สึกปกติ ช่วงเวลานั้นอารมณ์ดีเหลือเกิน
เมื่อทั้งคู่ลงจากรถ เพิ่งเข้าประตูไปก็มีพนักงานมาคอยบริการ สวี่อี้หรานพูดขึ้นว่า “พวกเรานัดไว้แล้วครับ”
ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะเล็กน้อย พยายามอยู่ตั้งนานกลับมาโป๊ะแตกเสียเอง ส่วนสวี่อี้หรานได้แต่เผยยิ้มเจ้าเล่ห์พอดิบพอดีกับที่ฉินเฮ่าเดินออกมาจากข้างในทักทายพวกเขา
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องที่จองไว้และรอให้พนักงานเสิร์ฟส่งกาแฟจนเสร็จแล้วจากไป
“จินเหลียน พอเห็นว่าคุณไม่เป็นอะไร นี่มันก็ดีเหลือเกิน!” ฉินเฮ่าพูด
“ทำไมผมฟังดูแล้ว ความหมายของคุณเหมือนหวังจะให้คุณซีเหมินเกิดเรื่องขึ้นล่ะ!” สวี่อี้หรานพูดอย่างเคร่งขรึม
ฉินเฮ่ากับสวี่อี้หรานไม่ได้คุ้นเคยกันมาก่อน และเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องอย่างจ่านมู่ฮวา ดังนั้นได้แต่เงียบงันอยู่กลับคำพูดของเขาอยู่นานและไม่ได้พูดออกมา กลับส่งสายตาสื่อเป็นนัยให้ซีเหมินจินเหลียนรับรู้แทน
ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจความหมายของเขาพร้อมพยักหน้า ฉินเฮ่าหยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและส่งไปให้ “คุณดูเอกสารพวกนี้เถอะ นี่เป็นของที่อวิ๋นเจียให้ผมมา”
ซีเหมินจินเหลียนสงสัยจึงรับเอกสารปึกนั้นมา เป็นสำเนาทั้งนั้น แน่นอนว่าถ้าเป็นต้นฉบับเขาคงไม่ให้เธอดู แต่อย่างไรไม่ว่าจะเป็นสำเนาหรือต้นฉบับก็มีเนื้อหาเหมือนกันอยู่ดี
“ของอะไร?” สวี่อี้หรานถามจากนั้นหยิบสำเนามาหนึ่งแผ่นพร้อมกวาดสายตาไล่ดู “นี่เป็นแผนที่ของที่ไหนกัน?”
“แผนที่พรมแดนพม่า อวิ๋นหนานและลาว ผมคิดไว้น่าจะเป็นอย่างนั้น” ฉินเฮ่าพูด
“ทำไมแผนที่อันนี้ไม่มีชื่อสถานที่ล่ะ?” สวี่อี้หรานถาม
ฉินเฮ่าส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แผนที่ต้นฉบับไม่มี”
ซีเหมินจินเหลียนไล่ดูกระดาษทีละแผ่น เมื่อดูจบก็อดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“อะไรเหรอ” สวี่อี้หรานพูด
ซีเหมินจินเหลียนนำเอกสารที่ถืออยู่ในมือส่งให้เขา ในขณะนั้นก็หยิบแผนที่แผ่นนั้นมาดูอย่างละเอียดพร้อมขมวดคิ้วถาม “นี่เป็นสถานที่ของเหมืองหยกนั่น?”
“น่าจะใช่ เพราะว่าในแผนที่ไม่ได้บ่งบอกถึงรายละเอียดของชื่อสถานที่ คิดว่าน่าจะหายาก” ฉินเฮ่าพูด “หลายปีมานี้หินหยกของร้านเถ้าแก่โจวมีบางส่วนมาจากที่นี่ ส่วนบางส่วนมาจากเหมืองแร่ใหญ่อื่นๆ ในพม่า”
“ฉันคิดมาตลอดว่าสถานที่นั้นเป็นแหล่งค้าขายยาเสพติด คิดไม่ถึงว่ายังมีเหมืองแร่ด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“เหมืองแร่แห่งนี้เล็กมาก อีกทั้งยังอยู่ทางเขตพม่าส่วนหนึ่ง คงจะไม่มีค่าพอที่จะให้รัฐบาลพม่ามาขุด เพราะสถานที่แห่งนี้ใครๆ ก็รู้ว่ามันไม่ได้วุ่นวายธรรมดา ใครมีอำนาจคนคนนั้นก็สามารถตักตวงได้ก่อน คุณนายอวิ๋นกับเหล่าโจวเดิมทีคงไม่ได้รู้จักกัน แต่คงอาศัยผ่านช่องทางการแนะนำของชายชราหลินเสวียเหวินนั่นถึงได้รู้จัก ไม่นานเพราะว่าความสามารถพิเศษล้ำลึกของอวิ๋นอวิ้นในการเดิมพันหินเลยทำให้พวกเขาเริ่มร่วมมือกัน” ฉินเฮ่าพูดอธิบาย
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ความสามารถในการเดิมพันหินของอวิ๋นอวิ้น เธอได้พบเห็นประจักษ์แก่สายตาแล้ว แต่ถ้าหากเถ้าแก่โจวร่วมมือกับเธอจริงๆ หินหยกในร้านเถ้าแก่โจวน่าจะถูกเธอคัดกรองเลือกสรรมาก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงตัวเองจะมีความสามารถยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ไม่น่าจะพลาดโอกาสกักตวงนี่นา?
ฉินเฮ่าพอคาดเดาสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจจึงพูดอธิบาย “เถ้าแก่โจวกับหลินเสวียเหวินเป็นเพื่อนกัน ทั้งคู่ไม่ได้เชื่อในตัวอวิ๋นอวิ้น ส่วนอวิ๋นอวิ้นกับคุณเฉาก็ไม่ได้เชื่อในตัวพวกเขาเหมือนกัน หลายปีมานี้ตระกูลหลินให้เงินกับการวิจัยของอวิ๋นอวิ้นไปไม่น้อยเลย แต่สิบปีที่ผ่านมางานวิจัยของคุณเฉาไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะว่างานวิจัยต้องเผาผลาญเงินทองและหยกจำนวนมาก ดังนั้นถึงจะเป็นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่หรือหลินซื่อจิวเวอรี่สองยักษ์ใหญ่ก็ใกล้จะถูกกลืนกินอย่างว่างเปล่า”
“ถ้างานวิจัยของเขามีความคืบหน้าจริง มันก็สะท้านวงการแล้วล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด คุณเฉากำลังวิจัยยาชะลอความแก่ ถ้าจะให้เขาวิจัยออกมามันจะเป็นไปได้เหรอ?
ฉินเฮ่าขมวดคิ้วพูด “ดังนั้นอวิ๋นเจียบอกผมว่า อวิ๋นอวิ้นกับหลินเสวียเหวินเคยถกเถียงกันอยู่หลายครั้งว่าจะหยุดวิจัยนี้ดีไหม แต่อย่าพูดถึงอวิ๋นอวิ้นไม่เห็นด้วยเลย แม้แต่หลินเสวียเหวินเองยังไม่สบายใจ ดังนั้นจึงต้องลงทุนเงินก้อนโตเพิ่มเข้ามาให้ได้”
“อวิ๋นเจียรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ ตามหลักการแล้วเธอก็แค่เด็กผู้หญิงที่ป่วยทางจิต ความลับขนาดนี้อวิ๋นอวิ้นกับอวิ๋นเฮ่อซินคงไม่น่าจะบอกเธอ ดูจากอวิ๋นเฮ่อเหมยก็สามารถรู้ได้ว่าถ้าหากคนในตระกูลอวิ๋นไม่รู้เรื่องหยก นั่นก็คือไม่เข้าใจถึงที่สุด เข้าใจมากสุดก็แค่ราคาผิวเผินเท่านั่น
ฉินเฮ่าเงียบงันอยู่นานถึงพูดขึ้น “อวิ๋นเจียเป็นผู้สืบทอดที่ถูกกำหนดไว้ของอวิ๋นอวิ้น!”
“เธอน่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง ตระกูลอวิ๋นไม่เหมือนกับตระกูลอื่นจริงๆ “หรือว่าอวิ๋นเฮ่อซินไม่มีลูกชาย?”
“น่าจะเป็นความตั้งใจของอวิ๋นอวิ้นที่เลือกอวิ๋นเจีย” ฉินเฮ่าพูดต่อ “จริงสิ คุณลองดูอันนี้!” พูดจบเขาก็พลันพลิกหารูปหนึ่งและส่งไปให้
“นี่คืออะไร?” ซีเหมินจินเหลียนจ้องมองไปที่สำเนาภาพเหมือนแผ่นนั้นอยู่นาน แต่มองไม่ออกว่ามันคืออะไร
สวี่อี้หรานมองดูอยู่ข้างเธอตั้งนานพลันถามขึ้นว่า “รูปนี้คืออะไรกันแน่?”
“นี่เป็นรูปเก่าแก่แผ่นหนึ่ง เหมือนจะเคยเปียกฝนมาก่อนเลยทำให้ขึ้นรา ส่งผลให้บางส่วนมองเห็นไม่ชัดเจน แต่คุณดูตรงนี้สิ…” ฉินเฮ่าพูดพลางชี้ไปทางภาพแผ่นเก่านั่น “คุณคิดว่าลวดลายนี้มันเหมือนอะไร”
“ดอกบัว?” ซีเหมินจินเเหลียนจดจ้องภาพเหมือนขาวดำ มองตามบริเวณที่ฉินเฮ่าชี้ในที่สุดก็เห็นได้อย่างชัดเจน…และเมื่อเห็นดอกบัวดอกนั้นอย่างชัดเจนแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองจนสติหลุดลอย ลักษณะของดอกบัวนี่น่าจะทำจากหยกแกะสลัก แต่ทำไมลวดลายถึงได้เหมือนกับดอกบัวบนหลังมือเธออย่างไรอย่างนั้น?