ทุกคนรู้ถึงความผิดปกติของเชล และเมื่อเวลาผ่านไปแสงสีแดงรอบๆตัวเขาก็หรี่ลงและกลายเป็นสีคล้ำ หลังจากนั้นสีแดงคล้ำก็เริ่มเปลี่ยนไปสู่สีดำสนิท
“มันจะต้องเป็นผลไม้ปีศาจ… ผลไม้ปีศาจกำลังแสดงผล! เชลกำลังจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า?” หลี่เสวี่ยเฉิงพูดด้วยความดีใจ
หลี่อวี้เจินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว เชลรู้ว่าการประลองระหว่างตัวไหมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เขาก็ยังตัดสินใจกินผลไม้ปีศาจเข้าไปอยู่ดี เขาหวังจะใช้แรงกดดันจากการประลองเพื่อปลุกพลังของผลไม้ปีศาจที่หลับไหลอยู่ให้ตื่นขึ้น และในระหว่างการต่อสู้กับหานเซิ่น ผลไม้ปีศาจที่อยู่ภายในตัวเขาก็ค่อยๆถูกดูดซับ ตอนนี้มันคงจะถูกดูดซับไปจนหมด และเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าท่ามกลางการต่อสู้นี้”
“เชลกำลังจะเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้าจริงๆสินะ? ในตอนนี้มันไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ มันเป็นไปไม่ได้ที่หานเซิ่นจะเอาชนะเชลที่เป็นระดับเทพเจ้า” หลี่เสวี่ยเฉิงนั้นสั่นไหวด้วยความกลัวก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาหัวเราะด้วยความดีใจ
ไฟรอบๆร่างกายของเชลกลายเป็นสีดำ สัญลักษณ์สีดำปรากฏบนตัวของเขาราวกับว่าพวกมันสลักเข้าไปในผิวหนังของเขา ออร่าที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากสัญลักษณ์นั่น พลังของเชลเริ่มจะก่อให้เกิดโซ่สสาร
“ระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตาบอด เขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเชล
เชลเงยหน้าขึ้นไปข้างบนและคำรามสู่ท้องฟ้า พลังของโซ่สสารของเขาระเบิดออกมาและเส้นผมที่เคยเป็นสีทองของเขาถูกย้อมเป็นสีดำสนิท
เชลนั้นเคยดูเหมือนกับสิงโตทอง ตอนนี้ร่างกายของเขาหดลง แต่กล้ามเนื้อของเขาดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม มันเหมือนกับว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ
เส้นผมสีดำใหม่ของเชลไม่ได้ดูน่าเกรงขามเหมือนกับราชสีห์อีกต่อไป ตอนนี้เขาดูลึกลับและแปลกใหม่ ลวดลายสีดำปรากฎให้เห็นบนหน้าและเปลวเพลิงที่ดำก็ลุกโชติช่วงไปทั่วร่างกายของเขา เขาดูเหมือนกับสิงโตปีศาจจากขุมนรก
“เขากลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าแล้ว” สีหน้าของหลี่เคอเอ๋อดูแย่
มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งหรือมีพรสวรรค์สักแค่ไหน เขาไม่สามารถเอาชนะเชลที่เป็นระดับเทพเจ้าได้ เพราะยังไงซะระดับเทพเจ้าก็แตกต่างไปจากระดับอื่นที่ต่ำกว่าโดยสิ้นเชิง มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
“เชลคงวางแผนที่จะใช้การต่อสู้นี้เพื่อกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้งตั้งแต่แรก เขาต้องการใช้หานเซิ่นเป็นหินลับมีดของเขา”
เอ็กซ์ควิสิทพูด หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้เธอเข้าใจความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด
“นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมของเชล” หลี่เคอเอ๋อพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เขากินผลไม้ปีศาจเข้าไปก่อนการประลอง ถ้าไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา เขาก็จะได้รับอันดับที่หนึ่งอยู่ดี แต่ถ้าเขาพบคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม เขาก็จะใช้คนๆนั้นเพื่อกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ข้าต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่หลักแหลมมากๆ”
เอ็กซ์ควิสิทส่ายหัว “แต่ลองมาคิดอีกที มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ผู้คนปกติจะไม่กลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้งอย่างง่ายดายหลังจากที่พวกเขากินผลไม้ปีศาจเข้าไป ที่เชลกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้นั่นเป็นเพราะพรสวรรค์ที่สุดยอดของเขา นี่อาจจะไม่ใช่แผนการที่เขาวางเอาไว้”
“ไม่ว่ามันจะเป็นแผนการของเขาหรือไม่ มันก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีสำหรับเขา” หลี่เคอเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ
สีหน้าของผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่และผู้อาวุโสโอเพ่นสกายดูแย่ คนของเวรี่ไฮที่เดิมพันข้างหานเซิ่นก็ดูแย่ไม่แพ้กัน
พวกเขาคิดว่ามีหวังที่จะชนะการเดิมพัน แต่ตอนนี้มันสิ้นหวังแล้ว ในจังหวะที่เชลกลายเป็นระดับเทพเจ้า ความหวังที่เหลืออยู่ก็ถูกบดขยี้
“ข้าต้องขอโทษด้วย ข้าพยายามจะควบคุมพลังตัวเอง แต่ข้ายับยั้งมันไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องกลับคืนสู่ระดับเทพเจ้าในตอนนี้” เชลหยุดการโจมตี เขารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เขาพูดทำให้ทุกคนที่ดูอยู่อยากจะกระอักเลือดออกมา สิ่งมีชีวิตมากมายไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากการกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่เชลนั้นพยายามที่จะยับยั้งมัน นั่นเป็นอะไรที่น่าโมโห
ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ พวกเขาก็อาจจะฟังดูอวดดี แต่เชลถูกรู้จักกันดีในเรื่องของความตรงไปตรงมา เขาจะไม่พูดแสแสร้ง เขาพยายามจะยับยั้งพลังของตัวเองเอาไว้จริงๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็กลายเป็นระดับเทพเจ้าอยู่ดี เขาอยากจะตัดสินการต่อสู้ครั้งนี้ในขณะที่ยังเป็นครึ่งเทพ
แต่การต่อสู้กับหานเซิ่นเป็นอะไรที่มากเกินไปจนเขาไม่สามารถยับยั้งพลังของตัวเองได้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้ และกลายเป็นระดับเทพเจ้าในที่สุด
“ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษ ระดับของเจ้าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของพลัง”
หานเซิ่นไม่ได้คิดว่ามันน่าอายอะไรที่คนๆหนึ่งจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ระดับต่ำกว่า
“การต่อสู้ในวันนี้ไม่นับ ข้าจะรอคอยจนกระทั่งเจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาต่อสู้กันอีกครั้ง” เชลพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ” หานเซิ่นตอบ ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เชลส่ายหัว “ถึงแม้ข้าไม่อยากจะเอาชนะเจ้าในขณะที่เจ้าระดับต่ำกว่า แต่ข้าก็ยังจำเป็นต้องได้อันดับที่หนึ่ง ดังนั้นข้าขอโทษด้วย พวกเราควรจะหยุดการต่อสู้เพียงแค่นี้”
“ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษ ข้าเพิ่งจะบอกไม่ใช่หรือว่าการต่อสู้ยังไม่จบ? ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ มันก็เป็นเพราะว่าเจ้าเหนือกว่าข้า แต่การจะตัดสินใจในเรื่องนั้น พวกเราต้องต่อสู้กันจนรู้ผลแพ้ชนะ”
หานเซิ่นจ้องมองไปที่เชลอย่างสงบนิ่ง เขาไม่ได้ถูกควบคุมโดยอารมณ์เลยแม้แต่นิดเดียว
ในตอนที่หลี่อวี้เจินได้ยินหานเซิ่นพูดออกมาแบบนั้น เขาก็หัวเราะและพูด
“หานเซิ่นคนนี้ไม่รู้ฐานะของตัวเองจริงๆ เชลมอบโอกาสให้เขาได้หยุดการต่อสู้แต่เพียงเท่านั้นและเสนอจะออกไปจากหุบเขาร่วมกัน นั่นหมายความว่าหานเซิ่นจะได้รับอันดับที่สอง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านี่ก็ยังยืนกรานจะต่อสู้ต่อ ถ้าเขาพ่ายแพ้ซะตอนนี้ เขาก็จะไม่ได้รับแม้แต่อันดับที่สอง”
หลี่เคอเอ๋อ เอ็กซ์ควิสิทและเวรี่ไฮคนอื่นทุกคนคิดว่าคำตอบของหานเซิ่นเป็นอะไรที่อวดดีเกินไป
แต่ถึงหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทจะคิดแบบนั้น พวกเธอก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความกลัวภายในจิตใจของหานเซิ่น แต่พวกเธอสัมผัสได้ถึงความสงบนิ่งและความมั่นใจในตัวของเขาแทน
มันไม่มีความจำเป็นต้องโกรธ มันไม่มีความจำเป็นต้องเกลียดชัง มันไม่มีความจำเป็นต้องโทษชะตากรรมหรือผู้คนรอบๆตัวเขา ความมั่นใจและความสงบนิ่งนี่เป็นบางสิ่งที่มีแค่ผู้คนที่เหนือกว่าเท่านั้นที่จะมีได้
“ตอนนี้หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน แต่ทำไมเขาถึงยังมั่นใจอยู่ได้?” เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อคิดว่าหานเซิ่นไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ แต่ความมั่นใจของเขาแรงกล้าจนทำให้พวกเธอเริ่มรู้สึกว่าควรจะเชื่อในตัวหานเซิ่น
“ข้าจะต่อสู้กับเจ้าต่อไป ไม่ว่าข้าจะชนะหรือแพ้ ข้าจะเดินออกไปจากที่นี่ตามลำพัง” หานเซิ่นพูดอย่างสงบนิ่งขณะที่มองไปที่เชล
“เจ้าพูดถูก นี่คือสิ่งที่มันควรจะเป็น” ดวงตาของเชลลุกโชนด้วยความตื่นเต้น เขามองหานเซิ่นราวกับว่าเขากำลังมองงานศิลปะชิ้นโปรด
ถึงพลังของหานเซิ่นจะไม่ได้มากเท่าพลังของเชล แต่เชลก็ไม่คิดจะดูถูกหานเซิ่น โซ่สสารรอบๆตัวของเชลระเบิดอย่างบ้าคลั่ง เขาดูเหมือนกับมนุษย์สิงโตแห่งความมืดที่คลานขึ้นมาจากขุมนรก
“เนื่องจากความนับถือที่ข้ามีต่อเจ้า ข้าจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด” เสียงของเชลดังก้องเหมือนกับฟ้าร้องขณะที่เขาชกหมัดออกไปใส่หานเซิ่น