699 เลือกทำเล
บริษัทมีชื่อเสียงในเขตเหลียนชาน บริษัทเริ่มต้นในขอบข่ายที่กว้างมาก คนจำนวนมากได้เข้าไปทำงานที่นั่น แต่สุดท้าย ทุกอย่างกลับกลายเป็นความสับสนวุ่นวาย คนงานไม่ได้รับค่าจ้าง ดังนั้น พวกเขาจึงไปร้องเรียนกับทางหน่วยงานรัฐ และในเวลานี้ บริษัทก็แทบจะไม่สามารถจ่ายหนี้ธนาคารได้
“อย่างนั้นเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินขมวดคิ้ว
หนึ่งในบอดี้การ์ดของเขาเดินเข้ามาพูดด้วย
“โอเค บอกให้เขามาได้เลย” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “หมอหวัง อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาแล้วครับ”
“โอ้ ผมชักอยากเจอเขาซะแล้วสิ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
สิบนาทีต่อมา รถหรูคันหนึ่งได้มาถึงและประตูรถก็ถูกเปิดออก ชายวัยประมาณ 40 เดินลงมาจากรถ เขาสวมชุดจีนโบราณแบบมีคอและดูเด็กกว่าอายุจริง
“ผมขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือ หมอหวัง ส่วนนี่คือ อาจารย์เสวี่ย ครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อาจารย์เสวี่ยพูด
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” หวังเย้าพูด
พวกเขามองหน้ากัน ก่อนที่จะจับมือกันพอเป็นพิธี
“อาจารย์เสวี่ย นี่เป็นที่ที่เราเลือกไว้ว่าจะตั้งเป็นโรงงานครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “อาจารย์ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้สิ” อาจารย์เสวี่ยพูด
เขาหยิบเข็มทิศออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เดินไปตามขอบของพื้นที่เป็นครั้งคราว เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน
“อืม ที่นี่เป็นที่ที่ดี มันจะนำโชคลาภมาให้” อาจารย์เสวี่ยพูด
“เป็นสถานที่ที่จะนำโชคลาภมาให้อย่างนั้นเหรอครับ?” หวังเย้าถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดว่า ที่นี่จะเหมาะแก่การสร้างโรงงานเลย และรู้สึกสนใจอยากจะรู้ว่า อาจารย์เสวี่ยคนนี้ใช้อะไรมาตัดสินในเรื่องนี้
“พื้นที่ราบเรียบ และลมที่นี่ก็ดี” อาจารย์เสวี่ยพูด “ที่ตรงนี้ยังอยู่ในตำแหน่งสูง จากการอ่านเข็มทิศของอาจารย์นั้น ที่นี่เป็นที่ที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ!”
เขายังคงบรรยายเรื่องฮวงจุ้ยออกมาเรื่อยๆ ราวกับผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เขายังสามารถนำมันไปเชื่อมต่อกับตัวอักษรวันเกิดของเจิ้งเหว่ยจวิน ซึ่งมันทำให้หวังเย้ารู้สึกคล้อยตามไปด้วยได้ ไม่เพียงแต่อาจารย์เสวี่ยคนนี้จะมีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่มีวาทศิลป์ดีเยี่ยมอีกด้วย
คนส่วนใหญ่คงเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเขา มันก็เหมือนกับที่คนไม่รู้ความถูกหลอกโดยผู้รู้
“หมอหวังคิดว่ายังไงครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถามเสียงเบา
ไม่ว่าอาจารย์เสวี่ยจะพูดยังไง เขาก็ยังอยากจะฟังความจากหวังเย้าในการตัดสินใจเรื่อลนี้ด้วย
“เราไปอีกที่กันดีไหมครับ?” หวังเย้าเสนอ
“ได้ครับ อาจารย์เสวี่ย เราไปดูอีกที่กันดีไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ได้สิ” อาจารย์เสวี่ยพูด
ใช้เวลาเพียงไม่นาน รถสองคันก็พาคนทั้งสามมาถึงอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยข้าว
“ที่นี่เหรอ?” อาจารย์เสวี่ยทำแบบเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ “ฮวงจุ้ยของที่นี่ไม่ดีนะ”
“ทำไมล่ะครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“การไหลเวียนของลมที่นี่ไม่ราบรื่น คุณเห็นเนินเขาตรงนั้นไหม?” อาจารย์เสวี่ยชี้ไปที่เนินเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ “เนินเขาตรงนั้นบดบังโชคลาภ ทิศตะวันออกของที่ตรงนี้สูง ส่วนทิศตะวันตกกลับต่ำกว่า แล้วยังมีคลองอยู่ตรงกลางอีกด้วย”
อาจารย์เสวี่ยชี้ไปที่ลำคลองที่หากไม่สังเกตดีดีก็จะไม่เห็นเลย “จากความรู้ของอาจารย์ ที่นี่ไม่ดีและไม่เหมาะจะเป็นที่ที่เอาไว้ทำธุรกิจ รวมไปถึงอารอยู่อาศัยด้วย”
“ผมว่า ต้นข้าวที่นี่ก็โตได้ดีนะครับ” หวังเย้าชี้ไปที่ต้นข้าวในนา
“มันคนละเรื่องกับที่อาจารย์พูดน่ะสิ” อาจารย์เสวี่ยพูดออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ อาจารย์เสวี่ย” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ไม่มีปัญหา” อาจารย์เสวี่ยพยักหน้า เขามีท่าทางอ่อนน้อมและสงบราวกับผู้เชี่ยวชาญจริงๆ
“หมอหวังคิดว่ายังไงครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม เขาให้ความเคารพในการติดสันใจเลือกทำเลของหวังเย้า และเลือกที่จะฟังความเห็นจากเขาเป็นหลัก
“คุณอยากรู้จริงๆเหรอ?” หวังเย้าถาม
“แน่นอนสิครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ผมคิดว่า ที่นี่ทำเลดีกว่าอีกที่หนึ่ง” หวังเย้าชี้ไปที่นาข้าว
“ครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด ในเมื่อหวังเย้าเลือกแบบนี้ เขาก็ตัดสินใจที่จะสร้างโรงงานขึ้นที่นี่ สำหรับเขา มันก็แค่โรงงานโรงงานหนึ่งเท่านั้น
“ผมตัดสินใจแล้ว เราจะสร้างโรงงานกันที่นี่นะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมผมถึงเลือกที่นี่น่ะ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อเจิ้งเหว่ยจวินตัดสินใจ การที่ขอให้อาจารย์เสวี่ยมาดูฮวงจุ้ยให้ก็ถือเป็นการเสียเวลาพวกเขาอย่างมาก โชคดีที่ตอนนี้ อาจารย์เสวี่ยไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย หวังเย้าคิดภาพไม่ออกเลยว่า อาจารย์เสวี่ยจะโมโหมากแค่ไหน
“อยากรู้สิครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ผมคิดว่า การไหลเวียนของลมที่นี่ค่อนข้างราบรื่น ดิน, ต้นไม้, และน้ำมาจากธรรมชาติจริงๆ” หวังเย้าชี้ไปที่เนินเขาและลำธารเล็กๆ “ในความคิดของผม เราจำเป็นต้องมีเนินเขาลูกนั้น เพราะมันจะช่วยเรื่องการดูดซับพลังฉี”
สิ่งที่หวังเย้าพูดออกมานั้นง่ายต่อการทำความเข้าใจ
“หมอรู้เรื่องฮวงจุ้ยด้วยเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“นิดหน่อยน่ะ” หวังเย้าพูด
เจิ้งเหว่ยจวินคิดว่า หวังเย้าเพียงแค่ถ่อมตัวเท่านั้น เขาเชื่อว่า หวังเย้าสามารถกลายเป็นอาจารย์ดูฮวงจุ้ยที่เก่งกาจได้เลย รวมไปถึงการเป็นหมอที่เก่งกาจด้วย ถ้าหวังเย้าบอกว่าตัวเองมีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยเพียงน้อยนิด เจิ้งเหว่ยจวินกลัวว่า คงจะเหลืออาจารย์ดูฮวงจุ้ยที่รู้จริงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแล้ว จริงๆแล้ว หวังเย้าถือว่ามีความรู้ในเรื่องของฮวงจุ้ยเป็นอย่างดี
“ที่ที่อยู่ติดกับตัวเมืองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การไหลเวียนพลังฉีของที่นั่นก็ถูกปิดกั้นเอาไว้” การได้ยืนอยู่จุดๆหนึ่งเพียงวินาทีเดียว หวังเย้าก็สามารถรับรู้ถึงพลังฉีได้แล้ว เพราะตัวเขานั้นสามารถสื่อสารกับพลังฟ้าดินได้ ซึ่งคนปกติทั่วไปไม่มีทางรับรู้ถึงมันได้เลย
“แล้วค่าดูฮวงจุ้ยคงจะไม่ใช่ถูกๆด้วยสินะครับ” หวังเย้าพูด
“ใช่ครับ ผมจ่ายเขาไป…” เจิ้งเหว่ยจวินชูขึ้นมาห้านิ้ว
“เดินไปเดินมาสองที่ก็ได้ห้าหมื่นเลยเหรอ?” หวังเย้าตกใจ
“มันไม่ถือว่าแพงหรอกนะครับ หมอคิดว่ามันแพง เพราะหมอไม่ได้ทำงานอยู่สายนี้เท่านั้น ราคานี้เป็นราคาที่เขาลดให้แล้วนะครับ ปกติเขาคิดแพงกว่านี้อีก” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“โอ้โห ได้เงินกันง่ายจริงๆ” หวังเย้าพูด
เจิ้งเหว่ยจวินเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น เขาคิดว่า ยาของหวังเย้ายังมีราคาเป็นพันหรือสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ และมันก็ถือเป็นการได้เงินมาง่ายๆเช่นเดียวกัน แต่ตัวเขารู้ดีว่า สิ่งที่หวังเย้าทำนั้นสร้างประโยชน์มากกว่า เงินทองไม่สามารถเทียบกับสุขภาพได้อยู่แล้ว
“แล้วคืนนี้ หมอหวังว่างไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม
“ว่างสิ” หวังเย้าพูด
ตอนเย็น ในขณะที่พวกเขากำลังทานอาหารกันอยู่นั้น เจิ้งเหว่ยจวินก็ได้ถามคำถามเรื่องฮวงจุ้ยกับอาจารย์เสวี่ยอยู่หลายคำถาม
“อาจารย์ดูดวงได้ไหมครับ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย
“ได้สิ” อาจารย์เสวี่ยพูด
จริงเหรอเนี่ย? หวังเย้าคิดในใจ
“อาจารย์ช่วยดูให้ผมได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“คุณ…” อาจารย์เสวี่ยใช้ความคิดและมองไปที่ใบหน้าของหวังเย้า ในตอนแรกที่พบหน้ากัน เขาให้ความสนใจหวังเย้าเป็นพิเศษ เพราะเจิ้งเหว่ยจวินดูเหมือนจะให้ความเคารพต่อชายหนุ่มคนนี้อยู่มาก เขารู้ฐานะของเจิ้งเหว่ยจวินดี และเจิ้งเหว่ยจวินไม่ใช่คนที่จะผูกมิตรกับคนอื่นไปทั่ว แต่เขากลับเคารพหวังเย้า ดังนั้น หมอคนนี้จะต้องเป็นคนพิเศษอย่างแน่นอน
หลังจากวิเคราะห์ใบหน้าของหวังเย้าอย่างละเอียดดีแล้ว อาจารย์เสวี่ยก็พบว่ามีความพิเศษบางอย่างอยู่ เขาพบว่า หวังเย้าไม่ใช่แค่ชายหนุ่มหน้าตาดีทั่วๆไปเท่านั้น
ถึงยังไงเขาก็ถือเป็นอาจารย์ จึงพอมีความรู้ในเรื่องของการดูโหงวเฮ้งอยู่ด้วย แม้ว่าเขาขะเน้นไปที่เรื่องของการดูฮวงจุ้ยมากกว่าก็ตามที แต่เขาก็ยังเข้าในเรื่องของปรัชญาและตัวเลขด้วย เรื่องพวกนี้มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ เมื่อรู้หนึ่งก็จะรู้สองสามสี่ต่อๆไป
เขาเคยดูโหงวเฮ้งให้กับหลาบคน ใบหน้าของทุกคนมีความแตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน ก็คือ ไม่มีใครที่มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ จากศาสตร์ตัวเลขนั้น ไม่มีชีวิตของใครที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง บางคนมีอายุยืน แต่กลับไม่เคยรวย บางคนมีอำนาจเงินทอง แต่ลูกหลานกลับไม่ได้เรื่อง ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปหมด
แต่อาจารย์เสวี่ยกลับไม่เห็นกระฝ้าบนใบหน้าที่ใสราวกับหยกของหวังเย้าเลยสักนิดเดียว เขามีใบหน้าที่ดี คิ้ว, ผม, และกระดูกล้วนสมบูรณ์แบบ มันทำให้อาจารย์เสวี่ยแปลกใจมาก
“หมอหวังมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หมอหวังเป็นคนมีโชคที่ยอดเยี่ยม” ในที่สุดอาจารย์เสวี่ยก็พูดออกมา
“โอ้ ขอบคุณครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“หมอหวังเป็นผู้ฝึกตนด้วยเหรอ?” อาจารย์เสวี่ยถาม
“คืออะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“ก็คนที่ฝึกปฏิบัติไปในทางเต๋าหรือไม่ก็ทางพุทธยังไงล่ะ พวกเขาถือว่าเป็นผู้ฝึกตนเหมือนกัน” อาจารย์เสวี่ยพูด
“ถ้าแบบนั้นก็ถือว่าใช่ครับ ผมเป็นผู้ฝึกตน” หวังเย้าพูด เขาฝึกฝนการหายใจอย่างสม่ำเสมอ
“ไม่แปลกใจเลยจริงๆ” อาจารย์เสวี่ยพูด
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“มันเป็นเรื่องยากที่จะดูโชคชะตาของผู้ฝึกตนจากใบหน้าของพวกเขาน่ะสิ” อาจารย์เสวี่ยพูด เขาได้อธิบายเรื่องศาสตร์ตัวเลข ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง “อาจารย์ไม่คิดเลย ว่าจะมาเจอผู้ฝึกตนที่อายุน้อยแบบหมอ”
“ผมก็แค่ท่องบทสวดในคัมภีร์เต๋าเท่านั้นเองครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ เจิ้งเหว่ยจวินก็สั่งให้คนพาอาจารย์เสวี่ยไปที่บ้าน ส่วนหวังเย้ายังคงอยู่
“หมอหวัง อาจารย์เสวี่ยถือเป็นคนมีความรู้คนหนึ่งเลยนะครับ เมื่อหลายปีก่อน เขาก็เคยดูเอาไว้ว่า ผมจะป่วยหนัก แล้วก็ชี้แนะให้ผมมาที่หมู่บ้านของหมอเพื่อรับการรักษา” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“จริงเหรอ?” หวังเย้ารู้สึกทึ่ง
“จริงครับ ตอนนี้ ผมยังคิดอยู่เลยว่า เรื่องทั้งหมดมันน่าเหลือเชื่อมาก ถ้าไม่อย่างนั้น ผมก็คงจะไม่จ้างเขามาจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด
ในเมื่อพวกเขาเลือกทำเลที่ตั้งได้แล้ว เรื่องที่เหลือก็ง่ายขึ้นมาก