ใบมีดหยุดการเคลื่อนไหว แม้ว่าไม่ใช่ของของตนเอง แต่ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มใจแทน ถือว่าผู้เชี่ยวชาญเฉียนคนนั้นสุขุมเยือกเย็นใช้ได้ ยื่นมือไปเจียระไนพื้นผิวที่เบาบาง เมื่อเห็นถึงสถานการณ์ตรงหน้าก็ตกใจสติหลุดยกใหญ่
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญแกะสลักของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะเคยคบค้าสมาคมกับหยกมาหลายปี แต่หยกเนื้อแก้วสีน้ำเงินนกยูงก็หาพบเจอได้ยาก
มีดที่ลงไปถือว่าไม่ได้ลึกมาก แค่ความลึกไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรด้วยซ้ำ แต่ข้างในก็เผยหยกสีน้ำเงินนกยูงสดใสให้เห็น แต่ความโปร่งใสนี้สะท้อนเผยให้เห็นหินสีขาวข้างใน สวยงดงามส่องแสงแวววับ
ผู้เชี่ยวชาญเฉียนหยิบน้ำใสสะอาดราดลงไปที่พื้นผิวของหินหยก ทำให้สีน้ำเงินนกยูงที่มีหินกั้นอยู่นั้นเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น “ผู้เชี่ยวชาญเฉียนเป็นอย่างไรบ้าง” อวิ๋นเฮ่อซินถาม
“ชนิดเนื้อแก้ว ยินดีด้วยครับ!” ผู้เชี่ยวชาญเฉียนรีบพูด ไม่สนว่าจะพูดอย่างไร การเดิมพันในคืนนี้ก็เต็มอิ่มแล้ว หินหยกทั้งสามก้อนเจียระไนออกมาเป็นเนื้อน้ำแข็งใกล้เคียงเนื้อแก้ว ไหนจะตอนนี้ที่เจียระไนออกมาเป็นเนื้อแก้วอีก นี่มันจะวิเศษมากไปแล้ว
ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญเฉียนก็รู้สึกตื่นเต้นจนถูฝ่ามือไปมา ระมัดระวังในการวาดเส้นอีกครั้งถึงลงมีดเจียระไนต่อไป ครั้งนี้เขาเตรียมตัวเอาชั้นหินเบาบางนั้นออก ใบหน้าของอวิ๋นเฮ่อซินยิ่งสดใสเปล่งปลั่ง
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา เนื้อแก้วก็เนื้อแก้วจริง เพียงแต่รอยแตกอุตลุดคลุมเครือเต็มไปหมด ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดใจ เพราะว่ากั้นระหว่างชั้นแผ่นหินบางๆ ผู้เชี่ยวชาญเฉียนจึงยังมองไม่เห็นรอยแตกแบ่งแยกข้างใน เมื่อรอถึงเวลาที่ลงมีดไปแล้ว รอยแตกแยกนี้คงเปิดเผยออกมาให้เห็นกระจ่าง
ใบมีดหยุดเคลื่อนไหว แผ่นหินเบาบางถูกเจียระไนออกจนหมด แขกเหรื่อพากันขึ้นมาชม ซีเหมินจินหลียนยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จ่านมู่ฮวากับสวี่อี้หรานเองก็เช่นกัน
“จินเหลียน คิดไม่ถึงว่าคุณนายปีศาจอวิ๋นนั่นจะดวงดีไม่เบา” จ่านมู่ฮวาพูด
“อืม…” ซีเหมินจินเหลียนพูดตอบรับกลับไป
“คุณซีเหมิน เมื่อสักครู่ได้ยินพวกเขาบอกว่านี่คือชนิดเนื้อแก้วหรือ?” สวี่อี้หรานถามขึ้นทันใด
“ใช่ นี่ก็เป็นเนื้อแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่รู้ว่าลักษณะข้างในจริงๆ จะเป็นอย่างไร จะมีหยกอยู่มากเท่าไหร่” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ทำไมเหรอ หรือว่าคุณเดิมพันถูก…”
“แน่นอนว่าไม่ใช่…” สวี่อี้หรานก้มหน้าถอนหายใจอย่างเศร้าสลด
“คุณเดิมพันไม่ถูกแล้วจะมาพูดขัดทำไม?” จ่านมู่ฮวาหมดอารมณ์จะพูด “ขงจื้อกล่าวไว้ว่าการไม่ฟัง ไม่ดูคือเรื่องที่ขัดมารยาท”
สวี่อี้หรานกลอกตาใส่เขาและก้มหน้าพูดอย่างหงอยเหงา “ผมไม่รู้เรื่องหยก เมื่อครู่นี้ได้ยินคนอื่นบอกว่าเป็นชนิดเนื้อแก้ว ผมก็แค่เขียนตามว่าเป็นชนิดเนื้อแก้ว…แต่…แต่…”
“คุณเขียนว่าเนื้อแก้ว ก็ดูเหมือนจะทายถูกแล้วนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ผมเขียนว่า…รอยแตก…” สวี่อี้หรานสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทน
“คุณว่าอะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็ตกใจจนสีหน้าถอดสี รอยแตก? เขารู้ได้อย่างไรว่ามีรอยแตก? นี่เป็นไปได้อย่างไร? ถ้าหากเธอไม่อาศัยความสามารถในการมองทะลุผ่าน คงไม่ได้พบถึงรอยแตกของหยกก้อนนี้
“หินก้อนนั้นน่าจะมีรอยแตก อย่างน้อยก็ต้องมีข้างหนึ่ง ผมทายไม่ผิดหรอก” สวี่อี้หรานพูด
“คุณรู้ได้อย่างไร?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ทางแพทย์แผนจีนมีการศึกษาเรื่องหินทำยาอายุวัฒนะ…หินก้อนนี้ไม่ใช่หินธรรมดาแน่” สวี่อี้หรานเงียบอยู่พักหนึ่งและไม่รู้จะอธิบายอย่างไร “จะว่าไงดีล่ะ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่เมื่อครู่นี้ผมลองใช้ยาชนิดหนึ่งทาลงไปที่ผิวด้านบน เห็นได้ชัดว่าหินก้อนนี้มีรอยแตก…”
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา ส่วนจ่านมู่ฮวาทำทีไม่สนใจส่งเสียงเหอะใส่และถามว่า “ดูแล้ว คุณน่าจะไปเดิมพันหินนะ…”
“ยาตัวนั้นยากที่จะทำขึ้นมา” สวี่อี้หรานส่ายศีรษะพูดจริงจัง “ไม่มีทางเป็นไปได้”
เดิมทีซีเหมินจินเหลียนก็คิดจะให้เขาช่วยทำยาชนิดนั้นให้ เพื่อเตรียมทดลองผล เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่งสายตาเอือมระอาออกมา แต่ในใจสงสัยเป็นที่สุด คนคนนี้ก็ตลกมากจริงๆ! มียาหายากขนาดนี้เขาคิดว่ายังเล่นเกมแบบเด็กๆ อยู่หรือ?
ผู้คนในงานหลังจากรุมล้อมกันเสร็จแล้วก็กระจายตัวกันออกไป ใบหน้าไม่ได้มีความปีติยินดี ทำให้ทั้งสามคนได้ยินคนในงานพูดคุยกันอย่างลับๆ
“น่าเสียดาย คิดไม่ถึงว่าจะมีรอยแตก!”
“หยกสีน้ำเงินนกยูงสวยขนาดนี้…ถ้าไม่มีรอยแตกจะดีขนาดไหน…”
“น่าเสียดายจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?”
…
จ่านมู่ฮวามองสวี่อี้หรานราวกับมองของแปลกประหลาด หมอมองโกลปัญญาอ่อนคนนี้ก็มีวิธีจริงๆ? คิดไม่ถึงว่าเขาจะทายถูก ยาของเขาตัวนั้นดูแล้วจะได้ผลดีนี่นา?
“หมอมองโกล ยินดีกับคุณด้วย คุณทายถูกล่ะ!” จ่านมู่ฮวาพูด
“ผมไม่ใช่สัตวแพทย์!” สวี่อี้หรานกลับมาพูดจริงจังอีกครั้ง “แต่ผมไม่เอาเงินหนึ่งหยวนของคุณก็ได้ เพราะถือว่าผมขี้โกง”
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา ถ้าหากนี่เรียกว่าการโกง แล้วเธอที่เป็นถึงนักเดิมพันฉ้อโกงรายใหญ่คนนี้ล่ะ? นอกจากนี้เกรงว่าคงไม่มีใครโกงได้เท่าเธออีกแล้ว!
หินหยกก้อนนั้นเต็มไปด้วยรอยแตก และด้วยคำสั่งของอวิ๋นอวิ้น ผู้เชี่ยวชาญจึงตัดตรงกลางออก รอยแตกปาไปครึ่งก้อนแล้ว ส่วนอีกก้อนเป็นหยกสีน้ำเงินนกยูงเนื้อแก้วใสโปร่ง ครั้งนี้ทำให้ผู้คนที่รุมร้องส่งเสียงไม่หยุดปากอีกครั้ง
หินหยกทั้งสองก้อนที่มีน้ำหนักห้าถึงหกกิโลกรัมถูกเจียระไนออกมาหมดแล้ว ผลสรุปทำให้ทุกคนเบิกบานใจไม่รู้จบ หินหยกก้อนสุดท้ายที่มีขนาดใหญ่พิเศษกว่าอันอื่น น้ำหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม ใหญ่พอที่จะเย้ายวนใจคน!
ผู้เชี่ยวชาญเฉียนใช้เครื่องเจียระไนเริ่มทำการเจียระไนหิน ไม่นานผู้เชี่ยวชาญเฉียนส่งเสียงตกใจขึ้นว่า “เผยสีเขียวออกมาแล้ว!”
แต่น่าเสียดายที่เป็นสีเขียวเปลือกหนาติดเปลือก! ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ
คนที่ถูกเสียงของผู้เชี่ยวชาญเรียกให้ไปหานั้นต่างขึ้นไปรุมล้อมสังเกตการณ์อีกครั้ง แย่งกันเพื่อที่จะวิเคราะห์ “นี่เรียกว่าเป็นชนิดเนื้อแก้วสดตามฉบับเลย!” ผู้คนในงานไม่รู้ว่าใครพูดออกมา สำเนียงมีความอิจฉาไม่รู้จบ
แน่นอนถ้าหากเป็นแค่หินหยกธรรมดาที่ขายตามร้าน เกรงว่าคงมีนักธุรกิจอัญมณีเริ่มเปิดราคาเพื่อแย่งซื้อแล้ว แต่น่าเสียดายที่เป็นของของตระกูลอวิ๋น ของขวัญอวยพรของผู้อาวุโสอวิ๋น ดังนั้นแขกเหรื่อในงานได้แต่พากันส่งสายตากระหาย แต่ไม่มีใครที่พรวดพราดแสดงถึงความอยากได้
เบื้องหลังตระกูลอวิ๋นมีบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ชื่อเสียงลือนามมาหลายร้อยปี ขายแต่หินหยกชั้นดี แน่นอนว่าพวกเขาคงจะเก็บเอามาไว้ทำเครื่องประดับหรือของตกแต่งของตัวเองแล้วค่อยขายออกไป?
ผู้เชี่ยวชาญเฉียนถอยหลังไปสองก้าว และแสดงน้ำใจเปิดทางให้ทุกคนเข้ามาดูให้ชัดเจน หรืออาจจะสัมผัสด้วยมือสักครั้งให้สมใจอยาก
“คุณซีเหมิน ดูเหมือนว่าดวงของฉันจะไม่เลวทีเดียว” อวิ๋นอวิ้นยกแก้วไวน์ขึ้นและหันไปทาง ซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนยกมุมปากพูด “ในวงการเดิมพันหิน คุณนายอวิ๋นมีฉายาว่าตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ ถึงจะเดิมพันหินเช่นนี้ออกมาได้ แต่ไม่ถือว่าหายาก…ฉันว่าคุณนายอวิ๋นคงไม่สนใจของพวกนี้หรอกมั้งคะ? ของเดิมพันของพวกเราต่างหากถือเป็นการเดิมพันที่แท้จริง”
อวิ๋นอวิ้นยกแก้วไวน์อีกครั้ง ดื่มไวน์ไปอึกใหญ่และส่งไปให้ซูหงที่อยู่ข้างๆ พร้อมพูด “ใช่แล้ว ของเดิมพันของพวกเราถือเป็นการเดิมพันที่แท้จริง ของพวกนี้ไม่มีความสำคัญสักนิด แต่…”
พูดเท่านี้ เธอก็ชะงักไป ซีเหมินจินเหลียนจึงถามต่อ “แต่อะไรคะ?”
“ฉันไม่ได้สนใจหินหยกก้อนนั้น!” อวิ๋นอวิ้นพูด “หินหยกก้อนนั้นเพียงแค่มีอายุยาวนานหน่อย ลักษณะไม่เลว ฉันถึงซื้อมา”
“อ้อ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วเจตนาถามอย่างแปลกใจ “นานแค่ไหนแล้วคะ”
“ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบปี!” อวิ๋นอวิ้นพูด “ตอนนั้นฉันอยู่ที่พม่า น่าจะอายุเท่าๆ กับเธอ สาววัยแรกแย้มโดยปกติชอบไปเดินเล่นแถวร้านขายหินหยกดูสินค้า ตอนนั้นเจอกับผู้อาวุโสคนหนึ่ง…บอกว่าในบ้านมีหินหยกชั้นดีจะขาย เดิมทีบรรพบุรุษสั่งเสียไว้ไม่ให้ขาย แต่ก็หมดหนทางเพราะลูกชายไปทำเรื่องเข้าต้องถูกกุมจับ เขาเลยหาวิธีไปทั่วเพื่อที่จะหาเงินช่วยเหลือลูกชายให้ออกมา ทำได้แค่กล้ำกลืนปล่อยหยกที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษออกมาขาย!”
ซีเหมินจินเหลียนคิดแล้วคิดอีกถึงยิ้ม “เรื่องเล่าแบบนี้ ทางพม่าคงมีเยอะใช่ไหม?”
“ใช่” อวิ๋นอวิ้นส่ายศีรษะพูด “แต่เวลานั้นฉันยังเด็ก ไม่รู้ประสีประสา เลยถูกเขาหลอกให้เต็มเปา โชคดีที่ฉันต่อรองราคามาได้เกือบครึ่ง ไม่อย่างนั้น คงเสียเปรียบหมดแน่!”
“คุณซื้อมาด้วยราคาเท่าไหร่?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นดอลล่าร์ ตอนแรกเขาเปิดราคามาสองแสน ฉันเลยต่อราคาไปแปดหมื่น ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอม” อวิ๋นอวิ้นส่ายศีรษะพูด “แต่ลักษณะหินหยกก้อนนั้นก็ดูใช้ได้เลยทีเดียว”
“หลายปีมาแล้ว คุณไม่คิดที่จะเจียระไนหินออกมาบ้างเหรอ? ความอดทนคุณสูงจังนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด แม้ว่าที่บ้านของเธอจะมีหินหยกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ถูกเจียระไนออกมา แต่เธอก็รู้หมดแล้วว่าลักษณะข้างในเป็นอย่างไร จะเจียระไนหรือไม่นั้นไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน
อวิ๋นอวิ้นส่ายหน้าพูด “ใครจะมีความอดทนดีขนาดนั้นกัน เพียงแต่ต่อมาเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ทำให้ถูกวางทิ้งไว้ในโกดังจนลืมเสียสนิท…หลายปีที่ผ่านมานี้ฉันยุ่งกับการเดิมพันหิน เจียระไนหิน…” พูดถึงเท่านี้เธอก็ถอนหายใจออกมา “ราชาหูสบายดีไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปหมายถึงผู้อาวุโสหูคนแปลกท่านนั้น จึงพยักหน้าตอบ “สบายดีค่ะ” ใบหน้าของอวิ๋นอวิ้นราวกับหยุดชะงักไปวูบหนึ่ง ไม่นานตั้งสติขึ้นมาได้พร้อมส่ายหน้าพูด “คุณซีเหมิน ถ้าเธอเจอเขา ช่วยฉันบอกเขาสักประโยค…”
“บอกอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “คุณไปพูดกับเขาเองก็ได้นี่นา”
“ไม่ต้องหรอก ฝากเธอไปดีกว่า บอกเขาว่า ฉันไม่เคยเสียใจมาก่อน เขาล่ะเคยเสียใจบ้างไหม?” อวิ๋นอวิ้นพูดอย่างใจเย็น
ซีเหมินจินเหลียนใช้แรงกุมมือตัวเองเล็บจิกเข้าไปที่ฝ่ามือข้างใน และเงยหน้ามองอวิ๋นอวิ้นพร้อมถาม “รวมถึงเรื่องทั้งหมดที่คุณทำ?”
“ใช่!” อวิ๋นอวิ้นพยักหน้ายืนกราน “ไม่ว่าฉันเคยทำอะไร ฉันก็ไม่เสียใจทั้งนั้น!” แต่ในใจเพิ่มอีกประโยคเองว่า เธอจะทำให้เขารู้ว่าอะไรถึงเรียกว่าเสียใจ!
“ตกลงค่ะ ถ้าฉันเจอเขา ฉันจะบอกเขาให้” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
“สีเขียวติดเปลือก…ทำไมถึงเป็นสีเขียวติดเปลือก?” ผู้คนในงานพากันส่งเสียงดังเปิดประเด็นขึ้นมา อวิ๋นอวิ้นขมวดคิ้วเดินไปทางหินหยกพวกนั้น เมื่อผู้คนในงานเห็นเธอจึงรีบเปิดทาง ซีเหมินจินเหลียนก็รีบตามไปดูเช่นกัน
เป็นอย่างที่คิดไว้ หินหยกก้อนใหญ่นั้นถูกเจียระไนเปิดออกมาหมดแล้ว เพียงแต่ผิวของมันที่เป็นสีเขียวข้างนอก ข้างในกลับเป็นหินสีขาวธรรมดา ส่วนชั้นของสีเขียวที่เผยให้เห็นก็บางเบาเกินไป จะเอามาทำอะไรก็ยาก!