ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่เหมือนคนบางคนที่ไม่รู้จักจำ!”
สวี่อี้หรานครุ่นคิดจริงจังถึงถามกลับไป “ผมคือคนที่คุณพูดถึงหรือเปล่า?”
ซีเหมินจินเหลียนเลียนแบบเขาด้วยท่าทีที่จริงจังกลับไป “คงจะอย่างนั้น!”
สวี่อี้หรานลูบหัวและแย้มยิ้มออกมา “เมื่อก่อนความจำผมยังพอใช้ได้ แต่พอเข้ามาในเมืองรู้ว่าพ่อมีเงิน ใช้เงินตามสบายเลยเป็นคนขี้ลืมอยู่บ่อยๆ แต่พ่อก็ดูแลผมเป็นอย่างดี” พูดถึงเท่านี้เขาก็ถอนหายใจพูด
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มแย้ม แต่ในใจกลับสงสัยไม่หยุด หรือว่าการที่เขาออกไปข้างนอกแล้วไม่ได้พกเงินไปไหนเป็นความตั้งใจ? ตระกูลของเขามีเงินเป็นกอบเป็นกำไม่ใช่เหรอ คนที่สามารถซื้อคฤหาสน์ในย่านหลานกุ้ยได้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนยากจนแน่ๆ แต่เขาก็ไม่น่าจะเป็นขนาดนี้สิ?
“คุณซีเหมิน ครั้งหน้าผมมาหาคุณเพื่อมาดูหยกราชางูได้ไหม” สวี่อี้หรานพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ผมอยากจะตรวจดูอีกครั้ง”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “เพียงแต่ช่วงนี้ฉันอาจจะออกไปข้างนอกหลายวันถึงจะกลับมา”
“คุณจะไปไหนเหรอ” สวี่อี้หรานพูด “ออกไปเที่ยวเหรอ? ถ้าหากไม่มีที่ไป ถ้าอย่างนั้นมาบ้านผมก็ได้!”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม คนคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ถึงเธอจะออกไปเที่ยวก็คงไม่ไปเที่ยวเล่นบ้านเขาหรอก บ้านเขามีอะไรน่าสนุกกัน ออกมาดูบ้านช่อง มันน่าดูตรงไหน?
“ฉันจะไปทำธุระที่หยางโจวสักหน่อย ไม่ได้ไปเที่ยว” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า จู่ๆ ใจก็เต้นแรงขึ้นมา คุณเฉาค้นคว้าวิจัยว่าหยกทำให้ชีวิตคนไม่แก่ ส่วนหมอแปลกประหลาดที่ชื่อสวี่อี้หรานคนนี้ก็กำลังพูดถึงยาชะลอความแก่ และต้องการหยกชั้นดีมาทำเป็นส่วนผสมในการทำยา หรือว่าในนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกัน?
“หือ! ไม่ได้ไปเที่ยวหรอกเหรอ!” สวี่อี้หรานส่ายศีรษะพูด “ในอนาคตคุณอยากไปเที่ยวสถานที่ไหน โดยเฉพาะไปดูทะเลอะไรแบบนี้ สามารถพิจารณามาบ้านผมได้นะ!”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินคำเชื้อชวนของเขาอีกครั้งจึงถามอย่างสงสัย “บ้านคุณอยู่ใกล้ทะเลเหรอ?”
“อยู่บนเกาะ!” สวี่อี้หรานพูด “สวยมากเลยนะ! คุณพ่อของผมอยากจะเสพสุขเลยสร้างเกาะขึ้นมานะ ฮะๆ…”
ซีเหมินจินเหลียนสับสน เขามีเงินนี่นา ซื้อเกาะอะไรแบบนี้ก็ไม่ถือว่าพบเจอได้ยาก ตระกูลคนใหญ่โตถึงขนาดซื้อบ้านพักต่างอากาศที่นั่น ถึงขนาดมีเครื่องบินส่วนตัว เพียงแต่พ่อของสวี่อี้หรานคงไม่ใช่คนมีเงินธรรมดาอย่างที่คิด นอกจากนี้ดูจากท่าทีจริงจังของเขาแล้ว ไม่เหมือนกับพูดจาเหลวไหล
“ผมไปหยางโจวกับคุณได้ไหม” จู่ๆ สวี่อี้หรานก็ถามขึ้น
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนมึนงง เขาจะไปหยางโจวกับเธอด้วย? เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“ผมอยากไปเมืองหยางโจวสักครั้ง แต่ผมไม่รู้จักใครเลย ไปกับคุณด้วยกันนี่แหละ” สวี่อี้หรานปัดมือพร้อมยิ้ม “ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวผมจ่ายสองในสาม คุณจ่ายแค่หนึ่งส่วนก็พอ ตกลงไหม?”
จินเหลียนแทบอยากจะกระอักเลือด คนที่ครอบครองเกาะส่วนตัว คิดไม่ถึงว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับค่าใช้จ่ายแบบนี้ และเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้รับปากว่าจะพาเขาไปที่หยางโจวเลยนะ?
แต่ฝีมือทางการแพทย์ของเขาก็ไม่เลวเลย ส่วนการวิจัยของคุณเฉาเหมือนจะมีความข้องเกี่ยวกับยาชะลอความแก่ของเขา ถ้าพาเขาไปด้วยก็สามารถสอบถามได้ตลอด เพราะว่าเขาเป็นแพทย์แผนจีน เขาคงมีความรู้ทางวิชาเฉพาะอยู่บ้างที่คนอื่นไม่รู้
“สวี่อี้หราน บ้านคุณทำธุรกิจอะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น หรือว่าจะเป็นธุรกิจค้าขายยาจีน? ตอนนี้ธุรกิจค้าขายยาจีนทำเงินได้ดีขนาดนั้นเลย?
สวี่อี้หรานเคยชินกับการลูบคลำศีรษะ จากนั้นถึงค่อยส่ายศีรษะพูดว่า “ผมไม่รู้”
“บ้านของคุณไม่ได้ทำธุรกิจค้าขายสมุนไพรจีนเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แล้วคุณร่ำเรียนวิชาแพทย์ของคุณมาจากไหนกัน”
“วิชาแพทย์อาจารย์เป็นคนสอนผม ส่วนเรื่องที่บ้านของผมทำธุรกิจอะไรนั้นผมก็ไม่รู้จริงๆ ไม่อย่างนั้นจะให้ผมลองโทรไปถามพ่อดูไหม อ๊ะ? หรือว่าคุณอยากจะซื้อสมุนไพรที่หายาก? ผมจะบอกคุณให้ว่าอย่าคาดหวังอะไรในตัวพ่อของผมเลย…ผมให้เขาช่วยหาสมุนไพรมาสองตัว เขาก็หายไปเกือบสองปีไม่เห็นแม้แต่เงา” สวี่อี้หรานส่ายหน้าพูด
ซีเหมินจินเหลียนเหลือไว้แค่ท่าทีขมขื่นฝืนทน คนคนนี้ก็แปลกจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะหาตัวยาสมุนไพรอะไรถึงกล้าไปทรมานพ่อตัวเอง?
ทันใดนั้นเธอไม่เพียงแต่ขมวดคิ้ว แต่ยังคิดถึงจ่านป๋ายกับจ่านมู่ฮวาขึ้นมา เพื่อที่จะแก่งแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก จึงทะเลาะเป็นศึกสงครามความเป็นความตาย แต่ตระกูลสวี่ถ้าหากรวยจริง เกรงว่าการแก่งแย่งในครอบครัวคงดุเดือดมากเช่นกัน นิสัยอย่างเขาคงพ่ายแพ้ราบคาบ แต่นี่เป็นเรื่องตระกูลของเขา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอสักหน่อย
“คุณซีเหมิน คุณนิสัยดีจัง เมื่อก่อนผมคุยกับผู้หญิงแค่ประโยคเดียวก็เกือบจะถูกตีแล้ว…” สวี่อี้หรานพูดอย่างเป็นทางการ
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าคนๆ นี้ช่างพูดช่างจา หรือว่าเขาต้องการหาคนคุยด้วย?
“คุณพูดกับเธอว่าอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ
เมื่อสวี่อี้หรานพูดประโยคนี้ สีหน้าก็น่าสงสารเหมือนถูกรังแก “เธอคิดว่าตัวเองหน้าอกเล็ก ผมเลยบอกว่าหาผู้ชายสักคนก็ใหญ่แล้ว เธอเลยตบข้างกกหูผม…”
ซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ถ้าหากเขาพูดประโยคนี้ต่อหน้าเธอ เกรงว่าเธอก็คงตบเขาไปสักฉาก แต่เธอเคยได้ยินว่าผู้หญิงพวกหนึ่งที่หน้าอกเล็ก ก็เป็นเพราะว่าจุดเลือดลมบนร่างกายไม่เดิน หลังจากแต่งงานจะใหญ่ขึ้นเองตามธรรมชาติ สวี่อี้หรานเป็นแพทย์แผนจีน เขาที่พูดแบบนี้คงจะเป็นนัยบอกวิธีรักษา แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้หญิง เมื่อเขาพูดขวานผ่าซากออกไปอย่างนั้น คนอื่นไม่ฟาดเขาสักฉากแล้วจะฟาดใคร?
“ผมไม่ได้พูดผิดสักหน่อย นี่ก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น!” สวี่อี้หรานมีท่าทีจริงจังขึ้นมา “ทำร้ายผมจนหลังจากนั้นไม่กล้าพูดคุยกับผู้หญิงที่ไหนเลย!”
“ถึงจะเป็นความจริง แต่คุณก็พูดออกไปอย่างนั้นไม่ได้ ไม่งั้นก็เหมือนว่าคุณไปหาเรื่องเขา” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด
“ทำไมกัน?” สวี่อี้หรานถามด้วยความไม่เข้าใจ “นี่เป็นคำแนะนำที่ดีที่ผมให้เธอเลยนะ!” พูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขามองไปที่ซีเหมินจินเหลียนอย่างใจฝ่อ
เห็นซีเหมินจินเหลียนยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหนกว่ายี่สิบวินาทีได้ เขาจึงได้สติกลับมา เป็นโทรศัพท์ของตัวเองที่ดังนี่นา เขาจึงรีบคว้ามาจากกระเป๋าเสื้อออกมาดูแล้วกดปุ่มรับ
“อี้หราน…” ซีเหมินจินเหลียนอยู่ข้างเขา ได้ยินชัดเจนว่าเสียงข้างในโทรศัพท์เป็นเสียงของผู้ชายวัยกลางคน เขาน่าจะเปิดลำโพง
“อี้หราน ใแกหรือเปล่า?” ในโทรศัพท์มีเสียงของผู้ชายวัยกลางคนส่งผ่านเข้ามาอีกครั้ง ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนเก้าอี้ คนคนนี้ตลกจริงแหะ
“ผมก็กำลังฟังอยู่นี่ไง?” สวี่อี้หรานพูด
“อืม! ฉันพูดกับแกก็เหนื่อยใจจริงๆ ฉันต้องหาโทรศัพท์วิดีโอคอลแล้ว…แกฟังนะ ของที่แกต้องการมีความคืบหน้าแล้ว!” ชายวัยกลางคนพูด
“จริงเหรอ?” สวี่อี้หรานได้ยินเช่นนั้นดีอกดีใจพูดเสียงดังว่า “พ่อ พ่อเก่งจริงๆ!”
“ไม่ต้องมาพูดเลย!” ชายวัยกลางคนส่งเสียงเคร่งขรึม แต่ในนั้นถ่ายทอดถึงความรักเอ็นดู “อี้หราน แกฟังฉันนะ ของที่แกต้องการพวกนั้นมันเป็นของที่จับต้องได้ยาก จนบางที่ไม่รู้ว่าบนโลกนี้จะมีอยู่จริงไหม ถึงแม้พ่อจะพยายามสุดความสามารถแล้วแต่ของพวกนั้นมันก็ยุ่งยากพอควร”
สวี่อี้หรานพูดไม่ใส่ใจ “พ่อก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าบนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งของอะไรที่พ่อหามาไม่ได้?”
“อี้หราน ปัญหาก็คือ…ครั้งนี้ตระกูลจ่านกับตระกูลฉิน ไหนจะตระกูลอวิ๋นนั่นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง หนำซ้ำยังมีอำนาจบาตรใหญ่อีก อีกอย่างก็ยังไม่รู้แน่เลยว่าเป็นของที่แกต้องการหรือเปล่า พ่อไม่มีความจำเป็นจะไปหาเรื่องพวกเขา แกฟังนะ มีคนหนึ่งในตระกูลเฉาที่หยางโจวกำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ แกไปดูเอาเอง ขอแค่มันเป็นของที่แกต้องการ ถึงพ่อต้องเสียเงินไปมากก็จะหามันมาให้อยู่ในมือลูกให้ได้!” ชายวัยกลางคนพูด
แน่นอนคำพูดของคนคนนี้ ซีเหมินจินเหลียนก็ฟังอย่างไม่ตกหล่นสักคำ เธอไม่เพียงแต่ตกตะลึง หรือว่า…สิ่งที่สวี่อี้หรานตามหาอยู่เป็นของที่คุณเฉาลึกลับคนนั้นที่หยางโจวกำลังค้นค้นคว้าอยู่? ใช่สิ ยาชะลอความแก่ของเขาเห็นได้ชัดว่าข้องเกี่ยวกับการวิจัยของคุณเฉา
“ผมรู้แล้ว” สวี่อี้หรานพูด
“อืม…” ชายวัยกลางคนตอบรับและพูดต่อ “ส่วนหยกแสงเย็นที่แกต้องการ ฉันให้คนไปซื้อไว้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยส่งไปให้แก”
“โอเค ขอบคุณครับ” สวี่อี้หรานกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการ
ในโทรศัพท์ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาและน้ำเสียงมีความเคร่งขรึม “ของที่เหลือหายากเกินไปแล้ว…เลือดเทพธิดา เสลดมังกร…แกจะให้ฉันไปหามาจากที่ไหน? อี้หราน ต้องการของพวกนี้จริงๆ เหรอ แกลองคิดพิจารณาที่จะลองหาแพทย์แผนปัจจุบันดูไหม”
“ถ้าหากไม่มีของพวกนี้ ผมคงมีชีวิตได้นานสุดแค่สองปี” สวี่อี้หรานพูด “จากการตรวจครั้งที่แล้ว พ่อไม่รู้เหรอ พวกเขาตรวจหายังไงก็ไม่เจอ พ่อ พ่อน่าจะลองทบทวนเรื่องมีน้องชายให้ผม ผมมีตำรับยาดี…”
“อี้หราน พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว! ฉันจะช่วยแกหาของอีกอย่าง แกวางใจเถอะ! ไม่มีอะไรแล้วรีบพักผ่อนซะ ฉันวางล่ะ!” ชายวัยกลางคนส่งเสียงขรึมและวางสายไป
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกซาบซึ้งใจ นี่น่าจะเป็นความรักของพ่อ ยอมหาของที่ลูกต้องการแม้จะต้องสิ้นแรงเปลืองกายไปเท่าไหร่ แต่เขาไม่คิดว่ามันเกินเหตุไปเหรอ? อืม ไม่ถูกสิ? เมื่อสักครู่สวี่อี้หรานบอกว่าอะไรนะ ถ้าไม่มีของพวกนั้นแล้วเขาจะอยู่ได้นานสุดแค่สองปี? นี่หมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าเขาจะป่วยเป็นโรคอะไร?
ส่วนหัวหน้าตระกูลจ่านดูแลลูกสาวลูกชายไม่ได้สื่อให้เห็นถึงความรัก แต่เคร่งครัดอย่างมาก แทบที่จะไร้อารมณ์ความรู้สึก
ซีเหมินจินเหลียนพอจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมสวี่อี้หรานถึงเป็นคนมีนิสัยอิสระตามใจตัวเองแบบนี้ เพราะเขาได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อของเขาโดยไม่มีกฎระเบียบนั่นเอง
สวี่อี้หรานวางสายลง ก่อนจะหันไปมองซีเหมินจินเหลียนพร้อมพูดขึ้นว่า “ดูท่าผมก็จำเป็นต้องไปหยางโจวจริงๆ แล้ว พวกเราไปด้วยกันเถอะ!”
“คุณกำลังหาอะไรอยู่กันแน่” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความแปลกใจ
“คุณซีเหมินทำธุรกิจหยก คุณก็รู้เรื่องเล่าขานของเทพธิดาปิดฟ้าไหม?” สวี่อี้หรานยิ้มถาม
“อืม!” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วชั่วครู่ หรือว่าเป้าหมายของเขาก็เพื่อตามหาหินปิดฟ้าเหมือนกันกับเธอ?
สวี่อี้หรานคิดไปมาจึงพูดต่อว่า “ร่างกายของผมเจ็บป่วย หลายปีก่อนเจอคนแปลกให้ตำรายามา แต่ส่วนผสมสมุนไพรตามตำราหายากเหลือเกิน หลายปีมานี้ผมก็พยายามรวบรวมมันขึ้น ส่วนอันอื่นหาไม่เจอจริงๆ ในนั้นต้องการหินปกปิดฟากฟ้า…คุณซีเหมิน คุณว่าผมจะไปหาหินปิดฟ้ามาจากที่ไหน?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จริงสิ จะไปหาของที่จับต้องไม่ได้มาจากที่ไหน? เธอเพียงแค่สนใจ แต่หาได้หรือไม่ได้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร ยังไงก็ได้ แต่สำหรับเขามันเป็นของที่ช่วยชีวิตได้เลย
“เลือดของเทพธิดาคืออะไร” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความแปลกใจ “คุณคงไม่ใช่จะจับคนเทพโบราณมาฆ่าและเอาเลือดเธอไปใช่ไหม?”
“ไม่ใช่แน่นอน เพราะอย่างนั้นผมจึงสงสัยว่าเลือดของเทพธิดาอาจจะใช้แค่เลือดของหญิงสาวก็ได้แล้ว” สวี่อี้หรานขมวดคิ้วครุ่นคิด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วเสลดมังกรคืออะไรเหรอ”
“ถ้าผมรู้ก็ดีน่ะสิ” สวี่อี้หรานถอนหายใจ “เสียดายตำรายานี่ เป็นของฮวาจื้อที่ส่งทอดมาให้ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไปหาเรื่องเดิมพันพิษกับคนอื่นจนตาย!”
“เดิมพันพิษ?” เป็นครั้งแรกที่ซีเหมินจินเหลียนได้ยินคำนี้จึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“อืม…” สวี่อี้หรานคิดอยู่นานถึงอธิบายขึ้น “มันคือการแข่งกับคนอื่นกินยาพิษ!”
ซีเหมินจินเหลียนเหงื่อท่วมศีรษะ “เขาก็กลัวว่าจะอายุจะยืนไปเหรอไง?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” สวี่อี้หรานพูดจริงจัง “คุณรู้เรื่องเล่าของเสินหนงทดลองกินยาสมุนไพรไหม คุณน่าจะรู้ว่าเขาเป็นต้นกำเนิดของการพัฒนาแพทย์แผนจีน…จากนั้นพวกเราก็มีอาจารย์ที่ค่อนข้างแปลก ชอบทดลองกินยากับตัวเอง จนบางครั้งมีการแข่งเป็นสงครามที่ดุเดือดเพื่อค้นคว้าวิจัย แต่แพทย์แผนจีนสมัยนี้ตกต่ำลง นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับตำนานแปลกประหลาด!”
ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วก็อึดอัดใจ แพทย์แผนจีนตกต่ำลงจริงๆ โรงพยาบาลในยุคสมัยนี้มักจะเน้นรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีการจับชีพจรอะไรแล้ว
นอกจากนี้ เธอยังค้นพบว่าขอแค่มีความเกี่ยวข้องไปถึงแพทย์แผนจีน คำพูดที่ออกมาจากปากของสวี่อี้หรานก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป ไม่อย่างนั้นเมื่อคนคนนี้ปริปากพูดออกมามันดูแปลกๆ พิกล จนกระทั่งบางทีอาจจะทำให้เข้าใจผิด
“คุณจะไปหยางโจวเมื่อไหร่” สวี่อี้หรานเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“คุณเตรียมตัวไว้แล้วกัน พรุ่งนี้หลังเที่ยงออกเดินทาง ตอนกลางคืนก็น่าจะถึง” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ระยะทางจากเซี่ยงไฮ้ไปหยางโจวไม่ไกลกันมาก
“พวกเราไปด้วยกันเถอะ” สวี่อี้หรานพูด “อย่างน้อยก็ไปเป็นเพื่อนกัน”
“ก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ในเมื่อมีเป้าหมายเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นก็ไปพร้อมกันเลย
“คุณบอกว่าคุณป่วยหนัก คุณเป็นโรคอะไรกันแน่” ซีเหมินจินเหลียนถาม ขอร้องอย่าให้มันเป็นโรคติดต่อนะ
“โรคติดเชื้อพิษศพ” สวี่อี้หรานขมวดคิ้ว
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนเกือบจะตะโกนออกมาอย่างไร้เสียงแล้ว โรคติดเชื้อพิษศพ? บนโลกนี้ยังมีโรคแบบนี้อยู่อีกเหรอ? เขาไปได้รับเชื้อพิษศพมาจากที่ไหนกัน
“คุณซีเหมิน ผมต้องไปแล้ว” สวี่อี้หรานไม่พูดอธิบายอะไร ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ปากประตูของห้องใต้ดิน อดไม่ได้ที่จะหันหลังหลับมามองไปที่หยกราชางูอีกครั้ง และนิ่งไปนานสองนาน เขาคิดอยู่ตลอดว่าต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ แต่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
ซีเหมินจินเหลียนส่งสวี่อี้หรานเสร็จก็ถอนหายใจลง คนคนนี้ก็แปลกจริง….อีกทั้งรับมือได้ยาก …?
แม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องทางการแพทย์ แต่เคยได้ยินคนพูดกันว่า…เลวร้าย ในใจคิดลางและเดินลงไปที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง มองไปที่หยกราชางู ถ้าหากมันมีชีวิตจริงนั่นเท่ากับว่าความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอก็อาจจะสามารถดูถึงอวัยวะภายในของมันได้ หรือว่าเธอจะลองดูสักครั้ง?