ความลับแห่งจินเหลียน 131 คุยธุรกิจ

ตอนที่ 131 คุยธุรกิจ

ซีเหมินจินเหลียนหันไปมองจ่านป๋ายที่มีท่าทีมีพิรุธ ใบหน้าที่สดใสเหมือนแสงอาทิตย์ ตอนนี้กลับยับย่นไม่เป็นท่า สายตาดูหมองหม่นลง  

 

“ผมไม่สนใจ ไม่สนใจเลยสักนิด!” จ่านป๋ายพูดอย่างใจเย็นและเตรียมจะวางสาย  

 

“คุณจ่าน ฉันแนะนำให้คุณสนใจจะดีกว่า” ในโทรศัพท์มือถือนมีเสียงชวนฟังส่งผ่านมา “ไม่อย่างนั้น คุณก็คงรู้กฎการปฏิบัติของพวกเรา”  

 

จ่านป๋ายจับโทรศัพท์ไว้แน่น มือสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่ได้กลัวอะไรจริงๆ และไม่กลัวการขู่เข็ญจากใครทั้งนั้น แต่ถ้าหากพวกเขาทำอะไรจินเหลียนขึ้นมาจะทำอย่างไร? ความตั้งใจแต่แรกของเขาก็คือการปกป้องเธอไปตลอดชีวิต แต่ไม่ใช่เอาตัวเองไปสร้างความวุ่นวายให้กับเธอ หรืออาจจะเป็นการใช้อำนาจข่มขู่เอาชีวิตเธอ?  

 

“พวกคุณจะเอายังไง?” จ่านป๋ายถาม  

 

“คืนนี้ฤกษ์ดี คุณจ่าน ฉันจะรอคุณอยู่ที่หลานรั่วซื่อ” เสียงของฝ่ายตรงข้ามไพเราะหวานหู “พาแฟนสาวคนสวยของคุณมาด้วยกันสิ ฉันก็อยากจะเจอเธอเหมือนกัน!”  

 

พูดจบอีกฝ่ายก็ตัดสายไป จ่านป๋ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเขวี้ยงมือถือไปอีกฝั่ง ทันใดนั้นก็เหยียบคันเร่งสุดแรง ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้เตรียมใจ ทำให้ร่างของเธอหงายหลังอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะล้มลงบนเก้าอี้อย่างแรง  

 

“อารมณ์ไม่ดีคุณก็ไม่ควรจะไปลงกับคันเร่งสิ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดกลั้วหัวเราะน้อยๆ  

 

“จินเหลียน…ผม…ขอโทษครับ” จ่านป๋ายพูด  

 

“ฉันรู้ว่าคุณเป็นตัวสร้างปัญญา แต่ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ยังรับคุณมาอยู่ด้วยกัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม พูดขึ้นอย่างใจเย็น “ไปกันเถอะ ฉันก็อยากจะไปดูหลานรั่วซื่ออะไรนั่นสักหน่อย”  

 

“คุณไม่โกรธเหรอ?” จ่านป๋ายถามอย่างแปลกใจ  

 

“ถึงฉันจะโกรธแต่ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะอย่างนั้นสู้เผชิญหน้ารับมือกับมันไม่ดีกว่าเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ “คุณไม่รู้สินะว่าก่อนที่คุณย่าของฉันใกล้เสีย ท่านก็เคยจับมือฉันแล้วพูดว่า… ‘จินเหลียน ยอมยากจนไปชั่วชีวิต ก็ดีเสียกว่าไปสัมผัสหิน ไม่อย่างนั้นหลานจะต้องเสียใจ’ ”  

 

เมื่อซีเหมินจินเหลียนพูดถึงตอนนี้ก็ถอนหายใจออกมา “หลายปีที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยรู้ว่าทำไมคุณย่าถึงพูดแบบนั้น ความจนกับหินมันเกี่ยวอะไรกัน หินขรุขระพวกนั้นจะสามารถทำให้ฉันรวยได้เหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหยกที่ดึงดูดผู้คนจะมาจากหินหยาบๆ พวกนั้น ครั้งแรกที่หลินเสวียนหลานพาฉันไปที่ร้านเถ้าแก่โจว ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งตอนที่ฉันเห็นคุณนายอวิ๋น ฉันถึงเพิ่งจะรู้ว่าเรื่องบางเรื่องแม้ว่าเราจะหลบหลีกมันยังไง แต่ก็ไม่มีทางที่จะหลีกพ้น ไม่ว่าคุณย่าของฉันจะกังวลกับเรื่องนี้ และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็เป็นชะตากรรมที่ฉันต้องเผชิญอยู่ดี”  

 

จ่านป๋ายยิ้ม มนุษย์หนอ! ทำทุกอย่างก็เพื่อเพราะเงิน แต่บางคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจ เกรงว่าอาจไม่คิดเช่นนี้ อย่างเช่นผู้อาวุโสหูแปลกประหลาดผู้นั้น? เขาอยากได้เงินมันเป็นเรื่องที่ง่าย แต่สิ่งที่เขาต้องการกลับไม่ใช่แค่เงินนี่สิ!  

 

“ฉันเคยจนเคยลำบากมาก่อน เคยถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยาม ตอนนั้นชีวิตของฉันธรรมดาแต่ฉันก็พอใจมาก ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝัน แต่ถ้าหากสามารถย้อนเวลาไปได้ ฉันก็ยังคงทำเช่นนี้ นี่เป็นชะตากรรมที่หวนเปลี่ยนไม่ได้” ซีเหมินจินเหลียนพึมพำ เมื่อเธอเห็นคุณนายอวิ๋น เธอก็สามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้แล้ว  

 

หากประสบการณ์ในวัยเด็กไม่ได้เป็นเพียงความฝันฉากหนึ่ง แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นการดำรงอยู่ของเธอก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ชีวิตนี้จะไม่ถูกปิดกั้นฝังตัวเองไว้ และวันหนึ่งในอนาคตเธอจะมีชีวิตอยู่อย่างประสบความสำเร็จ  

 

จ่านป๋ายผ่อนความเร็วรถลง ซีเหมินจินเหลียนก็มองออกไปทางนอกหน้าต่างรถอย่างแปลกใจ ที่แห่งนี้ดูแปลกตา ในเซี่ยงไฮ้ที่วุ่นวายยังมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ?  

 

มันดูทรุดโทรมและเก่าแก่มาก มองไปรอบๆ มันเป็นสีเทาราวกับว่าในเวลานั้นได้ย้อนกลับไปยังหลายร้อยปีก่อน แม้แต่ถนนยังเป็นหลุมเป็นบ่อ เขาขับรถเบนซ์เบียดเสียดเข้าไปยังตรอกซอกซอย  

 

“สถานที่นี้ยังไม่ได้ถูกรื้อทำลายอีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนสงสัย  

 

“ไม่มีใครซื้อพื้นที่ในสถานที่นี้ได้ต่างหากล่ะครับ” จ่านป๋ายพูด “ถนนทั้งเส้นนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลทั้งหมด”  

 

พื้นที่ส่วนบุคคล? ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจ สถานที่แห่งนี้แม้ว่าจะเก่าคร่ำครึไปหน่อย แต่พื้นที่ไม่ได้เล็กเลย พื้นที่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ทุกตารางนิ้วต่างเป็นเงินเป็นทอง การที่มีพื้นที่ส่วนบุคคลกว้างขวางขนาดนี้คงจะประมาทไม่ได้จริงๆ  

 

“จินเหลียน คุณก็พูดถูก!” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป  

 

“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่ค่อยเข้าใจ จึงถามกลับไป “คุณว่าอะไรนะ”  

 

“เดิมทีผมก็คิดว่าผมแพ้แล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะอย่างนั้นผมจึงหลบหนีปัญหามาโดยตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเรื่องบางเรื่องถึงเราจะอยากหนีไปไกลแค่ไหน ก็คงหนีมันไม่พ้น เพราะฉะนั้นก็ไม่สู้ใช้วิธีเผชิญหน้ากับมันดีกว่า!” ในขณะที่จ่านป๋ายพูดประโยคนี้ แววตาของเขาก็ฉายแววอำมหิตขึ้น  

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา ใช่ เรื่องบางเรื่องก็ทำได้แค่เผชิญหน้า ไม่มีทางหลบหลีกได้  

 

“ที่นี่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนเห็นจ่านป๋ายหยุดรถเป็นที่เรียบร้อย  

 

“ที่ตรงนี้ใหญ่หน่อย สามารถจอดรถได้ ถ้าขับไปข้างหน้าอีก รถก็เข้าไม่ได้แล้ว” จ่านป๋ายอธิบาย  

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา บรรยากาศโดยรอบมืดสงัด ภายในตึกเก่าไม่มีแม้แต่แสงไฟ เธอหยิบไฟฉายออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเปิดมันพร้อมพูดว่า “ที่นี่ไม่มีใครอยูู่เลยเหรอ?”  

 

“น่าจะมีแค่สองสามครัวเรือน” จ่านป๋ายพูดไปพลางก็เดินเข้าไปจูงมือของซีเหมินจินเหลียน “ระวังหน่อยครับ ที่นี่ค่อนข้างเดินลำบาก”  

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ถึงจะเดินยากแค่ไหนก็คงเดินง่ายกว่าทางบนเขาเป็นแน่ เธอไม่ได้สนใจ แต่ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของจ่านป๋าย   

 

“คุณจอดรถไว้ตรงนี้ก็ไม่กลัวว่าใครจะขโมยไปเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนปิดไฟฉายและถามขึ้น  

 

“อ้อ?” จ่านป๋ายยิ้มขึ้นมาบางๆ ก่อนที่เสียงอ่อนโยนของเขาจะส่งผ่านมาในความมืด “ที่นี่คนก็ไม่ได้เยอะสักหน่อย แล้วจะมีขโมยมาจากไหน? อีกอย่างที่แห่งนี้เป็นรังพญาโจร! โจรกระจอกไม่กล้าเข้ามาหรอกครับ”  

 

“รังพญาโจร?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ  

 

“ครับ” จ่านป๋ายยิ้ม “พญาโจรที่แท้จริง เป้าหมายของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่กว่านั้น แค่รถคันหนึ่ง พวกเขาไม่สนใจหรอก วางใจได้”  

 

ซีเหมินจินเหลียนเผยยิ้มออกมา ไม่น่าล่ะเมื่อสักครู่ที่ลงมาจากรถเขาก็ไม่ได้ล็อครถ จอดอย่างโจ่งแจ้งไว้ที่นั่น ที่แท้สถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ของโครตโจร และโจรธรรมดาก็ไม่กล้าเข้ามาข้องเกี่ยวโดยง่าย  

 

ในตรอกมืดนี้ทันใดนั้นก็มีแสงไฟสีเหลืองสลัวอยู่ที่ประตูบ้าน ดูอบอุ่นเล็กน้อย จ่านป๋ายจับมือของซีเหมินจินเหลียนแล้วเดินไปที่ประตูที่มีแสงสว่างสอดผ่านเข้ามา  

 

โคมไฟกระดาษสีขาวสองอันแขวนไว้ที่หน้าประตู แผ่นป้ายสำนักเก่าแก่ทรุดโทรมมีรอยคราบสกปรก แต่ยังสามารถเห็นตัวอักษรด้านบนทั้งสามตัวได้อย่างชัดเจน ‘หลานรั่วซื่อ!’  

 

 จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็อยากจะด่าคนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าแผ่นป้ายสำนักนี้ใหม่เอี่ยม แต่ถูกทำให้เก่า นี่ก็เป็นกลวิธีในการแปลงให้เป็นของเก่าที่ขายตามถนนโบราณ!  

 

ประตูไม้ขนาดใหญ่สองฝั่งถูกเปิดออกกว้าง   

 

ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเธอไม่ทันได้ทำอะไร ก็มีลมพัดกรูเข้ามาจนโคมลอยที่แขวนอยู่กวัดแกว่งไปมา บรรยากาศดูน่ากลัววังเวงเหมือนอยู่ในป่าช้า  

 

 

 

“พี่ใหญ่จ่านมาแล้ว?” ผู้หญิงที่แต่งตัวน้อยชิ้น เรือนร่างดูเย้ายั่ว ชั่วพริบตาเดียวเธอก็แนบตัวเข้าใกล้ร่างของจ่านป๋าย   

 

ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วอายุยังไม่มาก แต่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น มีผ้าคลุมโปร่งแสงเบาบางอำพรางตัวไว้อยู่ เสริมกับเรือนร่างที่ได้สัดส่วนก็ยิ่งสะกดท่วงท่าอารมณ์ให้สง่างาม ซีเหมินจินเหลียนอดสงสัยไม่ได้ว่าภายใต้ผ้าคลุมของผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ใส่อะไรเลยหรอกนะ? หรือเธอจำเป็นต้องเตือนเธอสักหน่อยไหมว่าหากจะใช้วิธีนี้ยั่วยวนผู้ชายก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง อากาศหนาวแบบนี้จะเป็นหวัดเอาง่ายๆ!  

 

จ่านป๋ายไม่ได้ไว้หน้าแม้แต่น้อย รีบผลักผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นให้ออกห่างจากตัวและถามขึ้นว่า “ซาลี่ล่ะ”  

 

“พี่ก็เอาแต่ถามถึงพี่ซาลี่!” ผู้หญิงน้อยชิ้นคนนั้นแค่นเสียงใส่ ก่อนจะเหลือบไปมองซีเหมินจินเหลียน  

 

พอดีที่ซีเหมินจินเหลียนก็กำลังมองเธออยู่พอดี ผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่งหน้าจัดจ้าน หน้ารูปทรงรียาวได้มาตรฐาน ผิวสีขาวนวล น่าจะเป็นเพราะอยู่ใต้แสงไฟ? ซีเหมินจินเหลียนคิด บางทีตอนกลางวันเธออาจจะหน้าตาธรรมดาก็ได้?  

 

“มีอะไรกัน?” ด้านในนั้น เมื่อประตูเปิดออกก็มีผู้หญิงสวมใส่ชุดโบราณสีขาวมัดแกะสองข้างเดินมา…  

 

ซีเหมินจินเหลียนมองอย่างตกตะลึง พระเจ้าช่วย เธอก็ไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม การแต่งกายของผู้หญิงคนนี้เหมือนกับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน [1] ในละครเลย?  

 

ประตูไม้ด้านหลังปิดลงอย่างช้าๆ ผู้หญิงสวยในชุดโบราณเข้ามาทักทายจ่านป๋ายกับซีเหมินจินเหลียน แล้วพูดว่า “เชิญนั่งสิ”  

 

จ่านป๋ายยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ในขณะซีเหมินจินเหลียนค่อยๆ ขยับเข้าไปข้างโต๊ะเล็กน้อย และนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่แกะสลักเป็นดอกไม้ ก่อนถามขึ้นว่า “พี่สาวคงจะไม่ตะโกนขึ้นมาว่า…มีผี? หรอกนะ”  

 

หญิงงามในชุดโบราณได้ยินเข้าก็หัวเราะ “น้องสาวน่าสนใจดีนะ”  

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ถ้าตามในละครก็ควรจะเป็นแบบนั้น แต่เรามาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่าคนหรือผีก็ไม่สำคัญทั้งนั้น!”  

 

“โอเค!” ดวงตาของหญิงงามในชุดโบราณยิ้มชื่นชมและปรบมือพูด “พูดได้ดี พวกเรามาคุยแค่เรื่องธุรกิจ ส่วนอีกฝ่ายจะเป็นคนหรือผีก็ไม่สำคัญ”  

 

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เชิญพี่สาวคุยธุรกิจเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น  

 

หญิงงามในชุดโบราณเลิกคิ้วขึ้น “เธอสามารถตัดสินใจแทนเขาได้หรือ?” พูดพลางเธอหันไปมองจ่านป๋าย  

 

ซีเหมินจินเหลียนไม่พูดอะไรต่อ สายตาของเธอตกไปอยู่ที่จ่านป๋าย จ่านป๋ายพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เธอตัดสินใจแทนผมได้ แต่คุณสามารถตัดสินธุรกิจเหล่านี้ได้ไหม เรื่องนี้ก็พูดยาก”  

 

“จนถึงตอนนี้ธุรกิจนี้มีฉันเป็นคนดูแลรับผิดชอบ!” หญิงงามในชุดโบราณพูด  

 

“โอเค เริ่มพูดเถอะ” จ่านป๋ายยกเก้าอี้มาและนั่งลงฝั่งตรงข้ามของซีเหมินจินเหลียน “บริษัทจิวเวอรี่สิบสามแห่งในคืนนี้ พวกคุณเป็นคนขโมยใช่ไหม?”  

 

“ไม่อย่างนั้นพวกเราจะคุยธุรกิจอัญมณีอะไรนี่หรือ?” หญิงงามใส่ชุดโบราณยิ้ม “แม้ว่าฉันจะชอบเล่นเกมฉ้อโกงโดยไม่ได้ลงทุนอะไรมาก แต่วิธีนี้สำหรับคุณชายจ่านของคุณก็ไม่มีประโยชน์สักนิด เพราะฉะนั้นพวกเราเลยต้องลงทุนสักหน่อย”  

 

แม้ว่าภายนอกซีเหมินจินเหลียนจะดูสงบนิ่ง แต่ในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว พระเจ้า! คดีขโมยใหญ่หลวงเช่นนี้ เป็นฝีมือของหญิงงามในชุดโบราณที่อยู่ตรงหน้าเธอน่ะหรือ? อีกทั้งเธอยังกล้ามาคุยธุรกิจกับจ่านป๋ายอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้อีก?  

 

 

 

[1]   เนี่ยเสี่ยวเชี่ยน  ตัวละครจากเรื่องโปเย โปโลเย เป็นผีสาวรูปงามดั่งภาพวาด ที่ใช้ความงามล่อลวงบุรุษหนุ่มจนเมื่อพลั้งพลาดเผลอ สูบเลือดเนื้อวิญญาณนำมาเป็นพลังงานให้กับตนเอง  

ความลับแห่งจินเหลียน

ความลับแห่งจินเหลียน

Score 10
Status: Completed

ส่วนที่ 1 ตอนที่ 1 – 29 อ่านนิยาย
ส่วนที่ 2 ตอนที่ 1 – 30 อ่านนิยาย
ส่วนที่ 3 ตอนที่ 1 – 33 อ่านนิยาย


ซีเหมินจินเหลียน หญิงสาวจากครอบครัวชนบทที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น เธอดิ้นรนส่งเสียตัวเองจนเรียนจบ กระทั่งได้เข้ามาทำงานในนครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ แต่ความจริงกลับไม่เป็นดั่งฝันที่วาดไว้ เมื่อเธอถูกแฟนหนุ่มที่ตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหักหลังอย่างไม่ไยดี

แต่แล้ว…ในคืนที่เธอไม่เหลืออะไรแม้แต่ชายคนรัก ซีเหมินจินเหลียนได้รับความสามารถพิเศษที่เธอเองก็ไม่อาจคาดคิด… ‘ความสามารถในการมองทะลุสิ่งของ’ พร้อมกับลายดอกบัวสีทองที่ปรากฏอยู่บนหลังมือ ได้นำพาให้ซีเหมินจินเหลียนที่ไม่มีอะไรติดตัวเข้าสู่วงการ ‘นักพนันหยก’ จนได้กลายเป็น ‘เจ้าหญิงแห่งวงการหยก’ ภายในชั่วข้ามคืน…

Options

not work with dark mode
Reset