จ่านมู่ฮวาถามอย่างร้อนรน “คุณมีวิธีอะไร”
“หินหยกในงานเดิมพันหินใหญ่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่น่าจะขนย้ายมาแล้วใช่ไหม?” เหลิ่งจี้พูด “ผมจะขโมยหินหยกของพวกเขา แล้วดูสิว่าคืนนี้เธอจะหินหยกที่ไหนไปร่วมการแข่งขันเดิมพัน?”
จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะเห็นพ้องต้องใจ แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับขมวดคิ้วพูดขึ้นมาก่อน “ฉันยังไม่ได้เข้าร่วมการเดิมพันใหญ่เลยทำไมพวกคุณถึงพูดจาเป็นลางร้ายแบบนั้น ทำไมล่ะคะ ฉันก็ดูชนะคุณนายอวิ๋นไม่ได้เลยเหรอ?”
ให้เหลิ่งจี้ไปขโมยหินหยกของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่จะไปร่วมเดิมพัน เมื่อบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไม่มีหยกก็เท่ากับว่าหาหินหยกลักษณะดีมาเข้าร่วมเดิมพันไม่ได้ การเดิมพันคืนนี้ซีเหมินจินเหลียนเลยชนะไปอย่างนี้เหรอ? แต่ผลที่ได้มาแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการ
เธอหวังว่าเธอจะสามารถชนะได้อย่างเปิดเผยบริสุทธ์ใจ การเดิมพันครั้งนี้แน่นอนว่าเธอจะต้องกังวลว่าคุณนายซูแห่งบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะเล่นอะไรสกปรกหรือเปล่า ต่อหน้าก็เรียกเธอว่าน้องสาวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลับหลังอาจะเล่นสกปรกไม่บริสุทธิ์ใจ หาคนมาแตะต้องหินหยกของเธอ เพราะอย่างนั้นการระวังตัวก่อนก็เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
จ่านมู่ฮวาคาดคะเนความเป็นไปได้ที่เหลิ่งจี้พูด เขาวางเดิมพันลงไปเยอะ ใครจะรังเกียจการที่เงินตัวเองมีมากขึ้นล่ะ
“คุณเหลิ่ง คุณมั่นใจแค่ไหน” จ่านมู่ฮวาพูด
“ถ้าหากสามารถหารูปแผนผังแถวนี้มาได้ ผมก็มั่นใจถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์!” เหลิ่งจี้พูด “แน่นอนถ้าหากผมทำพลาด ผมก็จะแกล้งว่าไม่รู้จักพวกคุณ ไม่ให้เรื่องไปถึงพวกคุณแน่นอน”
จ่านมู่ฮวามองไปทางจ่านป๋าย จ่านป๋ายมองไปทางซีเหมินจินเหลียน ขอแค่ได้ยินเธอบอกออกมา อย่าว่าแต่ขโมยหินหยกก้อนหนึ่งเลย แม้จะให้เขาไปขโมยฟ้าเบื้องบน เขาก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่นิด
“ไม่ต้องค่ะ ฉันอยากชนะอย่างบริสุทธิ์ใจ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร” ที่เธอไม่แพ้นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเธอยังไม่เคยเจอคู่แข่ง เธอสามารถเบิกเนตรได้ เธอสามารถมองทะลุผ่านได้ เธอก็ไม่เชื่อว่าเธอจะแพ้?
เมื่อได้พบหินหยกสีดำทรายอีกาแล้ว เธอก็มั่นใจแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งใดบนโลกแล้ว
“เสี่ยวป๋าย คืนนี้ฉันไม่เพียงแต่จะให้คุณช่วยดูหินหยกและเฝ้าระวังคนมาแตะต้องหินอย่างเดียวแล้วล่ะ แต่การเจียระไนหินครั้งนี้ฉันก็มอบหน้าที่ให้คุณจัดการด้วย คุณต้องจำไว้ว่าใช้ได้แค่การเจียระไนด้วยมือเท่านั้น ไม่สามารถใช้เครื่องมือเจียระไนในปัจจุบันได้” ซีเหมินจินเหลียนพูดกำชับ
“โอเคครับ” จ่านป๋ายยิ้ม เขายินดีที่จะค่อยๆ เจียระไนหินหยกทรายอีกาดำออกมา เพื่อให้คนพวกนั้นดู
“คุณเหลิ่ง ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่ไม่ว่าจะยังไงฉันคิดว่าการขโมยหินหยกจากฝ่ายตรงข้ามมันก็ไร้คุณธรรมไปหน่อย เพราะฉะนั้นฉันหวังว่าจะชนะอย่างบริสุทธิ์ใจในการเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้” ซีเหมินจินเหลียนพูดขอบคุณเหลิ่งจี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แต่เขาก็ทำเพื่อเธอ
เหลิ่งจี้ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปอีก ลุกขึ้นเตรียมบอกลา จ่านป๋ายจึงลุกขึ้นเดินไปส่งเขา รอบข้างซีเหมินจินเหลียนไม่มีใครอีก เธอเลยถามจ่านมู่ฮวาว่า “คุณคิดอะไรของคุณอยู่?”
“ผม…” จ่านมู่ฮวาได้ยินก็ครุ่นคิดทบทวนอยู่นานถึงพูดขึ้น “ผมคิดว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางแพ้”
“ฉันไม่ใช่เทพเจ้านะ!” ซีเหมินจินเหลียนเกือบจะเกรี้ยวกราดใส่เขาแล้ว พูดได้ยังไงว่าเธอจะไม่มีทางแพ้?
“ความสามารถในการเดิมพันหินของคุณมันมีพลังแรงกล้ามาก จนทำให้ผมสงสัยว่าคุณก็อาจจะสามารถเบิกเนตรได้” จ่านมู่ฮวาพูดพึมพำ
“คุณหยุดพูดเลยนะ!” ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าอย่างหมดอารมณ์ “เทพเจ้ายังคาดเดาหยกยากเลย แล้วการเบิกเนตรอะไรกัน? ทำไมคุณไม่พูดว่าฉันพารังสีเอ็กซ์ติดตัวมาด้วยเลยล่ะ!”
“รังสีเอ็กซ์ยังทะลุผ่านไม่ได้!” จ่านมู่ฮวาพูด
“ถ้าหากคืนนี้ฉันแพ้จนหมดตัว เพชรของคุณ…” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างทำตัวไม่ถูก “ความจริงฉันแพ้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ได้วางของเดิมพันไป อย่างมากสุดก็แค่หินหยกก้อนหนึ่ง บวกเงินสดอีกหนึ่งแสนเท่านั้น แต่คนที่วางเดิมพันคือคุณ…”
จ่านมู่ฮวามองหน้าเธอคิดอยู่นานถึงพูดว่า “ผมรับปากว่าจะเพิ่มข้อเสนออีกข้อหนึ่งให้พวกเธอ”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากลถามขึ้น “ข้อเสนออะไร”
“ถ้าหากคุณแพ้ บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่จะปิดตัวลงนับจากนี้” จ่านมู่ฮวาพูด
“คุณว่าอะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยืนพ่นไฟด่าขึ้นมา “นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?!”
จ่านมู่ฮวาเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด ขยับเคลื่อนนิ้วมือไปมา ทำท่าทางสงสารมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนจึงพยายามสงบจิตใจลงและถาม “ทำไมคุณถึงตกลงกับคุณนายซูว่าจะเดิมพันกับเธอ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าผมคิดว่าคุณจะสามารถชนะได้หรอกเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างน่าสงสาร
“หุบปากนะ! ถึงแม้ฉันจะแพ้ แต่ฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถทำให้อะไรบริษัทจิวเวอรี่ของฉันได้” ซีเหมินจินเหลียนทำเสียงเหอะใส่
“เธอสามารถร่วมมือกับบริษัทจิวเวอรี่อื่นๆ มาบีบบังคับคุณให้พ่ายแพ้ได้” จ่านมู่ฮวาพูด “ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เส้นสายย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณอย่าถามผมเลยว่าทำไมผมถึงรับปากที่จะเดิมพันกับเธอ ผมบอกเหตุผลคุณไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ถึงจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว…”
“ปากคุณก็บอกว่าจะจีบฉัน จากนั้นเพียงแค่พริบตาเดียวคุณก็ขายฉันให้กับคนอื่น?” ซีเหมินจินเหลียนด่าไฟแลบ
“ผม…” จ่านมู่ฮวาแกล้งทำท่าน่าสงสารต่อไป
“รอให้การเดิมพันหินใหญ่คืนนี้สิ้นสุดลงก่อนเถอะ คอยดูว่าฉันจะจัดการกับคุณยังไง” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันพูด ความจริงเธอก็พอจะเข้าใจจ่านมู่ฮวาได้ว่าทำไมถึงตอบรับการเดิมพันระหว่างเธอกับคุณนายซูครั้งนี้ นี่น่าจะไม่ใช่ความตั้งใจของเขา แต่เป็นความตั้งใจของเจ้าของตระกูลจ่านสินะ?
ซีเหมินจินเหลียนกล้ายืนยันว่าตระกูลของเขาคงจะวางเดิมพันไปทั้งสองข้าง ไม่ว่าฝั่งไหนจะแพ้ แต่ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ก็ยังเป็นพวกเขา เพราะว่าคลับหยกเป็นของบ้านเขา
สมควรตาย! ไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่ไม่ทรยศ ไม่มีคนทรยศคนไหนที่ไม่ใช่นักธุรกิจ นักธุรกิจที่ไม่ทรยศทำธุรกิจไม่ได้หรอก
นอกจากนี้ตระกูลจ่านคงอยากจะเห็นว่าบริษัทไหนคุ้มค่ากับการลงทุนของพวกเขา คงอยากจะหาโอกาสนี้ในการตามหาหินปิดฟ้า แน่นอนว่าย่อมต้องการร่วมมือกับผู้มีความสามารถในการเดิมพันหิน เพราะฉะนั้นการเล่นแบบนี้ ที่ให้เธอและคุณนายซูแข่งขันกันตายไปข้างหนึ่ง แต่เขากลับนั่งรอผลประโยชน์อย่างสบาย
เมื่อเข้าใจได้ในจุดนี้ เธอก็สามารถเข้าใจเจตนาของจ่านมู่ฮวาได้ แถมตอนที่เหลิ่งจี้ไปหาเขา บอกเรื่องความสามารถในการเบิกเนตรจองคุณนายอวิ๋นให้เขาฟัง ในใจของเขาคงจะมีความลังเลใจไม่น้อย เพราะฉะนั้นเขาเลยหวังจะให้นัดเดิมพันคืนนี้ยกเลิกไป เพราะว่าเขาได้วางเดิมพันหุ้นเหมืองเพชรลงไปถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์
เขาเห็นด้วยกับความเห็นที่เหลิ่งจี้บอกว่าให้ไปขโมยหินหยกที่ใช้ร่วมในการแข่งขันเดิมพันของคุณนายซู และยิ่งหวังว่าจ่านป๋ายจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วย เพราะถ้าหากคืนนี้จ่านป๋ายร่วมแข่งขันด้วยจริงๆ เขาก็จะสามารถจัดการพวกเขาไปได้พร้อมๆ กันสินะ? สิ่งที่เขาต้องการจะหาก็คือผู้เดิมพันหินที่มีความสามารถช่วยตามหาหินหยกปิดฟ้าของเทพธิดาให้เขาเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ก็คงไม่ได้สำคัญอะไรสินะ?