จ่านป๋ายได้ฟังซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ขัดขวางผู้ชายท่าทางเร่ร่อนคนนั้นอีก ทำได้แค่ให้เขาเข้ามา คนคนนั้นก็ไม่มีความเกรงใจ เดินพรวดพราดเข้ามาและหย่อนร่างนั่งลงไปที่โซฟาหนังแท้สีขาวบริสุทธิ์ของซีเหมินจินเหลียน ก่อนขมวดคิ้วมองไปที่จ่านป๋าย
ซีเหมินจินเหลียนยกชามาเสิร์ฟและนั่งลงข้างๆ จ่านป๋าย ก่อนถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณจะให้ฉันเรียกคุณว่าอย่างไรดีคะ”
“ผมแซ่หนู หนูที่แปลว่าคนรับใช้” คนเร่ร่อนพูด
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเข้าก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา ส่วนจ่านป๋ายนั้นก็หัวเราะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แปลกตรงไหนกัน!” คนเร่ร่อนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คนแซ่หนู ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนรับใช้นี่?”
“ก็ใช่ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้าหงึกหงัก เพียงแต่ในบรรดาแซ่ของคนจีนทั้งหลาย เหมือนว่าจะไม่มีแซ่หนูนะ “แล้วไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรือครับ”
“ชื่อหรือ?” ผู้เร่ร่อนยิ้มอย่างกลัดกลุ้มแล้วถอนหายใจพูดขึ้นว่า “เหมือนจะไม่ได้ใช้มานานแล้ว ถ้าหากคุณอยากรู้ ก็เรียกผมว่าเหลิ่งจี้เถอะ”
“หนูเหลิ่งจี้?” จ่านป๋ายขมวดคิ้วถาม
“ใช่” หนูเหลิ่งจี้พยักหน้า
นี่เป็นเรื่องแปลกแถมยังเป็นชื่อที่ดูเย็นชา เขาเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือเรื่องที่เธอและคุณนายซูนัดเดิมพันกันยังไม่ได้ประกาศออกไป แล้วเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
“คุณหนูคะ เมื่อสักครูที่คุณพูดว่าการเดิมพันของฉันกับคุณนายซู?” ซีเหมินจินเหลียนหยั่งเชิงถามขึ้น
“คือคุณนายอวิ๋นท่านนั้น!” หนูเหลิ่งจี้เงียบไปอยู่ชั่วครู่ถึงพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าคุณซีเหมินจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของซูหงกับอวิ๋นหยินแล้วสินะ คนที่อยากจะเดิมพันหินกับคุณน่ะ ไม่ใช่คุณนายซูหรอก แต่เป็นคุณนายอวิ๋นจอมมารยานั่น”
“ค่ะ…แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มถาม “เรื่องที่สำคัญก็คือ คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรคะ”
“เพื่อนของคุณก็รู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” หนูเหลิ่งจี้มองไปที่จ่านป๋ายแล้วยิ้มขึ้นมา
“ผม…” จ่านป๋ายนิ่งอึ้ง เขาก็แค่ติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบธรรมดาและระบบดักฟังไว้ เพื่อสะดวกในการเล่นเดิมพันใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้เขายังได้ติดตามความประพฤติของจ่านมู่ฮวา ใครจะให้เขาหน้าด้านคอยตามจีบซีเหมินจินเหลียนอยู่ตลอดเวลาล่ะ
“หรือว่าคุณ…?” จ่านป๋ายหยั่งเชิงถาม
“ทำไมคุณไม่ถามล่ะว่าผมเข้ามาในบ้านที่มีระบบความปลอดภัยไม่เลวในหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร?” หนูเหลิ่งจี้รู้สึกยิ้มอย่างได้ใจ
ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันที ตอนนั้นจ่านป๋ายไม่ใช่แค่เข้ามาในหมู่บ้าน แต่เขายังเข้ามาถึงในบ้านและนั่งบนโซฟาในบ้านเธอเพื่อรอเธอกลับมา เพราะอย่างนั้นคนคนนี้ก็คงมีความสามารถนี้เช่นกัน การที่แอบเข้ามาในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แต่ที่คุณมาหาฉันดึกดื่นแบบนี้ คงไม่ใช่แค่มาบอกว่าคุณมีทักษะในการขโมยหรอกนะคะ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” หนูเหลิ่งจี้คิดดูแล้วพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณซีเหมินอยากชนะไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
หนูเหลิ่งจี้พยักหน้าพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้ว ถ้าหากจะให้ผมพูดแบบไม่รักษาน้ำใจคุณหน่อย การเดิมพันหินใหญ่พรุ่งนี้ โอกาสที่คุณจะชนะมีเพียงแค่ศูนย์”
“คุณมั่นใจได้ยังไง?” จ่านป๋ายเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ เขาเห็นถึงความความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียนมากับตา เธอไม่น่าจะแพ้
หนูเหลิ่งจี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องโกรธไป ผมไม่ได้ดูถูกแฟนของคุณ ความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียนได้ปรากฏให้เห็นต่อหน้าทุกคนแล้ว ไม่อย่างนั้นดึกดื่นป่านนี้ผมคงไม่แอบย่องมาหาพวกคุณหรอก จริงไหม?”
“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “คุณมีอะไรก็พูดออกมาเถอะค่ะ”
“การเดิมพันสายนี้ ในระหว่างคนก็มีพิธีเบิกเนตร เพียงแต่ช่วงหลายปีมานี้วิธีนี้ก็ถูกคนบอกว่าเป็นความเชื่อที่ไร้สาระ แต่ที่ผมรู้ความจริงแล้วการเบิกเนตรมีอยู่จริง แล้วคุณนายอวิ๋นท่านนั้นก็มีความสามารถพิเศษเรื่องการเบิกเนตรที่ลี้ลับ เธอสามารถดูผิวของหินหยกได้หมด…” หนูเหลิ่งจี้พูดต่อ
จ่านป๋ายสูดลมหายใจเข้า มองขาดเรื่องผิวหินหยก นั่นก็ถือว่าไม่พ่ายแพ้ต่อฟ้าดินแล้ว ถ้าอย่างนั้นซีเหมินจินเหลียนจะเดิมพันอะไรกับเธอในวันพรุ่งนี้ได้อีก คงต้องแพ้สักครั้งจริงๆ แล้ว ไอ้จ่านมู่ฮวา คนสมควรตายนั่น! ได้รู้บ้างหรือเปล่าว่าไปวางเดิมพันหนักอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วพรุ่งนี้พวกเขาจะทำอย่างไรดี?
แม้ว่าชื่อของซีเหมินจินเหลียนจะไม่มีอะไรที่เสียหาย แต่ในใจของจ่านป๋ายก็เข้าใจดี ขอเพียงซีเหมินจินเหลียนแพ้ในวันพรุ่งนี้สักครั้ง นั่นก็เท่ากับว่าในโลกอัญมณี บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก็จะไม่มีที่ยืน ส่วนบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงต้องอาศัยจังหวะนี้โจมตีอย่างไม่รามือแน่
“ข้อมูลของคุณก็เชื่อถือได้เหรอ” จ่านป๋ายถามหยั่งเชิง
“ตอนนั้นผมก็แพ้แบบนี้ ผมแพ้แก่เธอทั้งหมด…” หนูเหลิ่งจี้พูดต่อ “ตอนนั้นผมยังวัยรุ่น แกร่งกล้าไม่กลัวอันตราย ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็เป็นแค่ผู้หญิง เพราะอย่างนั้นผมและเธอจึงเดิมพันกัน และผมก็แพ้ให้เธออย่างราบคาบ
“คุณแพ้เธอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ ผมแพ้เธอ ผมเป็นคนใช้เธอมาตั้งหลายปี สิบปีนี้ผมไม่รู้ว่าผ่านมาได้อย่างไร เธอเป็นปีศาจ เป็นนางผีร้าย…” หนูเหลิ่งจี้พูดถึงประโยคนี้ก็เริ่มดุดันขึ้นมาทันที แม้กระทั่งสีหน้ายังบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
ตอนนี้ซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจได้ถึงความเป็นมาของแซ่หนู เดิมพันหินก็เดิมพันไปสิ ทำไมต้องเอาตัวเองไปวางเดิมพันด้วย? ไม่น่าเล่าในใจของเขาถึงได้มีความเกลียดแค้นอย่างหนักหนาแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นคุณมาที่นี่เพื่ออะไรกัน” จ่านป๋ายถามขึ้น
หนูเหลิ่งจี้เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้น “ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อหวังว่าคุณซีเหมินจะยกเลิกการเดิมในวันพรุ่งนี้ อย่าได้ไปเดิมพันกับนางปีศาจนั่นเลย นอกจากนี้ผมก็อยากจะมาถามว่าคุณซีเหมินจะสามารถพาผมไปพบราชาหูสักหน่อยได้ไหม”
“ราชาหู?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย ราชาหู? หรือเขาจะหมายถึงราชาเสือ[1]! เธอไม่เคยรู้จักคนคนนี้สักหน่อย
“ผมหมายถึงอาจารย์ของเจียหยวนฮวา” หนูเหลิ่งจี้อธิบาย “ผมอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์กับเขา”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสหูอยู่ที่ไหน” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “อีกอย่างถ้าคุณอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหู คุณก็น่าจะไปหาคุณเจียเพื่อให้เขาพาไปเจอสินะ คุณจะมาหาฉันเพื่ออะไรกัน?”
หนูเหลิ่งจี้มีความประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานก็พูดขึ้น “ลักษณะของคุณกับคุณนายปีศาจอวิ๋นนั่นคล้ายกันมาก แต่คุณไม่ใช่คนของตระกูลอวิ๋น แล้วทำไมถึงจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับราชาหูล่ะ?”
“คุณพูดอะไรคะ ฉันฟังไม่เข้าใจ?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน ผู้อาวุโสที่แปลกประหลาดนั่น เธอและเขามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอย่างนั้นเหรอ? ความสัมพันธ์ที่ห่างไกลของทั้งสองคนจะมาเชื่อมกันได้อย่างไร
“ปีศาจอวิ๋นมีพี่สาวชื่อว่าอวิ๋นฮวา ตอนนั้นเธอแต่งงานกับราชาหู” หนูเหลิ่งจี้พูด “คุณซีเหมินจินเหลียนคุณก็ไม่รู้เหรอ?”
“อวิ๋นฮวา? ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจริงๆ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” หนูเหลิ่งจี้มีท่าทีคาดไม่ถึง “คุณไม่ใช่ทายาทของราชาหูหรือ?”
“ฉันเพิ่งรู้จักผู้อาวุโสหูตอนที่ไปเมืองเจียหยาง ฉันกับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา “แต่ก็ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีที่คิดแทนฉันนะคะ เพียงแต่ฉันไม่ได้สนิทอะไรกับผู้อาวุโสหู”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงได้มีหน้าตาละหม้ายคล้ายกับนางปีศาจอวิ๋นนั่น?” หนูเหลิ่งหม้อมองหน้าซีเหมินจินเหลียนอย่างนิ่งงัน สติเลื่อนลอยไปไกล คิดไปว่า นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
“ผู้อาวุโส ลักษณะหน้าตาของของมนุษย์เราก็มีความคล้ายคลึงกันตั้งมากตั้งมาย บางทีคุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้!” ในใจของจ่านป๋ายมีแต่ความสงสัยไม่หยุด แต่ในเมื่อซีเหมินจินเหลียนปฏิเสธ เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“คงจะเป็นอย่างนั้น” หนูเหลิ่งจี้ได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าจะมีท่าทางกังวลสิ้นสติ แต่ไม่นานก็พูดขึ้น “แล้วผมจะไปไหว้ราชาหูได้อย่างไร หรือว่าแม้แต่โอกาสสักนิดก็ไม่เหลือเลย?”
จ่านป๋ายพูด “ผู้อาวุโสคนนั้นนิสัยแปลกประหลาด ไปไหว้เป็นศิษย์ของเขาก็เกรงว่าคงไม่มีเรื่องดีอะไรหรอก”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็คิดถึงท่าทางที่แปลกพิลึกของผู้อาวุโสหู ไม่นานก็ยิ้มขึ้น ความจริงถ้าหากหนูเหลิ่งจี้ไปเป็นศิษย์เขา ก็เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นจริงๆ
“จริงสิ คุณก็ลองไปหาคุณเจีย ราชาแห่งนักเดิมพันหยกคนนั้นดูสิคะ บางทีเขาน่าจะมีวิธี ฉันก็ช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อืม…” หนูเหลิ่งจี้ยอมรับท่าทีปฏิเสธของเธอ
“ทำไมป่านนี้แล้วยังมีคนมาอีก?” ซีเหมินจินเหลียนเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูแล้วก็พูดขึ้น “เสี่ยวป๋าย คุณไปดูสิว่าเป็นพี่ชายที่พึ่งพาไม่ได้ของคุณคนนั้นหรือเปล่า ครั้งนี้เขาก็ขุดหลุมฝังฉันแล้ว คุณนายอวิ๋นคนนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเข้าใจการเบิกเนตรด้วย”
ความจริงแล้วก็ไม่ต้องให้เธอพูด จ่านป๋ายก็ลุกยืนขึ้นเรียบร้อยเพื่อเดินไปดูที่หน้าประตู “จินเหลียน ผู้อาวุโสเจียครับ…” พูดพลาง เขาก็เปิดประตูและให้ผู้อาวุโสเจียเข้ามา
“คุณจ่าน ช่วยออกมาหน่อย อายุผมปูนนี้แล้วย้ายไม่ไหวหรอก!” เจียหยวนฮวาพูด
“ของอะไรกัน ทำไมถึงใหญ่ขนาดนี้?” จ่านป๋ายพูดพลางและเดินเข้าไปขนย้ายของ
“ก็พวกหินเหลือใช้ที่เอามาให้คุณจินเหลียนประดับสวนน่ะสิ” เจียหยวนฮวาเมื่อเห็นว่าในบ้านซีเหมินจินเหลียนมีแขกเลยรีบพูดจาเฉไฉ
แต่ในใจของจ่านป๋ายก็เข้าใจเป็นอย่างดี หินที่เหลือใช้ก็คือหินหยกทั้งหมดสินะ?
“คุณเจีย คุณทำอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นสองคนยกกล่องเข้ามาก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“เป็นความตั้งใจของผู้มีพระคุณน่ะ ผมก็แค่ทำตามเท่านั้น แต่วันนี้น่าสมเพชนัก เกือบจะทำให้ผู้มีพระคุณเสียหน้าแล้ว!” เจียหยวนฮวาพูดอย่างขมขื่น “คุณจินเหลียน เวลานี้คุณยังมีแขกอีกเหรอ?”
“เขาอยากจะมาหาอาจารย์ของคุณเพื่อเป็นศิษย์น่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณหนู คุณมานี่สิคะ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก ท่านนี้คือคุณเจียหยวนฮวาฉายาราชาแห่งนักเดิมพันหยก เขาก็เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสหู ถ้าหากคุณอยากจะเป็นลูกศิษย์ในสำนักเดียวกับเขา ก็ให้เขาแนะนำคุณสิ เพราะฉันไม่มีความสามารถอะไรจริงๆ”
“คุณจินเหลียน คุณอย่าพูดล้อเล่นสิ ถ้าอาจารย์ผมรู้เขา คนแก่อย่างเขาคงหาเรื่องบ่นผมหูชาแน่” เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไป ก่อนพูดขึ้นว่า “ผมคงไม่กล้าแนะนำใครให้เขาเป็นศิษย์อาจารย์หรอก เขา…นิสัยของเขาน่ะ ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่รู้นี่?” ในขณะที่เขาพูดก็อดไม่ได้ที่จะกวาดทั้งสองสายตาไปมองที่หนูเหลิ่งจี้ ก่อนจะขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เขาเป็นใคร?” ทำไมคนๆ นี้ถึงดูเหมือนคนเร่ร่อน
“เจ้าของหมายเลขเก้าของการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้อย่างไรครับ” จ่านป๋ายพูด
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนร่วมสายงาน” เจียหยวนฮวาพูดและไม่นานหันไปคุยกับหนูเหลิ่งจี้ “สายตาในการเดิมพันหินของคุณก็ไม่ได้แย่เลย ทำไมถึงอยากจะหาครูล่ะ? นิสัยของผู้มีพระคุณก็แปลกประหลาด จนผมขยาดยิ่งนัก!”
[1] เสือ คำว่าเสือและคำว่าแซ่หู ในภาษาจีนเป็นคำพ้องเสียงกัน