มุมมองของชิโอริ
ดูเฉิ่ม จืดชืดจัง
นั่นเป็นความรู้สึกส่วนใหญ่ของคนที่อยู่รอบตัวชั้น
ชั้นก็ไม่ได้เกลียดความรู้สึกนั้นหรอก มองว่าดีซะด้วยซ้ำ
ตอนนี้ชั้นก็อยู่มอห้าแล้ว
ก่อนเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย ชั้นก็เคยคิดนะว่า “ชั้นคงหาแฟนได้มั้ง?” แต่ความฝันก็พังในพริบตา
โรงเรียนชั้นเป็นแบบสหศึกษา ก็พอมีผู้ชายอยู่บ้าง
แต่จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มละ 6 คน ในแต่ละชั้นเรียนจะมีเพียง 1 กลุ่ม รวมทั้งหมด 3 กลุ่ม
ซึ่งก็สามารถพูดคุยกับพวกเขาได้
แต่มีแค่พวกผู้หญิงกลุ่มท็อปเท่านั้นแหละที่ได้คุยกับพวกเขา
ไม่สิ ต้องบอกว่ายัยพวกนั้นพยายามกั๊กพวกผู้ชายไว้คนเดียวมากกว่า โรงเรียนสหศึกษาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ
ชั้นที่จืดจางเลยหมดสิทธิ์
(เอาเถอะ ชั้นไม่สนใจอยู่แล้ว)
ชั้นคิดพลางมองไปรอบ ๆ
พวกผู้ชายในห้องน่ะ ถ้าหน้าตาดีหน่อยนึงจะวางมาดราวกับว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า บางคนก็ซกมก น้ำหนักก็เยอะ ไม่น่ามีเสน่ห์เลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ที่ยังยิ้มได้ เพราะยังมีสาว ๆ อยู่รอบตัวนั่นแหละ
(เยอะขนาดนั้นคงไม่ต้องมีชั้นหรอก)
อีกอย่าง
(ชั้นยังมีเจ้านี่)
ชั้นหยิบหนังสือออกจากใต้โต๊ะ หน้าปกถูกห่อไว้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นหนังสืออะไร แต่นี่น่ะคือหนังสือสำหรับผู้หญิงล่ะ
ชั้นชอบแนวแฟนตาซี ตัวละครใสซื่อบริสุทธิ์ พระเอกก็เท่…เพราะแบบนั้นแหละนางเอกเลยตกหลุมรักเขา ตัวละครในเรื่องช่างงดงามจริง ๆ
ชั้นคิดแบบนั้นพลางมองไปยังกลุ่มในห้องที่คุยกันอยู่
(เฮ้อ..ก็นะ..ความเป็นจริงมันห่วยแตกแบบนี้แหละ)
ตราบใดที่ชั้นยังมีเจ้านี่ ชั้นก็ไม่สนหรอก ท่ามกลางบรรยากาศในห้องที่มีชีวิตชีวา ชั้นนั่งเงียบที่มุมห้องจมปลักอยู่กับเรื่องราวในจินตนาการ
“กลับมาแล้วค่า~”
ชั้นมักจะกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน เพราะตัวชั้นจืดจางมากแม้ตอนเข้ากิจกรรมชมรม
“ยินดีตอนรับกลับนะ ชิโอริ”
พอชั้นทักทายเสร็จ ก็เดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง
วันนี้เล่นเกมดีกว่า ไอ้ที่เรียกว่าวิชวลโนเวลอะไรนั่นน่ะ ตราบใดที่หนุ่มหล่อล้อมรอบชั้น แค่นั้นก็มีความสุขแล้วล่ะ
“เดี๋ยวก่อนสิ ชิโอริ”
“อะไรเหรอคะ?”
แม่มาหยุดไว้ แต่ชั้นอยากเล่นเกมแล้วนะ…
“นี่ลูก..มีเพื่อนหรือมีแฟนบ้างเปล่า?”
“เอ๊ะ? อยู่ ๆ ทำไมถึงถามล่ะ หนูไม่มีหรอกนะ”
“วัยนี้เนี่ยควรมีแฟนได้แล้วนะ คุยกับผู้ชายบ้างก็ยังดี”
เอาอีกแล้ว เพราะว่าผู้ชายมีน้อย ชั้นเลยได้ยินเรื่องนี้หลายรอบแล้วล่ะ
“ค่า~ค่า~จะพยายามนะคะ”
“ให้ตายสิ อะ จริงด้วย ลูกบอกว่าอยากเข้ามหาลัยนั่น ใช่มั้ย?”
“เอ๊ะ? ก็ใช่อยู่หรอก…?”
สอบเข้ามหาลัย ชั้นเพิ่งอยู่มอห้าเลยยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ก็พอมีมหาลัยที่เล็งอยู่ ที่มหาลัยนั่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะแถมห้องสมุดก็ใหญ่ด้วย
สอบเข้าอาจจะยากหน่อย แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“คนรู้จักของแม่น่ะ เขาพอจะรู้จักคนที่เข้ามหาลัยนั่นด้วยนะ แม่เลยกะจะจ้างให้มาติวลูกน่ะ”
“เอ๋~ ไม่เอาอ่ะ”
ติวเตอร์เหรอ? ไม่เอาด้วยหรอก
ชั้นติวเองได้ มีเวลาเหลือเฟือ เพราะชั้นไม่มีเพื่อนหรือเข้ากิจกรรมชมรมเลย…น่าเศร้าชะมัด
เข้าสังคมก็ไม่เก่ง
“โธ่ ลองดูก่อนน่า เดี๋ยวแม่จะเรียกมาวันเสาร์นะ เพราะงั้นอย่าไปไหนนะ!”
“อึก..แต่หนูไม่อยากได้ซะหน่อย งั้นหนูจะปฏิเสธดี ๆ แล้วกัน โอเคนะ?”
“ถ้าลูกไม่ชอบก็ปฏิเสธได้เลย”
“แล้วจะยิ้มแบบนั้นทำไม มันน่าขนลุกนะ”
ปฏิเสธได้สินะ
จากนั้นชั้นก็เข้าห้อง โดยไม่คิดอะไรมาก
พอถึงวันเสาร์ ชั้นก็อ่านหนังสืออยู่ในห้องตามปกติ
หนังสือที่อ่านเป็นนิยายรักมีฉากวาบหวิวนิดนึง อึก พวกพระเอกจะดีเกินไปแล้ว..! ทั้งเท่ แข็งแกร่ง แถมยังใจดีสุด ๆ อีกต่างหาก เทวดาชัด ๆ แต่นี่เป็นเรื่องแต่ง เพราะงั้นไม่แปลกหรอก
อยากให้มีผู้ชายแบบนี้อยู่บนโลกจริง ๆ ผู้ชายที่ชั้นเจอก็มีแค่คนที่โรงเรียนไม่ก็คนดังที่ออกทีวี
ชีวิตจริงเป็นยังไง ชั้นรู้แก่ใจดี
“ชิโอริ! แม่พาติวเตอร์มาแล้วนะ! ออกมาได้แล้ว”
“…ค่า”
รู้สึกแย่แทนติวเตอร์คนนั้นชะมัด แต่คงต้องขอให้กลับไปล่ะนะ ชั้นรีบเก็บนิยายที่อ่านเข้าชั้นหนังสือ
ชั้นยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย เพราะเมื่อเช้ามีเรียน พวกเสื้อผ้ากับเกมกระจัดกระจายนิดหน่อย คงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง สภาพตัวเองก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เสียงประตูค่อย ๆ เปิดเข้ามา ชั้นถอนหายใจและมองไปที่ประตู…
กลับต้องเบิกตากว้างด้วยความตะลึง
“เอ่อ สวัสดีนะ ชิโอริซัง”
สมองชั้นหยุดประมวลผล ที่ตรงนั้นมีหนุ่มหล่อยืนอยู่ล่ะ
“เอ๊ะ?”
ชั้นเผลอทำมือถือตก
เอ๊ะ? ทำไมถึงมีผู้ชายอยู่ตรงนี้ล่ะ?
เฮะ?
“เขาชื่อคาตะซาโตะ มาซาโตะคุงนะ เป็นติวเตอร์ที่แม่จ้างมา หล่อใช่มั้ยล่ะ? ทักทายเขาหน่อยสิชิโอริ”
…
ชั้นใช้เวลาคิดเพียงเสี้ยววินาที
ก็รู้ตัวทันทีว่าต้องทำอะไร
“ขอเวลา”
“เอ๊ะ?”
“ขอเวลาสักครู่นะคะ!!!”
ชั้นผลักแม่ออกจากห้อง และบอกติวเตอร์ที่อยู่ข้างหลังแม่ว่าอย่าเพิ่งเข้ามา และปิดประตู
เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว!!!!
ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย!!
เดี๋ยวนะ ติวเตอร์เป็นผู้ชายหรอกเหรอ?!
“ทำอะไรอยู่น่ะ ชิโอริ~?”
“หนูไม่ยกโทษให้แน่..!!!!”
แอบยิ้มอยู่แน่ ๆ ! ตั้งใจให้เป็นแบบนี้สินะ..! หนูฟ้องพ่อแน่ว่าแอบไปที่บอยบาร์น่ะ..!
อย่างแรกต้องปิดชั้นหนังสือนี่ด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาว จะให้เห็นหนังสือพวกนี้ไม่ได้!!!
พวกเกมก็ด้วย
เสื้อผ้าที่กระจัดกระจายก็เหมือนกัน ชั้นเก็บกวาดห้องด้วยความเร็วแสง จากนั้นก็ยืนส่องกระจก ชั้นหายใจถี่ ๆ พร้อมใจที่เต้นรัว
ที่สำคัญกว่านั้นผู้ชายตะกี้นี้
(เท่ไปเลยไม่ใช่รึไง???)
ชั้นจำรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่นได้ เขาสูงราว ๆ 175 ซม. ผมสีดำที่เซตไว้ก็ดูดีเหมือนกัน
เหมือนกับ…
(เหมือนกับพระเอกในนิยายเลยนี่นา…!)
หน้าชั้นร้อนผ่าว เพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ชั้นหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็น
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ”
จากนั้นชั้นก็เปิดประตู อย่างที่คิดเป็นผู้ชายจริง ๆ ด้วย
“เอ่อ ขอโทษนะ เหมือนว่าจะเข้าใจผิดสินะ?”
“ไม่ไม่ไม่ไม่ ไม่หรอกค่ะ! ความผิดแม่ชั้นเองค่ะ”
จากนั้นชั้นก็ให้เขาเข้ามา
ทำไงดี ทำไงดี? มีหนุ่มหล่ออยู่ในห้องล่ะ
“ช-เชิญค่ะ”
ชั้นเลื่อนเก้าอี้ให้เขานั่ง เป็นเก้าอี้ที่ใช้นั่งเวลาอ่านหนังสือ ส่วนชั้นนั่งที่เตียงแทน
“ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณมาก”
“ไม่หรอกค่ะ”
เย็นไว้ตัวชั้น เขาหล่อก็จริง แต่อย่าโดนรูปลักษณ์หลอกสิ นั่นน่ะเป็นคนที่แม่พามาเชียวนะ อาจจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ก็ได้
ชั้นไม่หลงกลหรอก ชั้นน่ะแยกความเป็นจริงกับนิยายออกนะ
“อืมม..งั้นวันนี้มาคุยกันก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะให้ชั้นเป็นติวเตอร์สอนเธอดีมั้ย แบบนี้เป็นไง?”
“เอิ่ม เอางั้นก็ได้ค่ะ” ชั้นพูดพลางคิดในใจ เสียงเบายังกะเสียงยุงบินแน่ะ ใช้น้ำเสียงปกติไม่ได้เลย
“ว่าตามกันจริงมันก็กระทันหันไปนิดนึงนะ เพราะงั้นจะปฏิเสธก็ได้ แต่บอกกันตรง ๆ คงลำบากใจ ให้แม่บอกแทนหลังจากที่ชั้นไปแล้วก็ได้นะแบบนั้นน่าจะง่ายกว่า ใช่มั้ย?”
…
เดี๋ยว อะไรน่ะแปลกชะมัด???
ไม่ใจดีไปหน่อยเหรอ???
ถ้าเขาพูดคำว่า “ซาบซึ้งซะเถอะ” เหมือนพวกผู้ชายในห้องเรียนแบบนี้ก็ไม่นับว่าแปลกแล้วสินะ?
ไม่ ยังหรอก ชิโอริ อย่าโดนหลอกนะ เขาอาจจะเล่นละครทำนิสัยดี เพื่อให้ได้งานก็ได้นะ
แต่เดี๋ยวนะ เขาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะปฏิเสธก็ได้น่ะ? ยังไงเนี่ย
“ทำไมถึงอยากเข้ามหาลัยชั้นเหรอ ชิโอริซัง? ”
“เอ่อ คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะ แถมห้องสมุดก็ใหญ่น่ะค่ะ”
“เห~ ชิโอริซังชอบอ่านหนังสือสินะ”
หยุดนะ! อย่ายิ้มเป็นประกายแบบนั้นนะ!
นี่มันหล่อเกินร้อยชัด ๆ ?!
ท่าทางที่เรียบง่าย แต่ก็ทำให้ใจเต้นได้
“ก็นิดหน่อยค่ะ”
“อืม งั้นเหรอ ห้องสมุดมันก็ใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ แล้วชอบอ่านหนังสือแบบไหนเหรอ?”
…
แย่ล่ะ เอาไงดี?
ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ถ้าบอกไปว่าชอบแนวแฟนตาซีไม่ก็แนวโรมานซ์ เขาคงไม่ยอมรับชั้นแน่นอน 180%
ถ้างั้นตัวเลือกที่เซฟมากที่สุด..
“วรรณกรรมคลาสิกมั้งคะ”
“โห สุดยอด ชั้นน่ะไม่ค่อยชินกับสไตล์การเขียนแนวนี้เท่าไหร่ ก็เคยอ่านเรื่องดัง ๆ อยู่บ้าง แต่ไม่ได้อ่านมากขนาดนั้น”
โกหกค่ะ ขอโทษนะคะ ชั้นเองก็แทบไม่ได้อ่านแนวนั้นเหมือนกัน
แย่ละ เขาแทบจะสมบูรณ์แบบเลย เขาต้องมีข้อเสียบ้างสิ
อ๊ะ จริงด้วย! ถ้าสาวจืดอย่างชั้นทำตัวเสียมารยาทใส่ น่าจะดึงธาตุแท้ออกมาได้
ก็รู้สึกแย่อยู่หรอก แต่นี่ก็เพื่ออนาคตตัวเองนะ..!
พอตัดสินใจแบบนั้น ชั้นจึงพูดเรื่องเสียมารยาทออกมา
“…คุณจะปฏิเสธเรื่องติวให้ชั้นก็ได้นะคะ คุณคาตะซาโตะ”
“…? ทำไมล่ะ?”
“คุณคงไม่สบายใจที่ต้องมาติวให้สาวจืดอย่างชั้นใช่มั้ยล่ะคะ? คงอยากจะไปติวให้คนที่น่ารักกว่านี้ คุณเองก็คงมีตัวเลือกถมเถเลยใช่มั้ยล่ะ คุณคาตะซาโตะ”
ชั้นนี่มันแย่จริง ๆ
แต่ว่า! นี่ก็เพื่อตัวเองนะ!
ชั้นค่อย ๆ มองสีหน้าเขา พร้อมความรู้สึกผิดในใจ
จากนั้น..
คุณคาตะซาโตะก็ยิ้มและส่ายหัว
“ไม่เลย นั่นไม่สำคัญหรอกนะ ไม่เกี่ยวกันเลย เธอพยายามสอบเข้ามหาลัยชั้นใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเธออยากจะติวกับชั้น ชั้นก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ อีกอย่าง–”
“ชิโอริซังน่ะสวยจะตาย ตอนเจอกันตะกี้นี้ ก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นะ”
…เอ่อ
ราวกับว่าพระเอกในนิยายจุติมาที่นี่เพื่อมาเจอกับชั้นเลย
ถ้าให้พูดง่าย ๆ ชั้นชอบเขาซะแล้วสิ