ดูเหมือนว่าหลังจากงานโรงเรียน นานาเสะจะดูแปลกๆ ไป
เวลาเจอกันที่มหา’ลัย เธอมักจะเดินยิ้มๆ พอทักก็ยิ้มดีใจ ทำอาหารเย็นที่ดูดีกว่าปกติมาให้ แถมยังให้เยอะขึ้นด้วย อยู่แต่ในห้อง ก็แต่งหน้าบ่อยขึ้น ชอบจ้องมองมา แต่พอผมหันไป เธอก็หลบตา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
…ไม่สิ ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็พอจะรู้สาเหตุอยู่บ้าง
「อ๊ะ ซางาระ อยู่นี่เอง」
ตอนที่ผมกินข้าวเที่ยงคนเดียวในห้องวิจัย โฮวโจวกับคินามิก็เข้ามา พอเห็นผมกินข้าว ทั้งสองคนก็นั่งลงข้างๆ
「กะจะออกไปกินข้างนอก แต่อากาศหนาวมาก โรงอาหารคนก็เยอะ เลยมากินที่ห้องวิจัยดีกว่า」
คินามิพูดไปเรื่อย ตั้งแต่ผ่านงานวัฒนธรรมมา ดูเหมือนจะสนิทกับผมมากขึ้น คงเป็นคนที่ชอบเข้าหาคนอื่น
「ซางาระ กินข้าวกล่องเหรอ」
「โห ไข่ม้วนน่ากินจัง」
เมื่อคืนนานาเสะให้ไข่ม้วนมา แต่กินไม่หมด เลยเอาข้าวกับไข่ม้วนใส่กล่องมากิน ประหยัดค่าข้าวกลางวันไปได้มื้อหนึ่ง
「ขอชิ้นหนึ่งดิ」
คินามิเอื้อมมือมาที่ไข่ม้วน ผมเลยปัดมือเขาออก อย่ามายุ่งกับไข่ม้วนที่นานาเสะทำ
「งก!」 คินามิโวยวาย แต่ผมไม่สน
โฮวโจวกับคินามิ หยิบข้าวกล่องที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อออกมาแล้วเริ่มกิน ทำไมผมต้องมากินข้าวเที่ยงกับหนุ่มหล่อ คนดัง ประจำคลาสด้วยนะ รีบกิน รีบไปดีกว่า
ระหว่างที่ผมกำลังคิดแบบนั้น โฮวโจวก็พูดขึ้นอย่างสนุกสนาน
「จริงสิซางาระ เรื่อง “แพนด้าแมน” ในงานวันนั้น ดังมากเลยนะ」
ผมหยุดกิน ขอร้องล่ะ อย่าพูดเรื่องนั้น
พอนึกถึงวันนั้น ก็อยากจะขุดหลุมฝังตัวเอง หลังจากวันนั้น ผมก็โดนคนอื่นชี้ พูดว่า 「นี่ไงแพนด้าแมน」
「จริง ตอนนั้นฉันก็อยู่กับซางาระ จู่ๆ เขาก็วิ่งออกไป ตกใจแทบแย่ ตอนนั้นนานาเสะเองก็ดูแปลกๆ」
「นานาเสะ คงจะไม่ชอบอะไรที่มันดูเด่นๆ คงตกใจน่ะ」
เมื่อได้ยินสองคนนั้นพูด ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย มีแค่ผมคนเดียวที่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่กล้าเงยหน้าก็พอแล้ว
กินข้าวเที่ยงเสร็จ ผมก็เก็บกล่องข้าวเปล่าใส่กระเป๋าสะพาย กำลังจะลุกขึ้น คินามิก็พูดขึ้นว่า “ว่าแต่” แล้วโน้มตัวเข้ามา
「นานาเสะ ช่วงนี้ยิ่งดูน่ารักขึ้นป่ะ? ว่าไหม ซางาระ」
「ก็… เหมือนเดิม」
ผมพลาดจังหวะหนี เลยจำใจอยู่ต่อ
「มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? เลิกพูดอะไรแบบนี้กับคนอื่นได้แล้ว เดี๋ยวโดนเข้าใจผิด」
「ก็ตอนนี้แฟนฉันน่ารักที่สุดอยู่เเล้ว แต่นั่นก็เรื่องหนึ่ง มองเฉยๆ ก็ได้นี่」
ระหว่างที่ฟังคินามิพูด ผมก็นึกสงสัยว่า ถ้าหมอนี่เห็นหน้าสดของนานาเสะ จะทำหน้ายังไง คงจะทำหน้าเสียมารยาทน่าดู เลยไม่อยากให้เห็น
「นานาเสะ เปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันไม่เห็นจะรู้สึก」
โฮวโจวถาม คินามิก็พูดย้ำ
「เปลี่ยนสิ! ตาดูกลมโต เป็นประกาย แล้วก็ยิ้มแย้มตลอด」
「อืม… ก็จริง แต่ฉันว่า นั่นเป็นเพราะยูสุเกะอยู่กับซางาระหรือเปล่า?」
「ห๊ะ?」
ผมกับคินามิอุทานออกมาพร้อมกัน โฮวโจวพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
「นานาเสะ เวลาอยู่กับซางาระ น่ารักกว่าปกตินี่ พอยูสุเกะได้มาอยู่กับซางาระ ก็เลยทำให้ดูน่ารักขึ้นหรือเปล่า?」
เดี๋ยวก่อนนะ ผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับคินามิสักหน่อย แต่ช่างมันก่อน “{นานาเสะเวลาอยู่กับผมน่ารักที่สุด” นี่หมายความว่าไง?
「หมายความว่า… ยังไง?」
คินามิถาม ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
ผมตอบว่า 「ไม่รู้」 แล้วดื่มชาข้าวสาลีในขวด
******
พักเที่ยงหลังเลิกคลาสในวันศุกร์ ฉันกับซัจจังนั่งกินข้าวเที่ยงกันสองคนในห้องเรียน ซัจจังก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
「อ๊ะ ทริปเหรอ?」
「ใช่ๆ ช่วงปิดเทอมใบไม้ผลิ! เดือนกุมภา อีกนาน แต่ฮารุโกะไปด้วยกันนะ?」
ดูเหมือนว่าคลาสเราจะจัดทริปช่วงปิดเทอม สำหรับฉันที่อยากใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสดใส นี่เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก แต่ว่า… ลำบากใจมาก
…ไปเที่ยว ก็หมายความว่า ต้องเผยหน้าสดให้เพื่อนเห็น
「ฉะ… ฉัน ไปเที่ยวนี่… คงจะ…」
ซัจจังที่กำลังกินขนมปังยากิโซบะ ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
「งั้นเหรอ? ไม่อยากไปเหรอ?」
「อะ… อืม! อยากไป ก็อยากไปอยู่หรอก แต่…」
ฉันไปก็คงเกะกะ สึกุมิจังกับนามิจังเองก็มีแฟนแล้ว อย่าพูดอะไรออกไปเลยดีกว่า
ฉันบอกปัดเรื่องไปเที่ยว แต่ก็พูดไม่ได้ว่าเพราะไม่อยากให้เห็นหน้าสด ซัจจังยิ้มให้กำลังใจฉัน
「ฉันกับฮิโรกิเป็นคนจัดการเอง เธอลองคิดดูว่าจะไปไหนดี อ๊ะ ออนเซ็นก็ดีนะ! ฉันอยากกินปู」
「อืม… นั่นสินะ」
จริงๆ แล้ว ฉันก็อยากไปเที่ยวกับทุกคน อยากจะแช่ออนเซ็น เผยหน้าสด แล้วคุยกันทั้งคืนโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ว่า ถ้าฉันเผยหน้าสดที่แสนจืดชืดออกไป ทุกคนจะผิดหวังไหมนะ
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ ซัจจังก็ยิ้ม แล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ 「ลองชวนซางาระคุงไปเที่ยวด้วยสิ นี่เป็นการค้างคืนครั้งแรกเลยนะ」
「คะ… ค้างคืน ครั้งแรก…!」
ได้ไปเที่ยวกับซางาระคุง ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน คงจะดีมากแน่ๆ ต้องสนุกมากแน่ๆ
「แต่… แต่ว่า… ซางาระคุง ไม่น่าจะมา…」
「ไม่หรอก ถ้าฮารุโกะชวน ต้องมาแน่ๆ ลองอ่อยด้วยเสน่ห์หลังอาบน้ำ แล้วก็รุกเลย!」
ซัจจังพูดแล้วชูกำปั้น แต่ฉันเคยให้เขาเห็นฉันในสภาพหน้าสด ใส่เสื้อยืด หลังอาบน้ำมาแล้วหลายครั้ง เสน่ห์อะไร ไม่มีหรอก การจะให้เขามองฉันต่างออกไป เมื่อมาอยู่ห้องข้างๆ กันแบบนี้ คงเป็นเรื่องยาก
ระหว่างที่ฉันกำลังกลุ้มใจ ซัจจังก็จับมือทั้งสองข้างของฉัน แล้วบีบเบาๆ 「พยายามเข้านะ ถึงจะไม่อยากยกฮารุโกะให้คนอย่างซางาระก็เถอะ… แต่ถ้าฉันช่วยอะไรได้ ก็บอกมานะ!」
ซัจจังพูดอย่างหนักแน่น ฉันน้ำตาซึม
ซัจจัง คอยเชียร์เรื่องความรักของฉันอย่างเต็มที่ จนฉันเองก็ยังนึกไม่ถึงว่า จะมีเพื่อนแบบนี้ตอนเข้ามหา’ลัย
บางที ถ้าเป็นซัจจัง อาจจะยอมรับตัวตนจริงๆ ของฉันก็ได้
ฉันคิดแบบนั้น แต่ก็ส่ายหัว ซัจจังเองก็คงมีเพื่อนเยอะมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย เป็นคนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่ม ถ้าซัจจังอยู่ห้องเดียวกับฉันตอนม.ปลาย ก็คงแทบไม่ได้คุยกัน
…นานาเสะเป็นคนตั้งใจเรียน ต่างกับพวกเรา…
ฉันกับซัจจัง เป็นคนที่อยู่กันคนละโลก
「…? ฮารุโกะ เป็นอะไรเหรอ?」
ซัจจังถามฉันที่จู่ๆ ก็ทำหน้าเศร้า ฉันฝืนยิ้มแล้วตอบว่า 「ไม่มีอะไร」
หลังจากกลับจากมหา’ลัย ฉันก็ตั้งใจทำพาสต้าคาโบนาร่า แล้วเอาไปให้ซางาระคุง ซางาระคุงที่ออกมาจากห้อง รับไปด้วยสีหน้าลำบากใจ 「ขอบคุณนะ」 ทั้งๆ ที่ฉันอยากให้เขายินดี แต่กลับให้ทำหน้าแบบนั้น
ซางาระคุงวางชามพาสต้าไว้ในครัว แล้วยืนนิ่งๆ อยู่ตรงโถงทางเข้า เหมือนจะรออะไร ปกติเขาจะไม่ชวนฉันมากินข้าวด้วยกันเหรอ ทั้งๆ ที่ครั้งก่อนฉันเป็นฝ่ายปฏิเสธไปแท้ๆ แต่ก็รู้สึกเหงา ถ้าจะให้กลับห้องตอนนี้ ฉันเลยถามซางาระคุง
「ซะ… ซางาระคุง เอ่อ ได้ยินเรื่องทริปหรือยัง?」
「ไม่นะ」
「เห็นว่าทุกคนในคลาสจะไปเที่ยวด้วยกัน ตอนช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิน่ะ」
「อืม」
เขายังคงไม่สนใจเหมือนเดิม นึกว่าเขาจะไม่ไปอยู่แล้ว แต่เขากลับถามกลับมา
「นานาเสะ จะไปเหรอ?」
「ฉัน… ก็อยากไปอยู่หรอก แต่… ลังเลน่ะ…」
「ทำไมล่ะ? ถ้าอยากไปก็ไปสิ」
「ก็… ถ้าไปเที่ยว ยังไงก็ต้องให้เห็นหน้าสดใช่ไหมล่ะ…」
พอฉันพูด ซางาระคุงก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า 「เฮ้อ」 แล้วขมวดคิ้ว ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ
「แล้วมันมีปัญหาอะไร?」
「ปะ… ปัญหาใหญ่น่ะสิ! ถ้าให้เห็นหน้าสด… ซัจจังกับคนอื่นๆ อาจจะไม่ชอบฉันก็ได้」
「เธอ ยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ?」
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเอือมระอา ฉันเลยรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา สำหรับซางาระคุงอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉัน มันเป็นเรื่องใหญ่นะ
「กะ… ก็คิดมากสิ ก็…」
「สุโด้ไม่เกลียดเธอเพราะเรื่องนั้นหรอก อาจจะนะ」
พอได้ยินซางาระคุงพูดแบบนั้น ฉันก็กำชายเสื้อแจ็คเก็ตแน่น 「ถ้าฉันยังเป็นฉันคนเดิมที่จืดชืดเหมือนตอนอยู่ม.ปลาย… ซัจจังก็คงไม่เลือกฉันหรอก」
พอฉันพูด ซางาระคุงก็ขมวดคิ้ว เหมือนไม่เข้าใจ
「เธอ… คิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับสุโด้ได้ เพราะแต่งหน้าแล้วสวยขึ้นงั้นเหรอ?」
ฉันพยักหน้า ซางาระคุงเกาหัว แล้วค่อยๆ พูด เหมือนกำลังเลือกคำพูด
「คิดแบบนั้น… มันดูถูกสุโด้นะ… สุโด้ไม่ได้คบกับเธอเพราะเรื่องนั้นหรอก」
「เอ๊ะ…?」
「เหตุผลที่นานาเสะเป็นเพื่อนกับสุโด้คืออะไร? เพราะว่าสุโด้สวยและร่าเริง คิดว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันแล้วตัวเองจะเป็นแบบนั้นเหรอ?」
พอถูกซางาระคุงพูดแบบนั้น หน้าฉันก็ร้อนขึ้นมา เหมือนถูกอ่านความรู้สึก ความรู้สึกผิดที่ปิดบังไว้ ความอิจฉาริษยา ความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับ จนรู้สึกอาย และอยากจะหนีไปให้พ้นๆ
「อาจจะ… ใช่… ก็ได้…」
「ตอนนี้ ก็ยังคิดแบบนั้นอยู่?」
ฉันส่ายหัวกับคำถามของซางาระคุง
ตอนแรกฉันก็ภูมิใจที่ซัจจังชวนฉันคุย เหมือนกับว่า “ความพยายาม” ของฉันได้รับการยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น
「ฉัน พอได้อยู่กับซัจจัง ก็รู้สึกสนุก… ฉันชอบซัจจัง ก็เลยเป็นเพื่อนกัน」
พอฉันพูด ซางาระคุงก็ลูบหัวฉันเบาๆ ถึงจะทำหน้าบึ้งตึงเหมือนทุกที แต่มือที่สัมผัสฉัน กลับอ่อนโยน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จนอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
「ถ้างั้นก็เชื่อใจสุโด้หน่อย แล้วก็… ถึงคนอื่นจะไม่ใช่สุโด้… ฉันว่า แค่เห็นหน้าสด ก็ไม่ทิ้งเธอไปหรอก คนรอบๆ ตัวเธอน่ะ」
「อืม… จริงด้วย ทุกคน ใจดี」
「ก็เพราะเธอเป็นคนดี คนดีๆ ก็เลยเข้ามาอยู่รอบตัวเธอไง」
ฉันอยากจะพูดว่า “ซางาระคุงก็ใจดีเหมือนกันนะ” แต่ริมฝีปากมันขยับไม่ได้ พออยู่ใกล้ซางาระคุง หัวใจฉันก็เต้นแรง จนแทบหายใจไม่ออก ถึงจะอึดอัด แต่ก็ไม่อยากไปไหน
…ซางาระคุง รักนะ
ฉันกลืนคำพูดพวกนั้นลงคอ แล้วพูดได้แค่ว่า 「ขอบคุณนะ」
******
เช้านี้ผมตื่นสาย เพราะรู้สึกขี้เกียจลุกจากฟูก เลยเผลอนอนต่ออีก 20 นาที เกือบจะเข้าเรียนสาย
พอเข้าไปในห้องบรรยายใหญ่ ที่นั่งด้านหน้าก็ถูกจับจองจนเต็ม ซึ่งเป็นภาพที่แปลกตา ระหว่างที่กำลังมองหาที่นั่ง ก็เห็นนานาเสะนั่งอยู่ตรงกลางห้อง เธอกำลังคุยเล่นอย่างสนุกสนานกับสุโด้ที่นั่งอยู่ข้างๆ
「อ๊ะ ซางาระคุง!」
นานาเสะสังเกตเห็นผม ก็โบกมือพร้อมกับยิ้มกว้าง ถึงจะเมินก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย แต่จะให้โบกมือกลับก็อาย ผมเลยเดินไปหานานาเสะ
「ซางาระคุง อรุณสวัสดิ์!」
「…อืม อรุณสวัสดิ์」
「ซางาระ นั่งนี่ไหม? ข้างๆ ฮารุโกะ เดี๋ยวฉันไปนั่งข้างหลัง」
「เอ๊ะ อะ อีกแล้ว ซัจจัง…!」
「ไม่เป็นไร」
ผมปฏิเสธข้อเสนอของสุโด้ แล้วนั่งลงข้างหลังนานาเสะ ผมสีน้ำตาลยาวของเธอ ถูกถักเปียอย่างลวกๆ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันทำยังไง
พอเลิกคลาส กำลังจะลุกขึ้น ก็มีนักศึกษาสาวสองคนเดินมาทางนี้ ผมรู้สึกคุ้นๆ หน้าพวกเธอ แล้วก็นึกออก
…ตอนประกวดดาวมหา’ลัย ตอนที่นานาเสะโดนน้ำสาด ผู้หญิงสองคนที่ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หลังเวที
มาทำอะไร ผมคิดในใจอย่างระแวง แต่พวกเธอกลับไม่สนใจผม แล้วเข้าไปหานานาเสะ
「นี่ๆ นานาเสะ」
ผู้หญิงคนนั้นยื่นหน้าจอสมาร์ทโฟนมาตรงหน้านานาเสะ ในจอ ปรากฏภาพของนักเรียนหญิงในชุดเครื่องแบบที่คุ้นตา พอรู้ว่าคนในรูปคือใคร ผมก็กลั้นหายใจ
「เพื่อนที่ทำงานพิเศษ ให้ดูหนังสือรุ่นมา นี่ใช่นานาเสะหรือเปล่า? ตกใจเลย」
ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ย
นักเรียนหญิงผมสีดำ ถักเปีย ใส่ชุดนักเรียน และแว่นตา ดูจืดชืด ใต้รูปนั้น เขียนชื่อไว้ว่า “นานาเสะ ฮารุโกะ”
「นี่ ฮารุโกะเหรอ?」
สุโด้มองดูหน้าจอ แล้วก็กรอกตาอย่างสงสัย
ผมรีบลุกขึ้นยืน คิดว่าจะปกป้องเธอ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ใบหน้าด้านข้างของนานาเสะ ซีดเผือด
「เพื่อนบอกว่า ตอนอยู่ม.ปลาย เธอนั่งอ่านหนังสือคนเดียวตอนพักกลางวันตลอดเลย ก็ว่าทำไมเรียนเก่ง」
「แต่งหน้าเก่งจัง อย่างกับคนละคนเลย」
「เคยเป็นกรรมการห้องสมุดด้วยเหรอ? ก็ดู “เดอะกรรมการห้องสมุด” อยู่นะ ดูเป็นคนจริงจัง」
คำพูดที่ดูเหมือนจะพูดคุยอย่างเป็นปกติของพวกเธอ แฝงไปด้วยความมุ่งร้าย นานาเสะเอาแต่ก้มหน้า กำมือแน่น
พวกเธอกำลังอิจฉานานาเสะ ทั้งสวย ทั้งเรียนเก่ง แถมยังสนิทกับคนหล่ออย่างโฮวโจว ในที่สุดก็เจอจุดที่จะทำให้ตัวเองอยู่เหนือกว่านานาเสะ
ระหว่างที่ผมกำลังจะตบไหล่เธอเบาๆ
สุโด้ก็พูดขึ้นว่า 「นี่ พวกเธอ ทำบ้าอะไร…」 แต่ผมก็พูดแทรกขึ้นก่อน
「มัน… แปลกตรงไหน」
ผู้หญิงสองคนนั้น เหมือนจะเพิ่งสังเกตเห็นผม พวกเธอตกใจ แล้วหันมามองหน้าผม นานาเสะเองก็มองผมอย่างตกใจ
「พวกเธอ มีสิทธิ์อะไร ไปยุ่งเรื่องอดีตของนานาเสะ แล้วเมื่อก่อนนานาเสะเป็นคนจืดชืด แล้วมันทำไม」
「หะ… หา? อะไรของนาย จู่ๆ」
「ตอนนี้นานาเสะสวย ดูดี ก็เพราะพยายามอย่างหนัก แล้วอีกอย่าง ต่อให้หน้าสด นานาเสะก็น่ารักกว่าพวกเธอไม่รู้กี่เท่า 」
นานาเสะเคยบอกว่าอยากมีชีวิตในรั้วมหา’ลัยอันแสนสดใส ไม่ว่าเรื่องอะไร เธอก็พยายามอย่างสุดความสามารถ ผมที่อยู่ใกล้ที่สุด เห็นความพยายามของเธอมาตลอด
「แล้วก็… จะบอกให้นะ ตอนประกวด ฉันก็รู้ว่าพวกเธอทำอะไร」
ผมไม่มีหลักฐาน เลยพูดขู่ไป แต่ทั้งสองคนหันมาสบตากัน แล้วก็หน้าเสีย พอเห็นแบบนั้น ผมก็มั่นใจ
「เป็นนักศึกษาแล้ว ยังทำเรื่องแบบนี้ ไม่อายบ้างเหรอ」
「อะ… อะไร มีหลักฐานเหรอว่าพวกเราทำ?」
พวกเธอดูไม่สำนึกผิด แถมยังย้อนกลับอย่างไม่เกรงกลัว ผมกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ตอนนั้นเอง
「พอเถอะ ขอบคุณนะที่โกรธแทนฉันนะ ซางาระคุง」
นานาเสะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
******
วินาทีที่ฉันเห็นรูปหน้าสดอันแสนจืดชืดของตัวเองบนจอมือถือ ฉันก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมา
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของพวกเธอ ซ้อนทับกับเสียงของเพื่อนร่วมชั้นสมัยม.ปลาย ต่อให้ฉันพยายามเปลี่ยนตัวเองมากแค่ไหน ฉันก็ยังเป็นคนเดิม เป็นฉันที่จืดชืดและขี้เหร่คนเดิม เหมือนฉันถูกตอกย้ำด้วยความจริงข้อนั้น
ฉันไม่กล้าสบตาซัจจังที่อยู่ข้างๆ ฉันหลอกลวงทุกคนด้วยการสร้างภาพลักษณ์ มันก็ถูกแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากจะถูกเปิดเผยแบบนี้ ตอนที่ฉันกำลังจะร้องไห้ เสียงของซางาระคุงก็ดังขึ้น
「ตอนนี้นานาเสะสวย ดูดี ก็เพราะเธอพยายาม แล้วอีกอย่าง ต่อให้หน้าสด นานาเสะก็น่ารักกว่าพวกเธอไม่รู้กี่เท่า」
คำพูดของซางาระคุง ทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยเหตุผลอื่น
เขา ยอมรับในตัวฉันเสมอ หัวใจฉันเต้นรัว รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว อย่าทำให้ฉันชอบนายไปมากกว่านี้เลย
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ยืดอกขึ้น แล้วพูดกับพวกเธอด้วยน้ำเสียงชัดเจน
「สมัยม.ปลาย ฉันเป็นคนจืดชืด นั่นก็เรื่องจริง แต่ว่า อย่างที่ซางาระคุงพูด ฉันไม่ควรต้องถูกพวกเธอหัวเราะเยาะ เพราะฉันพยายาม เลยน่ารักขึ้นมาได้」
พอได้ยินฉันพูด สองคนนั้นก็ดูชะงักไป ซางาระคุงจ้องพวกเธอ
「ฉันไม่พูดอะไรแล้ว เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูด แต่… ต่อไปอย่ามายุ่งกับนานาเสะอีก ถ้ายังมายุ่ง คราวหน้าฉันไม่ปล่อยไว้แน่」
พวกนั้นพูดว่า 「อะไรของนาย」 「ไปกันเถอะ」 แล้วก็รีบเดินหนีไป
ซางาระคุงที่เหลืออยู่คนเดียว เกาหัว ดูเขินๆ บางทีเขาอาจจะคิดว่าตัวเองพูดอะไรไม่เข้าท่า แต่ฉันกลับรู้สึกดีใจ
ซัจจังที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็พูดว่า 「เอาเรื่องเหมือนกันนี่ ซางาระ」 แล้วใช้ศอกสะกิดซางาระคุงเบาๆ
「สะใจจัง ต้องมองนายใหม่เเล้ว」
ซัจจังพูดแล้วก็ยิ้ม ส่วนซางาระคุง กลับทำตัวไม่ถูก 「เอ่อ ฉันไม่ได้…」
จริงสิ หน้าสดของฉัน ที่ปิดบังมาตลอด ในที่สุดก็เผยให้ซัจจังเห็นจนได้ ฉันหันไปหาซัจจัง แล้วก้มหัว
「คือว่า ซัจจัง… ขอโทษนะ」
ซัจจังทำหน้างง แล้วถามกลับว่า 「เรื่องอะไร?」
「ฉัน… หลอกซัจจัง」
「หืม? หมายความว่าไง?」
「ฉันน่ะ ตอนอยู่ม.ปลาย เป็นคนจืดชืดมาก ไม่โดดเด่นเลย… เพื่อนก็ไม่มีสักคน คนที่ซัจจังบอกว่าน่ารัก เป็นตัวตนปลอมๆ 」
「จริงๆ แล้ว… อาจจะไม่ใช่ คนที่… ซัจจัง อยากจะเป็นเพื่อนด้วย ก็ได้」
พอฉันพูดจบ ซัจจังก็ทำหน้าเศร้า แล้วก็โกรธนิดๆ เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ฉันก็ห้ามไว้ แล้วพูดต่อ
「แต่ ฉัน… ถึงจริงๆ แล้ว จะจืดชืด… แต่ว่า หลังจากนี้ ยังอยากเป็นเพื่อนกันอยู่ ได้ไหมนะ?」
พอฟังจบ ซัจจังก็ถอนหายใจ ความกังวลแล่นผ่านเข้ามาในอก ฉันคงโดนเกลียดแล้วสินะ
ซัจจังเอื้อมมือมา แล้วดีดหน้าผากฉันเบาๆ
「โอ๊ย เจ็บ!」
「ฮารุโกะ คิดบ้าอะไรเนี่ย?」
「เอ๊ะ…?」
「ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับฮารุโกะ เพราะว่าฮารุโกะแต่งตัวเก่ง น่ารัก สักหน่อย」
ซัจจังพูด แล้วจับแก้มฉันทั้งสองข้าง
「ฮารุโกะ ตอนเข้ามหา’ลัย ตอนที่ป้ายล้ม ก็เข้าไปช่วยคนเดียวใช่ไหมล่ะ?」
「เอ๊ะ… อืม」
จริงสิ เหมือนจะมีเรื่องแบบนั้น ตอนนั้นป้ายยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ตรงประตูโรงเรียน ล้มเพราะลมแรง ฉันก็เลยเข้าไปช่วยยก ก็ตอนนั้นมันเป็นวันปฐมนิเทศ นักศึกษาใหม่เข้ามา เห็นป้ายล้ม มันก็ดูไม่ดี
「ทุกคนเห็นแต่ก็เมิน แต่ฮารุโกะก็เข้าไปช่วย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำล้ม ดูเป็นคนดี ฉันก็เลยอยากเป็นเพื่อนด้วย」
「ซัจจัง…」
「แล้วแบบนั้น มันก็เป็นนิสัยจริงๆ ของฮารุโกะใช่ไหม ฉันไม่ได้คิดว่าโดนฮารุโกะหลอก ก็ฮารุโกะก็คือฮารุโกะ ทั้งใจดี น่ารัก แล้วก็ตรงไปตรงมา ฉันชอบฮารุโกะแบบนั้นนะ」
ซัจจังเอียงคอ แล้วมองหน้าฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกาย จนฉันเองก็อยากจะร้องไห้
ฉันพยายามกลั้นน้ำตา แล้วก็พยักหน้า 「อืม」 กะพริบตาถี่ๆ ไล่ความร้อนที่ขอบตา
ตอนนี้ฉันคงยิ้มได้ แม้จะโชว์หน้าสด เพราะคนที่บอกว่า “ตัวตนจริงๆ ของฉัน ดีที่สุดแล้ว” อยู่ตรงนี้แล้ว
ฉันหันไปมองซางาระคุง เขากำลังมองมาที่ฉัน ด้วยแววตาที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
******
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปหลังจากเรื่องหน้าสดของนานาเสะ
ฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็นสบายผ่านพ้นไป ฤดูหนาวอันโหดร้ายของเกียวโตกําลังจะมาถึง
หลังจากวันนั้น นานาเสะก็ยังคงสนิทสนมกับสุโด้และคนอื่นๆ เหมือนเดิม มีข่าวลือว่าสาวสวยอันดับหนึ่งของคณะเศรษฐศาสตร์ “เข้ามหา’ลัยแล้วค่อยเดบิวต์” แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจอะไร อีกอย่าง ใครจะมานั่งสนใจเรื่องหน้าสดของคนอื่นกัน สมัยนี้แล้ว
นานาเสะแต่งหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ หันหน้าตรง ยืดอก ช่วงนี้เธอค่อยๆ ขยายความสัมพันธ์ เห็นเธอคุยกับคนนั้นคนนี้อยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าชีวิตในรั้วมหา’ลัยของเธอกำลังไปได้สวย ทั้งหมดนั้นเป็นผลจากการพัฒนานานาเสะ ความช่วยเหลือของผม คงไม่ได้จำเป็นตั้งแต่แรก
「ตั้งตารอทริปจัง อยากให้ถึงช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิเร็วๆ จัง」
นานาเสะหน้าสด พูดขึ้นขณะที่กำลังตักโอเด้ง ช่วงนี้ไม่ได้กินข้าวเย็นด้วยกัน แต่วันนี้นานาเสะเอาหม้อโอเด้งมาให้ แล้วชวนให้กินด้วยกัน ช่วงนี้อากาศเริ่มจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ ได้กินโอเด้งอุ่นๆ ก็รู้สึกดี
ระหว่างที่กำลังกินฮันเปน (ลูกชิ้นปลา) ที่ซึมซับน้ำซุป นานาเสะก็ถามขึ้น 「นี่」
「ซางาระคุง จะไปด้วยกันไหม? ทริปน่ะ」
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบว่า “ไม่ไป” นานาเสะก็รีบพูดต่อ
「เอ่อ คือ… จะไปแช่ออนเซ็น! เหมือนว่าญาติของโทริอิคุงจะทำกิจการเรียวกัง เลยสามารถพักได้ในราคาถูกมาก… ฉะ… ฉัน… จะ… จะใส่ยูกาตะด้วย! ซะ… ซางาระคุง ไปด้วยกันนะ…」
「ไม่จำเป็นต้องมีฉันก็ได้มั้ง」
「อือ อืม ซางาระคุงก็ไปด้วยกันเถอะนะ ถ้าไปด้วยกัน คงจะสนุก…」
นานาเสะกำมือแน่นบนโต๊ะ ผมไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่จ้องมองดูคอนยัคคุในจาน ถ้าผมพูดว่า “ไม่ไป” เธอคงจะทำหน้าเศร้า ผมไม่อยากเห็น
「…ขอคิดดูก่อนนะ」
การยืดเวลาออกไป ก็เป็นแค่การหนีปัญหา
นานาเสะยิ้มดีใจ 「ถ้าได้ค้างคืนด้วยกันก็คงจะดีนะ」 ผมเกือบจะพ่นคอนยัคคุออกมา พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันหรอก
「แต่ว่า ช่วงนี้หนาวจัง! ตอนเช้า แทบไม่อยากจะลุกจากฟูกเลย อพาร์ตเมนต์นี้ พอเข้าหน้าหนาวแล้วหนาวสุดๆ ซื้อโคทัตสึดีไหมน้า」
นานาเสะพูด แล้วเอามือเล็กๆ ถูไปมา เธอยิ้ม ดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน
「ถ้าซื้อโคทัตสึ… ซางาระคุง มาอุ่นขาด้วยกันนะ」
นานาเสะหน้าแดง ผมเลยแกล้งทำเป็นไม่เห็น
ผมนึกภาพนานาเสะหน้าสด อยู่ในโคทัตสึอุ่นๆ คงจะสบายมาก แต่ผมก็ไม่กล้าตอบตกลง
หลังจากเลิกงานกะดึก ผมก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู แล้วก็ขมวดคิ้ว
เมื่อหลายชั่วโมงก่อน มีสายโทรเข้ามาหนึ่งครั้ง จาก [แม่] แล้วก็มีอีเมล [ไม่ได้คุยกันนานเลย สิ้นปีจะกลับมาไหม?]
ผมปิดมือถือ แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อ 「ขอตัวก่อนนะครับ」 ผมพูด แล้วออกจากร้าน ท้องฟ้าทิศตะวันออกเริ่มสว่างแล้ว
ผมอ้าปากหาว เดินไปตามทางกลับอพาร์ตเมนต์ ช่วงเช้ามืดแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนเดินถนน รถก็น้อย ผมชอบบรรยากาศหลังเลิกงานกะดึกแบบนี้ รู้สึกเหมือนโลกนี้ มีผมอยู่เพียงคนเดียว
พอมาถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ ผมก็ขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนหนึ่งที่คลุมผ้าห่มไว้บนไหล่ กำลังเท้าแขน เหม่อมองไปยังท้องฟ้ายามเช้า
ผู้หญิงหน้าสด สวมแว่น ผมยาวถูกมัดไว้อย่างลวกๆ ในชุดเสื้อยืด ดูเหมือนว่าเธอจะแอบเข้ามาในโลกของผม ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อ่า ลำบากใจจัง ที่ลำบากใจ ก็เพราะ ผมไม่ได้รังเกียจ
พอผมเดินขึ้นบันได นานาเสะที่สังเกตเห็นผมก็ยิ้มกว้าง 「อรุณสวัสดิ์」 ตาของเธอที่อยู่หลังแว่น หรี่ลง
「ทำอะไรอยู่น่ะ เช้าขนาดนี้」
「เเค่ตื่นเช้าน่ะ」
「อันตรายนะ อยู่คนเดียว」
「ก็สว่างแล้ว ไม่เป็นไรหรอก」
「อ้อเหรอ งั้นฉันจะนอนแล้ว รีบกลับห้องเถอะ」
ผมพูดแล้วกำลังจะเดินผ่านเธอไป แต่ก็ถูกจับชายเสื้อไว้ ดูเหมือนว่าแก้มของนานาเสะจะแดงก่ำ อาจเป็นเพราะแสงยามเช้า นานาเสะที่ไม่ได้แต่งหน้า ดูเด็กกว่าปกติ
นานาเสะเปิดริมฝีปาก แล้วพูดเหมือนจะขอร้อง
「คือว่า จริงๆ แล้ว ฉันรอซางาระคุงอยู่」
…มารอผม ตั้งแต่เช้าในอากาศหนาวๆ แบบนี้เนี่ยนะ? ตอนนั้นเอง ความสงสัยของผมก็กลายเป็นความมั่นใจ และไม่สามารถสงสัยได้อีกต่อไป การพยายามทำเป็นไม่รู้ ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
「คือว่า ซางาระคุง」
นานาเสะจ้องมองมาที่ผม ด้วยสีหน้าเหมือนกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง หยุดเถอะ อย่าพูดอะไรอีกเลย ทั้งๆ ที่คิดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้
「ฉัน ชอบซางาระคุง」
…ในที่สุด ก็พูดออกมาจนได้
ผม ค่อยๆ ทบทวนคำพูดของเธอ ความอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านในอก
「จริงๆ แล้วชอบมากๆเลย… อยากอยู่ด้วยกัน ตลอดไป…」
นานาเสะกำหมัดไว้ตรงอก มือเล็กๆ สั่นระริก ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความกังวล ต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหน ถึงจะพูดคำนั้นออกมาได้ ผมที่เป็นคนขี้ขลาด ทำได้แค่จินตนาการ
ผมค่อยๆ เปิดปาก แล้วตอบคำสารภาพของเธอ ตอนนั้นเอง เสียงของแม่ก็ดังขึ้นในหัว
ถ้าไม่มีโชเฮย์ ก็คงจะดี…
ความอบอุ่นในอก เย็นลงในพริบตา
อ่า จริงสิ ถึงจะลืมไปแล้ว แต่แรกเริ่มเดิมที ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างโดดเดี่ยวและสงบสุข ผมไม่ควรจะข้องเกี่ยวกับชีวิตอันสดใสของเธอ
「นั่น… ฉันคงตอบรับไม่ได้」
ผมเค้นเสียงออกมาจากลำคอ สีหน้าของนานาเสะแข็งค้าง
「ขอโทษนะ นานาเสะ… ฉัน ตอบรับความรู้สึกของเธอไม่ได้」
สีหน้าของนานาเสะค่อยๆ เลือนหายไป ขาวซีดเหมือนกระดาษ
「เข้า…ใจ แล้ว」
นานาเสะพูด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม หยดลงบนพื้น เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นนานาเสะร้องไห้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากเห็น แต่คนที่ทำให้เธอร้องไห้ กลับเป็นตัวผมเอง
นานาเสะคลุมผ้าห่ม แล้วหายเข้าไปในห้อง ปิดประตู ผมทรุดตัวลงตรงนั้น
ท่ามกลางอากาศหนาว มีเพียงเสียงจักจั่นที่ดังแว่วมา โลกของผมกลับมา ไม่มีใครอื่นนอกจากผมอีกครั้ง ทั้งๆ ที่อยากอยู่คนเดียวแท้ๆ แต่ทำไม ถึงได้รู้สึกอึดอัด แบบนี้นะ
จบตอนที่ 3 เนื่องจากจบค้าง เพราะงั้นเดี๋ยวลัดคิวเรื่องอื่นให้ก่อนครับ