ย้อนกลับไปช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพวกชาร์ มาอาศัยที่บ้านของผม
ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามกับชาร์และอัล ทั้งสองเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์กับผมและได้ลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยใหม่ ๆ
นาตาลีออกไปแต่เช้าเพื่อเปิดร้านให้ทันเวลา
「ท่านโทยะ ฉันอยากกลับไปช่วยประเทศของเราพร้อมกับท่านนาตาลีค่ะ」
「เข้าใจอยู่นะ แต่จะช่วยยังไงล่ะ ในเมื่อพวกเธอต้องหนีมาที่เมืองนี้เพื่อเอาชีวิตรอด? ถึงจะรวมกันกับเธอ อัล แล้วก็นาตาลี แล้วก็มีแค่สามคน มันไม่พอที่จะกอบกู้ชาติหรอกนะ และอีกอย่าง ชาร์ เธอสู้ได้จริง ๆ หรือ?」
ผมพูดตรง ๆ กับชาร์ที่ดูมุ่งมั่นในแผนของเธอ เธอจำเป็นต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายนี้
「นั่นมัน……」
「ฉันจะปกป้องเธอเอง!」
อัลลุกขึ้นด้วยความโมโห แต่คำพูดของเธอไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่ผมอยากให้พวกเธอเข้าใจ
「อัล เธอคนเดียวจะจัดการทหารได้กี่คน? สิบคน? แต่ถ้าเป็นสงคราม เธอจะต้องเผชิญหน้ากับทหารนับพัน ซึ่งการใช้กลยุทธ์ธรรมดาอาจไม่เพียงพอ」
อัลดูหดหู่และพ่ายแพ้ ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับพูดว่า 「แต่……」 เบา ๆ
「งั้นผมมีข้อเสนอ แต่ก่อนอื่น ระดับเลเวลของพวกเธออยู่ที่เท่าไหร่กัน?」
「ฉันอยู่ที่เลเวล 37 เพราะการฝึกอัศวินนั้นล่ะค่ะ」
「……ของฉันอยู่ที่เลเวล 5……」
อัลตอบด้วยความภาคภูมิใจ ส่วนชาร์ตอบด้วยน้ำเสียงขอโทษ แม้ว่านาตาลีจะแข็งแกร่งพอที่จะถูกเรียกว่า “ปราชญ์” แต่ผมก็ไม่คิดว่าทั้งสามคนจะมีความสามารถพอที่จะโค่นล้มทั้งประเทศได้
ยิ่งไปกว่านั้น อาณาจักรเจเนอเรตยังมี “ผู้กล้า” อยู่ในมืออีกด้วย
「ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าร่วมสงคราม แต่ถ้าพวกเธอยินดี ผมจะฝึกพวกเธอให้ ยังมีหลายอย่างที่ผมสามารถช่วยได้……」
ดวงตาของพวกเธอเปล่งประกายเมื่อได้ยินคำพูดของผม
「ท่านโทยะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ นี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ ฉันอยากช่วยประเทศของฉัน แล้วก็ท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย」
「ฉันก็ด้วย ได้โปรด ถึงแม้ว่าแม่กับพี่ชายของฉันอาจจะปลอดภัยอยูแล้วก็ตาม……」
「เอาล่ะ เอาล่ะ ผมจะช่วยพวกเธอเพิ่มเลเวลของตัวเอง พรุ่งนี้เราจะเตรียมตัวสำหรับการฝึกในป่ากัน」
「ค่ะ/รับทราบค่ะ!」
พวกเธอเริ่มเตรียมตัวสำหรับการเข้าป่า ขณะที่ผมไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับอาหารที่จำเป็นสำหรับเดินป่า
นิสัยซื้อของครั้งละมาก ๆ ของผมเป็นที่รู้กันในหมู่พ่อค้า พวกเขาจึงเลิกพยายามสนใจเกี่ยวกับมัน
ผมมักพกกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วยและมักจะเก็บของลงใน “คลังมิติ” ในซอยหลังตลาด
หลังจากซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก ผมก็ทำซุปและอาหารหลากหลายชนิดที่บ้านและเก็บไว้ในคลังมิติด้วยเช่นกัน
นาตาลีกลับมาทีหลัง และผมบอกเธอว่าพวกเราจะเข้าป่าเพื่อฝึกสักระยะ
「……อืม พวกเจ้าทั้งสองต้องตั้งใจมาก ๆ เลยนะ ฉันคงจะไปอยู่ที่ร้านไปก่อน เสียดายเหมือนที่ไม่ได้กินอาหารของโทยะ」
……เรื่องอาหารอีกแล้ว! ผมพยักหน้าพร้อมหัวเราะเบา ๆ
เช้าวันถัดมา
พวกเราสามคน พร้อมด้วยโคคุโย ออกเดินทางจากเมืองไปยังป่าที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์
หลังจากออกจากเมืองมาไม่นาน ผมเอารถม้าจากคลังมิติมาใช้ พวกเธอขึ้นไปนั่งบนรถม้า ผมอยู่ที่เบาะคนขับ และโคคุโยเป็นผู้ลาก ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็ถึงทางเข้าป่า
ป่าทางเหนือถูกกิลด์สั่งห้ามเข้า อาจจะเป็นเพราะผลกระทบจากสงครามและรายงานของผมเกี่ยวกับการที่อาณาจักรเจเนอเรตข้ามพรมแดนมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเราเพราะไม่มีนักผจญภัยคนอื่นอยู่ใกล้ ๆ
ผมนำทางเข้าไปในป่า โดยมีชาร์และอัลเดินตาม และโคคุโยเดินปิดท้ายเพื่อปกป้องพวกเธอ
โคคุโยส่งเสียง 「บุรุรุ」 หนึ่งครั้ง และเดินตามหลังอัลไป
พวกเธอดูสับสนเล็กน้อย อาจเพราะนึกถึงตอนที่ถูกล้อมโดยออร์ค
「พวกเธออยากช่วยประเทศกันไม่ใช่เหรอ? จะช่วยได้ยังไงถ้ายังหดหัวอยู่แบบนี้?」
ผมเอ่ยขึ้น และพวกเธอก็ขบฟันแน่น พยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น
ระหว่างทาง เราหยุดที่บริเวณโล่งในป่า
「—ที่นี่คือ……」
「ใช่แล้ว นี่คือที่ที่เคยเป็นอาณานิคมของออร์ค เราจะใช้ที่นี่เป็นฐานสำหรับการฝึกของพวกเธอกัน แต่ก่อนอื่น……」
ผมเดินไปที่พื้นราบและนำ “บ้าน” ออกจากคลังมิติ มันเป็นบ้านสองชั้นสไตล์ญี่ปุ่นทั่วไป
「นี่คือฐานปฏิบัติการของเรา พวกเธอจะ……」
ทั้งสองคนอ้าปากค้างจนแทบจะถึงพื้น ดูเหมือนว่าพวกเธอจะตกใจกับบ้านที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม
「……อัล เธอเคยเห็นใครเอาบ้านใส่คลังมิติบ้างไหม……?」
「……ไม่เคย……ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย」
「เข้าใจละ……หรือว่านาตาลีซามะสอนอะไรแบบนี้ให้กับเขาล่ะมั้ง……」
ผมเรียกพวกเธอที่กำลังงุนงงให้เข้าไปในบ้าน
「พวกเธอทั้งสองคน เข้าไปข้างในก่อน เราวางแผนกันข้างใน」
「อ่ะ ค่ะ……」
พวกเธอเดินตามผมเข้าไปในบ้าน
「โอ๊ะ ถอดรองเท้าไว้ที่ประตูด้วยนะ ไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าข้างในบ้าน」
「ค่ะ……」
พวกเธอถอดรองเท้าบู๊ต ก่อนจะก้าวเข้ามาในบ้านด้วยเท้าเปล่า
ชั้นแรกมีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่น พอขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง จะเจอห้องแบบตะวันตกสี่ห้อง ขนาดประมาณห้องประมาณหกผืนเสื่อทาทามิ
ผมถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่นหลังนี้ปราศจากสิ่งที่ดูแปลกตาในโลกนี้โดยสิ้นเชิง
ในขณะที่คนสองคนที่เดินตามผมมาดูเหมือนจะรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสิ่งรอบตัว
ไม่มีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ วอลเปเปอร์ก็เป็นสีขาวเรียบ ๆ และไม่มีวัตถุหรือสิ่งประดับในบ้าน
ห้องรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นรวมกันมีขนาดประมาณยี่สิบเสื่อทาทามิ
ผมส่งสัญญาณให้พวกเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้แล้ว
จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชาร์และอัล ซึ่งนั่งคู่กันอยู่
「……ก่อนอื่น เหมือนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ห้ามพูดถึงเรื่องบ้านหลังนี้กับใครเด็ดขาด」
「……ค่ะ แน่นอนค่ะ……」
「ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น」
พอพวกเธอพยักหน้า แล้วผมก็พูดต่อ
「ต่อไปคือเราต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พวกเธอ ผมจะให้ยืมอุปกรณ์ของผม แต่เมื่อกลับไปที่เมืองแล้ว พวกเธอต้องคืนมันมา ผมแค่อยากให้เข้าใจจุดนี้」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
「เรื่องอุปกรณ์ ชาร์ เธอเป็น……นักเวทวิญญาณภูตใช่ไหม? นั่นก็น่าจะเหมือนกับนักเวทธรรมดาใช่หรือเปล่า?」
ตอนที่พวกเธอลงทะเบียนเป็นนักผจญภัย พวกเธอได้รับตำแหน่งอาชีพของตัวเองด้วย นักเวทวิญญาณภูตถือว่าเป็นอาชีพที่หาได้ยาก และผมจำได้ว่ามิเลียเองก็ตกใจเช่นกัน
ในเกมนั้นไม่มีอาชีพแบบนี้ แต่ผมก็พอจะเข้าใจถึงแนวคิดของมัน
ผมรู้ว่ามีวิญญาณในโลกนี้ ก็เพราะพอเข้าใจเรื่องนี้จากการที่ผมมีเฟอร์ริส วิญญาณประจำบ้าน
「ค่ะ มันไม่ได้ต่างอะไรมากนัก ในกรณีของฉัน ฉันแค่ขอให้วิญญาณช่วยสร้างผลลัพธ์ที่เหมือนกับเวทมนตร์ปกติค่ะ」
ถ้าเป็นแบบนั้น……อันนี้น่าจะใช้ได้
ผมดึงเสื้อคลุมออกมาจากคลังมิติและวางลงบนโต๊ะ
「นี่คืออุปกรณ์ที่จะช่วยลดการใช้เวทมนตร์ของเธอ มันยังมีการป้องกันที่ดีมากด้วย」
นี่คือเสื้อคลุมและไม้เท้าที่ผมได้รับจากเหตุการณ์หนึ่งในเกม เสื้อคลุมนี้ช่วยลดการใช้เวทมนตร์ลงครึ่งหนึ่ง และไม้เท้ามีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังเวทมนตร์
เสื้อคลุมสีขาวตกแต่งด้วยด้ายสีทอง เป็นของที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่ามันเป็นอุปกรณ์ชั้นสูง อย่างไรก็ตาม ผมได้มันมาตอนที่ตัวละครในเกมยังไม่ถึงเลเวล 100 มันเลยไม่ได้มีประโยชน์สำหรับผมในตอนนั้น จึงเก็บไว้ในคลังของตัวละคร
แต่เมื่อชาร์ได้ยินถึงคุณสมบัติของอุปกรณ์ เธอถึงกับอ้าปากค้าง
แน่นอนว่าอัลที่นั่งข้าง ๆ ก็ตกใจไม่ต่างกัน