บทที่ 1006 ตามใจที่สุด (ฉบับกู้เจียว vs อาจารย์พ่อ)
รุ่นพี่ที่นัดกับกู้เจียวมีชื่อว่าสือเหย่ ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี แก่กว่ากู้เจียวเพียงสองปีเท่านั้น เป็นพวกเด็กเรียนที่เป็นหนุ่มป๊อบของโรงเรียน ฐานะครอบครัวมั่งคั่ง และเล่นบาสเก็ตบอลเก่งพอตัว เด็กผู้หญิงตามจีบเขาเป็นพรวน
แต่เขาดันถูกกู้เจียวที่ไปไหนมาไหนคนเดียวดึงดูด
คนอื่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากู้เจียวแปลก มักจะให้ความรู้สึกเย็นเยือกประหนึ่งน้ำแข็งที่ไม่น่าเข้าใกล้ ถูกสายตาเย็นชาของเธอมองสบเข้า ก็จะขนลุกขนพองไปหลายวัน
ทว่าในสายตาเขานั้น เด็กผู้หญิงแบบนี้ต่างหากที่พิเศษมากพอ
“ที่นี่ตอนเย็นจะมีแคมป์ไฟด้วยนะ พี่จองห้องไว้แล้ว…เธอวางใจได้! สองห้อง!” สือเหย่เกาศีรษะอย่างเขินอาย “แน่นอนว่า ถ้าเธอไม่อยากค้างที่นี่ พี่ไปส่งเธอเร็วหน่อยก็ได้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยากดูแคมป์ไฟ” กู้เจียวหันมองเขา ก่อนหยักยกมุมปาก “โตขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนชวนฉันออกมาเที่ยว”
สือเหย่เคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของเธอ
ปกติชอบมีท่าทางเย็นชา ยามยิ้มขึ้นมานึกไม่ถึงว่าจะสดใสชวนหวั่นไหวยิ่งกว่าภาพฤดูใบไม้ผลิเดือนสามเสียอีก
สือเหย่รีบเอ่ย “ธ…เธอชอบละก็ พี่พาเธอออกมาเที่ยวทุกวันยังได้เลย!”
กู้เจียวเอื้อมมือไปหาเขา
สือเหย่ชะงัก
ฮะ นี่มัน นี่ จะให้จับมือแล้วหรือ
เขาตื่นเต้นจนลูกกระเดือกขยับไหว ฝ่ามือชื้นเหงื่อถูบนเสื้อผ้าไปมาอย่างไม่เป็นที่สังเกตเห็น กำลังจะไปจูงมือเธอ ก็ได้ยินเธอบอก “คีย์การ์ด”
สือเหย่กระอักกระอ่วนจะตายแล้ว รีบชักมือกลับ ล้วงคีย์การ์ดส่งให้เธอ “เป็นห้องวิวทะเลนะ ห้องนั้นวิวสวยที่สุด”
ความจริงไม่ใช่หรอก
ห้องชุดที่วิวดีที่สุดถูกคนจองไปแล้ว แต่สองห้องที่เขาจองก็ดีมากแล้วเช่นกัน
กู้เจียวรับคีย์การ์ดมา ก่อนไปที่ห้องหมายเลขเจ็ดศูนย์เก้า
เมื่อเธอลากกระเป๋าสะพายมาเตรียมเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่ตนตระเตรียมมาอย่างพิถีพิถัน ก็พลันมึนงงไปหมด
เธอชูผ้าลายดอกไม้เขียวอื๋อที่อัปลักษณ์จนอยากจะร้องไห้ขึ้นมา “บิกินีฉันล่ะ! ทำไมมันกลายเป็นชุดว่ายน้ำวันพีชไปได้ แถมยังมีขอบกระโปรงยาวเฟื้อยเลยด้วย!!!”
ใครมายุ่งกับกระเป๋าของเธอกัน!
น่าโมโหชะมัด!
ชุดเรียบร้อยแถมยังหัวโบรารแบบนี้ แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นสไตล์ของอาจารย์พ่อ
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เอง ยังกลัดกระดุมไปถึงคอเสื้อเม็ดบนสุด
“อะไรกัน บิกินีก็ยังไม่ให้คนเขาใส่อีก”
กู้เจียวพึมพำ จู่ๆ สมองก็มีความคิดแล่นวาบขึ้นมา ต่อสายไปหาโทรศัพท์ของเคาน์เตอร์ “ฉันอยากได้บิกินีชุดหนึ่งค่ะ!”
เสียงนุ่มนวลของสาวเคาน์เตอร์ลอยมาตามสาย “ขออภัยด้วยค่ะ คุณสุภาพสตรี บิกินีของทางโรงแรมเราหมดแล้วค่ะ”
กู้เจียวทอดมองหาดทรายที่คนหร็อมแหร็ม “แขกที่ฉันเห็นก็ไม่ได้เยอะนี่นา ทำไมหมดแล้วล่ะคะ”
สาวเคาน์เตอร์มองชายหนุ่มในชุดกันลมสีดำ สวมแว่นกันแดด สีหน้าเย็นชายืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าแหยๆ ป้องปากกระซิบไปในสาย “กะ…ก็ขายหมดแล้วค่ะ”
โดนพี่สุดหล่อคนนี้เหมาไปหมดเลย
หน้าตาก็เข้าท่าเข้าทางดีอยู่หรอก ไม่คิดเลยว่าจะวิปริตขนาดนี้!
สาวเคาน์เตอร์ตัดสายไป หัวเราะแห้งๆ ยื่นคีย์การ์ดให้ “เดี๋ยวจะส่ง…เสื้อผ้าไปที่ห้องคุณนะคะ”
อาจารย์พ่อรับคีย์การ์ดมา ก่อนจะเดินไปโดยไม่หันกลับมา
เสียงของผู้ช่วยดังขึ้นจากหูฟังบลูทูท “แผนเปลี่ยนครับ เขาจะมาถึงตอนค่ำ ให้ผมจองห้องให้คุณไหม”
อาจารย์พ่อเอ่ยเสียงนิ่ง “ไม่ต้อง จองแล้ว”
“เอ๋” ผู้ช่วยที่อยู่ปลายสายมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ ชั่วขณะนั้นเขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองโทรผิด
บอสคนนี้ไม่ชอบค้างคืนข้างนอกเป็นที่สุด นึกไม่ถึงว่าเขาจะจองห้องให้ตัวเองแล้ว
หรือว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าแผนการจะเปลี่ยน
ผู้ช่วยอ้าปากพะงาบๆ “คือว่า…”
อาจารย์พ่อตัดสายไปแล้ว
…
สุดท้ายกู้เจียวจึงต้องใส่ชุดว่ายน้ำวันพีชที่ทั้งน่าเกลียดทั้งไร้รสนิยมด้วยสีหน้าเดียดฉันท์
เมื่อสือเหย่ที่กำลังดื่มเครื่องดื่มอยู่บนหาดเห็นการแต่งตัวของเธอ ก็เกือบจะสำลักออกมา!
นะ…นี่แน่ใจหรือว่าไม่ได้ขโมยชุดว่ายน้ำของอาม่าเขามา
เห็นแค่ชุดว่ายน้ำก็เกือบนึกว่าย่าเขามาทำลายเดทของเขาเสียแล้ว!
แต่สุดท้ายกู้เจียวก็มีต้นทุนดี เด็กสาววัยสิบห้ารูปร่างเพรียวบาง ส่วนที่ควรเจริญเติบโตก็เจริญเติบโตได้ดีเยี่ยม ส่วนที่ไม่ควรมีเนื้อส่วนเกินก็ไม่มีไขมันเลยสักส่วน
ส่วนโค้งเว้าได้ทรวดทรง เอวคอดจนกุมได้รอบ สองขาเรียวทั้งยาวทั้งตรงสวย
ผิวขาวราวหิมะประหนึ่งหยกงามโปร่งใส ข้อเท้าข้างขวามีรอยสักลายเทวดาตกสวรรค์ ยิ่งขับให้เรียวขาเธอขาวจนเปล่งแสงได้
แน่นอนว่านักเรียนห้ามสักลาย นี่เป็นเพียงแทททูรอยสักเท่านั้น
สือเหย่มองตาลอย
ในห้องชุดที่ตรงกับชายหาด อาจารย์พ่อสวมแว่นกันแดดยืนอยู่บนระเบียงแดดจ้า มือหนึ่งสอดเข้ากระเป๋ากางเกง อีกมือถือแก้วไวน์ สายตาอันตรายทอดมองเด็กสาวบางคนที่กำลังรนหาที่ตาย
กู้เจียวสวมเสื้อผ้าที่ไร้รสนิยมที่สุด ก็ยังบดบังผิวขาวๆ สวยๆ ของเธอไว้ไม่ได้ ไม่เพียงแต่สือเหย่ที่ถูกเธอทำให้หลงใหลจนใจสั่นเท่านั้น ยังมีคนอื่นอีกไม่น้อย
กู้เจียวไม่มีเวลามาสนใจพวกเขา เธออยากเล่นเซิร์ฟ
เธอเล่นเป็นครั้งแรก สือเหย่จึงสอนให้เธอตัวต่อตัว
เด็กหนุ่มเด็กสาวเต็มไปด้วยกลิ่นอายวัยแรกรุ่นและความน้ำเน่าของความรัก
“รกหูรกตา” อาจารย์พ่อดื่มไวน์พลางเอ่ย
เสียงงุนงงของผู้ช่วยดังขึ้นจากหูฟังบลูทูท “อะไรรกหูรกตาหรือครับ”
อาจารย์พ่อจดจ้องเด็กสาวคนนั้นที่หัวเราะจนตัวงอตัวหงาย พลางเอ่ยเสียงนิ่ง “ไม่มีอะไร”
กู้เจียวเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ไว เล่นเซิร์ฟก็เช่นกัน หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เธอก็เล่นได้เก่งกว่าสือเหย่แล้ว
สือเหย่เหนื่อยแทบไม่ไหวแล้ว กอดเซิร์ฟบอร์ดของตัวเองขึ้นมาบนหาด หอบหายใจแฮ่กๆ ทอดมองกู้เจียวที่สนุกจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอตื่นเต้นเหมือนนกกระจอกตัวน้อย ราวกับมีกำลังวังชาที่ไม่มีวันหมดอย่างไรอย่างนั้น
ดีจริงๆ น่ารักจัง
สือเหย่นั่งลงบนหาด สองมือเท้าพื้นทรายด้านหลัง ยิ้มจางๆ มองเด็กสาวของเขา รู้สึกเพียงว่าช่วงเวลานี้พอใจสุดจะเปรียบ
กู้เจียวเล่นจนฟ้ามืด หิวแล้วจึงได้เก็บเซิร์ฟบอร์ดอย่างยังไม่หายอยาก
ทั้งคู่กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรม
สือเหย่จองร้านปิ้งย่างเอาไว้ ที่นั่นมีลูกค้านั่งอยู่ไม่น้อยแล้ว กลิ่นเนื้อย่างกับผงยี่หร่าตลบอบอวลภายในลานเล็กๆ
สือเหย่ให้กู้เจียวนั่งรอ เขาวิ่งซ้ายวิ่งขวาไปหยิบกับแกล้มบ้าง ที่ตั้งเตาบ้าง
นายน้อยแห่งตระกูลสือที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด เป็นครั้งแรกที่ขยันขันแข็งเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งเช่นนี้
เขาฝึกอยู่ที่บ้านมาแล้ว รสชาติที่ย่างออกมาจึงไม่เผ็ด
กู้เจียวเอ่ย “น้ำผึ้ง น้ำผึ้ง หนูชอบกินหวานๆ ค่ะ”
แต่อาจารย์พ่อไม่ให้เธอกินเยอะ บอกว่าจะทำให้ฟันผุ
“ได้” สือเหย่หน้าดำปี๋ ทาน้ำผึ้งใสแวววาวเคลือบบนไม้เนื้อย่าง
“อร่อยไหม” สือเหย่ถามเธอ
กู้เจียวรูดไม้ ปากน้อยๆ ไม่ว่าง จึงพยักหน้าเป็นหนูแฮมสเตอร์ให้แทน
สือเหย่แย้มยิ้มดีใจ
อีกด้านหนึ่ง อาจารย์พ่อเตรียมออกไปทำภารกิจแล้ว
ภารกิจในคืนนี้คือขัดขวางสินค้าล็อตหนึ่ง สาเหตุที่จัดให้อยู่ระดับ E เพราะที่มาที่ไปของอีกฝ่ายไม่นับว่าใหญ่โต และกำลังอาวุธก็ไม่สูง
ตามข่าวกรองที่ได้มาในตอนแรก เดิมควรลงมือตอนบ่ายที่ผู้คนบางตา แต่อีกฝ่ายโอ้เอ้ไม่มาสักที ตอนนี้บริเวณชายหาดผู้คนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ค่อนข้างจัดการยาก
ที่จัดการยากกว่านั้นก็คือ ข่าวกรองจากองค์กรผิดพลาด ไม่ใช่สินค้าห้ากิโลกรัม แต่เป็นยี่สิบห้ากิโลกรัมต่างหาก ซ้ำยังถูกอีกฝั่งรับช่วงไปดูแลแล้ว
เรื่องราวชักยุ่งยาก
อาจารย์พ่อโปรยตัวลงมาจากหลังคา มายังห้องที่ใช้ตกลงค้าขาย มือถือปืนเก็บเสียง ไล่ยิงทีละนัด ล้มได้เป็นบริเวณกว้าง
ในขณะนั้นเอง พวกเดียวกันสองคนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็ผลักประตูห้องเปิด
ทั้งสองมองปราดไปเห็นศพบนพื้น ก็งับประตูปิดทันที ก่อนหันหลังวิ่งหนี!
“บนตัวพวกเขายังมีของอีกไหม” อาจารย์พ่อถามเอเย่นต์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา
เอเย่นต์ตัวสั่นงันงกพยักหน้าหงึกหงัก
อาจารย์พ่อดึงประตูห้องเปิดอย่างระแวดระวัง พลางเสียบปืนเก็บเสียงกลับเข้าซองตรงบั้นเอว แล้วใช้เสื้อกันลมปิดไว้
ขณะนั้นเอง กู้เจียวกับสือเหย่เพิ่งกินเนื้อย่างเสร็จกำลังไปแผงขายอาหาร สือเหย่ซื้อไอศกรีมให้เธอแท่งหนึ่ง เธอก้มหน้าเลียคำหนึ่ง ครีมเปื้อนปากเธอ
สือเหย่หัวเราะ ยื่นมือไปเช็ดปากให้ เธอกลับหันหน้าหนี ทอดมองเงาที่เร้นผ่านความมืดไป “อาจารย์พ่อ”
“อะไรนะ” สือเหย่ได้ยินไม่ชัด นึกว่าเธอจงใจหลบการแตะต้องของตน เขารีบล้วงทิชชูแผ่นหนึ่งจากกระเป๋ากางเกงยื่นส่งให้หน้าเจื่อนๆ
กู้เจียวไม่ได้รับ เธอยัดไอศกรีมใส่มือเขา ก่อนจะเดินหนีไป!
“กู้เจียว! กู้เจียว!”
สือเหย่เรียกสองครั้งก็ยังไม่อยู่ จึงถือไอศกรีมไล่ตามไป
กู้เจียวตามอาจารย์พ่อไม่ทัน ครั้นหันหน้ากลับมา เห็นชายคนหนึ่งในชุดสูทสีเงินใช้มีดจี้สือเหย่เดินออกมาจากหลังซุ้มดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ
สือเหย่เป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง เจอเข้ากับสถานการณ์เช่นนี้จึงยากที่จะไม่เผยความหวาดกลัวออกมา
แต่สิ่งที่ทำให้สือเหย่ตกตะลึงก็คือ แววตากู้เจียวสงบนิ่งมาก
ชายในชุดสูทตวาดกร้าว “อย่าขยับ! อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันฆ่ามันแน่!”
จู่ๆ ท่าทางของกู้เจียวก็เปลี่ยนไป รอบกายเธอเริ่มมีไอสังหารชวนขนหัวลุกแผ่กำจายออกมา “ปล่อยเขา”
ชายในชุดสูทดวงตาเป็นประกายวาบ จี้คมมีดใส่ลำคอสือเหย่ ปาดเป็นรอยเลือดแผลหนึ่งทันที ก่อนตวาดเสียงเบา “ห้ามส่งเสียง ไม่งั้นจะฆ่าแก!”
ทว่าสือเหย่ไม่ได้ฟังคำเขา สือเหย่ข่มความกลัวในใจ ตะโกนเสียงสั่น “ระวังหลังเธอ!”
ไม่มีใครเห็นชัดว่ากู้เจียวทำได้อย่างไร เธอหมุนตัวแทงหนามแหลมในมือทะลุลำคอของคนที่ลอบโจมตีด้านหลัง!
เลือดกระเด็นเต็มหน้าเธอ!
คนผู้นั้นล้มลงพื้นอย่างเหลือเชื่อ ตายตาไม่หลับด้วยแววตาหวาดผวา
กู้เจียวเตะปืนในมือเขาให้เด้งขึ้นมา คว้าหมับอย่างมั่นคง แล้วหันกลับมายิงต้นขาของชายในชุดสูทหนึ่งนัด!
ปืนกระบอกนี้ก็ใส่ที่เก็บเสียงไว้เช่นกัน เสียงจึงไม่ดังมาก
กู้เจียวเดิมคิดจะระเบิดหัวเขา แต่เพื่อไม่ให้สือเหย่เสียขวัญ เธอเลยเลือกยิงที่ต้นขาแทน
คนผู้นั้นเจ็บจนปล่อยสือเหย่ล้มลงพื้น
เขารีบไปชักปืน แต่โดนกู้เจียวยิงข้อมือขวาเขาแหลกเสียก่อน
เมื่อมั่นใจว่าเขาไม่มีกำลังต่อต้านแล้ว กู้เจียวก็มาหยุดตรงหน้าสือเหย่ มองคราบเลือดบนคอเขา ก่อนขมวดคิ้วยื่นนิ้วไปหา
สือเหย่ถอยหลบไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ
มือกู้เจียวชะงักอยู่กลางอากาศ
เธอโคลงศีรษะ มองเขาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเขากำลังกลัวอะไร
สือเหย่มองกู้เจียวด้วยความหวาดกลัว แล้วมองไอศกรีมที่ละลายอยู่ในมือไปเป็นครึ่ง
เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอ
แต่เขากลับเสียขวัญเพราะเธอ…
เธอทำได้ยังไง…เธอทำ…
กู้เจียวอ่านอารมณ์เขาไม่ออก ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ก่อนใช้ปืนชี้ชายในชุดสูทบนพื้น “พี่กลัวเขาจะทำร้ายพี่อีกหรือ งั้นฉันฆ่าเขาแล้วกัน”
“หยุดนะ!” สือเหย่ตวาดลั่น
กู้เจียวเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ทอดมองขอบตาแดงก่ำที่กำลังเจืออารมณ์พลุ่งพล่านของเขา เอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ “พี่ เป็นอะไรไป”
สือเหย่มองรุ่นน้องที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบซ้ำยังทำใจเย็นลงได้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว
เขาถอยหลังไปทีละก้าว จนกระทั่งหันหลังกลับ ไม่รู้ว่าหวาดกลัวหรือเหนื่อยล้า จึงจากไปอย่างรวดเร็ว
กู้เจียวทอดมองแผ่นหลังเขาที่ไม่เหลียวกลับมามอง ก่อนพึมพำ “ฉันแค่อยาก ปกป้องพี่”
ลมราตรีพัดมา
เงาของเธออ้างว้าง
เธอก้มศีรษะน้อยๆ เดินกลับไปอย่างเนิบช้า
เดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นเงาที่ทอดลงบนพื้น เธอเหลือบมองตามเงานั้นไปตามสัญชาตญาณ ก็เห็นอาจารย์พ่อสวมกางเกงสแล็คสีดำกับเชิ้ตขาวสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงนั่งอยู่บนซุ้มดอกไม้
ซุ้มดอกไม้สูงมาก แต่ขาเขายาวกว่า
กู้เจียวไม่ได้เอ่ยอะไร และไม่ได้เดินหน้าต่อ
“ชอบเขามากหรือ” อาจารย์พ่อถามเสียงนิ่ง
กู้เจียวเอ่ยเสียงแผ่ว “เป็นครั้งแรกที่ฉันมีเพื่อน”
อาจารย์พ่อสีหน้าคลายลง ลุกขึ้นยืนอย่างสง่าทว่าเย็นชา คว้าเสื้อกันลมที่อยู่ข้างตัวมาหยุดตรงหน้ากู้เจียว มือใหญ่จับคลุมบนตัวเธอ
ร่างเล็กเย็นเฉียบพลันถูกกลิ่นอายและความอบอุ่นของเขาโอบล้อม เดิมไม่ได้น้อยใจขนาดนั้น แค่ไม่สบายใจนิดหน่อย
แต่ตอนนี้ จู่ๆ ก็น้อยใจขึ้นมาแล้ว
เธอแนบหน้าผากกับแผ่นอกแน่นหนั่นของเขา
อาจารย์พ่อยกมือเรียวยาวดุจหยักขึ้นลูบศีรษะเธอเบาๆ
“ขาชาแล้ว” กู้เจียวเอ่ย
อาจารย์พ่อทอดถอนใจอย่างจนปัญญา แบกคนขึ้นบ่า ก้าวเรียวขายาวเดินไปทางโรงแรม
เมื่อผ่านชายชุดสูทที่ถูกกู้เจียวยิงมือขวากับขาขวาบาดเจ็บ ชายชุดสูทก็รีบใช้มือซ้ายคว้าปืนกลับมา
อาจารย์พ่อพลิกมือคว้าปืนยิงหัวใจเขาโดยไม่เหลือบมองสักนิด!
…
หลังกลับมาถึงห้องชุด อาจารย์พ่อก็เรียกรูมเซอร์วิส
กู้เจียวมองไอศกรีมตรงหน้าที่พรีเมียมกว่าไม่รู้กี่เท่า ก่อนสูดน้ำลาย “ให้หนูหรือ”
อาจารย์พ่อตรวจเช็คสินค้า พลางเอ่ยเสียงนิ่ง “เมื่อกี้ยังไม่ได้กินไม่ใช่หรือ”
กู้เจียวแววตาเป็นประกาย “งั้นหนูกินได้กี่อัน”
อาจารย์พ่อ “ครึ่งอัน”
กู้เจียวหน้าทะมึนทันที
เธอนั่งขัดสมาธิบนโซฟา งับกรวยในมือคำเล็กๆ
ทันใดนั้น กริ่งก็ดังขึ้น
ยังคงเป็นรูมเซอร์วิส
กู้เจียวนึกว่าของอร่อยมาอีก “เข้ามา!”
พอประตูเปิดออก บิกินีเซ็กซี่เมื่อตอนบ่ายที่มาช้าก็ถูกพนักงานเอามาส่งเป็นราว
กู้เจียวปากอ้าตาค้าง