055:งานเปิดตัวแห่งความร้าวฉาน⑲ เหลี่ยมของเอลิซ่า
――เพราะมันมีช่องโหว่ให้ใช้งานไงล่ะ
ตัวอย่างเช่น มาร์ควิส ชิล่า มูเอล ถูกแทงไว้และฟื้นคืนชีพกลับมา อย่างน้อยในฐานะที่เคยได้เห็นเป็นกบฏก็เหมือนกับการโดนโทษประหารไปแล้วเพราะความต่ำช้าของลิบเรย์ แต่แม้ว่าเธอจะเสียไปแต่ก็ไม่ได้เสียชาติตระกูลแต่อย่างใด
กล่าวอีกนัยหนึ่งตราบใดที่เธอถูกสำเร็จโทษไปแล้ว แต่ว่าก็ไม่มีทางพ้นความผิดจนกว่าจะได้รับการตัดสินใจจากราชวงศ์
แต่ว่าการกระทำของลูน่าได้เกิดส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ และในขณะเดียวกันหากพวกขุนนาง แม้เพียงชั่วครู่เห็นด้วยกับเธอส่วนใหญ่ราชวงศ์ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
เพราะทางราชวงศ์เองก็ถือเป็นผู้ร่วมจัดงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
หากตระกูลขุนนางส่วนใหญ่คิดว่าการกระทำของเธอนั้นถูกต้อง หากคิดตามหลักประชาธิปไตยก็ไม่สามารถหักล้างได้
สถานการณ์ในตอนนี้ล้วนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และเหตุผลสามารถพลิกกลับได้โดยง่ายหากหันไปใช้จำนวนเข้าว่า
「สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ขอบคุณที่มาเข้าร่วมงานในวันนี้ โปรดเพลิดเพลินไปให้ถึงขีดสุดค่ะ」
หลังจากพูดปิดสั้นๆลูน่าออกจากห้องโถงของปราสาทออกัสต์ ด้วยท่วงท่าอันงดงาม
ขณะที่เธอก้าวเดินไปที่โถงทางเดิน มาเรียที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายกระซิบเบาๆที่หูฉัน
「ท่านพี่นี่ใจเด็ดเดี่ยวจังเลยนะคะ」
หากคิดตามหลักมาเรียแล้วการเป็นคนกลับชาติมาเกิด ถ้ามีของที่ใช้ชุบชีวิตได้แบบนี้ปกติไม่มีใครเขากล้าใช้เล่นแบบทิ้งขว้างกันแบบนี้หรอก เพราะมันเป็นความสามารถสุดโกงที่ทุกคนต้องการ
อย่างไรก็ตาม ลูน่านั้นค่อนข้างเอาใจใส่และใช้พลังของเธอด้วยความใหญ่โต
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วปัญหาตามหลังมากเกินกว่าจินตนาการจะรับไหว
ลูน่าหัวเราะคิกคักจากนั้นก็หันมามองหน้าฉันพร้อมกับถอนหายใจ「เฮ้อ」
「มาเรีย เดี๋ยวฉันจะเล่าอะไรดีๆให้ฟัง ยิ่งตระหนักได้ถึงความสามารถที่ไม่มีใครมีมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเจอสถานการณ์ที่ต้องใช้พลังนั้นมากขึ้นในอนาคต นั่นเป็นข่าวสารมันวิ่งไปไม่หยุดไงล่ะ ไม่ว่าจะซ่อนมันเท่าไหร่มันก็ยิ่งถูกดึงดูดมากขึ้นมากเท่านั้น
และหลักฐานก็คือตราชั่งของความตายที่ถูกปกปิดไว้ในตอนท้าย
หากมัวแต่ลังเล ก็จะถูกบังคับให้ได้ใช้พลังในช่วงที่รู้สึกอึดอัดใจเพราะมัวห่วงความคิดของคนอื่น
ถ้าต้องมานั่งวิตกกังวลทำไมเราไม่คิดหาวิธีใช้มันได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพล่ะ
ยิ่งหักห้ามมันก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้ เพราะถ้าไม่ทำให้มันดีก็จะทำให้การตัดสินใจของเราขาดประสิทธิภาพ
จริงไหม? ไม่ว่าความสามารถเหล่านั้นจะโกงมากแค่ไหน แต่คนที่ใช้ก็คือมนุษย์
เพราะแบบนั้นเราต้องให้ผู้คนพึ่งระลึก
หากตกอยู่ในสถานการณ์บังคับ ก็ปล่อยให้สถานการณ์พาไปและคิดไว้เสมอว่าทุกอย่างต้องมีการสูญเสีย
หากคิดแบบนี้ได้เธอก็จะไม่โดนใครเขาหลอกไม่เพียงแค่เรื่องของพลัง」
อ่าฟังแล้วบรรลุธรรม
แต่ว่าคำพูดของลูน่านั้นไม่ได้มาจากความตั้งใจ
เพราะมันคือเหตุการณ์ในชาติก่อน ดังนั้นจึงเป็นประสบการณ์มากกว่า
มาเรียฟังคำพูดของพี่สาวด้วยใบหน้าลึกลับและคิดเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ
(ในชีวิตก่อนหน้านี้ฉันตายเพราะเป็นทาสบริษัทโหด พวกคนเก่งมักจะรีบทำงานและผลักไสงานที่เหลือให้คนอย่างฉันทำในท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครยึดถือคติถูกต้อง แค่คนที่ขาดความรับผิดชอบมักจะได้ประโยชน์เสมอ……)
คำพูดของท่านพี่มันคือความจริง
เมื่อคิดอย่างงั้นมาเรียม้วนผมสีน้ำเงินของเธอ
――ดีจังเลยนะ
ลูน่าและคนอื่นๆได้จากไปแล้วและแขกทุกคนก็เข้าพักที่โรงแรมด้วยสีหน้ามีความสุข เหล่าเมดต่างออกไปรวบรวมอุปกรณ์ทำความสะอาดจานและของตกแต่ง
ราชินีเอลิซ่าที่ยังอยู่ในที่เกิดเหตุจนจบและเฝ้าดูด้วยความงุนงงกึ่งชื่นชมความคล่องแคล่วของ คนรับใช้ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง
เอลิซ่าออกจากห้องโถงและข้ามทางเดินไปยังกระทรวงเวทมนตร์ที่ตั้งอยู่
มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกมาด้วยสภาพที่ผมยุ่งเหยิงและเดินมาทางด้านหลังโดยไม่สนใจเหล่าพนักงานที่มองมา
เมื่อเปิดประตูไปที่ปลายสุดก็พบโต๊ะระดับสูงที่หัวหน้ากระทรวงเวทมนตร์ เคลย์ ดิล่า ชูเดล
「ปู่เคลย์ สบายดีไหม」
「เอ่อนี่มันท่านราชินีไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับใช้?」
ชายชราคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีดำลุกขึ้นยืนจากที่นั่งเพื่อทักทายเอลิซ่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เธอคนนั้นแสร้งทำเป็นมองไปรอบๆแล้วพูด
「เอ่อวิดีโอที่ฉายให้ลูน่าจัง มันถูกบันทึกไว้ใช่ไหม?」
「แน่นอน เป็นผลมาจากการวิจัยเฉพาะเกี่ยวกับโปรเจ็กเตอร์ จากนี้ไปพวกเรากำลังตรวจสอบรายละเอียดของวิดีโอและเริ่มการวิจัยเพื่อประยุกต์ใช้ในเฉิงทางปฏิบัติ」
เมื่อได้ยินคำพูดเธอก็ยิ้มออกมา
「เป็นไปได้ไหมที่จะตัดต่อวิดีโอเหล่านั้น?」
「ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง อยากให้เปลี่ยนแปลงส่วนไหนงั้นรึ?」
「ตัดส่วนสุดท้ายลงเล็กน้อยและใส่ฟุตเทจอื่นเข้าไปแทน พอจะทำได้ไหม?」
「ทำได้แน่นอนครับ」
รอยยิ้มของเอลิซ่ายิ่งเหลี่ยมมากขึ้น
「ถ้างั้นรีบเตรียมตัวสำหรับการตัดต่อเลย เตรียมโปรเจ็คเตอร์เดี๋ยวนี้ นอกจากนี้หากตัดต่อเสร็จแล้วพวกเราจะเอาไปฉายที่จัตุรัสเมือง เตรียมตัวให้พร้อม」
「……หรือว่าท่านหญิงเอลิซ่าคิดจะ……คุณหนูลูน่า เบล ดิแซคงั้นเหรอครับ」
เธอคนนั้นมองไปที่ชายชราด้วยดวงตาเบิกกว้างจากนั้น
「ปู่เคลย์ ฉันไม่อนุญาตให้คุณสอดรู้สอดเห็นเรื่องนี้อีก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ」
「เกินไปแล้วนะครับ」
บางทีเพราะแรงกดดันที่ถูกปล่อยมาจากอดีตนักบุญดาบ เคลย์ได้แต่ก้มศีรษะ
แต่ทางฝั่งราชินีเอลิซ่าก็ยิ้มซุกซน
「แต่ว่าปู่เองก็สนใจใช่ไหมล่ะ ? ลูกสะใภ้ที่มีความแข็งแกร่ง สติปัญญา และแม้กระทั่งความงามที่ผิดธรรมชาติจะกลายเป็นราชินี ลองคิดดูสิว่าโลกใบนี้จะเดินไปในทิศทางไหน」
ลูกชายของเอลิซ่าน่าจะมีความสามารถในการเข้าถึงลูน่า
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของลูน่านั้นทะลุเกินคนธรรมดาไปแล้ว
เธอเป็นเด็กที่เป็นอัจฉริยะ
เป็นเทพธิดาที่มาจุติ มันโดดเด่นที่ทำให้เธอคิดเช่นนั้น
ฉันอยากให้เธอคนนั้นได้อยู่เคียงข้างกับลูกชายของฉันที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์
ถ้าไม่ติดว่าฉันเป็นคนเห่อลูกฉันอยากจะให้เธอขึ้นครองบัลลังก์แทนด้วยซ้ำ
ในระยะเวลาสั้นๆจะต้องให้พวกเขาเป็นคู่รักกันและผลิตทายาทออกมา
หากมีความสัมพันธ์เช่นนั้นและถ้าทำให้ราชาองค์ต่อไปมีเขี้ยวเล็บที่มากขึ้นไปอีกจะยิ่งทำให้อาณาจักรนี้จะเจริญเติบโตอีกมาก สามารถครองทวีปและรวมโลกให้เป็นหนึ่งเดียว
เปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานยังคงลุกโชนในหัวใจของเอลิซ่า
ไม่สิ ต้องกล่าวว่าจิตใจที่เคยหยุดเต้นได้เปล่งประกายแสงเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกอันแสนหิวโหยและไม่บรรเทาลงเว้นแต่จะได้ลูน่ามาเป็นลูกสะใภ้
(……ลูน่า อย่าคิดว่าจะชนะฉันได้เพราะเพียงแค่คุมขุนนางได้ ฉันน่ะอยากได้อะไรก็ต้องได้)
เธอนึกถึงฉากที่เธอเคยเห็นรอยยิ้มอันแสนดุร้ายนั่นอีกครั้ง
ยูโทเปียที่เคยสงบสุขมาอย่างยาวนาน ณ บัดนี้ มันกำลังแหลกสลายเพราะจะทำให้โลกนี้กลับมาเป็นดิสโทเปียอีกครั้ง
ตวามฝันในการครอบครองโลกทั้งใบที่เธอเคยยอมแพ้ตอนที่ได้ขึ้นเป็นราชินี
แต่บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นจริงได้กับเธอคนนี้
เพราะงั้นเธอไม่ยอมแพ้
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันจะไม่ทอดทิ้งความฝันอีกแล้ว
เอลิซ่าที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความโลภจนไม่สามารถหยุดได้
「สิงโตทองคำตื่นขึ้นจากการหลับใหลอันเป็นเวลานานแล้ว」
หัวหน้ากระทรวงเวทมนตร์พึมพำ แต่ว่ามันไม่ดังพอที่จะถึงหูของเอลิซ่าที่เดินจากไปแล้ว
――วันรุ่งขึ้นเนื่องจากเป็นวันสุดท้ายที่เหล่ามาร์ควิสดิแซคจะกลับบ้าน พวกเหล่าคนรับใช้จึงถูกส่งไปยังปราสาท ซาราเอล่าและจิลล์ เองก็เข้าไปด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งตอนนี้ลูน่าและสหายต่างมีเวลาว่างในการเดินเที่ยวรอบเมือง
หลังจากเที่ยวชมตลาดและทานขนมหวานเช่นเครปที่มีแค่ในเมืองหลวง พวกเราก็มุ่งหน้าไปที่จัตุรัสเพื่อพักผ่อนและรับประทานอาหาร
วันนี้เมฆค่อนข้างหนา ดังนั้นมันเลยไม่มีแสงสะท้อนลงมาและอุณหภูมิเองก็เย็นเล็กน้อย
กลุ่มคนคุ้มกันและสมาชิกหน่วยรบทางอากาศมากกว่าสิบคน คนอื่นๆที่เมามายจนหัวราน้ำและได้รับบาดเจ็บกำลังนอนอยู่บนเตียง
โชคดีที่ไม่ได้ดื่มจนตาย
「พี่สาว ! ดูนั่นสิคะ!」
อลิซ่ารีบมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสและพูดออกมา
ตรงที่เธอชี้ไปนั้นเต็มไปด้วยพุ่มไม้และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เจอเห็นวัตถุที่คุ้นเคยตา
「เอาจริงดิ……!」
ลูน่าคร่ำครวญและแสงสว่างปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่
สิ่งที่ฉายบนหน้าจอคืองานเลี้ยงเปิดตัวของลูน่าเมื่อวานนี้
『――ก่อนอื่นฉันขอแสดงความขอบคุณต่อครอบครัวขุนนางที่ได้เข้าร่วมงานเปิดตัวของลูน่า เบล ดิแซค ค่ะ』
ลูน่าบนหน้าจอโค้งคำนับ
ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นแอบถ่ายคลิปนั่นตั้งแต่เริ่มงาน หรืออาจจะเพราะตัดมาจากวิดีโอเมื่อวาน
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่ลูน่ายังคงตกตะลึง
「ท้ายที่สุดแล้วพี่สาวดูดีมากเลยนะคะ」
ถัดจากเธอ อลิซ่าพูดอย่างน่าเศร้า
มาเรียไม่อยู่ในฉาก หลังจากงานเมื่อวานฉันก็พาเธอกลับบ้าน แต่เธอร้องขอว่าอยากอยู่ต่อกับฉันอีกคืนเพราะคิดถึง แต่ว่าเธอก็กังวลที่จะมารบกวนตระกูลมาร์ควิสเยอะขนาดนี้ไม่ได้และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของมาเรียเป็นหลัก พวกเราเลยต้องแยกกันอยู่ชั่วคราว
สิ่งที่ได้ทดแทนมาเรียก็คือชิล่า
นั่นเป็นเพราะเมื่อวานว่าเธอพูดไปแล้วว่าจะคอยปกป้องดูแลและรับใช้ลูน่า
เหล่าชิโนบินั้นแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสตัวตนได้จางๆดังนั้นคงเฝ้าดูเธอจากที่ไหนสักแห่ง
「ยัยนั่นคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่……」
ลูน่าพึมพำขณะมองไปบนจอ ขณะที่คนด้านล่างที่กำลังมองจอด้วยความสนใจ
『เธอคนนั้น』แน่นอนว่าคือราชินีเอลิซ่า
เมื่อพูดถึงกับการติดตั้งอย่างเร่งด่วนแล้วมีเพียงแค่เอลิซ่าเท่านั้นที่ทำได้
แต่จุดประสงค์มันคืออะไรล่ะ
ลูน่ายืนกรานไปแล้วว่าเธอไม่มีแพลนจะแต่งงานเข้ากับราชวงศ์
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถูกออกอากาศว่า “งานเลี้ยงเปิดตัวของลูกสาวขุนนาง” แต่กลับแสดงให้ประชาชนสามัญได้เห็น
โดยปกติแล้วงานเลี้ยงเหล่านี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้บุคคลธรรมดามีส่วนเกี่ยวข้อง
นี่เป็นเพราะมีลำดับชนชั้นเข้ามาเกี่ยวจึงไม่ใช่เรื่องที่เหล่าสามัญชนคนธรรมดาทั่วไปควรจะรู้และเป็นเรื่องไร้สาระที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ
ลูน่าคิดไว้ว่า「มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลก ให้ทุกคนเห็นคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?」เธอคิดเช่นนั้น แต่ว่าขุนนางส่วนใหญ่นั้นให้ความสำคัญกับประเพณีและพิธีการ
ถึงกระนั้นราชินีก็ยังยืนกราน
ต้องมีอะไรแปลกๆที่จะแสดงขึ้นบนหน้าจออย่างแน่นอน
「……เอ๊ะ?」
ลูน่ามองหน้าจอพักหนึ่ง แต่เมื่อมองไปสักพักเธอก็รู้สึกว่าลางสังหรณ์ของเธอนั้นถูกต้อง
ส่วนที่ลูน่าแสดงจุดยืนทางสังคมต่อราชวงศ์ถูกตัดออก และข้อความแสดงความยินดีของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งถูกเพิ่มมาในตอนท้ายของวิดีโอ
『ขอแสดงความยินดีกับลูน่า ในงานเปิดตัวการเป็นขุนนาง ฉันน่ะเฝ้าดูอยู่เสมอ หากมีปัญหาใดๆก็อย่าลืมติดต่อฉันล่ะที่รัก』
เจ้าชายอาเบลซึ่งแน่นอนว่าเป็นไอ้เจ้าชายจอมกะล่อนในอนาคตถูกแสดงภาพขึ้นมาพร้อมข้อความ
ฉันจะไม่มีวันคุยกับแกเด็ดขาดไอ้เด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า!!!
ลูน่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นและรู้สึกว่าเลือดขึ้นหน้า
「――โดนเล่นแล้วไง!!」
ลูน่าเข้าใจแผนการของราชินีแล้ว
หมายความว่าไงน่ะเหรอ
ก็วิดีโอที่ฉายมันเกี่ยวกับลูกสาวมาร์ควิสใช่ไหมล่ะ
จากสิ่งนี้ ในตอนท้ายของวิดีโอมีรูปของเจ้าชายอาเบลและข้อความแสดงความยินดีคนที่เห็นจะคิดยังไงล่ะ
อ่า นี่มันภรรยาของเจ้าชายงั้นเหรอ
ยัยราชินีปลูกถ่ายเฟคนิวส์ให้กับเหล่าประชาชนของเธอ
จากนั้นหากมาร์ควิสดิแซคประกาศต่อสาธารณชนว่าจะไม่ส่งลูกสาวให้กับเจ้าชาย ประชาชนก็จะถาม「หาาาาาาาาา ไหงงั้นอะ?!」เป็นเสียงเดียวกัน
ในบางกรณีอาจจะเกิดความเป็นไปได้ที่จะลากส่วนอื่นๆมาเกี่ยวข้องอีกด้วย
แน่นอนว่าแม้ตระกูลมาร์ควิสดิแซคจะได้รับการสนับสนุนกับดยุคเวลซัค หากเป็นเรื่องเล็กๆก็พอตัดไฟแต่ต้นลมได้
แต่ว่านี่มันคือการปลูกถ่ายเฟคนิวส์ให้กับประชาชนและการมีการปลุกระดมจนทำให้ฝูงชนแตกตื่นได้
แม้ว่านโยบายที่บังคับใช้โดยราชวงศ์จะล้มเหลวแต่「ถ้าเด็กคนนั้นยอมแต่งงานแต่โดยดีเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น กระซิก~」ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงเคลื่อนไหวไม่ได้แน่ เพราะประชาชนที่ลุกขึ้นฮือ
ฉันอยากจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว
「เห็นได้ชัดว่าหมากกระดานพลิกแล้ว……..ดูท่าจะเล่นงานยัยนี่ไม่ได้ง่ายๆแหะ」
ใช้เวลาไม่เพียงกี่วินาทีในการทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด รอยยิ้มที่สง่างามในตอนนี้ กลายเป็นรอยยิ้มของสัตว์ล่าเนื้อไปเสียแล้ว
ป.ล.เนื่องจากช่วงนี้ได้งานทำแล้ว เข้างาน 8 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็น จึงทำให้ไม่ค่อยได้มาอัพเดทเท่าไหร่ แต่เวลาทำงานคือจันทร์ถึงศุกร์ อย่างน้อยผมจะเจียดเวลามาแปลให้วันละหนึ่งตอน หากวันไหนไม่ได้ลงคือวันนั้นน็อคเพราะงานนั่นแหละครับ
ในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จะมาจัดให้วันละ2-3 ตอน ครับ
แจ้งให้ทราบทั่วกันเด้อ ต้องให้ความสำคัญกับเงินเดือนมากกว่างานอดิเรกน้อ