บทที่ 1001 เทพสงครามแห่งแคว้นทั้งหก (ฉบับจิ้งคง) (2)
……….
“เซวียน เซวียน เซวียน… เซวียนหยวนซีอยู่ที่ใด อยากตายนักก็ออกมา!”
เจ้าเด็กนั่นตะโกนโวยวาย ทว่าไม่รู้ว่ากลัวหรือว่าเพราะเหตุผลใด น้ำเสียงของเขาถึงได้พลันสั่นเครือขึ้นมา ทั้งยังฟังดูเด็กเหลือเกิน
เซวียนหยวนซีคิ้วขมวด ควบม้าออกมา
ผืนทรายกว้างใหญ่ ฝุ่นละอองตลบอบอวล
ม้าสองตัวพุ่งเข้ามาหากัน
คนผู้นั้นเห็นเซวียนหยวนซีในเกราะทอง ก็เหมือนเห็นเทพสงครามกำลังมุ่งเข้ามาหาตัวเอง ไอสังหารแผ่ซ่านนั้นทำเอาเขาหน้าตกใจจนหน้าซีดเผือด
“ข้า ข้า ข้า ข้า ข้า… ข้ามาฆ่า… ฮึก… ข้ามาฆ่าเจ้า… แล้วก็จะกลับบ้าน
ทหารเว่ยตัวน้อยร้องไห้เสียแล้ว!
ทหารแคว้นเว่ยคนอื่นๆ ทนดูไม่ไหว
หมวกเหล็กที่ใหญ่กว่าศีรษะเป็นทุนเดิมที่อยู่บนศีรษะของทหารเว่ยตัวน้อยนั้นพลันหลุดออกมา เผยให้เห็นศีรษะน้อยๆ ผมยาวดำขลับสยายลงมาอย่างนุ่มนวล ยามถูกลมพัดโบก พาดผ่านใบหน้าแสนงดงามดวงนั้น
สีหน้าของเซวียนหยวนฉีพลันตกตะลึง
ไอสังหารจากกายเขาแผ่ซานหายไปในพริบตา เชือกในมือกกระตุกแน่น เท้าเขาเจ้าเสี่ยวสืออีเสียดสีกับพื้นจนแทบลุกเป็นไปเพราะหยุดลงอย่างกะทันหัน
เขาหยุดลงตรงหน้าอีกฝ่ายห่างออกไปเพียงสามก้าว
เขาจำอีกฝ่ายได้ในทันที สุดท้ายก็ลองเอ่ยเรียกออกไป “เสี่ยวเสวี่ยรึ”
“เอ๊ะ” ซ่างกวานเสวี่ยชะงักไป หันไปมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า
มาดของเซวียนหยวนซีนั้นน่ากลัวเหลือเกิน นางเห็นแล้วก็สั่นไปทั้งตัว
เซวียนหยวนซีถอดหน้ากากออก แต่ก็รู้ว่านั่นยังไม่พอ จึงถอดหมวกเหล็กออกด้วย “ข้าเอง”
ซ่างกวานเสวี่ยกระพริบดวงตาเปียกปอน ถามอย่างตกตะลึง “จิ้งคงรึ”
นั่นคือเทพสงครามผู้ยิ้มยาก ทว่ายามนี้กลับเผยยิ้มตราตรึงครั้งแรกกลางทะเลทราย “เสี่ยวเสวี่ย!”
ซ่างกวานเซวี่ยตาเบิงโพลง “จิ้งคง!”
ราวกับเวลาย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน คนคนนั้นได้มาเยือนที่ตำหนักกั๋วซือ เด็กน้อยทั้งสองวิ่งเข้ามาจับท่อนแขนกันและกัน คนหนึ่งพูดเจื้อยแจ้ว คนหนึ่งพูดเสียงใส
“เสี่ยวเสวี่ย!”
“จิ้งคง!”
“เสี่ยวเสวี่ย!”
“จิ้งคง!”
“เสี่ยวเสวี่ย!”
“จิ้งคง!”
“เป็นเจ้าจริงๆ จริง” เซวียนหยวนซีขี่ม้าเข้าไปใกล้เรื่อย เจ้าม้าขาวตัวน้อยที่หวาดกลัวอยู่แล้วก็สั่นยิ่งกว่าเดิม
เขายกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วเรียวเช็ดน้ำตาของนาง “เจ้ายังขี่ม้าไม่เป็นอีกหรือ”
“อื้ม” ซ่างกวานเสวี่ยพยักหน้าอย่างอัดอั้น
“แล้วเจ้ายังมาออกรบอีก” แถมยังจะมาฆ่าข้าอีก
ซ่างกวานเสวี่ยเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ข้าเป็นองค์หญิงแคว้นเว่ย หากข้าไม่มา ข้าจะถวายตัวให้กับเซวียนหยวนซีอะไรนั่น!”
เซวียนหยวนซีมุมปากยกยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “เช่นนี้นี่เอง”
“ข้า…” ม้าของซ่างกวานเสวี่ยกลัว นางเองก็กลัว ทั้งม้าทั้งคนสั่นไปทั่งร่าง
เซวียนหยวนซีหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะส่งมือให้นาง
คนเราเมื่อเติบโต จิตใจก็หยาบกระด้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเซวียนหยวนซีที่ลงศึกฆ่าศัตรูตั้งแต่อายุสิบสอง หัวใจของเขาได้ก่อกำแพงปราการสูงลิบ ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามาได้ง่ายๆ อีกต่อไป
ทว่าพวกเขาทั้งสองนั้นรู้จักในวัยไร้เดียงสา มีความทรงจำวัยเด็กอันงดงามด้วยกัน นายยังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขา ในพื้นที่อันแสนอ่อนโยนประหนึ่งคนในครอบครัว
ซ่างกวานเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งมือของตัวเองให้เขา
นางเองก็เชื่อในจิ้งคงอย่างสนิทใจ
มือน้อยขาวอวบที่เคยจูงในตอนเด็ก บัดนี้ได้กลายเป็นฝ่ายมือเรียวของสาวน้อยแสนอ่อนโยน
เซวียนหยวนซีกุมมือนางเอาไว้ อีกมือหนึ่งออกแรงรวบเอวนางขึ้นมานั่งบนหลังของเสี่ยวสืออี นั่งอยู่ด้านหน้าของตัวเอง
ในตอนนั้นซ่างกวานเสวี่ยถึงได้โล่งใจได้เสียที
องค์หญิงที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด แต่กลับการขี่ม้า
เซวียนหยวนซีจับเชือกด้วยสองมือ โอบนางไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเลี้ยวกลับไป
ทหารทั้งสองแคว้นต่างตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น
เจ้าสองคนมิใช่ว่าจะฆ่ากันรึ
ฆ่ากันไปฆ่ากันมาเหตุใดถึงได้ขี่มาตัวเดียวกันไปนู่นแล้ว
ทหารเฮยเฟิง ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอะไรไป
ทหารแคว้นเว่ย องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไป
ซ่างกวานเสวี่ยยังเวียนศีรษะไม่หาย ในหัวเหมือนอื้ออึงไปหมด ยังตั้งสติไม่ได้
เซวียนหยวนฉีไม่สนใจ
เขาใช้ไหล่กว้างของเขาบังร่างเล็กของนางเอาไว้ สวมหมวกเหล็กของตนให้นาง ปิดบังใบหน้างดงามนั้นไว้
หลังจากนั้นก็ใช้แววตาเยือกเย็นกวาดมองเหล่าทหารเฮยเฟิง ทุกคนต่างกันก้มหน้า
ปิดมิดชิดเสียขนาดนั้น ถึงพวกเขาอยากดูก็มองไม่เห็น
ซ่างกวานเสวี่ยนั้นใสซื่อ ไม่รู้เจตนาของจิ้งคง นางส่ายศีรษะในหมวกเหล็กไปมา “คิกๆ ”
นางเอนหลังพิงอกแกร่งของเซวียนหยวนซี
นางไม่ใช่คนไม่รู้ธรรมเนียม ปกติแล้วนางไม่มีทางเข้าใกล้ชายอื่นนอกจากท่านพ่อ แต่คนนี้คือจิ้งคงนี่นา!
เด็กชายที่จิตใจงามที่สุด กล้าหาญที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด เชื่อใจได้ที่สุดบนโลกนี้
ซ่างกวานเสวี่ยลืมไปแล้วว่าเวลาผ่านไปจนเด็กชายตัวน้อยคนนั้นยามนี้อายุสิบห้าปีแล้ว
เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนแล้ว
ทั้งสองอยู่บนหลังม้า เด็กหนุ่มปกป้องคนในอ้อมกอดอย่างองอาจและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
หากเทียบกับตอนที่นางถูกลักพาตัวตอนเด็กนั้น เขาที่อายุเพียงห้าขวบสามารถใช้เพียงฟันแหลมของตัวเองกัดคนร้ายแล้วถูกลากตัวไปด้วย ทว่ายามนี้เขานั้นพละกำลังมหาศาล
หากอยู่กับเขาแล้ว จะไม่มีผู้ใดทำร้ายนางได้อีก
เสี่ยวสืออีเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ดวงตากลมซ่างกวานเสวี่ยก็เบิกตาขึ้น “เพิ่งนึกขึ้นได้ จิ้งคงเจ้าขี่ม้าเป็นแล้วหรือ เจ้าเก่งยิ่งนัก”
เซวียนหยวนซียิ้มบาง “เรื่องที่ข้าเก่งยังมีอีกมากนัก กลับไปแล้วจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟัง”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มนั้นแสนอบอุ่น เหมือนดั่งสายลมอันนุ่มนวลพัดผ่านทุ่งหญ้า
“อื้ม!” ซ่างกวานเสวี่ยพยักหน้า
“หลายปีมานี้ข้าเขียนจดหมายถึงเจ้าหลายครั้ง” เซวียนหยวนซีเอ่ยเสียงแผ่วเบา
แม้จวนของเยี่ยนซานจวินจะว่างเปล่า แต่ทุกวันเว้นวันจะมีคนมารับจดหมาย เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวเสวี่ยอยู่ที่ไหน จึงทำได้เพียงส่งจดหมายไปที่นั่น
ซ่างกวานเสวี่ยขมวดคิ้ว “มีด้วยหรือ ข้าไม่เคยได้รับเลยสักฉบับ ข้าเองก็เขียนจดหมายถึงเจ้าหลายฉบับเช่นกัน! แต่เจ้าก็ไม่ตอบข้า”
เซวียนหยวนซีหรี่ตาลง ยอดเยี่ยมนัก ถูกฮ่องเต้แคว้นเว่ยริบไว้น่ะก่อนน่ะสิ
ซ่างกวานเสวี่ยนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลูบขนเจ้าม้าพลางเอ่ย “นี่คือเสี่ยวสืออีหรือ”
เซวียนหยวนซีเอ่ย “ใช่ เจ้าจำได้ด้วยหรือ”
ซ่างกวานเสวี่ยพยักหน้า ร้องอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ “ว้าว เสี่ยวสืออีก็สง่างามขนาดนี้แล้วหรือ”
เสี่ยวสืออียืดคอขึ้นอย่างลำพองใจ ก้าวเดินด้วยจังหวะที่ไม่มีม้าตัวใดเลียนแบบได้
นางคิดอะไรได้บางอย่างจึงถามขึ้น “ว่าแต่จิ้งคง เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ เจ้ารู้จักเซวียนหยวนซีหรือไม่”
เซวียนหยวนซีหัวเราะ “รู้จักสิ”
“เขาเก่งมากเลยหรือ” ซ่างกวานเสวี่ยถามต่อ
เซวียนหยวนซีเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เก่งมาก”
ซ่างกวานเสวี่ยตื่นกลัวจนใบหน้าซีดเผือดอีกครั้ง “เช่น เช่นนั้น… เขาจะฆ่าข้ากับท่านพ่อข้าหรือไม่”
“ไม่มีทาง” เซวียนหยวนซีพยายามกดริมฝีปากไม่ให้ยิน “ข้ารับรองได้เลย”
ซ่างกวานเสวี่ยตบหน้าอกน้อยอย่างโล่งใจ “ตอนนี้พวกเราจะไปไหนหรือ”
“เจ้าอยากไปที่ไหนล่ะ” เซวียนหยวนซีถามนาง
ซ่างกวานเสวี่ยเองคอคิด “อืม… ข้าอยากไปหาท่านอาจารย์”
เซวียนหยวนซีเอ่ยราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง “อยากเจอผู้ใหญ่สินะ…”
“หืม” ซ่างกวานเสวี่ยไม่เข้าใจ
ซ่างกวานซีมุมปากยกยิ้ม “ข้าพูดว่าได้สิ”