สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 996 รวมญาติวันส่งท้ายปีเก่า (ฉบับจิ้งคง)

บทที่ 996 รวมญาติวันส่งท้ายปีเก่า (ฉบับจิ้งคง)

บทที่ 996 รวมญาติวันส่งท้ายปีเก่า (ฉบับจิ้งคง)

……….

เซียวเหิงอยู่ในห้องกว่าครึ่งชั่วยามถึงเดินออกมา

เมื่อครู่เขาจงใจหาข้ออ้างให้กู้เจียวออกมา มิใช่ว่ากู้เจียวจะไปดูคนติดกลอนคู่จริงๆ

แน่นอนว่าเขาไปห้องข้างๆ ก็พบกู้เจียวนั่งนิ่งอยู่ในนั้น

ท่าทางดูสงบนิ่งจนทำให้รู้สึกปวดใจ

กู้เจียวได้ยินเสียงเขาเปิดประตู จึงลุกขึ้นยืนและมองเขา น้ำเสียงนิ่งสงบ แต่ดวงตากลับเป็นกังวล “จิ้งคงเป็นอย่างไรบ้าง”

เซียวเหิงเดินเข้าห้อง วางยาทาแผลขวดเปล่าลงบนโต๊ะ

คำตอบจึงชัดเจนอยู่แล้ว

ขวดใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาทั้งครอบครัวทาทั้งปีก็ไม่หมด เห็นได้ชัดว่าบนร่างกายของจิ้งคงมีบาดแผลมากเพียงใด

กู้เจียวซุกหน้าผากไปที่หน้าอกหนาๆ ของเขาอย่างเศร้าหมอง

เขายกมือเรียวยาวดุจหยกขึ้นลูบศีรษะนางอย่างเบามือ

เขามักปลอบนางเช่นนี้เสมอ เมื่อนางรู้สึกแย่

เซียวเหิงเอ่ยเสียงเบา “อย่าเศร้าไปเลย ข้าตรวจดูอย่างละเอียด แผลหายเป็นปกติแล้ว”

ยามนี้เขาอธิบายให้นางฟังอย่างใจเย็นได้แล้ว เมื่อครู่ที่เขาอยู่ในห้อง เกือบกลั้นไม่ไหวอยู่หลายรอบ

โชคดีที่กู้เจียวไม่เห็นท่าทางที่ทุลักทุเลของเขา มิเช่นนั้นคงไม่มีหน้าเจอใครได้แล้ว

นางกระซิบ “เมื่อก่อนเขาเคยเป็นสิว ข้าไม่ให้เขาทิ้งรอยแม้แต่สิวเม็ดเล็กๆ จึงจับมือเล็กๆ ของเขาไว้ เขาแอบวิ่งออกไปเกาให้หายคัน กลับถูกกู้ฉังชิงจับได้คาหนังคาเขา”

ยามนี้เขามีรอยแผลจำนวนมากบนร่างกาย หัวใจของนางจะเจ็บปวดเพียงใด

“อีกอย่าง เขาถึงขนาดทุบผลเปลือกแข็งโดนมือจนเจ็บยังมาบอกข้าเลย”

เซียวเหิงไม่รู้ว่าจะปลอบนางเช่นไร

เด็กผู้ชายก็เป็นแบบนี้ ครั้นยังเด็กก็จะติดแม่ แต่เมื่อโตขึ้น คำพูดและการกระทำบางอย่างจะมีพ่อเท่านั้นที่รู้

อาจเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเติบโต

เป็นลูกที่คอยปกป้องแม่

อาหารมื้อเย็นจัดวางอยู่ทางฝั่งของซ่างกวานเยี่ยน

เพราะเซียวฉงเพิ่งอาเจียนเสร็จ ร่างกายจึงยังไม่หายดี ต้องมีคนอุ้ม ในขณะที่เซียวเหิงอุ้มเซียวเยียนและเสี่ยวเซียวเซวียนไว้นานแล้ว กู้เจียวจึงไปอุ้มเซียวฉง

ทว่าเซวียนหยวนซีจะปล่อยทำให้เจียวเจียวเหนื่อยได้อย่างไร

ทำหน้าที่อุ้มลูก เขาต้องเป็นคนทำ!

เซวียนหยวนซีรับเซียวฉงงมาอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง

เซียวฉงชักสีหน้านั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ท่านน้า เป็นผู้เป็นคนหน่อยเถิด!

คืนนี้เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำของวันส่งท้ายปีเก่า กั๋วกงอันได้รับเชิญให้เข้าวัง และเฟิงอู๋ซิวก็มาด้วย

เฟิงอู๋ซิวดูสับสนมาก เหตุใดวังหลวงจึงเรียกให้เขาหรือพวกเขาสองพี่น้องมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าของทุกปีด้วย

ทว่าอาหารของห้องเครื่องต้นรสชาติโอชะนัก เขาเองก็ยินดีที่จะมา

เซวียนหยวนฉี เหลี่ยวเฉินและนักบวชชิงเฟิงล้วนประจำการอยู่ชายแดนและกลับเมืองหลวงไม่ได้

ระหว่างอาหารมื้อค่ำ ในที่สุดเซวียนหยวนซีก็รู้เรื่องที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พูดตามตรง เขาไม่ได้สนใจตำแหน่งขุนนางเลย ทว่าสามารถโอ้อวดต่อหน้าพี่เขยตัวดี คงมีความสุขมากแน่!

เขาหยิบตะเกียบคีบผักใบเขียวขึ้นมา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง “บางคนสิบเก้าถึงได้เป็นจอหงวน บางคนอายุสิบสามก็ได้เป็นท่านโหวแล้ว!”

บนโต๊ะนอกจากเซียวเยียนและเสี่ยวเซียวเซวียน ทุกคนล้วนกระตุกมุมปาก วิธีที่คุ้นเคย เณรน้อยตัวแสบคนเดิมกลับมาแล้ว

ทว่าตกลงนี่มันเป็นการโอ้อวดแบบใดกัน

อายุสิบเก้าถึงได้เป็นจงหงวน เจ้าจะให้จงหงวนคนอื่นๆ มีชีวิตอยู่อย่างไร

ที่สุดของทั้งบู๊และบุ๋น ถือว่าถูกพวกเจ้าทั้งสองสอยมาแล้ว

เซวียนหยวนซีเชิดคางเปล่งเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่สน อย่างไรเสีย ข้าเก่งกว่าพี่เขยตัวดีแล้วกัน!”

เซียวเหิงคีบปลาชิ้นหนึ่งที่แกะก้างออกให้กับเขา “กินซะ”

เซวียนหยวนซีไม่ค่อยเหม็นเนื้อสัตว์แล้วตั้งแต่อายุสิบขวบ ช่วงแรกเขาดื่มน้ำแกงได้เพียงเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ กินปลาและกุ้ง ยามนี้พอกินเนื้อสัตว์ไม่ติดมันได้นิดหน่อย

แต่กินมากไม่ได้

เซวียนหยวนซีเปล่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจและกินอย่างมีความสุข

ในเวลานี้เขาเป็นเด็กน้อยไร้กังวลอีกครั้ง

วันส่งท้ายปีเก่าเป็นวันเกิดของเซียวเหิงและเซวียนหยวนซีต้มบะหมี่อายุยาวให้ทั้งสอง เซวียนหยวนซีกินหมดในรวดเดียว

เขาอยู่บ้านไม่เคยอด แต่ต้องทนหิวเป็นสามวันสามคืนในสนามรบ ทำให้ทุกอย่างที่เขากิน รสชาติจึงอร่อยเป็นพิเศษ

ผู้ใหญ่บนโต๊ะเห็นเช่นนี้ ก็อดมองเขาด้วยความสงสารไม่ได้

กั๋วกงอันยิ้มและเอ่ยคลายความตึงเครียด “ข้าเกือบลืมของขวัญไปเลย”

เซวียนหยวนซีดึงศีรษะออกจากถ้วยบะหมี่ “มีของขวัญด้วยหรือ ให้ข้าใช่หรือไม่”

กั๋วกงอันยิ้ม “มีทั้งของเจ้าและของอาเหิง”

ของขวัญส่วนใหญ่ที่มอบให้เซียวเหิงคือตำรา โบราณวัตถุ ตัวอักษรและภาพวาด ส่วนของขวัญที่มอบให้กับเซวียนหยวนซีกลับมีหลากประเภทมากกว่า

กู้เจียวมอบแส้เก้าท่อนที่ทำขึ้นใหม่ให้กับเขา และให้กู้เสี่ยวซุ่นออกแบบอาวุธลับไว้ในแส้ด้วย โดยสามารถโจมตี ป้องกัน และลอบโจมตีได้

เซวียนหยวนซีลองออกไปลองสะบัดสองที น้ำหนักและความยาวกำลังพอดี และความว่องไวก็สมบูรณ์แบบ เขาชื่นชอบมาก

เขาคาดแส้ไว้ที่เอว แล้วกลับไปนั่งกับที่ และเอ่ยถามเซียวเหิง “พี่เขย พี่มีอะไรให้ข้าหรือไม่”

เซียวเหิงตอบเสียงเบา “ไม่มี ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมา”

ทันทีที่เอ่ยจบ นอกตำหนักก็มีเสียงฟิ้วพุ่งผ่านอากาศอย่างกะทันหัน จากนั้น พลุสีทองก็ระเบิดขึ้นในท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด

เซวียนหยวนซีเบิกตากว้าง แล้วแวบออกไป!

เซียวเยียนร้อนใจ “ข้าก็อยากดู! ข้าก็อยากดู! ข้าก็อยากดู!”

ประตูและหน้าต่างเปิดกว้าง ทำเลที่ตั้งของโต๊ะอาหารค่ำดีเยี่ยมมาก และมีการคำนวนมุมของพลุอย่างรอบคอบ นั่งลงก็ชมพลุเฉลิมฉลองได้

แต่พวกเขาทนพลุอันตระการตามิได้ จึงไปที่สวนดอกไม้ขนาดย่อมนอกตำหนัก

พลุสีทองส่องประกายระยิบระยับครั้งแล้วครั้งเล่า และท้องฟ้ายามค่ำคืนก็สว่างไสวไปทั่ว ทั้งวังหลวงเป็นสักขีพยานในงานแสดงพลุอันยิ่งใหญ่นี้

ปัง! ปัง! ปัง!

เซียวเยียนตื่นเต้นมากจนกรีดร้องออกมา “สวยมาก! สวยมาก!”

เซียวฉงชายงามผู้เงียบขรึมก็รู้สึกว่าพลุของค่ำคืนนี้สวยมาก

เสี่ยวเซียวเซวียนที่อายุเพียงสองขวบตกใจกลัวกับเสียงระเบิดมากจนมุดเข้าอ้อมอกของซ่างกวานเยี่ยน

พลุมีทั้งหมดสิบสามรอบ

เซวียนหยวนซีแหงนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีสันโดยไม่อยากกะพริบตาเลย

กู้เจียวไม่รู้ว่ามาหาเขาตั้งแต่เมื่อใด ก็แหงนมองพลุเหนือศีรษะและเอ่ยเสียงเบา “พี่เขยเจ้าทำให้เจ้าโดยเฉพาะ”

“ห๊ะ” เขาตกตะลึง

กู้เจียวเอ่ย “ปีที่แล้วเจ้ากลับมาจากแคว้นเหลียง มิได้บอกว่าพลุของแคว้นเหลียงสวยหรือ พี่เขยเจ้าจึงทำให้เจ้า วางแผนจะจุดวันเกิดอายุสิบสองปีของเจ้า แต่เจ้าไปเข้าร่วมกองทัพแล้ว”

เซียวเหิงถึงแม้ว่าปากจะไม่พูด แต่จดจำขึ้นใจว่าจิ้งคงอายุมากขึ้นหนึ่งปี พลุของเขาก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย

เพื่อรอคอยจิ้งคงกลับมาอย่างปลอดภัย

กู้เจียวโค้งริมฝีปากมองเขา “พี่เขยเจ้ารักเจ้ามากนะ”

เช่นเดียวกับที่รักบุตรชายคนโต ทั้งเข้มงวดและจุกจิก ทว่าหากเจ้าต้องการดวงดาว ข้าก็ยกทั้งกาแล็กซี่มามอบให้โดยไม่ลังเล

หลังจากชมพลุแล้ว ซ่างกวานชิ่งอุ้มสุราหอมหมื่นลี้ที่กลั่นโดยช่างกลั่นสุราของราชสำนัก

เซวียนหยวนซีดื่มสุราครั้งแรกในชีวิต

ใช่ ถูกซ่างกวานชิ่งมอม

เขาสืบทอดปริมาณการดื่มของกู้เจียวมาอย่างสมบูรณ์แบบ และเมาหลังจากดื่มเพียงจอกเดียว!

จากนั้นเขาก็สืบทอดนิสัยการดื่มสุราของกู้เจียวอย่างสมบูรณ์แบบ

มองเห็นเพียงเขากอดกาสุราด้วยมือข้างเดียว เดินโซเซอยู่บนพื้นหญ้าในสวนดอกไม้ขนาดย่อม สูดหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มร้องเพลง

“…คำพูดซ้ำซากก็ช่างเถิด…กระดูกขาวและขี้เถ้าก็เป็นของเรา…ในยุคที่วุ่นวาย…ก็ยังอดทนต่อเปลวเพลิงที่แผดเผาภูเขาและแม่น้ำ…แม้จะอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย ก็ยังไม่ลืมความทุกข์ของแคว้น…แม้ว่าจะไม่มีใครรู้จักเรา…”

เขายกมือขวาขึ้น หมุนวนรอบ ร้องเสียงงิ้ว “ใต้เวทีคนเดินผ่านไป…ไม่เห็นสีสันเดิมๆ…บนเวทีคน…ร้องเพลงอกหักลาจาก…ตัวอักษรความรักยากจะจารึก…นางต้องร้องด้วยเลือดจึงจะลงตัว…ฉากขึ้น…ฉากลง…สุดท้ายก็เป็นเพียงแขกรับเชิญ…”

เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูง หน้าตาหล่อเหลาราวกับหยก เขารู้สึกมึนเล็กน้อยและสับสนหลังจากเมาสุรา แก้มแดงก่ำเล็กน้อย เสียงร้องดังก้อง ดูหล่อเหลาเกินบรรยาย

เด็กหนุ่มผู้นี้มีเสน่ห์ชวนหลงใหลมาก

หัวใจของเหล่านางกำนัลเต้นรัว และใบหน้าแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว

ซ่างกวานชิ่งก็เมาเช่นกัน ฟังไปด้วย ตบตักตามจังหวะไปด้วย

หลังจากเพลงจบ เขายกกาสุรา และตะโกนเสียงดัง “เยี่ยม!”

กู้เจียวนั่งข้างเซียวเหิง เท้าคางมองเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาราวกับเทพบุตรแล้วยิ้มออกมา “หล่อมาก”

เซียวเหิง “…”

ภรรยา มองข้านะ

“ข้า…เดินเองได้!” เขาโบกมือปฏิเสธ

เซียวเหิงมองเขาทั้งโกรธและรู้สึกน่าขัน “ลองเดินสองก้าวให้ข้าดูหน่อย”

เซวียนหยวนซี “…”

เซียวเหิงแบกเขาขึ้นหลัง

เซวียนหยวนซีนอนคว่ำบนบ่าเขา และบีบไหล่บ่นพึมพำ “พี่เขยตัวดี…ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า…ท่านตัวเล็กลง…”

“เพราะเจ้าโตแล้ว!”

เขาจะเล็กลงได้อย่างไร

เด็กอายุแปดขวบและเด็กอายุสิบสามนอนคว่ำบนบ่าเดียวกัน ย่อมมีความรู้สึกที่แตกต่างกันเป็นธรรมดา

แม้เซวียนหยวนซีจะเมา ก็ถามอย่างกังวล “ทะ ท่านแบกข้าไหวหรือไม่”

เซียวเหิงแบกเขาไปที่ห้องบรรทม “ข้าอายุแค่ยี่สิบเจ็ด ยังวัยรุ่นมาก จะแบกเด็กน้อยอายุสิบสามอย่างเจ้าไม่ไหวได้อย่างไร”

“อ้อ” เซวียนหยวนซีซุกแก้มไว้บนไหล่ของเขา แล้วเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “ถ้าอย่างนั้น ท่านต้องสัญญากับข้าว่า…ท่านห้ามแก่…ทั้งพี่และเจียวเจียว…ห้ามแก่เด็ดขาด…”

เซียวเหิงยิ้ม “ได้ ไม่แก่”

เซวียนหยวนซีกอดคอเซียวเหิงและพึมพำอย่างมึนเมาว่า “ถึงแก่ก็ไม่เป็นไร…”

ท่านเลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ ข้าดูแลท่านยามแก่เฒ่า

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset