ทะลุมิติทั้งครอบครัว 337 แอบอยากเจอเจ้า

ตอนที่ 337 แอบอยากเจอเจ้า

เกิ่งเหลียงกับซุ่นจื่อถือไข่ไก่กันคนละถาด

หลังจากที่วางไข่ไก่ลงแล้ว

ซุ่นจื่อก็ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปในเครื่องตีไข่พลางลองถามหยั่งเชิง “คุณชาย ของเหลวที่เครื่องตีไข่นี่ตีเสร็จ คุณชายคงไม่ได้จะให้ข้ากับรองผู้บัญชาการเกิ่งดื่มใช่หรือไม่ขอรับ”

ลู่พั่นรอซุ่นจื่อตอกไข่เสร็จก็หมุนที่จับ

แค่ไม่กี่ทีก็เกิดฟอง

เขาเพิ่มความเร็ว หมุนแรงมากขึ้น

ผุดรอยยิ้ม สำเร็จแล้ว

อารมณ์ดี “ไม่หรอก พวกเจ้ามาดู”

ลู่พั่นชี้เครื่องตีไข่พลางเริ่มบรรยาย

อธิบายชิ้นส่วนพวกนี้ว่าประกอบกันเข้าไปได้อย่างไร

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ขยับเล็กน้อยก็แยกส่วนได้

อีกทั้งเขาเอาน้ำมันทาเคลือบแล้ว ไม่มีทางเกิดสนิม

ซึ่งก็หมายความว่า

“ต่อให้กังวลว่าจะเกิดสนิม หลังใช้เสร็จ ใช้เจ้าสิ่งนี้ที่ข้าทำขึ้นมาต่างหาก ขันตรงนี้ ก็จะแยกส่วนออกมาได้หมด…

…หลังแยกส่วน ก็จะสะดวกในการนำไปล้าง…

…พวกเจ้าดูนะ ใช่ไหมล่ะ เยี่ยมไหม”

พอเกิ่งเหลียงฟังจบ “…”

โปรดอภัยที่เขาไม่เข้าใจว่าขันตรงไหนกันแน่

“ยอดเยี่ยมจริงๆ อืม สุดยอด”

ซุ่นจื่อยกนิ้วโป้งให้ “มันก็ต้องสุดยอดอยู่แล้ว คุณชายเป็นใคร คุณชายอัจฉริยะ”

ในใจกลับคิดว่า ไอ๊หยาคุณชายของข้า ทำเสร็จสักที

ตกเย็นของทุกวันมารื้อทำ ทำแล้วก็รื้อ หมกมุ่นอยู่แต่กับเจ้าสองสิ่งนี้

เช้าวันนี้ยังเล่น ทำเอายายที่อยู่ในห้องครัวตกใจอยู่ไม่น้อย

คุณชายเข้าไปทำลับๆ ล่อๆ ในห้องครัว เอาหนังหมูชิ้นใหญ่ออกไปหลายชิ้น

จากนั้นก็นั่งอยู่ในหอซงเทา เช้าตรู่ไม่ฝึกวิทยายุทธ์ ไม่กินข้าว ดัดแปลงใช้หนังหมูถูชิ้นส่วนพวกนี้ ต้องเอามาถูทีละอันเชียวนะ

ตอนนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาคิดว่าคุณชายแรงเยอะมาก ถูจนจะเกิดประกายไฟแล้ว

ตอนนั้นเขารีบไล่คนที่ปรนนิบัติอยู่ในหอซงเทาออกให้หมด

เพราะหากคนอื่นปากมาก เกิดพูดออกไปเดี๋ยวจะกลายเป็นอีกอย่าง

“คุณชาย ในเมื่อทำเสร็จแล้ว ไม่สู้วันนี้ให้ข้าสั่งคนให้เอาไปส่งให้ ดีหรือไม่ขอรับ”

“ไสหัวออกไป”

ซุ่นจื่องงไปหมด หันตัวเดินออก ปิดประตูสนิท ถามเกิ่งเหลียง “ทำไมรึ รองผู้บัญชาการเกิ่ง เมื่อครู่ที่อยู่ข้างในมีประโยคไหนที่ข้าพูดไม่ถูกรึ ทำไมคุณชายบทจะเปลี่ยนอารมณ์ก็เปลี่ยนง่ายๆ”

เกิ่งเหลียงครุ่นคิดอย่างจริงจัง คิดว่ามีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียว “อย่างไรเสียท่านแม่ทัพก็เป็นคนทำด้วยตัวเอง ทุ่มเทไปไม่น้อย จะให้คนอื่นนำไปให้ได้อย่างไร น่าจะไม่อยากให้หรือเปล่า จริงสิ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะส่งคนเอาไปให้ เอาไปให้ใครรึ”

“ลูกสาวของซ่งฝูเซิงไง”

หืม?

เกิ่งเหลียงคาดไม่ถึง

หลังจากหายตกใจ เขาคิดว่าที่ท่านแม่ทัพด่าซุ่นจื่อให้ไสหัวออกไปก็ถูกต้องแล้ว

“ซุ่นจื่อ มิน่าเจ้าถึงถูกด่า…

…ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้ แต่ถ้าให้ ก็เท่ากับเป็นการให้ของขวัญสตรี…

…บุรุษมอบให้สตรี ทำไมเจ้าพูดจาถึงไม่ผ่านสมองเสียก่อน”

ซุ่นจื่อทำเสียงจึ๊

“ข้าพูดไม่ผ่านสมองรึ เดิมทีก็จะมอบให้นางอยู่แล้ว สตรีอะไรกัน แค่ชาวบ้าน ต้องถือสาอะไรขนาดนั้นที่ไหน นั่นก็แค่เด็กผู้หญิงที่รูปร่างผอมแห้ง ท่านไม่เคยเจอนางรึ”

เกิ่งเหลียงส่ายหน้า “ไม่ได้เจอ” แค่เคยได้ยิน

“แต่พวกเขาสองคนเคยเจอกัน…

…อีกทั้งยังได้พูดคุยกันจริงจังอยู่สักพักด้วย แต่นั่นจะอธิบายอะไรได้…

…รองผู้บัญชาการเกิ่ง อย่าหาว่าข้าตำหนิท่านเลยนะ ท่านน่ะคิดมากเกินไปแล้ว…

…ให้เศษเหล็กแค่สองชิ้น จะถือเป็นของแทนใจได้เชียวรึ ท่านเคยเห็นใครบ้างที่ให้เครื่องคั้นน้ำกับเครื่องตีไข่เป็นของแทนใจ…

…มิน่า ท่านถึงยังไม่มีครอบครัว…

…ก็เพราะว่าพวกท่านเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ ถึงทำคุณชายบ้านข้าเสียเวลา…

…ความคิดทึ่มๆ วันๆ มีแต่พวกท่านห้อมล้อม คุณชายจะมีอะไรดีๆ ได้ ไม่มีกึ๋นเอาเสียเลย”

“เอ๊ะเจ้านี่ หยุดนะ เมื่อครู่ใครดื่มน้ำสาลี่แทนเจ้าล่ะ มันไม่อร่อยเลยสักนิด”

ภายในห้อง

ลู่พั่นรู้สึกว่าอยู่กับเจ้าทึ่มสองคนนั่น ไม่มีหัวข้อสนทนาร่วมกันแม้แต่น้อย

ไม่มีเลยสักนิด

อย่าคิดว่าเขามองไม่ออก สองคนนั้นแทบไม่ได้ตั้งใจฟังเขาพูดเรื่องชิ้นส่วน

หลังจากลู่พั่นใช้อุปกรณ์ประเภทไขควงขันชิ้นส่วนพวกนั้นออกมาจนหมดแล้ว ก็ลงมือล้างด้วยตัวเอง ขัด เช็ด จากนั้นก็ประกอบเครื่องคั้นน้ำกับเครื่องตีไข่เข้าไปใหม่ ขันน็อตให้แน่น คลุมด้วยผ้าสักหลาด

เสร็จจากตรงนี้

เขานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง สีหน้าเหม่อลอยแบบที่เห็นได้ยาก

ไม่รู้เพราะเหตุใด ในสมองมีภาพพี่สาวของหมี่โซ่วปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง

หากคุยกับนาง แค่พูดก็น่าจะเข้าใจหรือเปล่า คุยรู้เรื่องมากกว่าเจ้าทึ่มสองคนนั้นมาก

หากสาวน้อยคนนั้นลงมือแยกส่วนมันด้วยตัวเอง ก็น่าจะคิดว่าฝีมือของเขาใช้ได้หรือเปล่า ดวงตาที่มองเขาก็จะโค้งมนด้วยหรือไม่

สายตาของลู่พั่นมองไปยังต้นไม้ที่อยู่ตรงขอบหน้าต่าง

เอาไปให้หรือ

ช่วงนี้เขายุ่งมาก

ที่ค่ายทหารมีงานมากมาย

ไปไม่ได้

ไม่อย่างนั้น ครั้งนี้ที่ล่าสัตว์เขาคงไปด้วยแล้ว นานแล้วที่ไม่ได้ไปสนุกในป่า

จะไม่เอาไปให้หรือ

แต่เหมือนนางจะเคยพูดกับเขาไม่ใช่หรือว่าต้องรีบใช้

ให้คนเอาไปให้รึ

ความรู้สึกแรกตามสัญชาตญาณของลู่พั่นคือไม่ชอบให้คนเอาไปให้แทน

ดังนั้น พอได้ยินซุ่นจื่อเสนอความคิด เขาถึงได้พูดทันทีว่าให้ไสหัวออกไป

อีกทั้งก็ไม่ได้หาคำตอบว่าทำไมตัวเองถึงไม่ชอบให้คนอื่นเอาไปส่งแทน

ลู่พั่นยังเกาศีรษะ ซึ่งเป็นท่าทางที่น้อยนักจะเห็นเขาทำ

นางจะมาหาสักครั้งได้หรือไม่

เขาไปไม่ได้ แต่ถ้านางมาได้คงดีมาก

ตอนเย็น หลังจากลู่พั่นเลิกงาน ระหว่างทางกลับจวน ทันใดนั้นได้หันหัวม้าไปอีกทาง

ซุ่นจื่อก็รีบหันหัวม้าตามไปติดๆ

“คะ คุณชาย มาทำไมหรือเจ้าคะ”

เป่าจูถือตะเกียง ถลึงตามองด้วยความตกใจ พูดจบถึงคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป รีบคุกเข่าลงก้มหน้า

ด่าตัวเองอยู่ในใจ

บ้าไปแล้วรึ กล้าถามว่าคุณชายมาทำไมเลยเหรอ

ต้องโทษพวกท่านย่าหม่าที่ดีเกินไป เพิ่งออกจากจวนได้ไม่กี่วัน นางก็พูดจาแบบสบายๆ ได้แล้ว

“ลุกขึ้นเถอะ”

ลู่พั่นทำราวกับมองไม่เห็น เดินเข้าไปในร้านขนมแห่งความสุขของท่านย่าหม่า

นี่เป็นครั้งแรกที่เขามา

แต่เวลานี้ร้านปิดแล้ว

ต้าเต๋อจื่อส่งสายตาให้น้องสาว บอกให้รีบไปชงน้ำชา

ส่วนเขาก็รีบจุดโคมไฟในร้านที่ดับไปแล้วให้ติดอีกครั้ง

ลู่พั่นเหลือบมองตู้โชว์ ประตูตู้ใช้ผ้าโปร่งเนื้อบางทำ จากนั้นเขาก็ก้มตัวลงไปเปิดประตูใต้ตู้ “ตรงนี้เอาไว้ใส่ถาดน้ำแข็งรึ”

ต้าเต๋อจื่อพยักหน้า “เรียนคุณชาย ใช่ขอรับ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่จำเป็น แต่เมื่อถึงหน้าร้อน ขนมที่ทำจากนมจะละลายได้ จึงเว้นไว้สำหรับใส่ถาดน้ำแข็งขอรับ”

“ความคิดใคร”

“ดูเหมือนจะเป็นความคิดของหลานสาวท่านย่าที่เป็นเจ้าของร้านนะขอรับ”

ซุ่นจื่อเหลือบมองสีหน้าของลู่พั่น ถามต้าเต๋อจื่อ “หลานสาวคนนั้นชื่อฝูหลิงหรือเปล่า แม่นางฝูหลิงรึ”

ถูกต้อง ซุ่นจื่อจำชื่อของซ่งฝูหลิงได้ ก็ขนมฝูหลิงไงล่ะ

ต้าเต๋อจื่อจุดโคมไฟไม่หยุดพลางตอบ “น่าจะใช่ขอรับ”

โคมไฟที่อยู่เหนือเค้าน์เตอร์ค่อยๆ สว่างขึ้นจนครบทุกดวง

ลู่พั่นเดินวนรอบเค้าน์เตอร์ เหนือความคาดหมาย รูปทรงโต๊ะของที่นี่ไม่เหมือนร้านอื่น

โดยเฉพาะตอนที่เดินวน เขาถูกกระดาษที่ติดเต็มด้านในเคาน์เตอร์ดึงดูดสายตา

สังเกตข้อความบนนั้น

มีราคาของการจับคู่ขนมแต่ละอย่าง

ทั้งยังมีการเขียนกำกับเป็นพิเศษว่า

ถ้าลูกค้ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากมาซื้อ ให้คิดราคาเท่าไร

ถ้าความสัมพันธ์ดีนิดหน่อย ต้องคิดเงินเท่าไร

ราคาขนมแต่ละชนิด รวมถึงราคาลดให้ลูกค้าที่สนิทกัน ต่างเขียนไว้อย่างชัดเจน

เป่าจูยกน้ำชาออกมาก็เห็นลู่พั่นกำลังมองกระดาษพวกนั้นอยู่พอดี จึงอธิบายให้ฟัง “คุณชายเจ้าคะ ท่านย่าเจ้าของร้านอ่านหนังสือไม่ออก แต่นางดูกระดาษพวกนี้ นับตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่เคยคิดเงินผิดเลยเจ้าค่ะ”

ซุ่นจื่อพูดขึ้น “แสดงให้เห็นว่าตั้งใจทำข้อความพวกนี้มากจริงๆ”

เป่าจูยิ้ม “เจ้าค่ะ ตั้งใจมาก หลานสาวของท่านย่าเป็นคนเขียน”

ซุ่นจื่อคิดในใจ

เจ้าไม่ต้องบอกหรอก ข้าเคยเห็นตัวหนังสือพวกนี้

เป็นอักษรที่ดูออกง่ายจะตาย อัปลักษณ์สุดๆ

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

ทะลุมิติทั้งครอบครัว

Score 10
Status: Completed

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลับพบว่าตนเองอยู่ในยุคสมัยที่ไม่เคยคุ้น

สิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง กระทั่งอายุของร่างที่อาศัยอยู่ยังอ่อนเยาว์กว่าตัวจริงหลายปี

ยังไม่ทันได้เตรียมใจไฟสงครามก็ลุกโหม สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงยุคโบราณที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์โลกก็คือ…การลี้ภัย!

แต่ไม่เป็นไร ไม่ว่ามีปัญหาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะคนอื่นทะลุมิติมาแค่คนเดียว แต่เราทะลุมากันทั้งครอบครัว!

Options

not work with dark mode
Reset