สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 989 ซิ่นหยาง VS เซียวจี่

บทที่ 989 ซิ่นหยาง VS เซียวจี่

บทที่ 989 ซิ่นหยาง VS เซียวจี่

……….

ข่าวที่เซียวจี่และฉินเฟิงหวั่นต่างพาคู่ครองคนใหม่มาเปิดตัวในเมืองหลวงได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ไม่มีใครเชื่อเลยว่าคนที่พวกเขาเห็นแท้จริงก็คือพวกเขาเอง!

เอ่ยง่ายๆ ก็คือ ไม่มีใครในเมืองหลวงเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองรักกันอย่างแท้จริง

“พวกราชวงศ์ก็แค่ต้องการกอบกู้หน้า ที่ผ่านมาพวกเขาแค่เล่นละครให้เพื่อพวกเราคนธรรมดาสามัญดู ทั้งๆ ที่จริงพวกเขาไม่ได้รักกันเลย!”

นี่คือประโยคที่ขันทีแอบไปได้ยินจากราษฎรตอนที่เขาออกไปซื้อของ

ฉินเฟิงหวั่นถึงกับหน้าเสีย

เซียวจี่เองก็ไม่ต่างกัน เขาจะไม่ยอมง่ายๆ เพียงเท่านี้ “ขนาดพวกเรามีบุตรด้วยกันก็แล้ว พวกเขายังเอาเราไปเอ่ยแบบนั้นอยู่อีกรึ”

ขันทีน้อยตอบไปตามความจริง “ว่ากันว่าองค์หญิงวางยาท่าน ใช้…หลอกใช้ท่านแล้วก็ทิ้งไป”

เซียวจี่ “…”

ฉินเฟิงหวั่น “…”

เซียวเหิงที่เพิ่งเสร็จงาน พอได้ยินข่าวลือของบุพการีตัวเองก็อดคิดไม่ได้ว่าสมกับเป็นพวกเขาจริงๆ !

เขาหมดคำจะเอ่ยแล้ว

พอกลับมาถึงจวน ก็ทราบข่าวจากบ่าวว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ที่วัง

ว่าแต่ พวกบ่าวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรนั้น ต้องย้อนกลับไปที่เรื่องของหลงอี

สิ่งแรกที่หลงอีทำเมื่อเขากลับมา คือการมาเยี่ยมเด็กแฝด แล้วก็เล่าเรื่องให้อวี้หยาเอ๋อร์ฟังไปโดยปริยาย

ที่เซียวเจินไม่ได้กลับมากับพวกเขา เพราะเซียวหมิงเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เขาขอให้ลูกสาวกลับไปพร้อมกับน้องชายเซียวเอินและเซียวเจ๋อในช่วงปลายปี เพื่อไม่ให้ลูกสาวของเขาอยู่ใกล้กับหลงอี!

กู้เจียวเตรียมของเสร็จแล้ว และกำลังรอเซียวเหิง

เซียวเหิงเดินเข้ามาจุ๊บภรรยาหนึ่งที จากนั้นเดินเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อ เสร็จก็ออกมาขึ้นรถม้าแล้วเดินทางไปพระราชวังด้วยกัน

เมื่อเซียวเหิงเห็นว่าอวี้หยาเอ๋อร์ไม่ได้อุ้มลูกๆ ออกมา จึงถาม “เยียนเอ๋อร์กับฉงเอ๋อร์ล่ะ…”

กู้เจียวตอบ “หลงอีพาพวกเขาไปแล้วน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวคงไปเจอกันที่วังนั่นแหละ”

ส่วนว่าเขาสามารถผ่านประตูได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับหลงอี หากเขาต้องการบินข้ามชายคาและเดินข้ามกำแพง ทหารรักษาการณ์ในวังคงรั้งเขาไม่ได้อยู่ดี

เซียวเหิงถอนหายใจ “ในที่สุดท่านพ่อท่านแม่ก็กลับมาเสียที”

ในที่สุด เขาก็ได้มีเวลาอยู่กับกู้เจียวตามลำพังเสียที

“ท่านพี่! พี่สะใภ้!”

ศีรษะเล็กๆ ที่มัดผมเป็นก้อนดอกไม้เล็กๆ โผล่เข้ามาในม่านรถ มองดูทั้งสองคนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

เซียวเหิงอารมณ์ดี เพราะเด็กน้อยคนนี้จะได้เจอพ่อแม่ของนางแล้ว รวมถึงเจ้าแฝดด้วย

ทั้งสามคนเดินทางมาถึงที่วัง

เซียวจี่และฉินเฟิงหวั่นยังคงอารมณ์ไม่ดีเพราะข่าวลือ พวกเขานั่งอยู่ในศาลา แม้กระทั่งดอกไม้ในสวนก็ยังไม่กล้าเบ่งบาน

เซียวเหิงจูงมือเซียวอีอี มองศาลาตรงหน้าพลางเอ่ย “เห็นท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าไหม ไปทักทายพวกเขาสิ”

“ท่านพี่ฉังจิ่ง!” แววตาของเสี่ยวอีอีเปล่งประกายทันที

จากนั้นก็วิ่งตรงไปทางฉังจิ่งด้วยความดีใจ

ส่วนพวกเขายังคงนั่งถอนหายใจอยู่ในศาลา

เซียวเหิงและกู้เจียวเดินไปหาพวกเขา พลางเอ่ยทักทาย

เซียวจี่หันหน้ามาทางลูกชายตัวเอง สลับกับมองมาที่ลูกสะใภ้ แล้วถามขึ้น “พวกเจ้าคงได้ยินข่าวลือกันแล้วสินะ”

“ข่าวลืออะไรรึ” กู้เจียวถาม

เป็นเรื่องยากที่จะเอ่ยเรื่องแบบนั้นต่อหน้าเด็กๆ แม้แต่เซียวจี่ยังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจทำหน้าเคร่งขรึม พลางเอ่ยเบาๆ “ก็ข่าวลือที่ข้าพาผู้หญิงกลับมาจากชายแดน ส่วนแม่ของเจ้า…ก็มีคนใหม่”

เซียวเหิงถามย้อน “เอ่อ…เป็นข่าวลือรึ”

เซียวจี่ “..”

“ท่านโหว! องค์หญิง! กลับกันมาแล้วหรือนี่!”

ผู้ดูแลหลิวรีบเดินเข้ามาพร้อมกับหิ้วอาหารเสริมมากมาย ซึ่งเป็นของที่เซียวเหิงเตรียมไว้สำหรับจวงไทเฮา

“เจ้า มานี่” เซียวจี่โบกมือเรียกเขา

“ขอรับ ท่านโหว” ผู้ดูแลหลิวคือคนที่ภักดีกับเซียวจี่และเป็นคนที่เซียวจี่ไว้ใจ

เซียวจี่มองไปที่ฉินเฟิงหวั่น จากนั้นจับมือของนางจนแน่น และเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “องค์หญิงกับข้ากลับมาคืนดีกันแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะเป็นคู่รักที่ไม่มีวันพรากจากกันอีก”

ใบหน้าของฉินเฟิงหวั่นร้อนผ่าวทันที

ทั้งศาลาเงียบไปชั่วขณะ

“อะไร เจ้าไม่เชื่อรึ” เซียวจี่ถาม

“เชื่อๆๆ เชื่อสิขอรับ!” ผู้ดูแลหลิวรีบตอบพร้อมทำหน้าปลาบปลื้ม “ขอแสดงความยินดีกับท่านโหว! ขอแสดงความยินดีกับองค์หญิง! ข้าน้อยบอกท่านแล้วว่าทั้งสองท่านเป็นคู่แท้กิ่งทองใบหยก!”

“ค่อยน่าฟังหน่อย” เซียวจี่พอใจอย่างมาก

ทว่า วินาทีถัดมา ผู้ดูแลหลิวก็แอบกระซิบถามเขา “ท่านโหวขอรับ ถ้าท่านกำลังถูกข่มขู่อยู่ให้กะพริบตาบอกข้าน้อยได้นะขอรับ”

เซียวจี่ “…”

พอช่วงค่ำ ทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันที่ตำหนักเหรินโซ่ว จี้จิ่วอาวุโสก็มาร่วมด้วย

ที่เขามาร่วมด้วยก็เพราะเขาเป็นอาจารย์ของฉินอู๋โยว

ทว่าฉินอู๋โยวเป็นถึงหลานชายคนโตของฮ่องเต้ การเรียนคนเดียวจึงไม่เหมาะสม จึงได้คัดเลือกบุตรหลานของตระกูลขุนนางที่อายุใกล้เคียงกันมาเป็นเพื่อนเรียนหลายคน กู้เสี่ยวเป่าที่อายุสามขวบครึ่งก็เป็นหนึ่งในนั้น

กู้เสี่ยวเป่าจึงต้องมาอาศัยอยู่ที่ตำหนักเหรินโซ่ว

หลังจากเรียนเสร็จ จี้จิ่วก็จะมาส่งเขาที่ตำหนัก

และตอนที่เขากำลังเดินมาส่งเสี่ยวเป่าตามปกติ ก็ได้บังเอิญเจอกับฮ่องเต้ที่มาที่นี่เพื่อเสวยพระกระยาหารพอดี

ในฐานะสหายของ ฉินอู๋โยวและในฐานะผู้อยู่อาศัยถาวรแห่งตรอกปี้สุ่ยและตำหนักเหรินโซ่ว ทำให้เสี่ยวเป่าได้พบกับฮ่องเต้อยู่หลายครั้ง

ไม่ว่าจะเจอใคร เขามักจะทักทายอย่างสุภาพและนอบน้อม “ฝ่าบาทขอรับ”

“เสี่ยวเป่านี่เอง มาแล้วหรือ” ฮ่องเต้ทักทายเขากลับด้วยความเอ็นดู “เรียนเป็นอย่างไรบ้าง เข้าใจบ้างหรือยัง”

กู้เสี่ยวเป่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบไป “ไม่เลยขอรับ”

อันที่จริงเขาทำได้แล้ว เพียงแต่ฉินอู๋โยวต่างหากที่ไม่เข้าใจ

ฉะนั้นเขาไม่อาจบอกไปว่าเข้าใจได้

เขาเป็นเด็กที่รอบคอบมาก

ฮ่องเต้ทรงโล่งพระทัยและคิดว่าเป็นเพราะจี้จิ่วสอนยากเกิน หาใช่เพราะหลานตัวเองสติปัญญาเขลาไม่

“เข้าไปกันเถอะ” ฮ่องเต้ตรัสกับเสี่ยวเป่า

กู้เสี่ยวเป่าเดินเข้าไปหาท่านย่า

ขณะที่ฮ่องเต้กำลังจะเดินตามเขาไป จู่ๆ จี้จิ่วก็ถามขึ้น “ฝ่าบาท วันนี้ตำหนักเหรินโซ่วครึกครื้นเป็นพิเศษ มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ”

ฮ่องเต้จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “เซวียนผิงโหวกับซิ่นหยางกลับมาแล้ว กำลังเข้าเฝ้าเสด็จแม่อยู่เลย”

จี้จิ่วยกมือลูบหนวดตัวเอง “อ๋อ องค์หญิงกลับมาแล้วนี่เอง ข้าควรไปถวายบังคมพระองค์”

เจ้าไม่ได้สนิทกับนางขนาดนั้น จะไปเพื่ออะไร!

ฮ่องเต้ “นี่ก็มืดแล้วนะ พรุ่งนี้ก็ได้”

จี้จิ่ว “ไม่มืดหรอกขอรับ!”

ฮ่องเต้ ข้ากำลังส่งสัญญาณให้เจ้าอยู่ ไม่รู้ตัวหรือไง

จี้จิ่ว ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ข้าตาไม่ดี ข้ามองไม่เห็น!

ในตำหนัก มีทั้งลูกๆ ของเซียวจี่ เซียวจี่ รวมถึงฉังจิ่งและหลงอี ให้จี้จิ่วยืนอยู่ข้างนอกคนเดียวก็กะไรอยู่ ฮ่องเต้จึงต้องยอมลากเขาเขามาด้านในด้วย

หลังจากจี้จิ่วถวายบังคมให้องค์หญิง ก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลยแต่อย่างใด

จี้จิ่วรีบยกมือคำนับ “เมื่อฝ่าบาทตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็ทำได้เพียงยอมรับคำสั่งเท่านั้น”

มื้อค่ำในวันนี้ถูกจัดขึ้นในสวน เพื่อที่ทุกคนจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศภายใต้แสงจันทร์

พวกเด็กๆ กินกันเสร็จเร็วมาก จึงออกไปวิ่งเล่นในสวนโดยมีนางข้าหลวงคอยช่วยดูไม่ห่าง

ฉินเฟิงหวั่นนวดแขนของตัวเอง เพราะเมื่อครู่นี้นางอุ้มเจ้าเด็กแฝดไป

“แก่แล้วสิเรา”

หลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จ เหล่าคนใช้ก็ช่วยกันเก็บจานข้าว แล้วนำถ้วยกาน้ำชาและของว่างมาวางไว้แทน

เซียวจี่หันมาถามขณะที่กำลังปอกส้ม “แก่แล้วอะไรกัน”

ฉินเฟิงหวั่นจึงแขวะเขากลับไป “พวกผู้ชายก็ชอบผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นไม่ใช่เรอะ”

ขณะที่เซียวจีกำลังจะเอ่ย แต่จี้จิ่วกลับเอ่ยขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ใครเป็นคนเอ่ย”

เขาจึงหันไปทางจี้จิ่ว และพบว่าจี้จิ่วไม่ได้หันมาทางพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าไม่ได้อยู่ในบทสนทนาเดียวกัน

เซียวจี่ปอกส้มต่อ พร้อมกับเอ่ย “ฉินเฟิงหวั่น ข้ามองแค่เจ้าคนเดียวเจ้าก็รู้ ข้าไม่เคยมองคนอื่นเลยนะ”

จากนั้นฉินเฟิงหวั่นก็ยกมืออังแก้มตัวเอง “ถ้าข้าแก่ขึ้นมา เจ้าก็จะไม่รักข้าแล้วสิ”

เขาแกะส้มทีละกลีบ และเอาใยส้มที่นางไม่ชอบออก พลางเอ่ยด้วยการยกคิ้ว “เจ้าแก่แล้ว แล้วข้าจะไม่แก่หรือไง ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะผ่านไปอีกสิบปี ยี่สิบปี หรือสามสิบปี เจ้าก็ยังคงเป็นองค์หญิงที่สวยที่สุดในแคว้นเจาอยู่ดี”

จี้จิ่วโพล่งขึ้น “ใช่แล้ว!”

เซียวจี่รีบหันขวับไปทางเจ้าของเสียงทันที

ฉินเฟิงหวั่นนั่งอยู่ห่าง จึงไม่ได้ยินที่จี้จิ่วเอ่ย

“แล้วถ้าข้าแก่ตัวไป เจ้าจะยังรักข้าอยู่ไหม” ฉินเฟิงหวั่นเบือนหน้าลงพร้อมกับเอ่ยถาม

จี้จิ่ว “แน่นอนสิ”

เซียวจี่ย่นคิ้วทันที พลางคิด ฮั่วจี้จิ่ว วันนี้กินยาผิดขวดมาหรือไง

ภายใต้แสงจันทราที่สาดส่อง จวงไทเฮานั่งมองลูกหลานกำลังเล่นเพลิน ขณะที่จี้จิ่วกำลังมองไปที่นาง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset