กระบี่จงมา 998.4 สุรา กระบี่ ดวงจันทร

ตอนที่ 998.4 สุรา กระบี่ ดวงจันทร

เฉินผิงอันกล่าว “ยันต์ห้าขุนเขาแผ่นนี้ บนภูเขามีคาว่า “ใหญ่” ต่อท้าย เอาไว้ใช ้แบ่งแยกยันต์ห้ามหาบรรพตที่พบเจอบ่อยๆ ในโลก ยุคหลัง และยันต์ห้าขุนเขาแผ่นนี้ นอกจากตัวกระดาษที่พิเศษแล้วก็ ยังมีจุดที่แปลกอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือใช ้คาถากระบี่เป็ นแก่นยันต์ ดังนั้นจึงมีประสิทธิผลของยันต์กระบี่ควบไปด้วย สามารถมั่นใจได้ว่า ศาลบรรพจารย์ของส านักว่านเหยาจะต้องมีระบบสืบทอดสายกระบี่ โบราณที่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู ้อยู่ด้วย”

จากการประมาณการณ์ของเจียงซ่างเจิน ยันต์ที่ถูกเรียกขานว่า “ยันต์ห้าขุนเขาใหญ่ประเภทนี้ เนื่องจาก “ตงซาน” หนึ่งในห้าขุนเขา เก่าได้หายไปอย่างไร ้ร่องรอย ยันต์นี้จึงกลายมาเป็ นของที่ล้าค่ามาก ฝูลู่อวี๋เสวียน จวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ คลังยันต์หนึ่งในสิบหก คลังของสกุลหลิวธวัลทวีปและยังมียันต์ห้าขุนเขาบางส่วนที่เก็บรักษา ไว้มานานหลายปี เมื่อเอาทั้งหมดมารวมกัน จานวนรวมไม่มีทางเกิน สามสิบแผ่นแน่นอน

เล่าลือกันว่าตงซานคือเมืองแห่งภูเขาที่ล่องลอย จะลอยไปตาม กระแสน้าของแม่น้าแห่งกาลเวลา

ชุยตงซานผู้เป็ นลูกศิษย์ ความสัมพันธ ์ที่ชัดเจนถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าเฉินผิงอันต้องถามเขาว่ามีความเกี่ยวข้องกับ “ภูเขาตง ซาน ลูกนั้นหรือไม่

ตอนนั้นชุยตงซานพูดอย่างหนักแน่นว่าที่ตัวเองตั้งชื่อว่า “ตง ซาน” ก็แค่หวังให้เป็ นนิมิตหมายที่ดี เป็ นการปลุกเร ้าตัวเองอย่างหนึ่ง ของลูกศิษย์ ก็เหมือน “คติพจน์ อย่างหนึ่งที่สลักลงในใจ บอกกับ ตัวเองว่าจะต้องอาศัยการฝึกตนที่ขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ แล้วสักวัน หนึ่งภูเขาตงซาน (ภูเขาบูรพา) ก็จะผุดขึ้นมาได้ใหม่…ไม่มีความ เกี่ยวข้องกับขุนเขาโบราณ “ภูเขาตงซาน” นั้นแม้แต่นิดเดียว!

เสี่ยวโม่ถาม “ไม่อาจถอยไปเลือกลาดับรอง ใช ้ดินของห้ามหา บรรพตในแต่ละแคว้นมาหลอมเป็ นชาดวาดยันต์ได้เลยหรือ?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “เคยลองแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ส าเร็จ ใช้ดิน ของห้ามหาบรรพตในแจกันสมบัติทวีปของพวกเราก็ยังไม่เป็ นผล”

ตอนที่เป็ นเด็กหนุ่มเคยเป็ นลูกศิษย์ของเตาเผา มักจะติดตาม ช่างเหยาขึ้นภูเขาไปประจ า เฉินผิงอันจึงได้ ‘กินดิน” มาไม่น้อย

ส าหรับระดับความเข้าใจที่มีต่อดิน เฉินผิงอันมีเหนือกว่าผู้ฝึก ลมปราณทั่วไปมากนัก

“ได้แต่เอาดินจากห้าขุนเขายุคบรรพกาลของใต้หล้าไพศาลมา เท่านั้น แต่ภูเขาห้าลูกนี้ ทุกวันนี้ก็เหลือแค่ภูเขาสู้ยซานเท่านั้น ภูเขา ลูกอื่นอย่างไท่ซาน ตงซาน ล้วนตามหาได้ยากมากแล้ว”

บางทีดินของห้ามหาบรรพตของแผ่นดินกลางที่มีภูเขาสุ่ยซานที่ เป็ นห้าขุนเขาเดิมและภูเขาจิ่วอี๋เป็ นหนึ่งในนั้น อาจนามาหลอมเป็ น ยันต์แผ่นนี้ได้ แต่การที่จะเอาดินที่ติดอยู่กับรากภูเขาของมหา บรรพตกอบมือหนึ่งมาจากเสินจวินห้ามหาบรรพตที่มีฉายาเทพ เหล่านั้นเป็ นเรื่องง่ายเสียที่ไหน

ว่ากันว่าฝูลู่อวี๋เสวียนเคยคิดจะทาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว กว่าจะ รวบรวมดินของสี่มหาบรรพตมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สุดท้ายทุกอย่าง ที่ทามาก็ยังสูญเปล่า

อวี๋เสวียนถือว่าเป็ นคนมีชื่อเสียงมีคุณธรรมมากแล้ว แต่ก็ยังต้อง กินน้าแกงประตูปิดที่ภูเขาสุ้ยซานของโจวโหยวที่มีฉายาเทพว่า ‘ต้า เจี้ยว” อยู่ดี ไม่ว่าอวี๋เสวียนจะเปิดราคาแค่ไหน จะใช ้เหตุผลท าให้ เข้าใจ ใช ้ความรู ้สึกทาให้ชาบซึ้งมากเท่าไร ก็ล้วนไม่สาเร็จ

เสินจวินโจวโหยวยังคงไม่ตอบตกลง

ดังนั้นเฉินผิงอันจึงได้แต่คัดลอกยันต์นี้ขึ้นมาในฟ้ าดินเล็ก ร่างกายตัวเอง

ตอนอยู่ในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมถ้าสวรรค์บนยอดเขามี่เซวี่ย เฉินผิงอันเคยทดลองมาไม่ต่ากว่าร ้อยครั้ง ใช ้กระดาษยันต์วาดยันต์ ทว่าทุกครั้งที่ยันต์จะสาเร็จกลับแหลกสลายหายไปในชั่วพริบตา ไม่ได้เป็ นปราณวิญญาณที่ไหลหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนยันต์

เลียนแบบทั่วไปด้วยซ้า แต่เป็ นแก่นยันต์ที่ระเบิดแตกโดยตรง เป็ น เหตุให้ยันต์ทั้งแผ่นแหลกกระจายเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เสี่ยวโม่ไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของยันต์มากนัก จึงอดเกิดความ สงสัยไม่ได้ว่า “คุณชายในเมื่อได้ครอบครองแม่น้าแห่งกาลเวลาเส้น หนึ่งแล้ว ไยยังต้องตั้งใจศึกษาเรื่องยันต์แบบนี้ด้วยเล่า?”

เฉินผิงอันบอกเล่าถึงแนวคิดอันเป็ นรูปธรรมและการเตรียมการ โดยละเอียดเกี่ยวกับการสร ้างฟ้ าดินแห่งนี้ของเขาให้คนนอกฟังเป็ น ครั้งแรก “ฟ้ าดินแห่งนี้จะแบ่งออกเป็ นทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นแรกคือภาพ บรรยากาศต่างๆ ในฟ้ าดินที่แม่น้าแห่งกาลเวลาสร ้างออกมาใกล้เคียง กับความเป็ นจริงอย่างมาก แต่เทียบเท่ากับเป็ นเวทอาพรางตา เมื่อ คนที่ถูกถามกระบี่เข้ามาอยู่ในนี้ คิดจะตามหา “ร่างจริง” ของข้าก็ ต้องทาลายสิ่งกีดขวางให้ได้เสียก่อนระหว่างนี้ทุกๆ การกระทา ทุกๆ ลมหายใจ ทุกๆ ฝี เท้า ทุกๆ การเรียกกระบี่และการใช ้สมบัติอาคม ต่างๆ ของเขา ปราณวิญญาณในร่างกายที่เผาผลาญไป แน่นอนว่า จะต้องตกมาเป็ นของข้าทั้งหมด”

“ข้าคิดว่าคราวหน้าที่ไปเยือนใบถงทวีปจะไปหอสยบปีศาจสัก รอบ ขอซื้อใบอู๋ถงที่ซุกซ่อนดินแดนมายามากมายหลายแห่งมาจาก ชิงถง”

“ใบอู๋ถงของชิงถงมีความลี้ลับของหนึ่งใบหนึ่งโพธิ์ขอแค่จานวน มีมากก็จะเอามาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมดั่งคากล่าว่า โลกที่เต็มไปด้วย เม็ดทราย” อย่างแท้จริง”

“ชั้นที่สอง หลังจากที่เขาทาลายสิ่งกีดขวางได้แล้วก็ยังต้องถาม มรรคาหรือไม่ก็ถามกระบี่กับฟ้ าดินทั้งแห่ง วิถีแห่งยันต์ก็คือสิ่งที่ข้า นามาใช ้สร ้างความมั่นคงให้กับสิ่งกีดขวางของฟ้ าดิน ดังนั้นข้าจะ หลอมยันต์ให้ได้นับแสนหรือนับล้านแผ่น ระดับขั้นของยันต์ไม่ต้อง สนว่าสูงหรือต่า แต่ใช ้จานวนมากเข้าไว้ แน่นอนว่าหากมียันต์ใหญ่ที่ คล้ายคลึงกันนี้ก็จะดียิ่งกว่า นามาเพิ่มความมั่นคงให้กับการโคจร ของมหามรรคาอย่างรากภูเขาเส้นสายน้า รากเมฆรากฝนของฟ้ าดิน สุดท้ายบรรลุถึงขอบเขตใหญ่ที่แม่น้าแห่งกาลเวลามี “น้ายาวถึงฟ้ า กาหนดขอบเขต” “ภูเขามั่นคงหยั่งลึกลงดินมิเสื่อมถอย”

“มีเงินเหรียญทองแดงแก่นทองสามร ้อยเหรียญในคลังของจวน เฉวียนผู้หรือไม่ ระดับความกว้างและระดับความลึกของแม่น้าแห่ง กาลเวลาสายนี้ก็จะ…แตกต่างกันราวฟ้ ากับเหวอย่างแท้จริง!”

“มรรคกถาในใต้หล้า เส้นทางแตกต่างแต่จุดหมายเดียวกัน สืบ สาวไปถึงต้นก าเนิดแล้ว วิธีการที่นาไปสู่ความจริงสูงสุดก็น่าจะเป็ น ต้นไม้หนึ่งต้นผลิดอกนับพันหมื่นดอก”

“ต้นไม้แห่งมรรคามีกิ่งต่าที่เอื้อมมือคว้าก็ถึง เวทคาถาก็เรียนรู ้ ได้ง่าย ต้นไม้แห่งมรรคามีกิ่งสูง ธรณีประตูในการฝึกตนก็สูงตามไป ด้วย สูงเกินจะปืนป่าย”

เฉินผิงอันนั่งอยู่บนเบาะรองนั่ง วางดาบแคบพิฆาตพาดไว้บนหัว เข่า สองมือก าเป็ นหมัดค้ายันไว้บนเข่า สีหน้าเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา คิ้วตาเป็ นประกายสดใส

“ชั้นที่สาม ข้าจะนิมิตภาพบุคคลสาคัญสามคนที่นั่งพิทักษ์แกน หลักของฟ้ าดินขึ้นมาผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งสะพาย “เย่โหยว” ผู้ฝึกยุทธ คนหนึ่งในมือถือ “พิฆาต” กับ “ลงทัณฑ์” ผู้ฝึกตนสายยันต์คนหนึ่งที่ ในมือถือยันต์ไร ้ที่สิ้นสุด”

พูดมาถึงตรงนี้เฉินผิงอันก็ยิ้มกว้าง “คนนอกเข้ามาในฟ้ าดินแห่ง นี้ หากต้องการพบร่างจริงของข้าก็คล้ายกับว่าต้องจุดธูปคารวะสาม ดอก ผ่านด่านสามด่านถึงจะได้”

เสี่ยวโม่เงียบไปนาน ก่อนถามว่า “คุณชาย แล้วด่านสุดท้ายล่ะ?”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “เก็บไว้เป็ นความลับก่อนชั่วคราว”

……

ทางฝั่งของร ้านผ้าห่อบุญท่าเรือหนิวเจี่ยว หลังจากแยกกับชาย ฉกรรจ์ที่บอกว่าตัวเองเป็ นคนรุ่นอาของเจ้าขุนเขาเฉินแล้ว หงหยาง โปกับสาวใช ้ฉิงไฉ่ก็เดินเล่นไปตามร ้านค้าต่างๆกันต่อ

ในความเห็นของผู้เฒ่า กิจการของที่แห่งนี้ซบเซาไปสักหน่อย ไม่ค่อยสอดคล้องกับสถานที่ที่เป็ นศูนย์กลางสาคัญอย่างท่าเรือหนิว เจี่ยวสักเท่าไร

หากหอชิงฝูบ้านตนมาเปิ ดที่นี่ต้องเป็ นภาพที่ทุกวันมีคน เบียดเสียดแออัดอย่างแน่นอน

หงหยางโปใช ้เสียงในใจยิ้มถาม “นายท่าน คิดว่าฉู่โจวแห่งนี้เป็ น อย่างไร?”

ดอกท้อนอกต้นไผ่ ต้นกกต้นอ้อขึ้นเต็มทุกพื้นที่ ปราณหยางต้น ฤดูแมลงตื่นจากการจาศีล แสงแดดให้ความอบอุ่นแก่พื้นดิน

หญิงสาวที่ถูกผู้เฒ่าเรียกอย่างให้ความเคารพว่านายท่านเอ่ยว่า “ภูเขาสายน้าของฉู่โจวดีก็ดีอยู่หรอก เพียงแต่ว่ามาอยู่ที่นี่อดจะรู ้สึก อึดอัดบ้างไม่ได้”

ผู้เฒ่าพยักหน้า เห็นด้วยเป็ นอย่างยิ่ง

ต่อให้สานักกระบี่หลงเฉวียนจะย้ายออกไปจากฉู่โจวแล้ว แต่ที่นี่ ก็ยังมีภูเขาตั้งเรียงราย จวนเซียนมีอยู่มากมาย ภูเขาพอวิ่นก็ยิ่งเป็ น ที่ว่าการของซานจวินเว่ยป้ อ

สาหรับผู้ฝึกลมปราณจากต่างถิ่นแล้วรู ้สึกเหมือนถูกมัดมือมัด เท้าจริงๆ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็รู ้สึกเหมือนต้องพึ่งพาอยู่ใต้ชายคา ของผู้อื่น ลาพังแค่จะทะยานลมก็ต้องพกยันต์กระบี่ แค่เรื่องนี้ก็ทาให้ ผู้ฝึกตนต่างถิ่นรู ้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งแล้ว

พวกเขาลงเรือที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวครั้งนี้เพราะตั้งใจมาเยี่ยมเยือนอิ่ นกวานหนุ่มที่ภูเขาลั่วพั่ว หากจะบอกว่าส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาที่ ยอดเขาจี้เซ่อแล้วจะสามารถเชิญตัวเฉินผิงอันได้ หอชิงฝูรู้สึกว่าไม่มี ประโยชน์ใดๆ ไม่แน่ว่าอาจจะยังถูกภูเขาลั่วพั่วมองพวกเขาเป็ นคนที่ ไม่รู้จักหนักเบา ไม่เข้าใจมารยาทด้วย

คนทั้งสองเดินเข้าไปในร ้านแห่งหนึ่งที่ขายดอกกล้วยไม้ ด้านใน ร ้านมีกระถางดอกไม้อยู่มากมาย หงหยางโปทาการค้าอยู่ในห้องชั้นสองของหอชิงฝูมาเกือบแปด สิบปีแล้ว ราวกับว่าเพียงชั่วพริบตา เวลาแค่ไม่กี่ชั่วจอกสุรา ร ้อยปีก็ผ่าน ไปแล้ว

ผู้เฒ่าเคยเจอกับเฉินผิงอันสามครั้ง เห็นกับตาตัวเองว่าเด็กหนุ่ม สะพายกระบี่พกกาเหล้าคนหนึ่งกลายมาเป็ นจอมยุทธพเนจรหนุ่ม สวมงอบ แล้วจึงกลายมาเป็ นเจ้าขุนเขาภูเขาลั่วพั่วในวัยไม่สับสน

ปีนั้นเฉินผิงอันอยู่ที่ชั้นสอง นางกาลังเช็ดกระบี่โบราณในห้อง “หานซี่” ของชั้นสามพอดี สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของชั้นล่าง อย่างเฉียบไว นางจึงแสร ้งปลอมตัวเป็ นสาวใช ้ที่ยกน้าส่งชา ไป สืบเสาะในห้องของหงหยางโปให้รู ้ความจริง

ที่หน้าประตูร ้านมีชายหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่งกุมหมัดยิ้มเอ่ย “อาจารย์ผู้เฒ่าหง แม่นางฉิงไฉ่”

ตัวแทนเถ้าแก่ของร ้านแห่งนี้คือผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งของเกาะจู ไช แต่หากอิงตามล าดับอาวุโส นางคือผู้เยาว์ของพวกหลิวเสีย ก่วน ชิง

สตรียิ้มเอ่ยแนะนาตัวเอง “เจ้าขุนเขาเฉินโปรดให้อภัยด้วย ข้า คือเถ้าแก่คนปัจจุบันของหอชิงฝู ชื่อจริงคือจางไฉ่ฉิน จางจากอักษร กงและฉาง ไฉ่จากอู่ไฉ่ ฉินจากสุ่ยฉิน”

ปีนั้นเฉินผิงอันออกไปจากหอชิงฝู ตอนที่เดินอยู่บนถนนเคยหัน กลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง เห็นสตรีที่ยืนพิงระเบียงคนนี้ก็มั่นใจ แล้วว่านางคือผู้ฝึกกระบี่ที่อาพรางลมปราณคนหนึ่ง

เรือนด้านหลังร ้านมีห้องแห่งหนึ่งที่เอาไว้รับรองแขกสูงศักดิ์ โดยเฉพาะ มีครบทั้งน้าชาและสุรา เฉินผิงอันจึงต้มชารับรองแขก ด้วยตัวเอง ยิ้มหยอกล้อว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าหงช่างเชิญตัวได้ยากจริงๆ วันนี้ถือเป็ นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝัน”

หงหยางโปยิ้มเอ่ย “หากเจ้าขุนเขาเฉินแค่เชิญข้ามาเป็ นแขกที่ ภูเขาลั่วพั่ว ข้ามีหรือจะปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าขุนเขาเฉินไป ขุดมุมกาแพงกันโต้งๆ เลยนี่นา ข้าหรือจะกล้าตอบตกลง?”

เพราะถึงอย่างไรก็เคยเห็นเฉินผิงอันตอนเป็ นเด็กหนุ่มมาก่อน ประเด็นสาคัญคือทั้งสองฝ่ ายยังเคยท าการค้าอย่างจริงจังกันมาแล้ว หลายครั้ง ดังนั้นผู้เฒ่าจึงผ่อนคลายกว่าจางไฉ่ฉินมากนัก พูดจาก็ ง่ายๆ สบายๆ

หงหยางโปถาม “สหายสองคนที่ปีนั้นไปเที่ยวเยือนท่าเรือภูเขาตี้ หลงกับเจ้าขุนเขาเฉินล่ะ? ทุกวันนี้พวกเขาใช่สมาชิกบนทาเนียบ ของภูเขาลั่วพั่วหรือไม่?”

“มือดาบเคราดกผู้นั้นชื่อว่าสวีหย่วนเสีย”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “นักพรตหนุ่มชื่อว่าจางซานเฟิ ง พวกเขา เป็ นเพื่อนรักที่ข้าพบเจอโดยบังเอิญในยุทธภพ ไม่ใช่สมาชิกบน ท าเนียบของภูเขาลั่วพั่ว คนหนึ่งมาดใหญ่โต มีแต่จะวางมาดยิ่งกว่า อาจารย์ผู้เฒ่าหง อย่าว่าแต่เชิญตัวเขาเลย ข้าขอร ้องให้เขามาเยือน ภูเขาลั่วพั่วเขายังไม่ยินดีด้วยซ้า อีกคนหนึ่งก็เหมือนกับอาจารย์ผู้ เฒ่าหง มีอาจารย์บนภูเขาแล้วข้ายิ่งไม่กล้าไปขุดมุมกาแพง”

บารมีอ านาจอันสูงส่งในอุตรกุรุทวีปของฮว่อหลงเจินเหรินแห่ง ยอดเขาพาตี้ ทั้งบนและล่างภูเขาล้วนไม่มีใครเทียบเคียงได้

จางซานเฟิ งยังเป็ นลูกศิษย์ที่เจินเหรินผู้เฒ่าคนนี้รักมากด้วย เฉินผิงอันหรือจะกล้าไปขุดมุมก าแพง ไม่พูดถึงเจินเหรินผู้เฒ่า พวก ศิษย์พี่ของจางซานเฟิงอย่างหยวนหลิงเตี้ยนคงมาดักอยู่หน้าประตู ภูเขาลั่วพั่วแน่นอน

ฮว่อหลงเจินเหรินขึ้นชื่อว่าเป็ นมิตรกับผู้อื่น ตาแหน่งเค่อชิงที่ไม่ ว่าจะได้รับการบันทึกชื่อหรือไม่บันทึกชื่อก็มีมากมายเกินจะนับได้ หมด

แต่เจินเหรินผู้เฒ่าก็จะเตือนไว้ก่อนว่า เรื่องที่เป็ นเค่อชิงให้พวก เจ้าอย่าได้แพร่งพรายแก่ภายนอก แน่นอนว่าหากมีเรื่องก็ให้มา หาผินเต้าที่ยอดเขาพาตี้ หากช่วยได้ก็จะช่วยเหลือแน่นอน

แรกเริ่มยังมีเซียนซือที่แอบยินดี รู ้สึกว่าสามารถเชื้อเชิญให้เจิน เหรินผู้เฒ่ามาเป็ นเค่อชิงบ้านตนได้ ไม่พูดว่ามีเฉพาะแค่คนเดียว แต่ ถึงอย่างไรก็ต้องมีน้อยจนนับนิ้วได้แน่นอน

ผลคือตอนรวมกลุ่มกับเพื่อนรักบนภูเขา พอดื่มเหล้าจนเมาก็ หลุดปากบอกออกไป ถึงได้ค้นพบว่าดูเหมือนเรื่องราวจะผิดปกติ แต่ คนละหันมามองหน้ากันเอง

เจ้าใช่? เจ้าก็ใช่? เจ้าก็ใช่ด้วยหรือ? ที่แท้ก็ใช่กันทุกคนเลย!

ผลคือยอดเขาพาตี้ก็ยังไม่มีแม้แต่เรือข้ามทวีปสักลา เจอใครก็ บอกว่าผินเต้ายากจนนี่นา

ฮว่อหลงเจินเหรินแห่งอุตรกุรุทวีปยากจนข้นแค้น หลิวจิ่งหลง แห่งส านักกระบี่ไท่ฮุยไร ้ศัตรูเทียมทานบนโต๊ะสุรา งานเลี้ยงท่องราตรี ของเว่ยซานจวินแห่งมหาบรรพตอุดรแจกันสมบัติทวีป ชื่อเสียงของ แต่ละคนเลื่องลือไม่ได้จากัดอยู่แค่ในทวีปมานานแล้ว

หยางหงหยางโปพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “มาเยือนครั้งนี้ นายท่าน กับข้าต้องการมาหาเจ้าขุนเขาเฉินโดยเฉพาะ”

เฉินผิงอันยื่นน้าชาส่งให้คนทั้งสอง พยักหน้ายิ้มเอ่ย “อาจารย์ผู้ เฒ่าหงพูดมาตามตรงได้เลย ล้วนไม่ใช่คนนอกกัน”

หยางหงหยางโปกล่าว “หอชิงฝูของพวกเราตั้งอยู่ที่ท่าเรือตระกูล เซียนภูเขาตี้หลง ทว่าเจ้าของที่แท้จริงของท่าเรือแห่งนี้คือเชื้อพระ วงศ์แคว้นชิงซิ่ง เนื่องจากตั้งอยู่ทางใต้ของลาน้าใหญ่ ตามข้อตกลง

สกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่งจึงได้หลุดพ้นจากสถานะแคว้นใต้อาณัติของต้า หลีแล้ว หลังจากกอบกู้แคว้นก็ได้มีราชครูคนใหม่ ก็คือสหายรักบน ภูเขาคนหนึ่งของข้ารู ้จักกันมาร ้อยกว่าปีแล้ว รู ้ไส้รู ้พุงกันดี แล้วก็ ต้องโทษที่ข้าดื่มเยอะเกินไป ควบคุมปากไว้ไม่ได้ ไปคุยโวกับเขาว่า ตัวเองเป็ นคนรู ้จักเก่าของเจ้าขุนเขาเฉิน คาดว่าเขาคงเอาเรื่องนี้ไป ขอความดีความชอบกับฮ่องเต้สกุลหลิ่ว พอดีกับที่รัชทายาทของ แคว้นชิงซึ่งกาลังจะจัดพิธีสวมกวานในช่วงกลางปี ฮ่องเต้จึงหวังว่า เจ้าขุนเขาเฉินจะปลีกตัวจากงานที่ยุ่งยากมาเข้าร่วมพิธีได้หรือไม่”

จางไฉ่ฉินลังเลเล็กน้อย เพราะความจริงหาได้เป็ นเช่นนี้ไม่ เป็ น นางที่เป็ นคนเอ่ยเรื่องนี้กับฮ่องเต้สกุลหลิ่วแคว้นชิงซิ่ง นางกับฮ่องเต้ ต่างก็รู ้สึกว่าน่าจะมาลองดูที่ภูเขาลั่วพั่ว หากสาเร็จย่อมดีที่สุด แต่ หากไม่สาเร็จก็ถือเสียว่ามาเที่ยวในแดนขุนเขาเหนือก็แล้วกัน

เฉินผิงอันเป็ นคนเก่าแก่ในยุทธภพมานานแค่ไหนแล้ว เพียงแค่ เห็นสีหน้าเล็กน้อยนี้ของจางไฉ่ฉินก็เดาความจริงได้เกือบสิบส่วน เพียงแต่เขาแสร ้งทาเป็ นไม่รู ้ความจริง ยิ้มตอบตกลงว่า “ไม่มีปัญหา”

เฉินผิงอันยังเอ่ยเสริมไปอีกประโยคกึ่งๆ ล้อเล่นว่า “หากอาจารย์ ผู้เฒ่าหงไม่วางใจกลัวว่าข้าจะลืม ก่อนวันจัดงานสักสองสามวันก็ให้ ส่งจดหมายมาที่ยอดเขาจี้เซ่ออีกสักรอบถือว่าช่วยเตือนข้าเรื่องนี้”

ในเมื่อคุยเรื่องเป็ นการเป็ นงานเรียบร ้อยแล้ว ก้อนหินใหญ่ในใจ ก็คล้ายได้วางลงแล้ว

จางไฉ่ฉินกุมหมัดขอบคุณเจ้าขุนเขาเฉินอย่างจริงใจ

เฉินผิงอันเพียงแค่ยิ้มพลางกุมหมัดคารวะกลับคืน “ไม่ต้อง เกรงใจกันขนาดนี้ ถือเสียว่าเป็ นการขออภัยที่ก่อนหน้านี้ข้า พยายามจะขุดมุมกาแพงบ้านเจ้าอยู่หลายครั้งก็แล้วกัน”

อันที่จริงเรื่องมาเชิญให้เฉินผิงอันเข้าร่วมงานพิธี จางไฉ่ฉินไม่ ค่อยมีความหวังเท่าใดนัก อีกฝ่ ายปฏิเสธก็ไม่ถือว่าเย่อหยิ่งแล้งน้าใจ อะไรด้วยซ้า แต่เรื่องราวหลายอย่างหากได้เปิดปากไปแล้วก็ถือเป็ น น้าใจที่ต้องดูแลกันให้ครบถ้วนทุกด้านแล้ว ยกตัวอย่างเช่นว่าใน พรรคจวนเซียนแห่งหนึ่งมีภูเขาและเส้นสายการสืบทอดอยู่มากมาย บรรพจารย์ของศาลบรรพจารย์คนหนึ่งได้รับคาเชิญให้เข้าร่วมงาน พิธีหนึ่งครั้ง ยอดเขาอื่นๆ ที่เหลือก็เปิดปากเชื้อเชิญด้วย บรรพจารย์ ท่านนี้ควรจะต้องไปร่วมงานหรือไม่?

ดังนั้นหากไม่ไปร่วมงานเลยสักงาน เพราะย่อมง่ายที่จะดูแลได้ไม่ ทั่วถึง ไม่อย่างนั้นวันๆ ก็เอาแต่เข้าร่วมงานโน้นทีงานนี้ที อย่าได้คิด จะฝึกตนอย่างสงบอีกเลย

“นายท่านของข้าตอนอายุยังน้อยได้เจอกับยอดฝี มือที่พเนจร ผ่านทางมา ได้รับค าทานายสี่คาว่า “ผู้ฝึกกระบี่เซียนดิน”

กระบี่จงมา

กระบี่จงมา

Score 10
Status: Completed

อ่านนิยาย กระบี่จงมา 1 – 400 อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก
เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “

เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา

เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม

และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง

ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้

–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Options

not work with dark mode
Reset