ตอนที่ 3.1 [อนาคต]การพบเจออาริสุงาวะ ยูกิ 1
(TLN:‘Arisugawa’ อ่านว่าไรดี เม้นได้นะครับ)
วันหนึ่งในปี 2020
“ได้โปรดครับ! ขอความกรุณาด้วยเถอะครับ ให้ผมกู้เงินเถอะ!”
ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารญี่ปุ่นระดับหรูย่านอาคาซากะ มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งก้มหัวจนหัวล้านของเขาแทบจะติดพื้น อ้อนวอนอย่างหมดหวังอยู่ตรงหน้าผม
เขาชื่ออาริสุงาวะ ชิเงะยูกิ เป็นประธานบริษัทขนาดใหญ่ที่ชื่อ ArisCore ที่มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน
“ถึงคุณจะพูดแบบนั้น แต่ทางเราก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือขนาดนั้นเหมือนกัน”
“ผมสัญญาว่าภายในสามปี ผมจะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แน่นอน! ขอร้องล่ะครับ!”
ผมถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความรำคาญกับสถานการณ์ที่ชวนปวดหัวนี้
บริษัท ArisCore ที่เขาเป็นเจ้าของผลิตชิ้นส่วนควบคุมสำหรับรถยนต์และส่งมอบให้ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังหลายรายในญี่ปุ่น
แต่ตอนนี้บริษัทของเขากำลังเจอปัญหาใหญ่ นั่นคือ ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ชิป
(TLN: ชื่ออุปกรณ์ IT ตัวนึง)
เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้การทำงานจากบ้าน(Work from home)เพิ่มขึ้น ความต้องการคอมพิวเตอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้เซมิคอนดักเตอร์ชิปที่เป็นส่วนประกอบสำคัญขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น ชิ้นส่วนควบคุมสำหรับรถยนต์ที่ต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์ชิปก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ตามปกติ บริษัทของเขาคงสามารถรับมือกับปัญหาได้ไม่ยาก แต่ช่วงเวลานี้มันกลับเลวร้าย
เมื่อสามปีก่อน ArisCore ได้ลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มเพื่อรองรับการผลิต เพราะพวกเขาคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์จะฟื้นตัว และการคาดการณ์นั้นก็ถูกต้อง ความต้องการรถยนต์เพิ่มขึ้นจริง ๆ แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคือการเกิดปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ชิปอย่างรุนแรง
ไม่ว่าจะมีความต้องการมากแค่ไหน แต่หากไม่มีวัตถุดิบเพียงพอ การผลิตก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ส่งผลให้ ArisCore ต้องเผชิญกับภาระหนี้สินมหาศาล และแม้ว่าพวกเขาจะพยายามหาทุนเพิ่ม แต่ดูเหมือนจะล้มเหลว จนถึงขั้นมาขอกู้เงินจากบริษัทคู่แข่งอย่างผม
“ไม่ว่าคุณจะอ้อนวอนอย่างไร ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้”
เมื่อคิดว่าไม่มีประโยชน์จะถกเถียงต่อ ผมก็ลุกขึ้นเตรียมจะออกไป แต่ทันใดนั้นเอง
“กรุณารอก่อนครับ! ผมไม่ได้ขอความช่วยเหลือเปล่า ๆ หรอก”
“?”
อาริซึกาวะลุกขึ้นและหันไปเรียกใครบางคนที่อยู่ในห้องข้าง ๆ
“เข้ามาได้เลย”
บานประตูเลื่อนถูกเปิดออก และหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในห้อง
เธอสวมสูทธุรกิจและมีผมสีเงินที่ส่องประกาย เธอดูเหมือนคนเชื้อสายยุโรป หรืออาจเป็นชาวสแกนดิเนเวีย
ขนตาสีขาว ดวงตาสีฟ้าที่เปล่งประกายเหมือนอัญมณี ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปสลัก
เธอน่าจะอายุประมาณ 20 ปี รูปร่างเล็กเพรียว ดูราวกับนางแบบหรือไอดอล แต่กลับมีเสน่ห์ที่ทำให้คนอื่น ๆ ดูด้อยลงไปเมื่ออยู่ใกล้เธอ
“นี่คืออาริสุงาวะ ยูกิ ลูกสาวของผม”
ลูกสาว!?
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เธอดูไม่เหมือนอาริสุงาวะเลยสักนิด แถมยังดูเหมือนลูกครึ่งมากกว่า อาจเป็นเพราะแม่ของเธอเป็นชาวต่างชาติ
“ยินดีที่ได้พบค่ะ ดิฉัน อาริสุงาวะ ยูกิค่ะ”
เธอนั่งลงบนเสื่อทาทามิและก้มศีรษะลงลึกจนแทบจะแนบพื้น ผมสีเงินของเธอเปล่งประกายระยิบระยับ ดวงตาสีฟ้าคล้ายอัญมณีมองผ่านไรผม แต่ในแววตาของเธอกลับดูหมองหม่นเล็กน้อย
“เป็นยังไงบ้างครับ? น่ารักใช่ไหม?”
“เอ่อ… ใช่ครับ เธอสวยมากจริง ๆ”
“ว่าแล้วเชียว! คุณซูซุฮาระเองก็คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะครับ?”
อาริซึกาวะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนแทบจะหอบหายใจ ผมเริ่มสงสัยว่านี่มันอะไรกันแน่
“แล้วทำไมถึงพึ่งแนะนำเธอในตอนนี้ล่ะครับ? แล้วยังให้เธอนั่งรออยู่ในห้องข้าง ๆ โดยไม่ทานอะไรเลย?”
“อ้อ นั่นก็เพราะว่า…”
อาริสุงาวะยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังคิดหาคำพูด
“ถ้าคุณยินดีให้เรากู้เงิน ผมจะยกเธอให้คุณทำอะไรก็ได้กับเธอ”
“…หา?”
ข้อเสนอของอาริสุงาวะทำให้สมองของผมว่างเปล่าไปชั่วขณะ
“พูดตามตรงนะครับ ผู้หญิงที่งดงามขนาดนี้ ต่อให้ใช้เงินเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้”
อาริสุงาวะผลักหลังของยูกิให้เข้ามาใกล้ผม
“…”
ยูกิหลบสายตาไปด้านข้างอย่างเขินอาย
เมื่อเห็นว่าผมยังไม่ตอบสนอง อาริสุงาวะก็ยื่นมือไปแตะไหล่ของยูกิ
“ยูกิ ใส่เสื้อหนาแบบนั้นร้อนใช่ไหม ถอดออกเถอะ”
“อึก…”
“ถอดออกซะ”
ยูกิกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อโค้ทออก
“ถอดชุดสูทด้วย ห้องนี้เปิดฮีตเตอร์จนร้อนมาก แค่เสื้อเชิ้ตก็พอแล้ว”
“ค่ะ…”
ในห้องที่เปิดฮีตเตอร์จนร้อน ยูกิที่ยังคงสวมโค้ทอยู่นั้นเหงื่อออกท่วมตัว
“!”
เพราะเหงื่อ เสื้อเชิ้ตของเธอแนบลำตัวจนเห็นรูปร่างชัดเจน แม้แต่สัดส่วนบนหน้าอกที่สะท้อนสีผิวบางๆ ออกมา
ชุดชั้นในของเธอเป็นสีดำ ดีไซน์ค่อนข้างหวือหวา อาจเป็นชุดชั้นในที่อาริสุงาวะสั่งให้เธอใส่
“แน่นอนว่า เธอยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายเลย ผมเลี้ยงดูเธอมาแบบนั้น”
“อึก…!”
ใบหน้าของยูกิแดงจัดด้วยความอับอาย
การที่พ่อแท้ๆ ประกาศต่อหน้าว่าเธอยังเป็นพรหมจรรย์ เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจจินตนาการความรู้สึกได้ แต่ก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นความอัปยศที่ร้ายแรง
ผมหมดความอดทนแล้ว จะปล่อยให้เธอถูกหยามเกียรติมากไปกว่านี้ไม่ได้
ผมหยิบเสื้อสูทที่วางอยู่ข้างๆ โยนให้เธอทันที
“คุณยังเรียกตัวเองว่าพ่ออีกเหรอ?”
คนที่คิดจะใช้ลูกตัวเองเป็นเครื่องมือแบบนี้ ยังกล้าบอกว่าเป็นพ่ออีกหรือไง?
“แน่นอน ผมก็เป็นพ่อ แต่ผมไม่อยากทำแบบนี้เลย เธอก็ยินยอมเพราะเห็นแก่บริษัท ผมเองก็ต้องทำใจอย่างหนัก…”
โกหก!
ผมกำหมัดแน่นจนเจ็บ
ตั้งแต่เป็นประธานบริษัท ผมเจอคนมามากมาย แม้จะยังเป็นคนหนุ่ม แต่ผมก็เริ่มดูออกแล้วว่าใครเป็นคนแบบไหน
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มองลูกสาวตัวเองเป็นมนุษย์เลย
ตอนนี้ผมอยากซัดหน้าเขาให้ปลิว แต่นั่นจะเข้าทางของเขาทันที
อาริสุงาวะกำลังแสดงละครเป็นคนที่น่ารังเกียจโดยเจตนา
ถ้าผมลงไม้ลงมือ เขาก็จะใช้เหตุการณ์นี้มาเรียกร้องข้อตกลงอย่างแน่นอน
สงบสติอารมณ์ก่อน
ผมหายใจลึกเพื่อระงับความโกรธในหัว
ใช่แล้ว สิ่งที่ต้องทำก็แค่ปฏิเสธ จะยอมทำตามคำพูดของคนเลวๆ แบบนี้ได้ยังไง
“…”
แต่ในตอนนั้น ผมก็นึกถึงอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมา
ถ้าผมปฏิเสธตอนนี้ แล้วเธอจะเป็นอย่างไรต่อ?
อาริสุงาวะคงจะพาเธอไปเสนอข้อเสนอนี้กับบริษัทอื่น และสุดท้ายก็จะมีคนยอมรับข้อเสนอนี้
ความงามของเธอนั้นมีแรงดึงดูดมากเกินกว่าที่ใครจะปฏิเสธได้
“…”
ยูกิก้มหน้ากลมเหมือนลูกแมวที่ถูกทิ้ง
แม้จะมองเห็นหน้าเธอไม่ชัด แต่จากช่องว่างระหว่างเส้นผม ผมรู้สึกเหมือนเห็นคำพูดของเธอ
‘ช่วยฉันด้วย’
นั่นคือสิ่งที่เธอพูด
“…ขอเวลาคิดหน่อยนะครับ”
ผมต้องการเวลาเพื่อตั้งสติและหาวิธีจัดการเรื่องนี้
ขณะเดินออกจากห้องไปห้องน้ำ ผมเห็นรอยยิ้มที่น่าเกลียดของอาริสุงาวะจากมุมสายตา
ผมกัดฟันแน่นจนเจ็บ…