บทที่ 976 เส้นทางของนาง (ฉบับเซียวจี่ vs ซิ่นหยาง) (1)
……….
แม้องค์หญิงซิ่นหยางจะเป็นมารดาแล้ว แต่เรื่องความรักนางมิได้มีประสบการณ์เท่ากู้เจียว อย่างไรก็ตาม กู้เจียวร่วมทุกข์ร่วมสุขกับซียวเหิงมาสี่ห้าปี ผ่านร้อนผ่านหนาว เคียงข้างกันเสมอ
นางแทบจะไร้เดียงสาในเรื่องนี้
ในอดีต นางไม่อาจตกหลุมรักชายใดได้ จึงไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแบบหญิงชายนั้นเป็นอย่างไร
เซียวจี่มองร่างกายที่หดตัวแน่นผ่านค่ำคืนอันมืดมิดดุจหมึก “ฉินเฟิงหวั่น อาการป่วยของเจ้ากำเริบอีกแล้วใช่หรือไม่”
“ข้า…” องค์หญิงซิ่นหยางกุมหัวใจที่เต้นรัว รู้สึกราวกับหัวใจของนางแทบหลุดออกจากอก ยิ่งเขาเข้าใกล้นาง ยิ่งพูดคุยกับนาง นางก็ยิ่งเป็นเช่นนี้มากขึ้น
ตกลงโรคกำเริบหรือไม่
เหตุใดถึงดูรุนแรงกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
หัวใจร้อนรุ่ม
ดวงตาของเซียวจี่หรี่ลง คลายแขนที่โอบรอบนางไว้ และถอยห่างจากนางเล็กน้อย
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่นโดยไม่รู้ตัว “อย่า..”
สัมผัสข้า!
ไปให้พ้น!
คำพูดที่ผุดขึ้นในสมองแทบทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้นาง นางจะพูดกับเขา จนสุดท้ายปลายนิ้วที่บริเวณเอวของนางก็ถูกดึงกลับ
ร่างกายที่ร้อนรนด้วยราคะ (ป้องกันความปรองดอง) ค่อยๆ สงบลง เขากลับคืนสู่ความเงียบเหงาและความเยือกเย็นก่อนออกรบ
องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกได้ถึงการหลบเลี่ยงของเขาอย่างสมัครใจ เฉกเช่นค่ำคืนวันแต่งงานที่นางใช้กริชจี้ไปที่หน้าอกของเขา และเอ่ยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ้ขา เขาก็ทำเช่นเดียวกัน
เมื่อครู่เขาคงคิดว่านางอยากให้เขาหลบไปใช่หรือไม่
ไม่ใช่
“ท่านโหว!”
ทันใดนั้น เสียงขององครักษ์ดังขึ้นนอกที่พักชั่วคราว
สายตาของเซียวจี่แหลมคม เขาลุกขึ้นนั่ง ท่าทางที่เปิดผ้าห่มทั้งเบามือและรวดเร็วมาก จนแทบไม่มีลมเย็นพัดเข้ามาได้เลย
เขาราวกับกดผ้าห่มลงโดยไม่ตั้งใจ อุดช่องว่างระหว่างนางกับผ้าห่ม
เขาสวมเสื้อผ้าบางเบา เดินออกที่พักชั่วคราว และเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“มีรายงานด่วนจากด่านหน้า สถานการณ์เปลี่ยน ชาวตงอี๋…”
องค์หญิงซิ่นหยางได้ยินถึงตรงนี้ ทว่าท่อนหลังอาจเป็นเพราะคำสั่งของเซียวจี่ องครักษ์จึงจงใจลดระดับเสียงลง เพื่อที่นางจะได้ยินไม่ชัด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เซียวจี่หันหลังเดินเข้าที่พักชั่วคราว เริ่มแต่งตัวและมัดผม
องค์หญิงซิ่นหยางใจหวิวขึ้นมา ลุกขึ้นยืนพลางถามเขา “จะเกิดสงครามแล้วใช่หรือไม่”
“จะไปด่านหน้าสักหน่อย” เซียวจี่รัดเข็มขัดแน่น หยิบชุดเกราะบนชั้นวางขึ้นมาสวม ท่วงท่าคล่องแคล่วและรวดเร็ว ทุกเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหารอันองอาจ
ต่อหน้านาง เขามักดูเหมือนขุนนางผู้สง่างามและเจ้าชู้ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่นางส่งเข้าออกรบ
ในฐานะภรรยาควรทำอย่างไร
ควรสวมชุดเกราะให้เขา หรือส่งเขาออกเดินทางรึ
องค์หญิงซิ่นหยางมองชุดเกราะแวววาวบนชั้นวาง นิ้วมือเริ่มขยับ
เขาหันหลังกลับมา
นางดึงมือกลับเข้าผ้าห่มแล้วเอ่ย “เจ้าจุดตะเกียง”
เซียวจี่หยิบหมวกเหล็กเย็นเฉียบมาสวมใส่ “ข้ามองเห็น”
เสียงเหล่าทหารม้ารวมพลดังขึ้นนอกที่พักชั่วคราว ฟังดูแล้วสถานการณ์คับขันยิ่งนัก
เซียวจี่แต่งตัวเสร็จ คว้าดาบยาวบนชั้นวาง แล้วเอ่ยกับองค์หญิงซิ่นหยาง “ข้าจะไปตามอวี้จิ่นมา หากไม่มีเรื่องอันใด ห้ามออกจากค่ายทหารเด็ดขาด”
เอ่ยจบ รีบออกจากที่พักไป
คำพูดที่องค์หญิงซิ่นหยางอยากกำชับให้เขาระวังตัวขึ้นมาถึงลำคอ แต่กลับพูดไม่ออก
ลมหนาวพัดผ่านผ้าที่พักชั่วคราวจนเกิดเสียงดังสนั่นถูกลมหนาวพัด ความอบอุ่นในผ้าห่มค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับการจากไปของเขา และทันใดนั้น จากไป ทั้งที่พักชั่วคราวก็เย็นเยือกราวกับห้องใต้ดินน้ำแข็ง
“ออกเดินทาง!”
เสียงอันทรงพลังและน่าเกรงขามของเขาดังก้องไปทั่วท่ามกลางลมหนาว ทหารม้าห้าร้อยนายฝ่าพายุหิมะมุ่งหน้าสู่แนวสุดท้ายเพื่อสละชีพปกป้องพรมแดนตะวันออกของแคว้นเจา – ด่านตงหลิน
“องค์หญิง!”
อวี้จิ่นยกม่านขึ้นเดินเข้าที่ไปพักชั่วคราว นางหยิบพับไฟออกจากอกก่อนจุดตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะ
จากนั้นนางก็มาที่ข้างเตียง มององค์หญิงซิ่นหยางที่จ้องประตูด้วยความเหม่อลอย ก็ช่วยประคองนางให้เอนลงด้วยความเห็นใจ “ประเดี๋ยวจะป่วยเอาได้”
“เขาไปแล้ว” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยอย่างเลื่อนลอย
อวี้จิ่นถอดชุดคลุม เพิ่งเดินมาเพียงไม่กี่ก้าว ร่างกายก็เต็มไปด้วยหิมะ ขบวนทัพของท่านโหวต้องเดินทางฝ่าหิมะ ไม่รู้ว่าจะเหน็บหนาวเพียงใด
นางแขวนชุดคลุม นั่งลงบนขอบเตียง คลุมผ้าห่มให้องค์หญิงและปลอบนางเสียงเบา “ท่านโหวผ่านสมรภูมิรบมานับร้อย ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงเบา “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
…
เซียวจี่จากไปหลายวันแล้ว
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้เปิดเผยตัวตนของนาง องค์หญิงน้อยแห่งตงอี๋คงได้รับคำสั่งจากเซียวจี่ จึงไม่ได้บอกว่านางคือใคร
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงน้อยแห่งตงอี๋ก็เคารพนางมากขึ้น นางจะเป็นเพราะเซียวจี่กำชับก่อนออกเดินทาง
นางเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เข้าพักในที่พักชั่วคราวของเซียวจี่ ทหารประจำค่ายไม่มีใครกล้าไม่เคารพนาง ถึงมีก็เอาชนะหลงอีไม่ได้
เสี่ยวหมิงก็พักอยู่ในค่ายนี้ และองค์หญิงซิ่นหยางไปพบเขาทุกวัน
นางไม่เคยใส่ใจเขาและคนข้างกายเขามาก่อน แม้แต่น้องชายเพียงคนเดียวของเขาอย่างเซียวหมิงก็ไม่ถือว่าคุ้นเคย
ว่ากันว่าพวกเขาสองพี่น้องสนิทสนมกันดี
แต่นางจำไม่ได้แน่ชัดว่าพวกเขากันอย่างไร
นางรู้จักเขาน้อยมากๆ น้อยจริงๆ
“เจ้ามาแล้ว” ในที่พักชั่วคราวของเซียวหมิง องค์หญิงน้อยแห่งตงอี๋หันศีรษะเหลือบมององค์หญิงซิ่นหยาง
องค์หญิงซิ่นหยางเดินเข้ามา สายตาจ้องมองใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเซียวจี่ เอ่ย “วันนี้พ่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฟื้นแล้วหรือไม่”
องค์หญิงน้อยแห่งตงอี๋ส่ายศีรษะ “ไม่เลย”
องค์หญิงซิ่นหยางอยู่กับนางมาหลายวัน พบว่านางใจคอไม่ได้เลวร้าย ไม่ได้ใจร้าย นิสัยที่ดูเอาแต่ใจเป็นเพียงหนทางเอาชีวิตรอดของนางในที่นี่
นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัด เป็นบุตรสาวของเซียวหมิง แต่ยังไม่มีโอกาสให้เซียวหมิงยอมรับอย่างเป็นทางการเลย
เซียวจี่ไม่อาจตัดสินใจแทนน้องชายได้ จึงไม่ได้เปิดเผยสถานะของนางต่อสาธารณชน
นางเป็นชาวตงอี๋ที่ถูกส่งมาเจรจา หากนางไม่แสดงท่าทีที่แข็งกร้าว คงถูกรังแกได้ง่าย
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยถาม “แม่ของเจ้า…”
องค์หญิงน้อยแห่งตงอี๋ยิ้มเยาะตนเองแล้วเอ่ย “แม่ข้าเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ข้าถูกเลี้ยงดูโดยน้าหญิง ต่อมา อาหญิงพาชายหนุ่มผู้หนึ่งกลับมา ชายผู้นั้นเห็นว่าข้าหน้าตาคล้ายคลึงคนหนึ่ง จึงถามข้าว่าพ่อแม่ของข้าคือใคร ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาไปสืบมาจากที่ใด ถึงรู้ว่าข้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่ทัพใหญ่เวยหยวนแห่งแคว้นเจา น้าหญิงขายข้าให้กับชายผู้นั้น เขาพาข้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ตงอี๋ กษัตริย์ตงอี๋ก็ใช้ข้าเป็นเครื่องมือหลอกล่อแม่ทัพใหญ่เวยหยวนออกมา เขาถูกวางยาเพื่อช่วยชีวิตข้า ทว่าสิ่งที่น่าขันคือ กษัตริย์ตงอี๋ยังกล้าส่งข้ามาเจรจาอีก”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย “กษัตริย์ตงอี๋หวังให้เซียวจี่ฆ่าเจ้า ล้างแค้นให้กับน้องชายเขา และสร้างความแตกแยกระหว่างเขากับเซียวหมิง แต่เซียวจี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น”
……….