สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 973 สามีภรรยาพบหน้า (ฉบับเซียวจี่ vs ซิ่นหยาง) (1)

บทที่ 973 สามีภรรยาพบหน้า (ฉบับเซียวจี่ vs ซิ่นหยาง) (1)

บทที่ 973 สามีภรรยาพบหน้า (ฉบับเซียวจี่ vs ซิ่นหยาง) (1)

……….

ในคืนส่งท้ายปีเก่าทุกคนต้องโต้รุ่ง แต่หากจะให้โต้รุ่งจริงๆ นั้นคงไม่ไหว เมื่อล่วงเลยยามจื่อ เสียงประทัดในเมืองหลวงก็ค่อยๆ ซาลง จวนองค์หญิงตกสู่ความเงียบสะงัด

กู้เจียวออกมาจากห้องอาบน้ำหลังจากล้างหน้าเสร็จ เซียวเหิงยังไม่นอน เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

ตอนที่จวนองค์หญิงถูกสร้างขึ้น มีการขุดทางไฟใต้ดินในลานบ้านแต่ละหลัง เชื่อมต่อกับช่องเปิดด้านนอก เมื่อฤดูหนาวมาเยือนเพียงแค่จุดไฟที่ช่องใต้ดิน ความร้อนก็สามารถถ่ายเทเข้ามาในจวนผ่านทางไฟได้

หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ามังกรดินอุ่นกาย

อากาศในห้องอบอุ่น เซียวเหิงเอนตัวพิงหัวเตียง ขาข้างหนึ่งเหยียดออกอย่างเกียจคร้าน อีกข้างงอขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

เขาสวมเพียงชุดนอนสีขาวเนื้อบาง คอเสื้อไม่ได้จัดเป็นระเบียบ แบะออกอย่างไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าอันสวยงามอย่างพอเหมาะพอเจาะ เหนือกระดูกไหปลาร้าเป็นลูกกระเดือกแสนเย้ายวน

แม้แต่ลูกกระเดือกก็ยังดูดี

เขาดูจดจ่อมาก จนทำเอาคนรู้สึกว่าไม่อาจแตะต้อง

ดวงตาของกู้เจียวเบิกกว้าง

เซียวเหิงพลิกหน้าหนังสือ ราวกับไม่รู้ว่านางมาถึงแล้ว ยังคงค้างท่าเดิมอยู่อย่างนั้น

กู้เจียวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว น้ำลายไหล คิดถึงสามีจังเลย หล่อตลอดเวลา อยากจะผลักลงเตียง!

เดี๋ยวก่อน

มีลูกอยู่ในห้อง

กู้เจียวมองไปที่เปลข้างๆ

เอ๊ะ

ว่างเปล่า

“ลูกอยู่ไหน” นางถามเซียวเหิงอย่างงุนงง

“โอ้ เจ้าอาบน้ำเสร็จแล้วรึ” เซียวเหิงทำราวกับว่าเพิ่งรู้ว่านางมาถึง ปิดหนังสืออย่างสง่างาม นิ้วเรียวดุจหยกวางทาบบนหนังสือ งามเสียจนอักษรสุดประณีตบนกระดาษนั้นกลายเป็นเส้นโย้เย้

กู้เจียวกลืนน้ำลาย

เซียวเหิงหันศีรษะเล็กน้อย ช่างเป็นมุมที่สมบูรณ์แบบ เขามองนางด้วยสายตาอ่อนโยน พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “จิ้งคงบอกว่าอยากนอนกับหลานชายและหลานสาว ข้าเลยอุ้มลูกไป มีพี่เลี้ยงคอยดูแล ไม่ต้องห่วง”

เสียงของสามียังไพเราะมาก ชวนขนลุก ชวนให้หูอยากตั้งท้อง

กู้เจียวมาที่เตียง คุกเข่าลงบนเตียง มือข้างหนึ่งค้ำตัวเล็กๆ ของนางไว้ใกล้เขา อีกมือหนึ่งก็หยิบหนังสือของเขาออก

เซียวเหิงมองนางอย่างจนใจ ยิ้มพลางเอ่ยถามอย่างรู้เท่าทัน “เป็นอะไรรึ”

กู้เจียวเอ่ยเสียงจริงจัง “อยากกินเจ้า”

มุมปากของเซียวเหิงกระตุก ฝืนกลั้นยิ้มเอาไว้ มองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนอยู่บนรถม้าเจ้าบอกว่าง่วงมิใช่หรือ”

กู้เจียวส่ายศีรษะเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ข้าไม่ง่วงแล้ว”

ปลายนิ้วเย็นของเซียวเหิงกดเบาๆ ที่ริมฝีชุ่มชื้นของนาง เสียงแหบพร่า “เจ้าพูดเองนะ”

“อืม!” กู้เจียวเบิกตากว้าง พยักหน้าหงึกหงัก!

เซียวเหิงลูบดวงแก้มบอบบางของนาง พลิกตัวแล้วกดนางลงใต้ร่าง ก้มลงกดจูบลงบนริมฝีปากของนาง “คืนนี้ ห้ามนอน”

แรงกระเทือนแสนน่าอายหยุดเอาตอนใกล้ฟ้าสาง

กู้เจียวนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขาเหมือนลูกแมวขี้เกียจที่กินอิ่ม

เซียวเหิงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างรักใคร่ อดไม่ได้ที่จะจูบริมฝีปากบวมแดงของนางอีกครั้ง กอดนางและเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝันไปพร้อมกับนาง

ทั้งสองนอนจนถึงเกือบเที่ยง

เซียวเหิงตื่นขึ้นก่อน ขณะที่เขายังงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่นก็รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังกดผ้าห่ม เขาขยับตัวแล้วค่อยๆ ลืมตาที่ง่วงนอนขึ้น

สิ่งที่เขาเห็นคือศีรษะน้อยแสนน่ารัก

เขาตกใจมากและตื่นขึ้นมาทันที!

“อีอี”

เขารู้ว่าเป็นน้องสาวของเขา

เสี่ยวอีอีนั่งขัดสมาธิบนผ้าห่มของทั้งสองคน กอดหมอนใบเล็กของตัวเองไว้ในอ้อมแขน มือข้างหนึ่งเท้าคาง มองพี่ชายของนางไม่กระพริบตา

ภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตาทำเอาเซียวเหิงตกใจจนเหงื่อแตก

เขารีบเปิดผ้าห่มมองเข้าไปข้างใน โชคยังดีที่เขากับกู้เจียวใส่เสื้อผ้าก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะไม่สบาย

เขาตั้งสติ ลุกขึ้นนั่งในผ้าห่ม จัดผ้าห่มให้กู้เจียวที่ยังหลับอยู่ ก่อนจะถามเสี่ยวอีอี “ทำไมเจ้ามาที่นี่ แถมยังกอดสิ่งนี้ด้วย”

เขาหมายถึงหมอนใบเล็กของนาง

เสี่ยวอีอีเสียงเจื้อยแจ้ว “เพราะตั้งแต่วันนี้ ข้าจะย้ายมาอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้แล้ว!”

เขาขมวดคิ้วอย่างประหลาด “หมายความว่าอย่างไร”

เสี่ยวอีอีลุกขึ้นยืนบนเตียงตัวตรง โค้งคำนับเซียวเหิง “ท่านแม่ไปหาท่านพ่อแล้ว ฝากพี่ชายและพี่สะใภ้ดูแลข้าด้วย!”

เซียวเหิง: “…!!”

ในวันแรกของปีใหม่ ท่านแม่ของเขาที่รักษากฎมาตลอดชีวิต ทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลังเพื่อเดินทางไปหาสามีไกลนับพันลี้!

เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้!!!

ทางตะวันออกของแคว้นเจาไม่ค่อยมีหิมะตกนัก ทว่าปีนี้เป็นข้อยกเว้น บวกกับภัยสงคราม ภัยธรรมชาติและภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น ชีวิตของผู้คนก็ยากลำบากขึ้นในทันที

องค์หญิงซิ่นหยางเสด็จออกนอกวังอย่างลับๆ นางนั่งรถม้าที่ดูแสนธรรมดา เปิดหน้าต่างรถม้าเพื่อดูทิวทัศน์ไปตามทางเป็นครั้งคราว

ยิ่งใกล้ชายแดน ถนนก็ยิ่งรกร้าง ประตูร้านค้าปิดสนิท มีขอทานอยู่ทั่วหัวมุมถนน บางคนถึงกับแข็งตาย

“องค์หญิง อย่ามองเลยเพคะ” อวี้จิ่นเกลี้ยกล่อม

องค์หญิงซิ่นหยางถอนหายใจ “สงครามเป็นแบบนี้หรือ”

นางเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ที่มีเกียรติ เติบโตในเมืองหลวงที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง ครอบครองที่ดินมากมาย ทั้งยังอยู่ตำแหน่งที่มั่นคงที่สุดของแคว้นเจา นางไม่เคยสัมผัสกับความโหดร้ายของสงคราม

อวี้จิ่นปิดหน้าต่างรถม้าให้นาง นางรู้ว่าองค์หญิงดูเย็นชาแต่จริงๆ แล้วจิตใจเมตตานัก หากพบเจอคนตกทุกข์ได้ยาก องค์หญิงมักจะให้เงินช่วยเหลือเสมอ

เพียงแต่เมื่อมีผู้ประสบภัยมากขึ้นเรื่อยๆ เงินของพวกเขาก็เหลือน้อยลงเรื่อยๆ และไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหล่านี้ได้อีกต่อไป

อวี้จิ่นไม่อยากให้องค์หญิงต้องเศร้าหมอง จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “องค์หญิง พวกเราถึงอำเภอลี่แล้ว นี่คือเมืองที่ใกล้ชายแดนที่สุด ไปทางทิศตะวันออกอีกสามสิบลี้ก็จะถึงค่ายของท่านโหวแล้วเพคะ”

องค์หญิงซิ่นหยางขานตอบเสียงแผ่วเบา

อวี้จิ่นแอบยิ้ม

รถม้าเคลื่อนต่อไป ใกล้เที่ยงแล้ว พวกเขาหิว อวี้จิ่นบอกให้คนขับรถม้าหยุดที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่ดูสะอาดตา

สภาพที่นี่เทียบไม่ได้กับเมืองหลวง น้ำดื่มมีทราย ข้าวที่กินก็หยาบ แม้แต่เกลือที่ใช้ปรุงอาหารก็เป็นเกลือหยาบ รสชาติออกขมเล็กน้อย

อวี้จิ่นคีบผักให้องค์หญิงซิ่นหยาง “ถ้ารู้ว่ามันขมขนาดนี้ ข้าจะไม่ชวนท่านมา”

องค์หญิงซิ่นหยางไม่เอ่ยอะไรและเริ่มกินอาหารพร้อมกับขมวดคิ้ว

เมื่อทานอาหารไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็มีเสียงดังโวยวายมาจากถนนด้านนอก ตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของผู้หญิงและเด็ก

“ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย

“เพคะ” อวี้จิ่นออกจากโรงเตี๊ยมและไม่นานนักก็กลับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางเอ่ยอย่างจนใจกับองค์หญิงซิ่นหยาง “ขอทานคนหนึ่งทำม้าตกใจเพราะแย่งขนมปังที่ตกอยู่บนพื้น เจ้าของม้าจึงใช้แส้ฟาดเขาหลายครั้ง หญิงสาวและเด็กเป็นชาวบ้านที่เดินผ่านไปมา พวกเขาถูกแส้ฟาดโดยไม่ตั้งใจ”

“มีใครบาดเจ็บไหม” องค์หญิงซิ่นหยางถาม

อวี้จิ่นตอบ “ขอทานถูกทุบตี รับบาดเจ็บสาหัส หญิงสาวและเด็กได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพคะ”

ทันทีที่เขาเอ่ยจบ ก็มีเสียงร้องไห้ด้วยความคับข้องใจและโกรธแค้นของหญิงสาวดังมาจากข้างนอก “พวกเจ้าทำร้ายคนอื่นกลางถนนได้อย่างไร บ้านเมืองยังมีกฎหมายอยู่ไหม”

“ไปดูกันเถอะ” องค์หญิงซิ่นหยางวางตะเกียบลงและสวมผ้าคลุมหน้าทันที

ทันทีที่นางลุกขึ้น ชายวัยสามสิบต้นๆ ที่โต๊ะข้างๆ ก็เอ่ยอย่างสบายๆ “จากสำเนียงของพวกท่านทั้งสองคงมาจากที่อื่นสินะ ปีนี้ นอกจากคนของทางการแล้ว ยังมีคนเต็มใจมาที่อำเภอลี่ นี่มันแปลกจริงๆ ข้าขอแนะนำพวกท่านว่า อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น จะได้ไม่เดือดร้อน!”

ชายชราที่โต๊ะอีกตัวหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่แล้ว คนที่อยู่ข้างนอกนั่น พวกเจ้าไม่ควรไปทำให้ขุ่นเคือง อย่างไรเสียก็อย่ายุ่งเลย”

อวี้จิ่นถามอย่างสุภาพ “ท่านผู้อาวุโส ท่านารู้ที่มาของคนกลุ่มนั้นไหม”

ชายชราถอนหายใจ “พวกเขาไม่ใช่คนแคว้นเจา พวกเขาเป็นชาวตงอี๋”

……….

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset