ตอนที่ 584 : ทีมส่งของ
แสงจางหายไปพร้อมกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่หายเข้าไปในตัวของหวังเย่าด้วย
เขารู้สึกได้ถึงพลังก่อนที่จะลองต่อยออกไป
เสียงระเบิดดังขึ้น เขาลืมตัวใช้พลังภายในไปในตอนที่ต่อยออกไปด้วย จนทำให้กระจกตรงหน้าพังลงมา
ฟอเนอร์มองดูฉากนั้นด้วยความตกตะลึง ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ตัวเขาเองแม้ว่าจะใช้พลังทั้งหมดก็ไม่อาจจะทำให้กระจกนี้แตกได้ แต่หวังเย่าแค่ต่อยออกไปเบา ๆ ก็ทำให้มันแตกได้แล้ว
“ยินดีด้วย น้องหวังเย่า ฉันเจอเจ้าของที่แท้จริงของดาบศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
หวังเย่าได้สติกลับมาและมองไปที่หมัดของตัวเองที่ต่อยออกไป ก่อนจะยิ้มออกมา “ฉันอยากขอบคุณนายจริง ๆ ที่มอบมันให้กับฉัน ”
“ฮ่าฮ่า เราสองคนน่ะเป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันเตรียมไวน์ไว้แล้ว ไปดื่มกันเถอะ”
เมื่อเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น ฟอเนอร์ก็ได้ทำการรินไวน์ให้กับหวังเย่าก่อนที่ทั้งสองจะพูดคุยกัน
หลังจากที่พูดคุยเรื่องประวัติศาสตร์ของดาวทมิฬแล้ว ฟอเนอร์ก็ได้แสดงสีหน้าจริงจังออกมา
“ฉันหาตำแหน่งให้นายได้แล้วนะ”
หวังเย่ายิ้มออกมา “ได้ แต่ระดับมันไม่ควรต่ำกว่านายพลนะ ! ”
“นายไม่บ่นรึไงที่ฉันไม่ปรึกษานายก่อน ? ”
“บ่นไปก็ไม่ช่วยอะไร นายน่ะฉลาดที่ผูกมัดฉันไว้”
“นายก็เป็นคนง่าย ๆ ดีนี่”
ฟอเนอร์ยกแก้วขึ้นมาชนแก้วกับหวังเย่า
“แต่ตอนนี้ฉันมีปัญหานิดหน่อย ฉันหวังว่านายจะช่วยฉันได้ แน่นอนว่าไม่ได้ช่วยฟรี ๆ ”
หลังจากที่จิบไวน์แล้ว ฟอเนอร์ก็พูดต่อ “ฉันแอบอยู่ในเหมืองมาหลายปีแล้ว ระหว่างนี้ตระกูลมูหลางคอยยุ่งกับเรื่องกองทัพ มันมีคนระดับสูงที่เป็นคนของพวกเขาด้วย ฉันจะค่อย ๆ จัดการทีละคน ๆ ไป แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการได้ทั้งหมดหรือไม่”
หวังเย่าพยักหน้า
“มันมีเรื่องใหญ่ที่ฉันต้องไปจัดการ ฉันคงยุ่งมากหลังจากนี้” ฟอเนอร์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันอยากรู้ข้อมูล”
“กองกำลังของดวงดาวกำลังเปลี่ยนไป ตระกูลมูหลางสนใจจะเข้าควบคุมกองกำลังนี้ ฉันไม่อาจจะปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จได้ ”
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ
“ทุกๆ 10 ปี แม่ทัพของกองกำลังของดวงดาวจะถูกเลือกในหมู่นายพลจาก 50 ดาวโดยรอบ ฉันไม่มีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งมากพอ ดังนั้น…ฉันเลยว่าจะเสนอนายแทน”
หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น “การประชุมก่อนหน้านี้ ที่นายตั้งใจทำให้ฉันโดดเด่นก็เพราะเรื่องนี้งั้นหรือ ? ”
ฟอเนอร์ยิ้มออกมา “จริง ๆ แล้ว…นายยังไม่รู้อีกเรื่อง นั่นก็คือฉันเอาชื่อของนายไปอ้างในการกำจัดกองโจรที่คอยสู้กับดาวทมิฬมาโดยตลอด กองทัพของทุกประเทศน่ะไม่อาจจะทำอะไรพวกมันได้”
หวังเย่ายิ้มแห้ง ๆ ออกมา “งั้นก็ถือว่าฉันเป็นคนทำลายกองโจรพวกนั้นสินะ ? ”
ฟอเนอร์พยักหน้าและยิ้ม “ข่าวนี้น่าจะเผยแพร่ไปทั่วทั้งโลกในคืนนี้ นายน่ะ…ไม่ใช่แค่นักรบจากคุกอีกต่อไปแล้ว แต่ยังเป็นทหารมากพรสวรรค์ ฉันเชื่อว่าด้วยผลงานนี้แล้ว นายจะมีโอกาสมากพอที่จะได้คัดเลือกเป็นแม่ทัพของกองกำลังดวงดาวมากขึ้นกว่าเก่า”
หวังเย่าเบะปาก “งั้นบอกฉันทีว่าที่ฉันช่วยนายครั้งนี้แล้ว ฉันจะได้อะไร”
ฟอเนอร์เทไวน์ให้กับตัวเองและหวังเย่า ก่อนจะพูดขึ้น “นายรู้ไหมว่านายพลที่เผ่าจิ้งจอกส่งมาน่ะเป็นใคร ? ”
“ไม่รู้หรอก”
“ชื่อของเขาคือ ดิ๊ค เขาคือคนอพยพที่ได้รับการรับรอง เพราะเขามาจากดาวระดับ 110 เขามีพรสวรรค์อย่างมากในเรื่องสัตว์อสูร”
“ดาวทมิฬไม่อาจจะรับรองคนที่เป็นผู้ดูแลไม่ใช่รึไง ? ฉันเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน” หวังเย่าตาเป็นประกายขึ้นมา
“ผู้ดูแลน่ะได้รับการรับรองโดยสหพันธ์ดวงดาว ดาวกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในจักรวาลแห่งนี้เป็นสมาชิกของสหพันธ์ดวงดาว แต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนด้วยการเข้ามาของตระกูลมูหลางก็ทำให้ดาวทมิฬถอนตัวจากสหพันธ์ ดังนั้นเราจึงเสียสิทธิ์ในการรับรองผู้ดูแลไป”
หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย “งั้นกลับไปที่เรื่องของดิ๊คต่อ”
“เขาน่ะอพยพมาที่ดาวทมิฬมาเกือบร้อยปีแล้ว หลังจากที่เข้าร่วมเป็นทหารราชวงศ์ เขาก็ปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ…ใช่สิ เขามีน้องชาย นายคิดไม่ถึงแน่ว่าน้องของเขาเป็นใคร”
“หือ ?” หวังเย่ายักคิ้ว
“น้องเขาคือดิว ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าผู้ตรวจสอบของฝ่ายราชวงศ์อยู่ และเขาก็เป็นคนที่ยิงยานของนายตก ! ”
อึก !
หวังเย่ายกไวน์ขึ้นมาดื่ม
“ไม่ใช่ว่าโชคชะตานำพารึไง พี่น้องสองคนนี้สนิทกันอย่างมาก” ฟอเนอร์ยิ้มออกมาและดื่มไวน์จนหมดแก้ว
หวังเย่าหรี่ตาลงและยิ้มออกมา “ที่บ้านเกิดฉันมีคำพูดหนึ่ง ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น”
“ฮ่าฮ่า…น้องหวังเย่า นายดื่มเยอะเกินไปรึเปล่า ” ฟอเนอร์ยังเทไวน์ให้กับหวังเย่าต่อ
“นายน่าจะมีเงื่อนไขอื่นนอกจากจะให้ฉันแก้แค้นสินะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
ฟอเนอร์พยักหน้า “ถ้านายอยากออกจากดาวทมิฬ นายก็ต้องเข้าร่วมกองกำลังดวงดาว”
“นายเคยถามฉันว่ารู้จักเขตดาวโบไลด์รึเปล่า ฉันบอกนายก็ได้ว่าฉันรู้จัก ! ” ฟอเนอร์พูดต่อ “แต่ถ้านายไม่มีเรือมิติ ถ้านายจะไปที่นั่นด้วยเกราะของนายแล้ว บางทีมันอาจจะใช้เวลาหลายร้อยปี”
“นายไม่มีรูหนอนที่เชื่อมต่อไปที่เขตดาวโบไลด์รึไง ? ”
ฟอเนอร์ส่ายหน้า “รูหนอนนั้นต้องเชื่อมต่อทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน ต้องบอกว่า.. ต้องมีคนของเราอยู่ที่นั่นเพื่อทำการสร้างรูหนอนขึ้นและบอกรหัสเชื่อมต่อกับเราล่วงหน้าก่อน ถ้าไม่ทำแบบนั้น งั้นก็ไม่มีทางอื่น”
“ตอนที่ซิดดี้หนีไป พวกนั้นหนีผ่านรูหนอนที่เชื่อมต่อจากเหมืองไปที่เขตดาวโบไลด์ ตอนนี้ถ้านายอยากไปที่นั่น นายก็ต้องขึ้นเรือไป นี่คือทางที่ดีที่สุดแล้ว”
“ เรือระดับสูงที่สุดของเราตอนนี้ได้ใช้เทคโนโลยีการวาร์ปเข้ามาช่วย นั้นคือระบบการเคลื่อนที่เร็วกว่าแสง การเดินทางไปที่เขตดาวโบไลด์จะใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น”
“แต่ถ้านายอยากซื้อเรือนั่นมา นายต้องเป็นแม่ทัพของกองกำลังดวงดาวก่อน ! ”
หวังเย่าคิดตามแล้วพูดขึ้น “ถ้าฉันได้เป็นแม่ทัพของกองกำลังดวงดาว แล้วถ้าฉันเลือกที่จะเดินทางไปที่นั่น แล้วนายจะทำยังไงต่อ ? ”
ฟอเนอร์ยิ้มออกมา “นี่แหละที่ฉันอยากจะถาม นายคิดจะตั้งรกรากที่นี่รึเปล่า ? ถ้านายจะไปที่เขตดาวโบไลด์แล้วกลับมา ฉันจะสนับสนุนนายเต็มที่ในฐานะแม่ทัพของกองกำลังดวงดาว”
“ถ้านายไม่คิดที่จะอยู่ที่ดาวทมิฬต่อ ฉันหวังว่านายจะเป็นแม่ทัพโดยเร็วที่สุด แล้วค่อยลาออกแล้วแต่งตั้งคนอื่นขึ้นมาแทน แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคนอื่นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ สุดท้ายแล้วตำแหน่งของนายก็จะถูกยกให้กับรองแม่ทัพ”
หวังเย่าจิบไวน์ “ตราบใดที่สมาชิก 60 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วย ถึงฉันจะหายตัวไป แต่แม่ทัพของกองกำลังนี้ก็จะไม่ถูกเลือกใหม่งั้นหรือ ? ”
“ใช่ ” ฟอเนอร์ตอบกลับ
“ฉันมีคนที่เชื่อถือได้และมีพรสวรรค์ เธอชื่อโอพีเลีย เธอใช้ชื่อของนายในการสร้างผลงาน”
“ผู้หญิงงั้นหรือ ? ”
ฟอเนอร์ยิ้มและพยักหน้า “ เธอน่ะดีเหมือนผู้หญิงทุกอย่าง ยกเว้นแค่พรสวรรค์ในการต่อสู้ของเธอที่เหนือกว่า”
หวังเย่ายิ้มแห้ง ๆ ออกมา “ งั้น…เธอก็สวยสินะ ! ”
ฟอเนอร์พยักหน้าตอบรับ
หวังเย่ายิ้มออกมา “เธอเกี่ยวข้องกับนายงั้นสิ”
ฟอเนอร์หน้าแดง “เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน แต่เราไม่เคยพบกันในที่สาธารณะ”
“งั้นถ้าฉันออกจากดาวทมิฬไป และเธอขึ้นมาเป็นแม่ทัพแทน นายก็คงจะโล่งอกสินะ”
ฟอเนอร์พยักหน้าและยิ้มรับ
“งั้นนายจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ รึไง ? ในฐานะผู้ชายแล้วนายคิดจะให้ผู้หญิงจัดการแทนทุกอย่างงั้นหรือ ทำไมนายไม่ชัดเจนสักที ? ”
“เธอต้องการแบบนั้นเอง ฉันเองก็อยากได้ตำแหน่งนี้ แต่เธอน่ะต้องการให้ตระกูลมูหลางออกจากดาวนี้ไป ก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับฉัน ”
หวังเย่ายิ้มออกมาและชนแก้วกับฟอเนอร์ “งั้นฉันคงต้องไปงานแต่งนายด้วย ฉันหวังว่านายจะมีความสุข”
จากนั้นทั้งสองก็ได้ดื่มกันต่อ
ไม่นาน หวังเย่าก็ได้ขับรถกลับมาที่บ้าน
ทันที่ที่เปิดประตูบ้านก็พบกับห้องนั่งเล่นที่เปิดไฟทุกดวง ที่โต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร มันราวกับงานเลี้ยง
แฟนธอมและอีกสี่คนนั่งอยู่รอบโต๊ะและคอยกินอาหารกันอย่างมีชีวิตชีวา
เมื่อเห็นหวังเย่ากลับมา พวกนั้นก็ลากเขาไปนั่งกินด้วยกัน
“มีงานเลี้ยงรึไง ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
แฟนธอมหัวเราะออกมา “พี่เย่า นายอาจจะไม่เชื่อ หลังจากที่เล่นเกมมาทั้งคืน ตะกี้นี้เราชนะมา 20 ตาติดแล้ว ! ”
หวังเย่ากวาดตามองไปยังทั้งสี่คน “พวกนายคงขึ้นไปถึงขั้นซิลเวอร์กันหมดแล้วสินะ ? ”
หัวหน้าของทั้งสี่ได้ลุกขึ้น แล้วพูดขึ้นมา “นี่…พี่เย่า”
เขาเลียนแบบจากแฟนธอมที่เรียกหวังเย่าว่าพี่ “ครั้งนี้เพราะหัวหน้าเรา เราถึงได้ชนะมา 20 ตาติดและขึ้นไปขั้นไดมอนด์แล้ว ! ”
“ไดมอนด์งั้นหรือ ? ”
สาวสวยพยักหน้า “ฉันยืมเงินจากเพื่อนมา เกมที่แล้วเราได้จัดการทีมผู้เล่นมืออาชีพไป 5 รอบติด ตอนแรกพวกนั้นดูถูกเรา แต่หัวหน้าแฟนธอมน่ะฆ่าพวกนั้น 2 ครั้งติด จากนั้นพวกนั้นถึงเอาจริงแต่ก็ยังแพ้ให้กับเราอยู่ดี”
ชายตัวผอมอีกสองคนพูดขึ้น “หลังจากที่ออกจากห้องมาแล้ว พวกนั้นก็ยังถามว่าหัวหน้าแฟนธอมมาจากทีมไหนอีก แค่นี้พวกเราก็ดีใจแล้ว”
หวังเย่าพูดขึ้น “ไม่ ฉันจำได้ว่าตอนแรกแฟนธอมยังเล่นไม่เป็นเลย ทำไมเขาถึงเก่งได้แบบนี้”
แฟนธอมพูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ “ตอนแรกฉันแค่ฝึก ตอนนี้ฉันน่ะแกร่งของจริงแล้ว ฮ่าฮ่า…”
“เรื่องอื่นช่างเถอะ พี่เย่ามาดื่มกันดีกว่า”
หวังเย่ายกแก้วเบียร์ขึ้นแล้วถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “แล้วทีมพวกนายมีชื่อว่าอะไร ? ”
ทั้งห้าคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ทีมส่งของ ! ”
“หือ ?”
“เพราะเราน่ะเป็นคนส่งของกันทั้งนั้น ! ”
“ฮ่าฮ่า..”