ตอนที่34 : ท้องฟ้ายามราตรี
จากนั้นพวกเราก็ยังคงตั้งใจเรียนต่อไป
ผมสอนมาชิโระ ส่วนเรโอะก็สอนนิชิคาว่าในส่วนที่ไม่เข้าใจ
ในระหว่างการติว พอพวกเขาสงสัยเมื่อไหร่ ผมก็จะเข้าไปอธิบายจนทั้งสามคนแปลกใจ
โดยเฉพาะมาชิโระที่พูดชมว่า “ริวสุเกะสอนเก่งมากอ่ะ! ทุกอย่างเข้าหัวเร็วมากเลย!” ส่วนเรโอะก็กำลังสอนนิชิคาว่าอย่างตั้งใจ
และแล้วการติววันนี้ก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย
โรงเรียนคิโอะอนุญาตให้อยู่ดึกสุดแค่2ทุ่มเท่านั้น ตอนนี้รอบข้างมืดไปหมด แม้จะมีนักเรียนที่อยู่อ่านหนังสือบ้างแต่ก็ไม่มาก ยิ่งอยู่จนเโรงเรียนจะปิดนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะตั้งแต่พวกเราเก็บของออกจากห้องแล้วเดินไปที่ประตูทางออกก็ไม่ได้เจอใครอีกเลย
มาชิโระเดินนำออกไปข้างนอกก่อน แล้วเธอก็แหงนหน้ามองท้องฟ้า ผมเองก็เดินไปยืนข้างๆแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าเหมือนกัน
“หวาา เห็นดาวด้วย สวยจังเลย….”
“นั่นสินะ วันนี้ท้องฟ้าเปิด ได้เห็นพระจันทร์ด้วย ไม่บ่อยหรอกนะที่จะได้เห็นแบบนี้”
“อืมม สวยจริงด้วย การมองท้องฟ้าจากหน้าโรงเรียนแบบนี้ก็แปลกไปอีกแบบนะ สนุกดีด้วย”
“ก็นะ สำหรับฉันกับมาชิโระ เป็นวิวที่ไม่ค่อยได้เห็นหรอก”
เราทั้งสองมองดูดวงดาวที่กระจายตัวอยู่บนท้องฟ้า ราวกับประกายเพชรที่ประดับอยู่บนผืนผ้าใบของท้องฟ้ายามค่ำคืน ทั้งผมและมาชิโระตกตะลึงไปกับความงดงามนั้น ท้องฟ้าในคืนนี้ดูแตกต่างจากปกติทำให้มันดูสวยงามกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตอนที่เรายืนมองท้องฟ้าด้วยกัน เรโอะกับนิชิคาว่าก็เดินออกมาพอดี
“พวกผมเลิกชมรมเวลานี้ตลอดเลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจเหมือนริวสุเกะกับคุณมาชิโระหรอกนะ”
“ท้องฟ้าวันนี้ก็เหมือนปกติไม่ใช่หรอ? หรือว่ามีเมฆ ไม่สิ หรือว่าฝนจะตกหรอ?”
“เคียวยะ นายช่วยโรแมนติกกว่านี้หน่อยสิ…”
“โรแมนติกเหรอ? คำนั้นไม่อยู่ในพจนานุกรมของฉันด้วยซ้ำ”
ริวสุเกะตบไหล่แล้วส่ายหัวกับคำตอบของนิชิคาว่า
ผมกับมาชิโระมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะมองไปทางเรโอะกับนิชิคาว่า
“เรโอะ นิชิคาว่า วันนี้ขอบคุณมากเลยนะ ฉันสนุกมากเลย”
“ฉันก็เหมือนกันๆ! ขอบคุณทั้งสองคนด้วยนะ วันนี้ฉันรู้สึกเรียนหนักที่สุดในชีวิตเลย!!”
“ผมดีใจที่ริวสุเกะกับคุณมาชิโระชอบนะ เคียวยะก็เหมือนจะจำได้ดีขึ้นด้วย”
“นี่เรโอะ พูดแบบนั้นฉันก็ดูแย่ลงไม่ใช่รึไง?”
“อื้มๆ ไม่ปฎิเสธหรอก”
“หนอย….เจ้านี่~!”
ผมอิจฉาที่เรโอะกับนิชิคาว่าที่สามารถคุยกันได้อย่างเปิดอกแบบนั้นจังเลย อยากจะเป็นแบบพวกเขาบ้างจังน้า
“จริงสิริวสุเกะ พรุ่งนี้จะมาติวด้วยกันอีกไหม?”
“อืมม ฉันว่าจะไปติวห้องนั้นกับมาชิโระจนกว่าจะสอบเลยน่ะ”
“ถ้างั้น ผมขอเข้าร่วมด้วยได้ไหม? ผมรู้สึกว่าตัวเองยังเตรียมตัวไม่ดีพอสำหรับการสอบเลย แล้วยิ่งเห็นนายสอนคุณมาชิโระด้วย เลยคิดว่า อยากให้ช่วยสอนผมบ้างจังเลย ได้รึเปล่านะ?”
“ถ้าฉันช่วยได้ก็ยินดีจะสอนเลยล่ะ ถึงจะไม่รู้ว่าจะสอนอะไรกับคนที่ได้ที่สองของชั้นบ้างก็เถอะ…”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ริวสุเกะ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่รู้สึกว่านายเก่งกว่าผมอีกนะ”
“เรโอะพูดแบบนั้นฉันก็ดีใจ ฉันไม่ค่อยถนัดวิชาท่องจำน่ะ ถ้าได้มาติวด้วยกันคงจะโล่งใจขึ้นเยอะเลย”
“งั้นก็เป็นอันตกลงนะ คุณมาชิโระ พรุ่งนี้ก็ฝากตัวด้วยล่ะ ยังไงก็จะลากเคียวยะไปด้วย ช่วยดูแลหมอนั่นด้วยนะ”
“อื้อ ได้เลยเรโอะคุง ฉันอยากจะสนิทกับทั้งสองคนมากกว่านี้ด้วยสิ นิชิคาว่าคุง พรุ่งนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”
“หวะ!! หว๊าา…!?”
“ฮ่าฮ่า ถ้าติวด้วยกันแบบนี้อาการติดอ่างก็คงจะหายไปเองแหละ”
พอเห็นนิชิคาว่าที่กลังล่อกแล่กไปมา มาชิโระก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
หลังจากคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเราก็เดินออกจากโณงเรียนมาด้วยกัน
เหมือนว่าทางกลับบ้านของนิชิคาว่ากับเรโอะจะอยู่อีกทาง เพราะงั้นเลยเดินมาด้วยกันได้เพียงครึ่งทาง และเพราะว่ามันดึกแล้ว ผมเลยว่าจะไปส่งมาชิโระที่อพาร์ตเมนต์
ดูเหมือนว่ามาชิโระจะสนุกที่ได้แกล้งนิชิคาว่า ส่วนเขาก็ดูมีความสุขที่ถูกมาชิโระแกล้งดี เขาตอบโต้มาชิโระระหว่างทางด้วยท่าทีเขินอาย
ผมเดินตามหลังพวกเขาโดยมีเรโอะที่เดินอยู่ข้างๆ
“พอคู่สนทนาเป็นคุณมาชิโระแล้ว เคียวยะก็ดูตลกดีนะเนี่ย”
“เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไปเที่ยงห้างกันตอนวันเสาร์แล้วนี่ มาชิโระก็เหมือนจะดีใจที่ได้เพื่อนใหม่ด้วย”
“ริวสุเกะกับคุณมาชิโระเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันสินะ ผมล่ะอิจฉาจริงๆ”
“อิจฉาหรอ? แต่ฉันทำให้มาชิโระต้องลำบากอยู่บ่อยๆเลยนะ ก็อย่างที่เรโอะรู้นั่นแหละ ฉันเคยออกนอกลู่นอกทางจนทำให้เธอเป็นห่วงอยู่บ่อยๆด้วย”
“ชื่อเสียงของริวสุเกะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเด็กเกเรนี่นะ พอเข้าม.ปลายมาแล้วรู้ว่าอยู่ห้องเดียวกันก็ตกใจมากเลยล่ะ เคียวยะเล่าให้ฟังว่าตอนม.ต้นนายทำตัวไม่ดีมากๆเลยสินะ?”
“เริ่มมาเกเรตอนปี2น่ะ ก่อนหน้านี้ก็ตั้งใจเรียนอยู่หรอก แต่ดันออกนอกลู่นอกทางไปหน่อย”
“แต่ก็พยายามแก้ไขด้วยการกระทำมาตลอดนี่นา วันนี้ผมตกใจมากเลยนะ เอาจริงๆ อย่างกับคนละคนเลย”
“ฮะฮะ แค่ไปตัดผม ย้อมสีผม แล้วก็แต่งตัวให้เรียบร้อยแค่นั้นเอง”
“แต่แค่นั้นก็รู้สึกว่าเปลี่ยนไปแล้วนะ สำหรับผม รู้สึกว่าเปลี่ยนไปมากๆจนแทบไม่เชื่อเลยว่านายเคยเป็นนักเลงมาก่อน”
“งี้เอง แสดงว่าทำสำเร็จสินะ”
“แต่ว่านะ ผมอยากรู้ว่าทำไมถึงได้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ล่ะ? ทั้งมาโรงเรียนบ่อยขึ้น ตั้งใจเรียน แล้วก็เปลี่ยนลุคด้วย ผมอยากฟังเหตุผลจากปากนายจริงๆนะ”
“อ๋อ ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าจะเล่าสินะ ถ้าเป็นเรโอะตอนนี้คงเล่าให้ฟังได้แหละ”
ผมมองไปยังมาชิโระที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะหันกลับมาหาเรโอะแล้วเกาแก้มอย่างเขินๆ
“ตอนแรกทำเพื่อตัวเองล่ะนะ แต่ตอนนี้ฉันเพื่อมาชิโระน่ะ อยากเห็นเธอมีความสุข อยากปกป้องเธอตลอดไป เพราะงั้นเลยอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
“เพื่อคุณมาชิโระหรอ? นายเนี่ย พูดอะไรเท่ๆออกมาอีกแล้วนะ ริวสุเกะ”
คำพูดของเรโอะทำให้ผมยิ้มบางๆออกมา เขามองมาที่ผมนิ่งๆก่อนจะเริ่มยิ้มตอบ
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมคิดว่ามันเท่มากจริงๆ”
“…..เอ๋”
“ถ้าเป็นแค่คำพูดลอยๆผมก็คงคิดว่ามันน่าตลกดีล่ะนะ แต่เพราะนายพยายามพิศูจน์ด้วยการกระทำแล้วน่ะสิ พอฟังเหตุผลแล้วได้เห็นนายพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ ใครจะไม่คิดว่าเท่บ้างล่ะ?”
“งั้นสินะ….. ได้ยินนายพูดแบบนี้แล้วดีใจจังแฮะ เรโอะ”
พอเรโอะพูดออกมาตรงๆ ผมก็อดดีใจไม่ได้
“ริวสุเกะ จากนี้ก็พยายามเข้าล่ะ ผมจะคอยเอาใจช่วยนะ…..เอ่อ ถึงเวลาต้องแยกกันแล้วล่ะมั้งเนี่ย เคียวยะ”
“อาา แล้วเจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะ”
“อื้อ ผมรอที่จะติวด้วยกันพรุ่งนี้อยู่นะ ไปกันเถอะ เคียวยะ”
“อะ เอ่อ…..คระ ครับ!”
“ฮ่าฮ่า ไว้เจอกันนะคุณมาชิโรระ”
“เรโอะคุง นิชิคาว่าคุง ไว้เจอกันนะ!”
ผมกับมาชิโระโบกมือลาดรโอะกับนิชิคาวะที่เดินแยกออกไป
“งั้นวันนี้ฉันไปส่งเอง มาชิโระ”
“อื้อ ขอบคุณนะ ริวสุเกะ”
ในคืนที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากถนน แต่รอยยิ้มของมาชิโระมองมาทางผมก็สว่างไสวราวกับดวงดาว ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจที่จะไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้
ระหว่างที่เดินด้วยกัน มือของเราทั้งคู่ก็แตะกันเบาๆ จนในที่สุดเราก็จับมือกันโดยไม่รู้ตัว ราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง
นิ้วของเราสอดเข้าหากัน ราวกับจะสัมผัสอุณหภูมิของกันและกัน ผมกำมือเล็กๆของมาชิโระแน่นขึ้น ราวกับต้องการยืนยันว่าเธอยังอยู่ข้างๆผม และเธอก็ตอบรับด้วยการบีบมือผมกลับมาเช่นกัน
จากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผม
“ริวสุเกะ จากนี้ อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
“อาา อยู่ด้วยกันนะ มาชิโระ ฝากตัวด้วยล่ะ”
“ทางนี้ก็เหมือนกัน ฝากตัวด้วยนะ”
รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของมาชิโระ
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขทำให้ผมอยากเฝ้ามองมันไปตลอดกาล
ผมจะปกป้องความสุขนี้ ตลอดไป
ตอนที่ตัดสินใจอย่างนั้น เราสองเดินไปข้างหน้าภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว