บทที่ 972 ครอบครัวพร้อมหน้าส่งท้ายปีเก่า
……….
กู้เจียวอยู่ที่เกาะอั้นเย่เป็นเวลาเจ็ดวัน
นางเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฉังคุนฟัง แม้ว่าฉังคุนจะคาดเดาไว้แล้ว แต่ก็ยังตกใจเมื่อได้ยินจากปากของกู้เจียว
กู้เจียวเล่าถึงตัวเองในฐานะเจ้าแห่งเงาทมิฬ ฉังคุนถามว่ามาเยือนเมื่อปีใดและจากไปตอนไหน ในใจก็รู้สึกเศร้าเหลือเกิน
ฉังคุนตัดพ้อ “พวกเจ้า… เกือบจะได้เจอกันแล้ว…”
“ว่าอย่างไรนะ” กู้เจียวกำลังเป่าลมเย็นที่ลอยเข้ามาปะทะ ฟังเสียงคลื่นซัดฝั่ง มองไปทางฉังคุนด้วยความตกใจ
ฉังคุนมองไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่แล้วถอนหายใจ “มีบางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจมาก่อน แต่หลังจากฟังเจ้าแล้ว ข้าก็รู้ว่าท่านอาจารย์หมายถึงอะไร”
ก่อนหน้านี้ กู้เจียวได้ฝ่าฝืนกฎที่ไม่อาจให้อภัยได้ขององค์กรจึงถูกไล่ล่าสังหาร เพื่อช่วยกู้เจียว อาจารย์พ่อจงใจมอบกล่องยาใบหนึ่งให้นางระหว่างปฏิบัติการ
“อาจารย์พ่อ กล่องนี้สวยจัง หนูให้”
“ผมไม่สนหรอก”
น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังกึกก้องไปทั่วทั้งอาคาร เขายกท่อนขาเรียวยาวก้าวข้ามศพที่ยังไม่ทันเย็นนั้นโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ
หลังจากนั้นกล่องยาก็พากู้เจียวมาที่นี่
กล่องยาใช้พลังงานจนหมดสิ้นและใช้เวลาสิบปีกว่าจะฟื้นตัว สิ่งแรกที่ทำคือพาอาจารย์พ่อมาด้วย
แต่พลังงานของมันไม่เพียงพอและมิติของเวลาได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสิบปีก่อนที่กู้เจียวจะมาถึง
ตอนนั้นฉังคุนยังเป็นเด็ก อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ริมทะเล เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งหมดสติอยู่ริมทะเล
ชายคนนั้นแต่งตัวแปลกๆ แต่หน้าตาดีและดูไม่เหมือนคนเลว เขาจึงวิ่งกลับบ้านไปตามพ่อมา
พ่อของเขานำชายคนนั้นกลับบ้านและดูแลเขาเป็นเวลาหลายเดือน
ต่อมาหมู่บ้านถูกคลื่นถล่ม ชายคนนั้นอพยพชาวบ้านไปยังเกาะร้าง ซึ่งต่อมากลายเป็นเกาะอั้นเย่
“น่าจะสองปี” ฉังคุนเอ่ย “เช้าวันหนึ่ง ข้าเปิดประตูไปส่งอาหารให้เขา แต่พบว่าเขาหายไป ข้ากับพ่อค้นหาทั่วทั้งเกาะแต่ไม่พบเขา สิบปีต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นข้าโตแล้ว เขาพาข้าไปสร้างสำนักอั้นเย่ เขาบอกว่าเขาจะออกทะเลไปหาใครสักคน หวังว่าครั้งนี้จะเจอ ผลที่ตามมาเจ้าคงรู้ เขาไปแล้วก็กลับมาตัวเปล่า”
“ครั้งที่สามที่เขามาที่นี่ เขาไม่ได้เอ่ยถึงการตามหาใครอีกต่อไป แต่เริ่มปลูกหญ้าจื่อเฉ่า”
เพราะตอนนั้นเครื่องบินของนางตก ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก ไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาได้อีกต่อไป และการเดินทางของวิญญาณต้องการสื่อกลางที่สำคัญ นั่นก็คือ หญ้าจื่อเฉ่า
กู้เจียวจับต้นชนปลาย
นางทำผิดพลาดในองค์กร ถูกลบความทรงจำที่สำคัญทั้งหมด ทั้งยังถูกไล่ล่า
นางมาต่างโลก กลายเป็นเจ้าแห่งเงาทมิฬคนแรก แล้วกลับสู่โลกปัจจุบัน เนื่องจากผลกระทบของสนามแม่เหล็กในจักรวาล นางจึงสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาไป
นางกลับไปที่องค์กรตามปกติ องค์กรแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและต้องการจะกำจัดกู้เจียวเป็นครั้งที่สอง นั่นคือแผนการตกเครื่องบิน
แต่นางทำผิดอะไร ความทรงจำที่สำคัญที่ถูกลบโดยองค์กรคืออะไร
…
“คุณยินดีจะรับสุภาพสตรีที่อยู่ข้างๆ คุณเป็นภรรยาหรือไม่ ไม่ว่าเธอจะรวยหรือจน แข็งแรงหรือป่วยไข้ คุณยินดีจะอยู่กับเธอตลอดไปหรือไม่
“ครับ ผมยินดี”
“คุณเต็มใจที่จะแต่งงานกับเจ้าบ่าวหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะรวยหรือจน แข็งแรงหรือป่วยไข้ คุณจะอยู่กับเขาตลอดไปหรือไม่”
“เอ๊ะ”
เจ้าสาวยืนมองชายคนนั้นอย่างงุนงง
ชายคนนั้นยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบาๆ แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “คุณยินดีไหม”
“ฉัน…”
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น
กู้เจียวสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นจากเตียงอย่างตื่นตระหนกเอื้อมมือไปหยิบปืนใต้หมอน
เมื่อควานไม่พบ จึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ชาติที่แล้วและนางเพิ่งฝันไป
สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันนั้นเป็นเรื่องจริง พวกเขาได้รับภารกิจ มีคนจะลอบสังหารลูกสาวเศรษฐีในงานแต่งงานแห่งศตวรรษ กู้เจียวปลอมตัวเป็นเจ้าสาวเพื่อล่อให้อีกฝ่ายออกมา
เดิมทีเจ้าบ่าวเป็นเจ้าบ่าวตัวจริง แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนเป็นอาจารย์พ่อ
โชคดีที่เปลี่ยน เพราะอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วมาก พวกมือปืนที่ซุ่มอยู่รอบๆ ไม่ทันได้เล็ง จึงยิงกู้เจียวแทน
อาจารย์พ่อรับกระสุนแทนนาง
ถ้าคนที่ยืนอยู่หน้ากู้เจียวตอนนั้นเป็นเจ้าบ่าวตัวจริง กู้เจียวคงตายไปแล้ว
“เอ๊ะ อาเหิงล่ะ”
กู้เจียวมองไปรอบๆ และพบว่าเซียวเหิงไม่อยู่
นางใส่รองเท้าแล้วลุกจากเตียง เดินอ้อมฉากกั้น เห็นเซียวเหิงนั่งขัดสมาธิบนพรมหน้าเตาผิง หน้าดำคล้ำเครียด บ่นพึมพำด้วยความโกรธ
เขาโกรธใคร แน่นอนว่าโกรธอาจารย์พ่อคนนั้น!
ภรรยาคิดถึงผู้ชายคนอื่นทุกวัน เขาอิจฉาจะตายอยู่แล้ว!
“คิดอะไรอยู่” กู้เจียวเอียงศีรษะถามเขา
เซียวเหิงถามเสียงจริงจัง “หากข้ากับอาจารย์พ่อตกน้ำ เจ้าจะช่วยใครก่อน”
กู้เจียว “…”
…
อากาศบนทุ่งน้ำแข็งช่วงปลายเดือนสิบไม่เหมาะแก่การเดินทาง พวกเขาต้องข้ามทุ่งน้ำแข็งก่อนสิ้นเดือน
กู้เจียวบอกลาฉังคุน
ฉังคุนหวังอยากให้กู้เจียวและหลงอีอยู่ที่เกาะให้นานกว่านี้ แต่เขาก็เข้าใจว่ากู้เจียวมีลูกแฝดอยู่ที่บ้านและควรรีบกลับ
“ข้าว่าเกาะอั้นเย่ดีนะ ข้าไม่อยากจากไปเลย” เฟิงอู๋ซิวเอ่ยเสียงเศร้า
นักบวชชิงเฟิงมองน้องชายอย่างเย็นชา “เจ้าไม่อยากจากของกินบนเกาะมากกว่าเถอะ”
เฟิงอู๋ซิวเบะปากไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
“ลาก่อน” เซียวเหิงประสานมือคำนับฉังคุน
ในที่สุดก็ออกจากสถานที่แห่งนี้เสียที!
ไม่ต้องหึงหวงชายผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว!
ฉังคุนยิ้มแล้วโค้งคำนับกลับ “ทุกท่าน โชคดีนะ”
เหลี่ยวเฉินและนักบวชชิงเฟิงพยักหน้ารับ
เฟิงอู๋ซิวเองก็คำนับอย่างสุภาพ “ท่านลุงฉัง ถ้าท่านมีเวลาไปแคว้นเยียน ข้าจะเลี้ยงของอร่อยๆ ท่านเอง!”
ฉังคุนหัวเราะเสียงดัง “ได้สิ ได้สิ! ตกลงตามนั้น!”
พ่อลูกมองพวกเขาขึ้นรถเลื่อน หมาป่าน้ำแข็งนำพวกเขาเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา
ฉังจิ่งก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ อารมณ์เศร้าหมอง
ฉังคุนโยนห่อผ้าให้เขาทันที
ฉังจิ่งตกตะลึง มองฉังคุนอย่างไม่เข้าใจ
ฉังคุนเอ่ยเสียงเย็นชา “เอาละ ไปได้แล้ว!”
ลูกชายโตแล้วจะเก็บเอาไว้ในบ้านไม่ได้!
…
ปลายเดือนเก้า ทั้งหกคนกลับมาที่เมืองผู่
กู้เจียวได้พบกับเจ้าเฮยเฟิง นี่เป็นการจากกันที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่พวกเขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เฮยเฟิงเอาหัวถูไถกู้เจียว ราวกับจะแสดงความคิดถึงโดยไร้เสียง
ในเดือนสิบ ชายแดนหิมะตก
หลายคนกลับมาที่เมืองเซิ่งตูท่ามกลางพายุหิมะ สองแฝดชายหญิงนั่งและคลานได้แล้ว กลายเป็นเด็กน้อยน่ารักอ้วนจ้ำม่ำสองคน
จิ้งคงสูงขึ้น เขาฝึกฝนเพลงทวนกับเซวียนหยวนฉี ครั้งแรกที่กู้เจียวเห็นร่างเล็กแสนสง่างามในสนาม นางแทบไม่เชื่อว่าเป็นเขา
“เจียวเจียว!”
เขาเห็นกู้เจียวก็เหลียวไปมองในทันใด จากนั้นจึงปักทวนพู่แดงน้อยของเขาลงพื้นดินด้วยท่าทางแสนคล่องแคล่ว!
จากนั้นเขาก็วิ่งฉิวราวกับเหาะไปหากู้เจียวอย่างภาคภูมิใจ
คนหนุ่มแข็งแรง ชาติบ้านเมืองย่อมแข็งแกร่ง
นางเห็นอนาคตของตระกูลเซวียนหยวนและอนาคตของแคว้นเยี่ยน
…
ในวันส่งท้ายปีเก่า เสี่ยวอีอีปลุกองค์หญิงซิ่นหยางตื่นแต่เช้า
“ท่านแม่ ข้าหลับไม่ลงแล้ว ข้าจะตื่น!”
เสี่ยวอีอีอายุสองขวบ พูดเก่งนัก ทั้งยังกระตือรือร้นมาก ยังไม่ทันฟ้าสางก็อยากจะออกไปวิ่งเล่นแล้ว
แต่วันนี้นางไม่ออกไปเล่น นางแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สวมหมวกขนกระต่ายสีชมพูแสนงาม วิ่งตึงตังมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู มองไปข้างนอกเหลียวซ้ายแลขวา
“อีอี กำลังมองหาอะไรอยู่”
อวี้จิ่นถามนางด้วยรอยยิ้ม
“พี่ชาย พี่สะใภ้” เสี่ยวอีอีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เซียวเหิงส่งจดหมายมาบอกว่าเขารีบกลับมากินข้าวเย็นวันส่งท้ายปีเก่า
แต่ได้ยินมาว่าถนนหลวงนอกประตูเมืองตะวันตกประสบกับหิมะตกหนักมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาทันเวลาหรือไม่
เสี่ยวอีอีไม่ไปไหน ก้นน้อยหย่อนตัวนั่งลงบนธรณีประตู ใช้มือเล็กเท้าคาง ราวกับตัวเอาเป็นม้านั่งหินรอพี่ชาย
สวรรค์มิเคยทรยศผู้มีมานะ ตอนเที่ยงรถม้าของเซียวเหิงและกู้เจียวก็มาถึง
คนแรกที่กระโดดลงมาคือเสี่ยวจิ้งคง
“พี่จิ้งคง!”
เสี่ยวอีอีทักทายเสียงอ่อนหวาน เงยหน้ามองเสี่ยวจิ้งคงที่สูงขึ้นมาก และอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “ว้าว!”
“อีอี” เสี่ยวจิ้งคงลูบศีรษะเล็กๆ ของนางเหมือนเด็กโต เด็กชายอายุแปดขวบเริ่มมีเสน่ห์และความหล่อเหลาเหมือนกับเด็กหนุ่มบ้างแล้ว
ไม่นาน เซียวเหิงและกู้เจียวก็อุ้มลูกแฝดตามลงมา
“พี่ชาย! พี่สะใภ้!” เสี่ยวอีอีเข้ามาทักทายพวกเขาอีกครั้ง และมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมแขนของพวกเขาอย่างใจร้อน “พวกเขาคือใคร”
ถ้าจะบอกว่าใครในกลุ่มนี้เปลี่ยนไปมากที่สุด ก็ต้องเป็นฝาแฝด
ตอนที่จากไปมีอายุเพียงสองเดือน ตอนนี้อายุสิบเดือนแล้ว ไม่เพียงแต่สูงขึ้นและอ้วนขึ้นเท่านั้น แต่ใบหน้าก็โตขึ้นเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่อยู่ในผ้าห่อตัว แต่ตอนนี้พวกเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สวมหมวกเสือน้อย พวกเขาเป็นเด็กที่ฉลาดมาก
เซียวเหิงบีบแก้มอิ่มของนางอย่างตลกขบขัน “หลานสาวและหลานชายอย่างไรเล่า จำไม่ได้รึ”
เสี่ยวอีอีเบิกตากว้าง “เอ๊ะ”
กลุ่มโจรอาละวาดทางตะวันออกของแคว้นเจา แม่ทัพเวยหยวนได้รับบาดเจ็บ ไม่นานหลังจากที่กู้เจียวและเซียวเหิงออกจากแคว้นเจา เซียวจี่ก็ได้รับคำสั่งให้ออกไปปราบโจรทางชตะวันออก
ในวันส่งท้ายปีเก่า เขาอยู่ในสนามรบ
อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าจัดขึ้นที่วังเหรินโซ่ว
ฮองเฮา จวงกุ้ยเฟย พระโอรส และพระนัดดาต่างมากันพร้อมหน้า
กู้เจียวได้พบกับรุ่ยอ๋องเฟยและหวงฝู่เสียนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
องค์หญิงน้อยของรุ่ยอ๋องเฟยอายุใกล้เคียงกับกู้เสี่ยวเป่า ปัจจุบันอายุสามขวบกว่า เป็นเด็กผู้หญิงขี้อายแสนน่ารัก
รุ่ยอ๋องเฟยตั้งครรภ์อีกครั้ง ตู้เสี่ยวอวิ๋นได้ให้กำเนิดพระราชนัดดาให้กับองค์รัชทายาทแล้ว เซียวฮองเฮาจึงไม่สนใจว่าลูกคนนี้ของรุ่ยอ๋องเฟยจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
เสี่ยวจิ้งคงและฉินฉู่อวี้จุดประทัดในสนาม ทำเอาเด็กๆ หลายคนตกใจร้องงอแง
หวงฝู่เสียนปรับตัวให้เข้ากับขาเทียมได้อย่างสมบูรณ์ และเดินเหมือนคนปกติ
เขากลับไปที่เหลากระดูกอีกครั้งที่โรงหมอเมี่ยวโส่วถัง โดยหมอซ่งทำการผ่าตัดด้วยตัวเอง ด้วยยาชาที่กู้เจียวทิ้งไว้ ความเจ็บปวดจึงอยู่ในระดับที่ทนได้
คู่สามีภรรยารุ่ยอ๋องจิตใจดี ดูแลเขาไม่มีขาดตกบกพร่อง นิสัยของเขาจึงร่าเริงกว่าตอนเพิ่งมาใหม่ๆ มาก
กู้เจียวเห็นเขาใช้ประทัดปลอมแหย่เสี่ยวจิ้งคงและฉินฉู่อวี้ แต่ปรากฎว่ามีเพียงฉินฉู่อวี้เท่านั้นที่ถูกหลอก เขาหัวเราะจนตัวงอ
รุ่ยอ๋องเฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในวังไม่ได้มีชีวิตชีวาเช่นนี้มานานแล้ว”
กู้เจียวมองไปที่ท่านย่าซึ่งกำลังเล่นไพ่กับเซียวฮองเฮา จวงกุ้ยเฟย และองค์หญิงซิ่นหยางยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “จากนี้ไปจะมีชีวิตชีวาเช่นนี้เสมอ”
“กิน!” ท่านย่าตบไพ่ในมือลงบนโต๊ะอย่างโอ้อวด
เซียวฮองเฮาอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “ทำไมข้าถึงปล่อยของดีไปอีกแล้ว”
…
กลางดึก พวกเขาทยอยออกจากตำหนักเหรินโซ่ว
เด็กๆ หลับไปนานแล้ว
เซียวเหิงอุ้มเสี่ยวจิ้งคงลงจากรถม้า “โตแล้ว ตัวหนักจริงๆ ”
จนกระทั่งเขาเข้าไปในลานบ้านแล้ววางเสี่ยวจิ้งคงไว้บนเตียงนุ่ม เณรเจ้าเล่ห์ก็ครางออกมา “ข้าไม่หนัก ท่านอ่อนแอ!”
เซียวเหิงหน้านิ่ว “นี่เจ้าแกล้งหลับรึ!”
…
ในเรือนหลักของจวนองค์หญิง อวี้จิ่นวางอีอีที่หลับใหลลงในผ้าห่ม ก่อนจะหันไปทางองค์หญิงซิ่นหยางพลางเอ่ย “องค์หญิง ท่านเองก็พักผ่อนได้แล้วนะเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันไร้ที่สิ้นสุดอย่างเงียบๆ
“องค์หญิง” อวี้จิ่นเดินมาหยุดอยู่ข้างนาง สำรวจมองนาง “ท่านเป็นอะไรเพคะ คิดถึงท่านโหวหรือ”
ในอดีตหากอวี้จิ่นถามแบบนี้ องค์หญิงซิ่นหยางจะตอบอย่างไม่ลังเลว่าข้าจะคิดถึงเขาได้อย่างไร
ทว่าครั้งนี้นางกลับไม่เอ่ยคำใด
อวี้จิ่นเทชาอุ่นให้นาง แล้วสวมเสื้อคลุมที่เพิ่งถอดออกให้ “ลมแรงนักเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางหยิบถ้วยชาแล้วเอ่ยกับอวี้จิ่น “อวี้จิ่น”
“เพคะ” อวี้จิ่นมองนาง รอให้นางเอ่ยต่อ
“ช่างเถอะ ไม่มีอะไร” นางถอยกลับ
อวี้จิ่นรับใช้นางมาหลายปีแล้ว จะไม่เข้าใจความคิดของนางได้อย่างไร
“องค์หญิงคิดถึงท่านโหวหรือเพคะ”
คนดีๆ อย่างท่านโหว น้อยนักที่หญิงใดจะไม่หวั่นไหว
ที่องค์หญิงไม่หวั่นไหวมาก่อนเป็นเพราะอาการป่วยของนาง นับตั้งแต่ที่ท่านโหวสังหารเหลียงอ๋อง อาการขององค์หญิงก็บรรเทาลงมาก บวกกับทุกสิ่งที่ท่านโหวทำเพื่อองค์หญิง บางสิ่งบางอย่างก็ผลิบานในใจขององค์หญิง
เพียงแต่ว่าองค์หญิงชอบใครไม่เป็น
องค์หญิงคิดมาตลอดว่าที่อดทนต่อท่านโหวก็เพราะท่านโหวเป็นพ่อของลูก อนุญาตให้ท่านโหวเข้าออกจวนองค์หญิงก็เพื่อปลอบอีอีที่ร้องไห้งอแง
อวี้จิ่นมองนางอย่างแน่วแน่ “องค์หญิง ไปหาท่านโหวเถอะเพคะ”
“อะไรนะ” นางตกตะลึง
อวี้จิ่นถอนหายใจ “ท่านไม่อยากเข้าใจหัวใจตัวเองหรือเพคะ”
นางอ้าปาก “ข้า…”
อวี้จิ่นยิ้ม “ไปหาท่านโหว วินาทีแรกที่ท่านได้พบท่านโหว หัวใจของท่านก็จะได้คำตอบเพคะ”
……….