ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก 678 เดินทางไปเซินเจิ้น

ตอนที่ 678 เดินทางไปเซินเจิ้น

ตอนที่ 678 เดินทางไปเซินเจิ้น

…………….

ตอนที่ 678 เดินทางไปเซินเจิ้น

หลัวซงผิงมองฉินมู่หลานด้วยแววชื่นชม แล้วกล่าวว่า “นักศึกษาฉิน เนื่องจากเธอมีความสามารถโดดเด่นมาก หลายโรงพยาบาลจึงอยากให้เธอไปฝึกงาน แต่ว่าที่โรงพยาบาลปักกิ่งและโรงพยาบาลทหารบอกว่าเธอเป็นหมอประจำที่นั่นแล้ว ดังนั้นหากจะให้เธอไปฝึกงานที่โรงพยาบาลปักกิ่งหนึ่งเทอม โรงพยาบาลทหารอีกหนึ่งเทอม เธอคิดว่ายังไง?”

พอได้ยินดังนี้ฉินมู่หลานก็พยักหน้าตอบตกลงทันทีว่า “ตกลงตามนั้นเลยค่ะ โรงพยาบาลปักกิ่งหนึ่งเทอม โรงพยาบาลทหารหนึ่งเทอม”

หลัวซงผิงเห็นฉินมู่หลานตกลงจึงรีบพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ดีมาก ไว้ฉันจะแจ้งให้ทั้งสองโรงพยาบาลทราบเดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อพูดคุยเรื่องนี้เสร็จแล้ว ฉินมู่หลานก็เดินกลับเข้าห้องเรียน

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นเธอเดินเข้ามาจึงรีบถามว่า “มู่หลาน อาจารย์หลัวเรียกเธอไปทำไมเหรอ?”

ฉินมู่หลานจึงเล่าเรื่องการฝึกงานให้เซี่ยปิงหรุ่ยฟังโดยละเอียด

เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ฟังแล้วก็อดพูดไม่ได้ว่า “ฉันก็ขอแบบเดียวกันได้ไหม ฝึกงานที่โรงพยาบาลปักกิ่งหนึ่งเทอมกับโรงพยาบาลทหารหนึ่งเทอม”

“น่าจะได้นะ เดี๋ยวฉันจะช่วยพูดกับทางทั้งสองโรงพยาบาลเอง”

“ดีจัง เราจะได้ฝึกงานด้วยกัน”

เมื่อหลัวซงผิงทราบถึงความประสงค์ของเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ได้ขัดข้อง และยังช่วยประสานงานกับทางทั้งสองโรงพยาบาลด้วย เนื่องจากเซี่ยปิงหรุ่ยเองก็มีความสามารถโดดเด่นไม่แพ้กันและยังสนิทสนมกับฉินมู่หลาน ทางทั้งสองโรงพยาบาลจึงตกลงยินยอม

เมื่อตกลงเรื่องการฝึกงานเรียบร้อยแล้วเซี่ยปิงหรุ่ยก็วางใจ หลังเลิกเรียนจึงได้ไปที่่ร้านซิ่งหลินกับฉินมู่หลาน

คังอันเหอเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาก็รีบกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเธอมาได้จังหวะดีมาก เมื่อกี้ผู้จัดการกู้เข้ามา เขาแจ้งว่าวันพรุ่งนี้ถ้าพวกเธอว่างให้ไปที่โรงงานหน่อย”

ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ พวกเรารู้แล้ว”

เซี่ยปิงชิงมองไปที่ฉินมู่หลานแล้วบอกว่า “มู่หลาน ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะหารือกับเธอ”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงเดินตรงเข้าไปพร้อมกับเอ่ยว่า “มีปัญหาอะไรเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันกำลังศึกษาเกี่ยวกับยาถอนพิษ แต่ว่าเจอปัญหาบางอย่าง”

เมื่อกล่าวจบเซี่ยปิงชิงก็รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย เนื่องจากยาถอนพิษเฉพาะทางที่ใช้สำหรับงูกัดนั้นมีประสิทธิภาพดีมาก แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับการคิดค้นยาที่สามารถถอนพิษได้สารพัด

“ไม่เป็นไร ถือว่าพวกเราจะแลกเปลี่ยนความคิดกัน”

เซี่ยปิงชิงจึงเล่าถึงงานวิจัยในช่วงที่ผ่านมานี้ “ฉันคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี”

เมื่อฟังเสร็จฉินมู่หลานก็รู้สึกมืดแปดด้านเช่นกัน

“ดูเหมือนว่าจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ฉันไม่ถนัดเรื่องการใช้พิษด้วยสิ ไม่รู้จะให้คำแนะนำเธอยังไง”

ผู้อาวุโสลั่วที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงเอ่ยขึ้นว่า “ปิงชิง ครอบครัวเซี่ยของเรามีแต่หนูที่ถนัดเรื่องยาพิษ จะให้พวกเราให้คำแนะนำก็คงไม่ได้”

หลังจากได้ยินดังนั้น เซี่ยปิงชิงก็ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ดูท่าว่าหนูต้องค่อย ๆ ศึกษาด้วยตัวเองเสียแล้ว”

ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยปิงชิงดูเป็นกังวลจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “ปิงชิง เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ทำไปเถอะ อย่าเพิ่งใจร้อน”

“อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะค่อย ๆ ศึกษา”

ส่วนใหญ่คิดว่าเพราะมองเห็นมู่หลานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลาย ๆ อย่าง หล่อนจึงร้อนรน แต่เมื่อใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว หล่อนก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนแต่อย่างใด ปัจจุบันร้านซิ่งหลินและโรงงานยาซิ่งหลินต่างก็อยู่ในสภาพที่ดำเนินไปได้ด้วยดี หล่อนเองก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากการร่วมงานกับมู่หลาน จึงไม่จำเป็นต้องกดดันตนเองจนเกินไป

ฉินมู่หลานเห็นสีหน้าเซี่ยปิงชิงค่อย ๆ สงบลง จึงพยักหน้าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถูกต้องแล้ว ค่อย ๆ ทำไปนะ เดี๋ยวยังไงพวกเธอไปทำงานต่อเถอะ ฉันขอตัวก่อน”

ต่อมาในตอนเช้าวันถัดมา ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็ได้เดินทางไปยังโรงงานยา

กู้วั่งหลานเห็นพวกเธอเดินเข้ามา จึงเอ่ยทักว่า “พวกคุณมาได้ทันเวลาพอดี เดี๋ยวผู้จัดการหลี่จากโรงงานยาหุยชุนจะมา เขาเองก็รู้ว่าเราเพิ่งมียาชิงเฟิงหวานเข้ามาใหม่ จึงอยากจะมาหารือเรื่องปริมาณการสั่งซื้อสินค้าอีกครั้ง ดูจากท่าทางแล้วคงอยากได้ยาชิงเฟิงหวานแน่ ๆ”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเขาอยากได้ เราก็ให้เขาค่ะ แต่ว่าที่โรงงานมีคนงานเพียงพอไหมคะ”

“วางใจได้เลย คนจากทางครอบครัวเซี่ยมาช่วยหลายคนแล้ว ตอนนี้การผลิตไม่มีปัญหาและยิ่งไปกว่านั้นเสวียข่ายก็ช่วยหาคนเก่ง ๆ มาอีกด้วย เรื่องคนงานไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้นฉินมู่หลานก็วางใจ

“ดีแล้วค่ะ”

ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน หลี่ฉีปิงก็พาคนเดินเข้ามาและเมื่อเห็นพวกของฉินมู่หลานอยู่กันหมด เขาก็เลยเอ่ยทักทายทันที “ผู้อำนวยการฉิน ผู้จัดการเซี่ย พวกคุณอยู่กันพร้อมหน้าเลย เรามาหารือเรื่องปริมาณการสั่งซื้อสินค้ากันอีกทีได้ไหมครับ?”

ได้ยินดังนั้นฉินมู่หลานจึงกล่าวว่า “ผู้จัดการหลี่ ผู้จัดการกู้เล่าเรื่องให้ฉันฟังแล้ว ถ้าคุณต้องการยาชิงเฟิงหวานก็ขนไปได้เลยค่ะ”

“ฮ่าๆๆ ผู้อำนวยการฉินใจกว้างจริง”

ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะตกลงโดยตรง แต่ว่าก็ยังต้องมีการเซ็นสัญญา

เมื่อหลี่ฉีปิงตรวจสอบยาเสร็จแล้ว จึงหันไปหาฉินมู่หลานแล้วกล่าวว่า “เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มื้อเที่ยงนี้ผมขอเป็นเจ้ามือนะ”

แต่ฉินมู่หลานกลับโบกมือแล้วกล่าวว่า “ผู้จัดการหลี่ ไว้วันอื่นดีกว่าค่ะ วันนี้พวกคุณไม่ต้องรีบกลับเมืองจินเหรอคะ รีบเดินทางกลับเถอะค่ะ”

กู้วั่งหลานก็รีบพูดขึ้น “ใช่ครับผู้จัดการหลี่ ไว้ครั้งหน้าเราค่อยนัดกินข้าวกัน ครั้งนี้พวกคุณรีบเดินทางกลับก่อนเถอะ”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองพูดเช่นนั้น หลี่ฉีปิงจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาพยักหน้าพร้อมทั้งกล่าวว่า “ได้ งั้นพวกเราขอตัวก่อน” จริง ๆ แล้วตัวเขาก็อยากจะรีบกลับไปเหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้ไม่ได้ไปกินข้าวกับพวกของฉินมู่หลาน เขาจึงพาลูกน้องกลับไปในทันที

หลังจากหลี่ฉีปิงพาคนขนของออกไปแล้ว ฉินมู่หลานจึงหันไปหากู้วั่งหลานแล้วกล่าวว่า “ผู้จัดการกู้ เราทำงานมาครึ่งเช้าแล้ว มื้อเที่ยงนี้ให้ฉันเลี้ยงข้าวนะคะ”

“ได้สิคะ”

เมื่อได้ยินว่าฉินมู่หลานจะเลี้ยงข้าว กู้วั่งหลานก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยทั้งยังหันไปทางเซี่ยปิงหรุ่ยและพูดว่า “ปิงหรุ่ย เดี๋ยวเราต้องกินเยอะ ๆ นะครับ”

เซี่ยปิงหรุ่ยก็หัวเราะตาม “ฉันจะกินเยอะ ๆ เลยค่ะ”

และหลังจากนั้นทั้งสามคนก็ตรงไปที่ร้านอาหาร หลังจากกินข้าวเสร็จฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ขอตัวกลับ ส่วนกู้วั่งหลานก็กลับไปที่โรงงาน พอไปถึงเขาก็เจอกับเจ้าหน้าที่จากสถานีโทรทัศน์พอดี เมื่อทั้งสองตกลงเรื่องเวลาออกอากาศโฆษณายาชิงเฟิงหวานเรียบร้อยแล้ว กู้วั่งหลานก็พูดถึงเรื่องความร่วมมือขึ้นมา

“ผู้จัดการกู้ เรื่องนี้ผมตัดสินใจเองไม่ได้ คุณอาจจะต้องคุยกับหัวหน้าของเราอีกที”

“ได้ครับ งั้นให้คุณกลับไปคุยกับหัวหน้าก่อนก็ได้ครับ”

เจ้าหน้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ

เมื่อตกลงเรื่องเวลาออกอากาศโฆษณาเรียบร้อย กู้วั่งหลานก็หาโอกาสบอกเรื่องนี้กับฉินมู่หลาน แล้วไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ทุกคนได้เห็นโฆษณายาชิงเฟิงหวาน ก็รู้สึกเหมือนตัวเองพลาดที่ไม่รู้ว่าร้านซิ่งหลินมียาตัวใหม่

ยาชิงเฟิงหวานเป็นยาที่มีประสิทธิภาพ คนจำนวนมากได้ใช้อย่างแน่นอน บางคนแค่เป็นหวัดไม่ได้อยากไปโรงพยาบาลก็มักจะซื้อยามากินเอง ฉะนั้นยาชิงเฟิงหวานจึงเป็นตัวเลือกแรก ทำให้ช่วงนี้มีคนมาที่ร้านซิ่งหลินมากขึ้น

ตอนที่ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยว่างทั้งสองก็จะเข้ามาช่วยที่ร้าน แต่เซี่ยปิงชิงมักจะให้ทั้งสองกลับไปติวหนังสือ

“พวกเธอจะสอบปลายภาคแล้วไม่ใช่เหรอ กลับไปอ่านหนังสือเถอะ พวกเราเอาอยู่”

คังอันเหอพูดเสริม “ใช่แล้ว มู่หลาน ตอนนี้อาชุยก็ช่วยดูแลได้แล้ว พวกเราเอาอยู่จริงๆ พวกเธอไปทำธุระของพวกเธอเถอะ”

“จริง ๆ ฉันกับปิงหรุ่ยไม่ต้องอ่านหนังสือหรอก พวกเราสอบได้สบาย”

เห็นพูดแบบนี้ แต่สุดท้ายทั้งสองก็กลับไปอ่านหนังสือที่บ้านเพราะพวกเธอให้ความสำคัญกับการสอบ

การสอบปลายภาคมาถึงเร็วมาก แต่ตอนที่ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยสอบกลับไม่มีปัญหาใด ๆ เลย เพราะทั้งสองคนพื้นฐานแน่น ปฏิบัติก็คล่อง ทำให้สอบได้สบายมาก

พอสอบเสร็จฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปเก็บของที่หอพัก

“มู่หลาน ปิงหรุ่ย เดี๋ยวออกไปกินข้าวด้วยกันดีไหม”

เหมาชุนเถาเห็นทั้งสองคนเข้ามาก็เสนอทันที

เฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่ขัดข้อง แต่สือหยวนฝูกลับลังเล “แต่ว่า…ลูกยังรอฉันอยู่ที่บ้าน” เป็นเพราะเรื่องที่บ้านกับลูก หล่อนจึงมาเรียนสายกว่าคนอื่น ๆ เลยทำให้เทอมนี้ทั้งเทอมต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น พอสอบเสร็จก็ยังเป็นห่วงลูกที่บ้าน

เมื่อได้ยินดังนั้น เหมาชุนเถาก็รีบเอ่ยว่า “หยวนฝู แค่กินข้าวเที่ยงแปบเดียว เธอรีบกลับขนาดนั้นเลยเหรอ?”

สือหยวนฝูครุ่นคิดแล้วพูดว่า “งั้นพวกเราไปกินกันตอนนี้เลยไหม กินข้าวเสร็จฉันก็จะได้รีบกลับ”

“ตกลง พวกเราก็เก็บของเสร็จพอดี ไปร้านข้าวแถวหน้าโรงเรียนกัน”

เมื่อไปถึงร้านข้าว ทุกคนก็รีบสั่งอาหารทันที แต่ด้วยวันนี้มีนักเรียนที่มากินข้าวค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่ต่างก็ถือโอกาสก่อนที่จะปิดเทอมออกมากินข้าวกับเพื่อน ๆ ด้วยกัน จึงได้อาหารค่อนข้างช้า

สือหยวนฝูร้อนใจเพราะลูกยังเล็ก และหล่อนก็เป็นห่วงมาก

เหมาชุนเถาเห็นท่าทางของสือหยวนฝูก็เลยพูดว่า “หยวนฝู รีบกินเถอะ เสร็จแล้วเธอกลับก่อนก็ได้”

“อื้ม”

สือหยวนฝูตอบแล้วรีบกินข้าว เมื่อกินเสร็จก็จ่ายค่าอาหารเอาไว้ล่วงหน้า

เหมาชุนเถาเห็นสือหยวนฝูไปจ่ายเงินก็จะรีบไปห้าม แต่สือหยวนฝูกลับพูดขอโทษด้วยความเกรงใจ “ฉันไม่ได้นั่งกินด้วยเลย ขอโทษด้วยจริง ๆ วันนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอแล้วกัน เทอมหน้าพวกเธอค่อยเลี้ยงฉันก็ได้ พวกเธอกินต่อเถอะ ฉันกลับก่อนนะ”

พอสือหยวนฝูไปแล้ว เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็อดถอนหายใจไม่ได้ “ตั้งแต่หยวนฝูแต่งงานมีลูก หล่อนก็ห่างๆ กับพวกเราไป หล่อนหมกมุ่นอยู่กับครอบครัวและลูกมากเกินไป เวลาคุยกันก็แทบไม่มีเรื่องอื่น”

เกาซุนชิวพูดตาม “ใช่ๆ ตอนที่หยวนฝูคุยกับพวกเรา หล่อนก็พูดแต่เรื่องลูก ฉันกับเซี่ยอวิ๋นไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน”

เหมาชุนเถาได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “แต่งงานมีลูกก็เป็นแบบนี้แหล่ะ จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจเรื่องอื่น ครอบครัวกับลูกก็สำคัญ”

“นั่นมันไม่เหมือนกัน เสี่ยวจี๋เสียงโตเป็นหนุ่มแล้ว ส่วนลูกของหยวนฝูยังเล็กอยู่เลย” เหมาชุนเถาเข้าใจสือหยวนฝูดี เพราะลูกยังเล็ก จึงต้องเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดา

ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “จริงด้วย เพราะลูกๆ ของหยวนฝูยังเดินไม่ได้เลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เพียงแต่พวกหล่อนยังคงหวังว่าในอนาคตจะสามารถเป็นเหมือนฉินมู่หลานที่ทุ่มเทให้กับการเรียนและการงานได้โดยไม่ต้องเป็นเหมือนสือหยวนฝูที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับครอบครัวและลูกๆ เห็นได้อย่างเทอมนี้ที่หล่อนมาเรียนสายเป็นเวลานาน

เซี่ยปิงหรุ่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน จริง ๆ แล้วหล่อนค่อนข้างไม่เข้าใจสือหยวนฝู เพราะรู้สึกว่าการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นสิ่งที่สนุกที่สุด

หลังจากที่สือหยวนฝูออกไป ฉินมู่หลานก็ค่อย ๆ กินข้าวพร้อมพูดคุยเกี่ยวกับแผนการในช่วงปิดเทอม

เกาซุนชิวนึกถึงลูกพี่ลูกน้องที่วางแผนจะไปเซินเจิ้นในช่วงปิดเทอม จึงหันไปถามฉินมู่หลานว่า “มู่หลาน ฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้เธอก็จะไปด้วย ฉันฝากเชี่ยนเชี่ยนด้วยนะ ฉันกลัวว่าหล่อนไปต่างเมืองเป็นครั้งแรกแล้วจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

ฉินมู่หลานก็พูดพลางหัวเราะว่า “วางใจเถอะ พวกเราจะดูแลเชี่ยนเชี่ยนให้อย่างดีแน่นอน แต่ว่าพวกเธอสนใจจะไปด้วยกันไหมล่ะ ถือว่าไปเที่ยวเล่น”

เกาซุนชิวส่ายหัวอย่างเสียดายและพูดว่า “ช่วงปิดเทอมฉันก็มีธุระเหมือนกัน คงไปไม่ได้ แต่กลับบ้านไปฉันจะถามอวิ๋นเซียวดูว่าเขาว่างไปไหม”

“เยี่ยมเลย คนเยอะๆ จะได้ครึกครื้น”

ฉินมู่หลานพูดพลางยิ้ม หลังจากนั้นก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยและเหมาชุนเถา

ทว่าทั้งคู่ก็ไม่สนใจที่จะไปเซินเจิ้น

“มู่หลาน ฉันจะอยู่ปักกิ่งนี่แหล่ะ ร้านซิ่งหลินและโรงงานยาค่อนข้างยุ่ง ฉันจะอยู่ช่วยงาน”

ส่วนเหมาชุนเถามีเรื่องสำคัญกว่า “ฉัน…ฉันจะไปที่ ๆ หนึ่งกับคนคนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีเวลา” เมื่อพูดจบ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ

ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นเหมาชุนเถาเป็นเช่นนี้ จึงหัวเราะอย่างมีนัยยะว่า “อ๋อ…เข้าใจแล้ว”

เกาซุนชิวกับเฉินเซี่ยวอวิ๋นเห็นทั้งสามคนเป็นเช่นนี้เลยอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกเธอปิดบังอะไรพวกเราไว้หรือเปล่า ทำไมมู่หลานและปิงหรุ่ยถึงรู้เรื่องชุนเถาว่าจะไปทำอะไร”

แน่นอนว่าฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่มี

และเหมาชุนเถาก็ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ฉัน…ฉันมีแฟนแล้ว ดังนั้นหลังจากช่วงวันหยุด ฉันก็จะเตรียมการแต่งงานน่ะ เมื่อกำหนดวันแล้วฉันจะบอกพวกเธอ”

“อะไรนะ…เธอมีแฟนแล้ว?”

ฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อย เธอและเซี่ยปิงหรุ่ยประหลาดใจที่เหมาชุนเถาจะแต่งงานแล้ว ส่วนเฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวประหลาดใจที่เหมาชุนเถามีแฟนอีกครั้งแล้ว แถมยังถึงขั้นจะแต่งงานกัน

เหมาชุนเถาพยักหน้าตอบว่า “ใช่ ถึงเวลานั้น พวกเธอต้องมาดื่มเหล้ามงคลในงานแต่งงานของฉันนะ”

เมื่อความประหลาดใจผ่านไป ทุกคนก็ต่างก็กล่าวแสดงความยินดี “แน่นอนอยู่แล้ว งานแต่งงานของเธอ พวกเราต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว”

พวกเพื่อน ๆ ต่างพูดคุยหยอกล้อกัน พวกเธอกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข จากนั้นก็แยกย้ายกลับบ้าน

หลังจากเกาซุนชิวกลับไปแล้ว ก็ยังสอบถามเกาอวิ๋นเซียว

พอเกาอวิ๋นเซียวรู้ว่าสามารถติดตามไปเซินเจิ้นได้ ก็ตกลงเพราะเขาเป็นห่วงเกาเชี่ยนเชี่ยนอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้ที่สามารถติดตามไปด้วยได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุด

และก่อนที่ฉินมู่หลานจะออกเดินทาง เธอก็ได้ไปหาเซี่ยเจ๋อหลี่ก่อน

“อาหลี่ ฉันจะรีบกลับมานะคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่รับรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าภรรยาของตนจะต้องไปเซินเจิ้น เพียงแต่ยังคงมีความเป็นห่วงและรู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง “คุณอย่าลืมพาเหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงไปด้วยนะ”

“วางใจเถอะค่ะ พวกหล่อนก็จะติดตามไปด้วย”

“ดีแล้ว”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็วางใจ เขาเห็นว่ามู่หลานไม่ได้พาเด็ก ๆ มาด้วย หัวใจก็อดร้อนรุ่มไม่ได้ “มู่หลาน คืนนี้ค้างด้วยกันได้ไหม?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ชีวิตในเซินเจิ้นจะเป็นยังไงบ้างน้า

พี่หลี่เดี๋ยวนี้ค่าตัวแพงนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Score 10
Status: Completed
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก [嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住] ผู้แต่ง : 钰儿 เรื่องย่อ หลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

Options

not work with dark mode
Reset