ตอนที่ 572 : ทวงคืนอิสระ
ดีที่แฟนธอมได้สร้างโล่เงาให้กับหวังเย่าเอาไว้ เพราะไม่อย่างงั้นแล้วการที่น้ำแข็งแตกนี้ คงสร้างความเสียหายให้กับร่างกายอย่างมาก ดีที่พวกเขามีโล่เงาที่แม้ว่าจะพังลงแต่ก็ยังทำให้พวกเขาเป็นอมตะอยู่ 3 วินาที
ตัวหวังเย่าและแฟนธอมมีแสงสีขาวส่องประกายออกมาต้านทานความเสียหายเอาไว้ได้
“ตงเหลิ่งนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ เขาบอกว่าจะไม่ลงมือแต่กลับลงมือ ฟางอี้แต่งงานกับเขาไปจะมีความสุขจริง ๆ หรือ ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองขึ้นมา
โชคชะตาไม่ใช่เรื่องที่ใครจะกำหนดได้ ความสุขของใครก็ขึ้นอยู่กับคนนั้นตัดสินเอง
ในวัย 20 ปี บางทีแต่ละคนอาจจะคาดหวังและมีความต้องการที่ต่างกันเมื่อเติบโตขึ้นมา บางครั้งความสุขของคนเราก็ไม่เหมือนกัน เรื่องของคนอื่นเราเองก็ไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะอันที่จริงแล้วคนอื่นไม่ใส่ใจเราด้วยซ้ำ…
เขาได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น และยอมรับความจริงเอาไว้
โล่น้ำแข็งได้หายไป ฟอเนอร์ได้เอาเครื่องลงจอดก่อนจะลงจากเครื่องบินแล้วรีบวิ่งเข้ามากอดหวังเย่าเอาไว้โดยไม่สนว่าหวังเย่าจะบาดเจ็บอยู่รึไม่
“น้องหวังเย่า ฉันล่ะเป็นห่วงนายจริง ๆ ”
หวังเย่าถอนหายใจออกมา “ฉันทำงานของฉันเสร็จแล้ว ฉันยื้อให้นายตามเวลาที่กำหนดแล้ว แต่นายจับซิดดี้ไม่ได้เอง”
“ฉันรู้ เราผิดเอง ฉันจะชดเชยให้นายก่อน ไปเถอะ เรากลับบ้านกันดีกว่า ! ”
“บ้านหรือ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ดูสภาพนายตอนนี้แล้ว เราจะไปส่งนายที่บ้านก่อน”
เมื่อฟอเนอร์ออกปากชวน เขาก็ได้ขึ้นเครื่องไปพร้อมอีกฝ่าย
เครื่องบินได้บินผ่านพระจันทร์เต็มดวงไปอย่างช้า ๆ
หวังเย่าได้ชิมไวน์และมองดูดวงจันทร์ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ดวงจันทร์ของโลกมนุษย์แต่ก็ดูไม่ต่างกันเลย
แฟนธอมนั่งอยู่ข้าง ๆ หวังเย่า แม้ว่าจะนั่งอยู่เฉย ๆ แต่เขากลับดูสูงส่งและสง่าราวกับเจ้าชาย
เอาจริง ๆ แล้ว หวังเย่าไม่อยากนั่งอยู่ข้าง ๆ แฟนธอมเลยด้วยซ้ำ ยังไงซะสภาพของทั้งสองก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
แฟนธอมน่ะเหมาะที่จะเป็นดาวเด่นเลยก็ว่าได้ นี่คือสิ่งที่หวังเย่าคิด
มันเป็นครั้งแรกที่แฟนธอมได้ขึ้นเครื่องบิน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าเมืองของดาวนี้มีขนาดใหญ่แค่ไหน เขามองดูรถและตึกต่าง ๆ ซึ่งเขาเองก็อยากจะรู้เกี่ยวกับโลกนี้มานานแล้ว
“น้องหวังเย่า รับบัตรนี้ไว้ มันมีเงิน 100 ล้านเหรียญ ในอนาคตเราจะให้นาย 100 ล้านเหรียญทุกปีจนกว่าจะครบ 1,000 ล้านเหรียญตามที่ตกลงกันไว้”
ไม่ทันที่หวังเย่าจะได้พูดอะไร แฟนธอมก็รับบัตรไปและถามขึ้นมา “เหรียญจิ้งจอกคืออะไร ? ”
หวังเย่ามองไปที่แฟนธอมแล้วตะโกนออกมา “เฮ้ย นี่เงินฉันไม่ใช่รึไง ? ”
“ข้าก็มีส่วนด้วย เจ้าคงไม่คิดว่านี่เป็นผลงานของเจ้าคนเดียวหรอกนะ ? ”
ฟอเนอร์มองไปที่แฟนธอมด้วยสีหน้าช็อกแล้วพูดขึ้นมา “หวังเย่า ดูเหมือนว่านายจะคุมสัตว์อสูรของตัวเองไม่ได้นะ ช่างเถอะ ฉันให้เงินนายไปแล้ว หลังจากนี้นายก็ไปจัดการเอาเองแล้วกัน”
แฟนธอมยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ข้าก็ร่วมมือกับหวังเย่า เงินนี่น่าจะเป็นของข้าครึ่งหนึ่ง”
หวังเย่ามองไปที่แฟนธอมแล้วพูดขึ้นมา “คนละครึ่งก็ได้ แต่เงินส่วนของฉัน นายไม่มีสิทธิ์ใช้”
แฟนธอมพยักหน้าตกลงก่อนจะดื่มไวน์ต่อ
ไม่นานเครื่องบินก็ลงจอดที่บ้านหรูหลังหนึ่งใจกลางเมือง
ตรงหน้าบ้านนั้นมีลานจอดอยู่ ฟอเนอร์ได้ให้บัตรกับหวังเย่าแล้วพูดขึ้น “บ้าน, น้ำ, ไฟและค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ฉันจัดการหมดแล้ว แต่เดือนหน้านายต้องจ่ายเอง สำหรับกฎหมายของที่นี่แล้ว ห้ามมีการต่อสู้ในเมือง ถ้าจำเป็นจริง ๆ ฉันแนะนำว่าให้ใส่หน้ากากเอาไว้ ฉันไม่อยากเห็นนายกลับไปที่เหมืองนั่นอีก”
“เข้าใจแล้ว ”
“งั้นพักผ่อนซะ ฉันจะมารับนายอาทิตย์หน้า ตอนที่มีการประชุม”
“ประชุมอะไร ? ” หวังเย่าแสดงสีหน้าสับสนออกมา
“แล้วนายจะเข้าใจเอง ” จากนั้นฟอเนอร์ก็ได้ขึ้นเครื่องก่อนจะเดินทางออกไป
หวังเย่าเดินเข้าไปในบ้าน เขาใช้บัตรรูดก่อนที่ระบบจะทำการตรวจสอบใบหน้า
“สบายดีจริง ” หวังเย่ายิ้มออกมา
เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ประตูก็ปิดลงเอง
หวังเย่าหันกลับและพบว่าแฟนธอมยังไม่เข้ามาในบ้าน เขามองจอที่ประตูก่อนจะพบว่าแฟนธอมกำลังทำท่าทางตลกอยู่
แฟนธอมเดินส่ายหน้าไปมาตรงกล้องแต่เมื่อเห็นว่าประตูไม่ขยับเขยื้อนอะไรก็ได้ถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่สวยยิ่งกว่าผู้หญิงออกมา
เขาแสดงสีหน้าต่าง ๆ ให้กับกล้องแต่ประตูก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับ
เขาคิดอยู่สักพักแล้วใส่หน้ากากอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงไปมองและเริ่มทำการคิดรหัสผ่านประตู
“เหมือนเด็กจริง ๆ..”
หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาเดินเข้าไปในบ้านก่อนที่ไฟจะเปิดขึ้นเอง พร้อมเผยให้เห็นบ้านที่ดูหรูหรา
“สวัสดีเจ้าของบ้าน ฉันแม่บ้านอัจฉริยะแอนนี่ คุณต้องการอะไรรึเปล่า ? ” เสียงหวาน ๆ ดังขึ้นมา
“ฉันอยากอาบน้ำ”
“ตามการวิเคราะห์ร่างกายแล้ว ฉันได้ปรับน้ำให้มีอุณหภูมิเหมาะสมที่สุดแล้ว ในอีก 3 นาที ก็พร้อมที่คุณจะอาบน้ำได้”
“ขอบคุณ ”
“คุณต้องการอะไรอีกรึเปล่า ? ”
“ตอนนี้ยังไม่มี”
หวังเย่าได้เปลี่ยนรองเท้าก่อนจะเดินไปที่ระเบียง มันมีชั้นวางหนังสือและโซฟาอยู่ที่นั่นด้วย
หวังเย่ายืนอยู่ที่ระเบียงมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า
หลังจากนั้นสักพักเสียงของแอนนี่ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง บอกหวังเย่าว่าน้ำพร้อมแล้ว
ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่เหมือง เขาไม่ได้อาบน้ำดี ๆ เลยสักครั้ง
และตอนนี้เขาก็อยู่ในห้องน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมานั่งที่โซฟาในชุดคลุม
เขาหยิบหนังสือขึ้นมาจากชั้น ก่อนจะเปิดดูเพื่อฆ่าเวลา
แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นยุคไหน แต่ความบันเทิงของคนก็ไม่ต่างกันมาก
เมื่อเบื่อขึ้นมา หวังเย่าก็วางหนังสือลงแล้วมองไปที่จอตรงหน้าก่อนจะเริ่มเรียนรู้วิธีใช้งานมัน
การทำงานมันไม่ได้ซับซ้อน มันเหมือนกับโน๊ตบุ๊คที่เขาเคยใช้มา
เขาได้ใส่คำค้นหาอย่างเขตดาวโบไลด์, เขตสวรรค์ใส่ลงไปก่อนจะพบว่ามันไม่อาจจะเข้าดูข้อมูลพวกนี้ได้
เขาทำการศึกษาสักพักก่อนจะเข้าใจว่าเหตุผลเป็นเพราะอะไร
ทุกประเทศบนดาวทมิฬนั้นอยู่ในสหพันธ์จิ้งจอก ตั้งแต่ที่ก่อตั้งสหพันธ์มานั้น ตระกูลมูหลางก็กลายเป็นอำนาจหลักของดาวนี้ เพื่อที่จะรักษาราคาของแร่หินเอาไว้ ดาวทมิฬและพันธมิตรดวงดาวจึงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ที่นี่ถือว่าเป็นประเทศปิดก็ว่าได้
แน่นอนว่าไม่ได้ตัดขาดทั้งหมด ตระกูลมูหลางยังคงทำการแลกเปลี่ยนแร่หินกับดาวอื่น ๆ ในจักรวาล แต่การแลกเปลี่ยนนี้จะเป็นการผูกขาด องค์กรอื่น ๆ ไม่อาจจะเข้ามายุ่งกับการซื้อขายนี้ได้
นอกจากนี้ดาวทมิฬก็มีประชากรระดับต่ำ ตราบใดที่ระดับต่ำกว่า 100 และผ่านเงื่อนไขที่กำหนดก็จะได้บัตรเขียวของที่นี่แต่ระดับสูงกว่า 100 นั้นไม่ว่าจะผ่านเงื่อนไขยังไงก็ตามก็ไม่อาจจะเข้ามาในดาวนี้ได้
ดังนั้นจึงไม่อาจจะหาข้อมูลของดาวระดับสูงในอินเตอร์เน็ตได้
หวังเย่าปิดคอมก่อนที่เสียงกดปุ่มจะดังขึ้น จากนั้นประตูบ้านก็ถูกเปิดออก