ตูมมม!
คนของตระกูลเป่ยอวิ๋นเริ่มลงมือแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างเอาความสามารถของตะกูลออกมาใช้
เหล่าจอมภูตพลังธาตุต่างพากันแสดงทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งของพวกเขาออกมา มีทั้งทักษะวิญญาณธาตุอัคคี ทักษะวิญญาณธาตุวารี และอื่น ๆ…
ชายผู้นี้ปกปิดระดับของตนเองเอาไว้ ทำให้พวกเขาไม่อาจคาดเดาได้
แต่ทว่าพวกเขาที่มีจำนวนมากมายขนาดนี้ จะยังจัดการกับข้ารับใช้เพียงคนเดียวไม่ได้อีกอย่างนั้นหรือ?
คนของตระกูลเป่ยอวิ๋นไม่รู้ว่า ทันทีที่พวกเขาพูดคำสองคำนั้นออกมา แววตาของมู่เฉียนซีที่เป็นหมอปีศาจกำลังจ้องมองไปที่พวกเขาราวกับอาวุธที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น
ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ!
ปรมาจารย์ภูตที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเป่ยอวิ๋นคนหนึ่ง เป็นแขกที่พวกเขาเชิญมา และเขาก็เป็นถึงจอมภูตพลังธาตุวารีระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณขั้นต่ำอีกด้วย
และเพื่อที่จะต่อกรกับหมอปีศาจ พวกเขาจึงได้นำผู้ที่มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
อย่างไรก็ตามการคิดที่จะใช้ทักษะวิญญาณพลังธาตุวารีต่อหน้ามังกรวารีนั้น แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นโศกนาฏกรรมของเขาอยู่แล้ว
มังกรวารีหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวารี และจอมภูตพลังธาตุวารีระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้นก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ในทันที
เขากล่าวอย่างตื่นตกใจว่า “จะ…เจ้าก็เป็นจอมภูตพลังวิญญาณธาตุวารีเช่นกันหรือ!”
“มะ…ไม่ถูกต้อง ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อนเลย พลังวิญญาณธาตุวารีที่บริสุทธิ์เช่นนี้ เจ้า…”
และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวที่สุด เพราะเรื่องที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากที่สุดก็คือ ในตอนที่เขาหลุดพ้นออกมาได้แล้ว และกำลังจะหมุนเวียนพลังวิญญาณอีกครั้ง เขากลับค้นพบว่า…
เขาได้ค้นพบว่าพลังวิญญาณธาตุวารีของเขาไม่มีอยู่อีกแล้ว เขาได้เปลี่ยนจากจอมภูตพลังธาตุกลายไปเป็นจอมภูตธรรมดาไปแล้ว และภายในร่างกายของเขาก็ไม่มีพลังธาตุวารีเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
ความตื่นตระหนักปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา “จะ…เจ้า…นี่เจ้าใช้กลอุบายร้ายใดกับข้ากันแน่?”
มู่เฉียนซีก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่ามังกรวารีจะสามารถช่วงชิงเอาพลังธาตุวารีมาจากจอมภูตพลังธาตุวารีได้ด้วย
แต่ทว่านี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก เนื่องจากว่ามังกรวารีคือเจ้าแห่งวารี ฉะนั้นการทำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ คาดว่าแค่เพียงขยับนิ้วก็น่าจะสามารถจัดการได้แล้ว
คนผู้นั้นหวาดกลัวจนถึงขีดสุด การเป็นเพียงแค่จอมภูตธรรมดาทำให้พลังในการต่อสู้ของเขาลดลงไปหนึ่งระดับเลยทีเดียว นอกจากนี้ทักษะวิญญาณธาตุวารีที่ร่ำเรียนมาอย่างยากลำบากก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นไร้ประโยชน์ไป ซึ่งมันทำให้เขาอยากที่จะกระอักเลือดออกมาจริง ๆ
“บัดซบเอ้ย! ฟื้นฟูกลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
เขาพุ่งทะยานเข้าใส่มังกรวารีอย่างสุดชีวิต แม้ว่าในกลุ่มคนเหล่านี้จะยังมีจอมภูตพลังธาตุวารีอยู่อีก แต่พวกเขาต่างก็ไม่กล้าพุ่งทะยานเข้าไป เพราะเกรงว่าจะมีชะตากรรมที่น่าสังเวชเหมือนกันกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณผู้นั้น
และการต่อสู้ทางด้านนี้ ได้อยู่ภายใต้การจับตามองของคนจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งพวกเขาต่างก็ตื่นตกใจมากเช่นกัน
“ชายหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้านั้นคือผู้ใดกัน? คิดไม่ถึงว่าจะสามารถแย่งชิงพลังวิญญาณธาตุวารีของผู้อื่นไปได้เช่นนี้!”
“ไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรเลย? อีกทั้งในร่างกายก็ยังไม่มีพลังผันผวนที่แข็งแกร่งอะไรอีกด้วย แล้วเขาทำได้อย่างไรกัน?”
“นี่มันจะต้องเป็นวิชาลับชนิดหนึ่งแน่นอน! วิชาลับที่มีเพียงจอมภูตพลังธาตุวารีเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้ แต่พวกข้าไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเลยนะ!”
“ไม่รู้ว่านี่จะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวหรือถาวรกันแน่ หากมันหายไปถาวรแล้วละก็ นี่จะต้องเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมากเลยทีเดียว”
ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “พวกเจ้ากลัวอันใดกัน? โจมตีเขาเดี๋ยวนี้! ความสามารถที่พิเศษเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเมื่อใช้ไปแล้วครั้งหนึ่ง จะสามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้”
คนของตระกูลเป่ยอวิ๋นคือพวกเขา แม้ว่าจะหวาดกลัวแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นได้ ดังนั้นจอมภูตพลังธาตุวารีที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจึงต้องเริ่มลงมือทันที
และผลปรากฏว่าพวกเขาทั้งหมดได้ถูกแย่งชิงพลังวิญญาณธาตุวารีไปจนหมด ทำให้สีหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที!
พวกเขาไม่ควรที่จะเชื่อคำพูดบ้า ๆ ของผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นเลย เพราะพลังวิชาลับของชายหนุ่มผู้นี้สามารถใช้ได้ตามใจชอบเลยต่างหาก
เห็นทีหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่าว่าแต่พวกเขาสองสามคนเลย แม้จะมีจอมภูตพลังธาตุวารีอีกหลายร้อยคนต่างก็ต้องพ่ายแพ้เช่นกัน
แค่มังกรวารีเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว ในเวลาเช่นนี้ เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานออกมา พวกเขาถูกมังกรวารีโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่มีแรงที่จะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
ในตอนที่เข็มยาแทงทะลุผิวหนังของพวกเขานั้น พวกเขาก็แอบกรีดร้องในใจว่าแย่แน่ มันมีพิษ!
ถึงร่างกายจะไม่ได้รู้สึกไม่สบายอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้รับรู้แล้วว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติ?
“อาาาาา…”
พวกเขาพูดออกมาไม่ได้ และหลังจากนั้นแต่ละคนก็จ้องมองไปยังหนุ่มน้อยที่งดงามราวกับภูตสวรรค์คนนั้น “อา…อา…”
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะโดนยาพิษที่ทำให้เป็นใบ้ไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เดินออกมา จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “คำพูดที่พวกเจ้าเพิ่งกล่าวเมื่อครู่นี้ เป็นคำที่ข้าไม่ชอบฟังเลยจริง ๆ แต่ตอนนี้ดีแล้วล่ะ ในที่สุดพวกเจ้าก็ไม่สามารถพูดคำที่ไม่น่าฟังได้อีกแล้ว”
มังกรวารีจะมาถูกพวกเขาดูถูกดูแคลนได้อย่างไรกัน!
“อา อา อา…” ยาถอนพิษ ยาถอนพิษ! พวกเขาต้องการที่จะตะโกนร้องออกมา แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาได้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่มู่เฉียนซีก็สามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาต้องการที่จะสื่ออะไรกันแน่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้ามีชื่อเสียงในฐานะตระกูลนักปรุงยาอันดับหนึ่งของดินแดนทางตอนเหนือแห่งราชวงศ์ตงหวงมิใช่หรือ? พวกเจ้าไม่รู้วิธีกลั่นยาถอนพิษด้วยตนเองหรืออย่างไร?”
“อีกอย่างหากพวกเจ้าไร้ความสามารถ ไม่ใช่ว่ายังจะมีอดีตผู้นำตระกูลที่เคยสอนเรื่องกลั่นยาให้กับเป่ยกงจั๋วอยู่ด้วยมิใช่หรือ? เขาจะต้องกลั่นยาออกมาได้อย่างแน่นอน”
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น แต่ด้วยความชั่วร้ายของสำนักนี้มีมากมายนัก จึงทำให้ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นไม่มีทางออกอื่นเลย
สู้ก็ไม่ได้ แถมยังโดนวางยาพิษอีก สิ่งนี้ทำให้ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นค่อนข้างหวาดกลัวมากเลยทีเดียว
เขาโบกมือ และสั่งให้พวกเขาเตรียมตัวกลับ รอให้ศึกษายาถอนพิษออกมาได้ก่อนค่อยว่ากันใหม่
ไป!
ในตอนที่พวกเขาเตรียมตัวที่จะจากไป มู่เฉียนซีก็มองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาพลางกล่าวว่า “ท่านผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋น ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้ท่านทราบสักหน่อย เรื่องทั้งหมดที่ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าทำในวันนี้ มันมีราคาที่ต้องจ่าย หอหมอปีศาจของข้าไม่อาจผ่อนปรนให้ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเจ้าได้ ดังนั้นทางที่ดีพวกเจ้าควรจะเตรียมตัวให้พร้อมจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกทำลายเร็วเกินไป และไม่มีความท้าทายเลยแม้แต่น้อย”
ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นสีหน้าซีดเผือด เพราะก่อนหน้านี้หอหมอปีศาจไม่มีเคลื่อนไหวใด ๆ เลย มันจึงทำให้ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเขารับมันไม่ได้
แต่หากหอหมอปีศาจเป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน ตระกูลเป่ยอวิ๋นของพวกเขาจะสามารถประคองชีวิตให้รอดไปได้ถึงเมื่อไหร่กัน?
ผู้นำตระกูลเป่ยอวิ๋นกำหมัดแน่น ไอ้เด็กเวรนี่ อย่าได้ใจเร็วเกินไปนักเลย เพราะไม่ได้มีเพียงพวกเขาตระกูลเดียวที่ต้องการจะจัดการเขา คอยดูไปก่อนเถอะ!
คนรับใช้ของหมอปีศาจเพียงคนเดียวยังเก่งกาจถึงเพียงนี้ ฉะนั้นมันจึงทำให้กองกำลังที่มีความสามารถด้อยกว่าตระกูลเป่ยอวิ๋นล้มเลิกความคิดไปทันที
ตระกูลเป่ยอวิ๋นจบสิ้นไปแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากที่จะเล่นด้วยอย่างไม่รอบคอบอีกแล้ว
ตระกูลเป่ยอวิ๋นพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ แต่กลับไม่ได้ทำให้คนเหล่านั้นยอมแพ้ที่จะทดสอบหมอปีศาจเลย
จากนั้นก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา และเข็มพิษจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็พุ่งตรงเข้าจู่โจมมู่เฉียนซี
เข็มพิษเหล่านี้ล้วนมีสีดำ เห็นได้ชัดว่ามันได้ถูกทายาพิษเอาไว้
โล่วารีได้สกัดกั้นเข็มพิษเหล่านั้นเอาไว้ และคิดไม่ถึงเลยว่าพิษที่ถูกทาไว้บนเข็มพิษเหล่านั้นต่างหายไปทันที เมื่อถูกชำระล้าง
“อะไรน่ะ?”
ทันทีที่มังกรวารีโบกมือ เข็มพิษเหล่านั้นก็มาอยู่ในมือของมู่เฉียนซี
พิษถูกล้างออกไปหมดแล้ว ฉะนั้นเข็มพิษที่อยู่ในมือมู่เฉียนซีเหล่านั้น ก็เป็นเพียงแค่เข็มธรรมดา ๆ เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้หมอปีศาจจึงชะโลมพิษลงไปบนเข็มพิษเหล่านี้ใหม่อีกครั้งหนึ่งอย่างชำนาญ หลังจากนั้นนางก็กล่าวกับมังกรวารีว่า “มังกรวารี ไปลากคนที่กล้าลอบโจมตีข้าเหล่านั้นออกมา”
“ขอรับ! นายท่าน”
ร่างเงาสีฟ้าหายวับไปจากตรงนั้น กลุ่มคนของสำนักหมอทมิฬสัมผัสได้ถึงลางไม่ดีในทันที หนีเร็ว!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ตูมม! จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นออกมา
คนของสำนักหมอทมิฬเหล่านั้นอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น ทันทีที่เกิดเสียงระเบิดขึ้น ห้องทั้งห้องก็พังทลายลง
ตึง ตึง ตึง!
คนที่ยับเยินราวกับผ้าที่ขาดรุ่งริ่งก็มิปานสองสามคนนั้นถูกโยนมาอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี
“หมอปีศาจ เจ้าอย่าทำอะไรส่งเดช พวกเราเป็นถึงคนของสำนักหมอทมิฬเชียวนะ” พวกเขากล่าวอย่างหวาดกลัว