053:งานเปิดตัวแห่งความร้าวฉาน⑰ รางวัลมุขตลกยอดเยี่ยม Ⅱ
ภายในปราสาทออกัสต์ การเปิดตัวของ ลูน่า เบลล์ ดิแซค ในห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งตอนนี้เป็นงานเลี้ยงรับชมการถ่ายทอดสดที่แสดงให้เห็นการต่อสู้ของลูน่า พวกขุนนางต่างเฝ้ามองจนลืมหายใจ
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการถูกลักพาตัวของบารอนเนส มาเรีย เทมเพิล
ลูน่าออกเดินทางพร้อมทหารห้าสิบนายเพื่อไปช่วยเหลือเพื่อนรักของเธอ รีบเข้าไปในอาคารที่เชื่อว่ามีผู้ก่อการร้ายอยู่ และหลังจากสู้กันสักพักก็ได้มาเจอกับมาเรีย
「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังมีผู้ที่ใช้วิชาสำนักมังกรซากุระ……」
ท่ามกลางความมืดมิดมีชายคนหนึ่งที่พึมพำด้วยท่าทางตัวใจนั่นคือราเด็น
ในภาพที่ฉายเขาเห็นสาวน้อยคนนั้นสวมใส่อาภรณ์สายฟ้าและจัดการศัตรูจนกลายเป็นกอตะโก้
เพื่อนของเขาเซอร์โทกาซี่「นี่นายรู้อะไรงั้นเหรอราเด็น!?」เขาถามด้วยท่าทางตื่นเต้น
「อ่า วิชาสำนักมังกรซากุระเป็นหนึ่งในหกวิชาหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าวิชานั้นสามารถแวกทะเลและทำลายล้างโลกใบนี้ได้ และในที่สุดแม้แต่เทพยังต้องสยบ เคยได้ยินว่ามันหายสาปสูญไปนานแล้ว แต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงใช้มันได้?」
ราเด็นอธิบายขณะจ้องมองภาพตรงหน้า
ในทางกลับกันมีผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยิ้ม
เอลิซ่า・ลูเทีย・ฟอน・อัลฟิเลีย ราชินีนั่นเอง
บางครั้งเอลิซ่าถูกเรียกด้วยชื่อที่สองว่านักบุญดาบแต่ในความเป็นจริงเธอเป็นผู้สืบทอดวิชาดาบจรัสแสง ซึ่งนับเป็นหนึ่งในวิชาหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย
(ลูน่าจังเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม และจากข้อมูลของแผนกข่าวกรองนำมา ดูเหมือนว่าเธอจะประสบความสำเร็จราวกับเทพธิดามาจุติ แต่ถ้าเธอเป็นผู้ใช้วิชาสำนักมังกรซากุระ ทุกอย่างก็สมเหตุสมผล แต่ว่าหากทำให้เธอหงุดหงิด ประเทศอาจจะพินาศ)
นี่เป็นเพียงข้อมูลที่ได้รับจากการเล่าสู่กันฟัง แต่ดูเหมือนว่าในอดีตจะมีผู้ใช้กำปั้นได้สู้กับผู้ใช้หอก
สถานที่กลายเป็ฯสนามรบในเวลานั้นกลางเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่และปัจจุบันเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่
นอกจากนี้เมืองใกล้เคียงยังหายไปอย่างไร้ร่องรอยเนื่องจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสอง
ดูเหมือนว่าเมืองที่หายไปจะถูกเรียกว่าโสโดมซึ่งตอนนี้กลายเป็นป่าทึบไปเรียบร้อยไปแล้ว
นั่นแหละเวลาที่ผู้ใช้หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์เผชิญหน้ากัน
มันก่อให้เกิดหายนะระดับโลกที่ทำลายล้างโลกใบนี้ก่อนที่จอมมารจะได้ทำอะไร
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหล่าปรมาจารย์ทุกคนของหกสำนักไม่ควรจะต่อสู้กันเลย
(นั่นสินะ แม้ว่าจะใช้อำนาจของราชวงศ์ แต่ถ้าทำให้มาเป็นลูกสะใภ้ไม่ได้ อาณาจักรอัลฟิเลียได้ชิบหายกันแน่นอน)
เอลิซ่าพยักหน้ากับข้อสรุปที่เธอได้และเรียกอัลดาโต้
「เห็นทีพวกเราจะต้องใช้อำนาจของราชวงศ์บังคับให้เธอมาเป็นลูกสะใภ้บ้านเราแล้วล่ะ」
「……อ่า ข้าเองก็คิดเหมือนกันไม่คัดค้านเลยล่ะ」
ราชามีอำนาจในการออก “พระราชกฤษฏีกา”
ซึ่งเป็นพระราชกฤษฏีกาของอาณาจักรนี้
คำสั่งที่ออกโดยราชวงศ์มีผลบังคับใช้โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งหรือฐานะ
หากปฏิเสธจะถูกหาว่าเป็นกบฏ และมีโทษประหารชีวิต
นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถละเมิดคำสั่งของราชาได้
หากบังคับใช้โดยไม่จำเป็นจะนำไปสู่การรัฐประหาร
「แต่ว่าดูแลกันดีๆ ไม่งั้นประเทศได้แบ่งแยกเป็นสองส่วน」
「อืม แบบนั้นก็ยาก」
เอลิซ่าเตือนเขา และราชาก็ขมวดคิ้ว
ลูน่ามีลางสังหรณ์จากงานเลี้ยงวันเกิดครั้งก่อนอยู่แล้วว่าเธอไม่ได้สนใจสังคมขุนนางหรืออำนาจใดๆ
ตอนนั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงไม่มักใหญ่ใฝ่สูง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว
จากมุมมองของผู้ใช้หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถสร้างประเทศของตัวเองได้หากต้องการ และเนื่องจากมีพลังมากพอที่จะบดขยี้ประเทศหนึ่งด้วยตัวคนเดียว
แม้ว่าจะใช้พระราชกฤษฏีกาเพื่อนำเธอเข้ามาสู่ราชวงศ์ แต่บางทีเธออาจจะก่อกบฏก็ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นเอลิซ่าเองก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง
ตัวอย่างเช่น หากประเทศเพื่อนบ้านนำทัพหนึ่งแสนนายบุกเข้าโจมตี ก็มีหลายอย่างที่จะเอาชนะได้
ฉันไม่สนใจหรอก หากต้องหยิบดาบเล่มโปรดแล้วเดินเข้าสู่สนามรบด้วยตัวคนเดียว
แต่หากลูน่าคิดจะต่อสู้กับอาณาจักรแห่งนี้
ต่อหน้าเธอแล้วทหารล้านคนก็คงเอาเธอไม่อยู่
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ดยุคแห่งเวลซัคจะอยู่เบื้องหลัง
ดยุคแห่งเวลซัคหรือมากกว่านั้นลอร์ดแกรนด์เป็นนายพลที่แสนดุร้ายซึ่งมีความกล้า ไม่รักตัวกลัวตาย ต่อสู้เพื่อดินแดนอย่างกับหมาบ้าที่คอยเฝ้าบ้าน
ฉันไม่รู้ว่ากองกำลังถาวรของเมืองหลวงซึ่งคุ้นเคยกับสันติภาพจะไปได้ไกลแค่ไหน
เมื่อคำนึงถึงทั้งหมดนี้ อย่าปล่อยให้ความโกรธของลูน่าถูกจุดขึ้นมาเด็ดขาด
แม้ว่าจะเป็นคำสั่งของราชวงศ์แต่ก็อย่าไปฝืนอะไรที่มันเกินตัวจะดีกว่า
เช่นเดียวกับการพัวผันกับสิ่งที่มองไม่เห็น ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คา่ดคิดได้
เอลิซ่าสรุปว่านี่เป็นกลยุทธ์เดียวที่เธอสามารถต่อกรกับลูน่าได้
……อย่างไรก็ตาม อย่าได้ล้ำเส้นเธอไปจะดีกว่า
「แต่ต้นกำเนิดของเธอไม่สมเหตุสมผล เธอไปเรียนวิชาแบบนี้มาจากไหน……」
ราชาอัลดาโต้กระซิลกับตัวเอง
เอลิซ่าก็สงสัยในเรื่องนั้นเช่นกัน
แม่ของลูน่าคือซาราเอล่า และเธอเชี่ยวชาญวิชาดาบของจักรวรรดิซึ่งเป็นสำนักแยกย่อยมาจากวิชาดาบจรัสแสง แต่เธอก็ถูกเรียกว่าปีศาจเงิน ซึ่งต้องแข็งแกร่งมาก
แต่ว่าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ถ้าลูน่าเป็นผู้ใช้วิชาดาบจักรพรรดิ ทุกคนคงจะเชื่อ
เพราะเรียนมาจากท่านแม่ของเธอ แต่ว่าลูน่าใช้วิชาสำนักมังกรซากุระ
มันไม่มีที่มาที่ไปเลย แถมยังเป็นหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สูญหายด้วย
ไปเรียนรู้จากที่ไหนและเชี่ยวชาญได้ยังไง เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์งั้นเหรอ
「ถ้างั้น……」
「อะไรเหรอ?」
ทันใดนั้นเอลิซ่าก็คิดหนึ่งอย่างได้ขึ้นมา
เมื่อเขาถาม และแม้จะไม่มั่นใจเธอก็พูดออกมา
「เอ่อ ไม่แน่ใจจริงๆ」
「ลำบากที่จะพูดเหรอ?」
「ฉันเคยได้ยินมาจากอาจารย์แต่ว่าก็มีโอกาสที่จะมีคนกลับชาติมาเกิด」
เมื่อเอลิซ่าเคยอยู่ระหว่างการฝึกได้ยินเรื่องราวจากปากครูของเธอ
ไม่รู้ว่ามันจริงหรือเท็จ แต่ว่ากันว่าพวกปรมาจารย์ไม่ค่อยถูกปฏิเสธเมื่อตายจะข้ามแม่น้ำซันสึ
แต่ว่าหากมีปรมาจารย์คนไหนถูกปฏิเสธและเกิดใหม่ในโลกนี้ด้วยความทรงจำในชาติก่อนและมาพร้อมกับพลังในชาติก่อน
เอลิซ่าไม่เคยเจอคนแบบนั้นมาก่อน
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
แต่เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของสาวน้อยที่เข้าไปหาเพื่อนแล้ว ฉัดอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันคือความจริง
「อืม เข้าใจแล้ว ถ้าคิดแบบนั้นก็สมเหตุสมผล」
เขาคร่ำครวญก่อนจะใช้นิ้วลูบคาง
「ไม่รู้แน่ชัด แต่ไม่น่าใช่เรื่องที่แปลกเลย」
ฉันรีบปฏิเสธ เพราะสามีดูเหมือนจะเชื่อ
เอลิซ่าเคยสงสัยจนกว่าจะเห็นด้วยตาตัวเอง และด้วยเหตุนี้จึงมองว่าคนนับถือศาสนาที่อ้างว่าเทพเจ้าและปีศาจเป็นเพียงพวกหลอกลวง
ในวิดีโอลูน่าได้ช่วยมาเรียที่ถูกล่ามโซ่ไว้ในกำแพงและกอดกัน
『มาเรีย ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?』
『ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ ท่านพี่』
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เพียงแค่จับภาพในช่วงเวลาที่กำหนด นั่นคือสามารถรับเสียงและถ่ายทอดออกมาได้ด้วย
แม้แต่เสียงของสาวๆกระซิบกันก็เล่นอย่างเหมาะสม และผู้คนที่อยู่ห่างไกลก็รู้สึกเหมือนเกิดเหตุอย่างสมจริงพร้อมกับปรบมือทั้งน้ำตา
ในขณะที่ความตื่นเต้น แต่จู่ๆหน้าจอก็แสดงบันไดขึ้นมาที่จอ
จากนั้นฉันเห็นรองเท้าของใครบางคนที่นั่นและชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็เข้ามา
ฝูงชนรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนในหน่วยของลูน่า
『หัวหน้า!』
『มีอะไรงั้นเหรอ!?』
ชายคนนั้นเดินผ่านกล้องและเดินมาหาลูน่าและยื่นกระดาษกองหนึ่งออกมา
『นี่คือ?』
『พบมันในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นสำนักงานบนชั้นสาม』
เธอเอามือออกจากมาเรียและรับกระดาษมัดหนึ่ง
กระดาษนั้นม้วนขึ้น
สีหน้าของลูน่าเริ่มน่ากลัวเมื่อเห็นเธอก้มตาลง
『นี่คือรายชื่อลูกค้าใช่ไหม งานที่พวกมันทำในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแถมระบุรายชื่อด้วย』
จากนั้นเธอก็จ้องมองมาที่กล้อง
『การประชุมทางธุรกิจล่าสุดมีรายชื่อของมาร์ควิสลิบเรย์ มูเอล…….จำนวนค่าตอบแทนต่างจากคำขออื่นๆงานคือลักพาตัวไม่ก็ลอบสังหารบุคคลสำคัญ……..มีระบุไว้ว่าให้ส่งมือสังหารไปปลิดชีพราชาและราชินี เพื่อทำลายงานเปิดตัวของมาร์ควิสดิแซค ถ้างั้นฉันจะขอให้ท่านได้อธิบายเมื่อฉันกลับไปถึงก็แล้วกันนะคะ』
จากนั้นเธอก็ชี้นิ้วไปยังกล้องที่จับภาพมาที่เธอ
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้น
「เฮ้ย ฉันไม่รู้!!」
「เซอร์ลิบเรย์!!」
เสียงดังและเสียงกรีดร้องดังขึ้น
สถานที่จัดงานเกิดความยุ่งเหยิง
「ใจเย็นๆก่อน!!」
ดังนั้นเอลิซ่าตะโกนใส่เหล่าขุนนาง
ฝูงชนของฝั่งลิบเรย์ปิดปากเงียบสนิท จากนั้นก็เห็นพวกทหารรักษาการณ์เข้ามาล้อมรอบเซอร์ลิบเรย์
「มาร์ควิสลิบเรย์ ได้โปรดมาด้วยกันด้วยค่ะ」
「หนอยยยยยย!」
ชายคนนั้นพุ่งเข้าใส่เอลิซ่า
กำปั้นที่กำแน่นของเขาแสดงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน
ชิ้งงงง
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ราชินีเอลิซ่าได้หยิบดาบออกมาและกระแทกไปที่สันคอ
เอลิซ่าเป็นถึงนักบุญดาบและผู้ใช้วิชาดาบจรัสแสง
เธอไม่ใช่ราชินีที่ไร้ซึ่งพลัง
「พามันไป」
「「ฮ่ะ!」」
เธอสั่งด้วยน้ำเสียงที่สงบและก็รีบลากร่างของลิบเรย์ออกจากห้อง
อย่างไรก็ตาม เอลิซ่าทำสีหน้าน่ากลัว
(……นี่ฉันเข้าใจถูกจริงๆงั้นเหรอเรื่องที่เธอเป็นปรมาจารย์กลับชาติมาเกิด)
ในช่วงเวลานั้นเองเอลิซ่าก็เข้าใจแผนการของลูน่า
เธอต้องการใช้งานเปิดตัวของเธอบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามและเพิ่มชื่อเสียงให้กับตนเอง
และยังรู้สึกถึงสิ่งที่แฝงเอาไว้ในแผนการนี้
หากใช้อำนาจของราชา จะมีกองกำลังฝ่ายค้านที่นำโดยมาร์ควิสดิแซคออกมาต่อต้าน
เธออ่านเกมไว้แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกบังคับให้แต่งงาน
ดังนั้นเพื่อตอบโต้จึงได้สร้างสถานการณ์ที่ว่า “ไม่สามารถใช้อำนาจของราชวงศ์ขึ้นมาได้”
มันไม่ใช่กลอุบายของเด็กอายุสิบสองปีแล้ว
ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชนผ่านการต่อสู้มามากมาย
「แบบนี้สิค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย」
ราชินีเอลิซ่ากัดฟันและยิ้มด้วยความยินดีเธอเดินกลับไปที่ข้างราชาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดุร้ายดั่งสัตว์ป่า