สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 954 สามีภรรยาโดยแท้จริง

บทที่ 954 สามีภรรยาโดยแท้จริง

บทที่ 954 สามีภรรยาโดยแท้จริง

……….

เขาเป็นผู้ฝึกวรยุทธ ร่างกายจึงร้อนกว่าคนทั่วไป บวกกับเขาเองก็ดื่มสุราในงานเลี้ยงเข้าไปไม่น้อย จะรู้สึกร้อนอบอ้าวก็เป็นเรื่องปกติ

เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่ผลักผ้าห่มออกไปเล็กน้อย แล้วหลับตาลงเตรียมนอน

ทว่าอากาศร้อนอบอ้าวรบกวนจนเขาแทบทนไม่ไหว สมองเริ่มผุดความชั่วร้ายขึ้นมา ภาพที่ไม่ควรนึกถึงก็แวบเข้ามาในสมองโดยไม่ทันตั้งตัว

นั่นคือภาพเท้าขาวนวลของนางที่รีบดึงม่านลง

เท้าของหญิงสาวขาวผ่องและเรียวเล็ก ดูบอบบางราวกับจะหักเมื่อถูกสัมผัส

…ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย เหตุใดถึงคิดเรื่องเช่นนี้ได้

กู้ฉังชิงรีบดึงสติกลับมา

ทันใดนั้น เขาก็จำได้ว่าเมื่อครู่นี้เขากับนางยังพูดคุยกันไม่จบ เพราะถูกแม่นมจางขัดจังหวะ

หรือข้าควรลองถามนางดูดีหรือไม่

ทำศึกสงครามยังไม่ลังเลขนาดนี้มาก่อน

กู้ฉังชิงฟังเสียงหายใจของนาง รู้ว่านางยังไม่หลับ จึงเอ่ยถามด้วยความลังเล “เมื่อครู่เจ้ามีอะไรจะถามข้าใช่หรือไม่”

“หืม”

หยวนเป่าหลินหันขวับไปทางเตียงนอนอย่างงุนงง “อ้อ… เมื่อครู่ข้าจะพูดอะไรกับเจ้านะ แม่นมจางมาขัดจังหวะจนลืมไปเลย”

“นอนเถิด” กู้ฉังชิงเอ่ย

“เจ้าก็รีบนอน” หยวนเป่าหลินเอ่ย

“อืม” กู้ฉังชิงตอบรับ ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

จากนั้น ห้องกลับมาเงียบสงบอีกครา

คืนเดือนเมษายน ไม่มีเสียงแมลงร้อง ไม่มีเสียงกบ ไม่มีสายลมหนาวพัดผ่าน ทั่วทั้งจวนราวกับหลับใหล เงียบสงัดจนได้ยินเสียงหายใจของตนเอง

แน่นอนว่าด้วยประสาทหูที่เฉียบคมของกู้ฉังชิง จึงได้ยินเสียงหายใจของหยวนเป่าหลิน

หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จากความร้อนรุ่มบริเวณหน้าอก ค่อยๆ ลามไปทั่วร่างกาย

เขามิใช่ไม่เคยดื่มเหล้า ดื่มมากหรือดื่มจนเมาก็มิได้เป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคอแข็งมาก แม้ค่ำคืนนี้จะโดนมอมไปหลายรอบ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่เขาควบคุมได้ ไม่น่าจะมีอาการแบบนี้

หรือว่า…เป็นเพราะอยู่ร่วมห้องกับสตรี

จิตใจอันมั่นคงของเขาย่ำแย่ขนาดนี้ได้อย่างไร

ในฐานะท่านชายใหญ่แห่งจวนโหว เหล่าฮูหยินกู้เป็นห่วงหลานชายผู้นี้มาก ยามที่กู้ฉังชิงอายุสิบห้า เหล่าฮูหยินกู้ก็เริ่มส่งสาวใช้เข้ามาในห้องของเขา

ท่านเหล่าโหวกังวลว่าเขาหมกหมุ่นในกามตั้งแต่หนุ่มจนเสียสุขภาพ จึงไล่สาวใช้เหล่านั้นออกไป

ทว่าเขาอยู่ในค่ายทหารมาหลายปี ได้ยินเรื่องอย่างว่ามาไม่น้อย และเคยเห็นผู้หญิงมาแล้วจำนวนมากแต่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

หรือว่า…เหล้าของคืนนี้ผิดปกติ

ไม่สิ ทุกคนดื่มกันหมด และเขาก็ดื่มน้ำซุปสร่างเมาที่ท่านย่าให้คนส่งมา

น้ำ…แกง…สร่าง…เมา!

กู้ฉังชิงกำหมัดแน่น ในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ท่านย่าของเขานี่ช่าง…

กู้ฉังชิงถอนหายใจด้วยความโมโห หันหลังให้เตียง พยายามใช้สิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนใจเพื่อสกัดกั้นกลิ่นหอมของหยวนเป่าหลิน

เขาพึมพำบทสวดมนต์ที่เสี่ยวจิ้งคงสอนให้เขาหลายบท ความร้อนภายในกายจึงลดลง

แต่แล้วในเวลานี้ หยวนเป่าหลินที่อยู่บนเตียงกลับพลิกตัว

ในฐานะยอดฝีมือ หูของเขาดีมาก เขาได้ยินหยวนเป่าหลินพลิกตัว ถีบผ้าห่มออก และเขาได้ยินหยวนเป่าหลินพลิกตัวอีกครั้ง ดึงเสื้อผ้าบนตัว เขาได้ยินหยวนเป่าหลินเปิดม่าน เดินเท้าเปล่ามาทางฝั่งนี้

มาทางฝั่งนี้!

หัวใจของกู้ฉังชิงเต้นรัว รีบหันไปมองนาง

ภายในห้องเต็มไปด้วยควันธูปลายหงส์ แสงเทียนสลัว แต่ก็พอสว่าง หยวนเป่าหลินเดินมาข้างโต๊ะอย่างหงุดหงิด นางสวมเสื้อตัวในสีแดง คอเสื้อถูกนางฉีกจนเผยให้เห็นลำคอขาวผ่อง

เส้นผมดำเงางามสลวยไหลลงมา ยิ่งขับให้ผิวของนางดูขาวสว่าง

“เจ้า…เป็นอะไรไป” เขาเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง

หยวนเป่าหลินเทน้ำชาใส่ถ้วย “ร้อน… กระหายมาก”

ว่าแล้วนางก็ยกดื่มน้ำชาเย็นจนหมดถ้วย

ยังไม่หนำใจ นางจึงเทน้ำชาให้ตัวเองอีกถ้วย

นางดื่มน้ำชาสามถ้วยรวด แต่ก็ยังรู้สึกร้อน และไม่มีทีท่าว่าจะคลายความกระหาย

เมื่อนางตั้งท่าจะดื่มถ้วยที่สี่ กู้ฉังชิงก็ห้ามไว้

กู้ฉังชิงลุกขึ้นนั่ง มองนางพลางเอ่ย “หยุดดื่มได้แล้ว ประเดี๋ยวปวดท้องเอา”

หยวนเป่าหลินยกมือแตะแก้มที่ร้อนจัด “แต่ข้ารู้สึกไม่สบายตัวเลย”

กู้ฉังชิงมองนางอีกครั้ง ครานี้เขาถึงสังเกตเห็นว่าท่าทางและใบหน้าของนางแดงก่ำผิดปกติ แววตาดูเหม่อลอย แม้แต่การหายใจของนางก็ยังเร็วและหอบ

กู้ฉังชิงไม่อยากคิดไปในทางที่เลวร้าย แต่อดไม่ได้ที่จะลองถามนางดู “วันนี้เจ้ากินอะไรบ้าง”

เสียงของหยวนเป่าหลินเริ่มเบลอลง “กับข้าวกับอาหารว่าง”

กู้ฉังชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ความร้อนรุ่มที่เขาพยายามอดกลั้นไว้กลับโหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้งจากเสียงหอบของนาง

เขากดไฟแห่งราคาบริเวณท้องน้อยของเขาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “เสี่ยวเป่าส่งมารึ”

“อืม” หยวนเป่าหลินพยักหน้า

อาหารที่กู้เสี่ยวเป่าส่งมาต้องไม่มีปัญหาแน่นอน ตัวเขาเองก็ต้องกินด้วย แม้มีใครคิดจะทำอะไร ก็คงไม่วางยาในอาหารของเด็ก

“ไม่มีอย่างอื่นหรือ” เขาเอ่ยถาม

หยวนเป่าหลินครุ่นคิดอย่างยากลำบาก ชั่วครู่นางก็ตอบ “อ้อ ก่อนเจ้าจะกลับมา ท่านย่าให้คนส่งน้ำแกงเมล็ดบัวมาให้”

ท่านย่าอีกแล้ว

เยี่ยมมาก คงยากที่เขาจะคาดเดาคำตอบไม่ได้

กู้ฉังชิงชำชองในการทำศึกสงคราม แต่เรื่องภายในบ้าน เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเหล่าฮูหยินกู้ ดังคำพูดที่ว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน

หากกู้ฉังชิงคิดว่าเหล่าฮูหยินกู้เพียงวางไข่ใส่ตะกร้าใบเดียว คงจะไร้เดียงสาเกินไปเสียแล้ว

เรื่องในห้องหอ แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต้องปลุกไฟให้ลุกโชนถึงจะดี

หยวนเป่าหลินมองเขาด้วยความน้อยใจ “กู้ฉังชิง ข้าร้อนมาก”

ขนตาของกู้ฉังชิงตัวสั่นระริก เขาลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตู และเปิดประตูพลางเอ่ย “ใครก็ได้รีบมาที!”

แม่นมอยู่เวรยามสวมเสื้อคลุมเดินเข้ามา “ท่านชายใหญ่”

กู้ฉังชิงสั่ง “ไปตักน้ำมา”

แม่นมตกใจ มองเขาโดยไม่ตั้งใจและพูดโพล่งออกมา “เร็วขนาดนั้นเลยหรือ”

เพิ่งปิดประตูไปไม่นาน ท่านชายใหญ่ทำไม่นานเลย!

กู้ฉังชิงไม่ได้มีปฏิกิริยาในทันทีว่าคำว่าเร็วในคำพูดของนางหมายถึงอะไร รอรู้สึกตัว เขาถึงกับสำลัก “ไม่ใช่!”

…ความน่าเกรงขามสลายหายไปในพริบตา

แม่นางส่งสายตา “ข้าเข้าใจ” ให้กับกู้ฉังชิง ยังบริสุทธิ์ เป็นปกติ

“บ่าวไปตักน้ำเจ้าค่ะ!”

นางหันหลังเดินจากไป

ไม่นาน ทั้งครัวรู้ว่าท่านชายใหญ่ต้องการน้ำ

กู้ฉังชิงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ รอจนนางยกถังน้ำร้อนมาวางไว้ตรงหน้า ถึงนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกว่าต้องการน้ำเย็น

“น้ำเย็น น้ำแข็ง” กู้ฉังชิงเปล่งเสียงไม่พอใจ หยุดชะงักไปชั่วขณะ ถึงเอ่ยเสริม “เชือก”

หากไม่ไหวขึ้นมาจะได้มัดตัวเอง

แม่นางเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง

ฝีมือไม่เอาไหน แต่มีลูกเล่นมาก

ต้องการเทียนสักสองเล่มด้วยหรือไม่

กู้ฉังชิงสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าไม่อยากทำงานที่จวนโหวต่อแล้วใช่หรือไม่”

แม่นมเดินจากไปอย่างมืดมน

แล้วทั้งห้องครัวก็ทราบว่าท่านชายใหญ่ฝีมือไม่ดีพอจนต้องใช้ลูกแทนมาช่วย

กู้ฉังชิงเป็นแม่ทัพผู้มีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว น้ำเย็นและก้อนน้ำแข็งได้ผลกับเขา ทว่าหยวนเป่าหลินแตกต่างออกไป นางเป็นหญิงสาวบอบบาง ทนต่อฤทธิ์ยาได้ต่ำ

ไม่ว่าจะแปะก้อนน้ำแข็งไว้บนมือนางมากแค่ไหน นอกจากจะรู้สึกหนาวชาแล้ว นางก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย

นางนั่งแช่น้ำเย็น มองกู้ฉังชิงด้วยความน้อยใจ

กู้ฉังชิงกลับเบือนหน้าหนี

เขาก็ทนทุกข์ทรมานจากฤทธิ์ยาเช่นกัน ทนต่อเสน่ห์ของร่างกายเปียกปอนของนางไม่ได้

เขาเริ่มนั่งขัดสมาธิบนพื้น สวดมนต์ ท่องคาถาชำระจิตใจ ฝึกยุทธพลังภายใน… ค่อยๆ ขจัดความคิดออกจากสมอง

ซึ่งในขณะที่เขากดความกำหนัดลงได้อีกครั้งอย่างยากลำบาก หยวนเป่าหลินก็ร้องไห้สะอื้นเรียกชื่อกู้ฉังชิง ทำลายสติอันมั่นคงของเขาลงครึ่งหนึ่ง!

“หยวนเป่าหลิน!” เขากำหมัดแน่น พยายามไม่หันหลังกลับ “อย่าเรียกข้า อย่าส่งเสียงใดๆ เลย… ข้ากลัวว่าข้าจะอดข่มเหงเจ้าไม่ได้…”

หยวนเป่าหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “แล้วหากข้า…ยอมให้เจ้าข่มเหงล่ะ”

กู้ฉังชิงหายใจติดขัด ความมั่นคงของเขาพังทลายลงอีกครึ่งหนึ่ง

เขาพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุม “หยวนเป่าหลิน นี่ไม่ใช่ความคิดในใจของเจ้า เป็นเพียงฤทธิ์ยา ยาประเภทนี้ไม่เหมือนยาประเภทอื่น… ยานี้แค่ยาช่วยปลุกอารมณ์ ฤทธิ์ยาไม่แรง อดทนหน่อยก็ผ่านไปแล้ว”

หยวนเป่าหลินเบ้ปาก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่ความคิดของข้า”

กู้ฉังชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “เราเคยตกลงกันไว้ว่า..”

หยวนเป่าหลินเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงน้อยใจและโกรธเคือง “ข้าแค่หลอกเจ้าน่ะ ไม่พูดเช่นนั้นแล้วเจ้าจะแต่งงานกับข้าหรือ”

กู้ฉังชิงกำหมัดแน่น “…เจ้าโดนฤทธิ์ยาหลอนจนไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรอยู่!”

“กู้ฉังชิง…”

“หยวนเป่าหลิน! หยุดพูด!”

หยวนเป่าหลินจะหยุดพูดอย่างเชื่อฟังได้อย่างไร

นางพึมพำ “เจ้าไม่มาก็ได้ ถอดเสื้อซะ ข้าจะดับความกระหาย”

กู้ฉังชิงเกือบเสียหลักล้มลง!

หยวนเป่าหลินเห็นเขาไม่ขยับก็อดหงุดหงิดไม่ได้

“ตกลงเจ้าเป็นนักพรตหรือข้าเป็นนักพรต เหตุใดเจ้าถึงจิตใจผ่องใสกว่าข้าเสียอีก”

“หรือว่าเจ้า…ไม่มีน้ำยา”

กู้ฉังชิงกำหมัดแน่นจนส่งเสียงดังกึกก้อง

สติของหยวนเป่าหลินเริ่มเลอะเลือน นางร่างกายอ่อนแอแต่เด็ก จึงถูกส่งไปพักฟื้นที่สำนักเต๋า หลังจากเติบใหญ่ดูเหมือนจะแข็งแรงสมบูรณ์เฉกเช่นคนปกติทั่วไป แต่แท้จริงแล้วร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก

ยาปลุกอารมณ์สำหรับคนทั่วไป กลับกลายเป็นยาแรงสำหรับนาง

หยวนเป่าหลินสายตาพร่ามัว ไร้เรี่ยวแรง และจมดิ่งลงสู่ก้นบ่อ

กู้ฉังชิงได้ยินเสียงบางอย่างผิดปกติ “หยวนเป่าหลิน หยวนเป่าหลิน หยวนเป่าหลิน!”

หลังจากตะโกนเรียกสามครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับ เขาก็รีบหันกลับไป เห็นเพียงถังไม้เปล่า เขาจึงรีบลุกขึ้น ก้าวรวบสามก้าวเป็นสองก้าว เดินไปถึงข้างถังไม้ แล้วจับหยวนเป่าหลินขึ้นจากน้ำ

“หยวนเป่าหลิน หยวนเป่าหลิน!” เมื่อเขาเห็นนางไม่ตอบสนอง ก็ขมวดคิ้วและอุ้มนางออกไป เลือนร่างอันบอบบางและอ่อนนุ่มอยู่ในอ้อมแขนของเขา แม้จะถูกแช่จนเย็นเฉียบ แต่กลับทำให้แขนของเขาร้อนรุ่ม

เสื้อผ้าที่เปียกโชกแนบติดกับร่างกายของนาง เผยให้เห็นรูปร่างอันงดงามและเย้ายวน

กลิ่นตัวนางหอมฟุ้งจนกู้ฉังชิงหายใจไม่สะดวก

หยวนเป่าหลินลืมตาขึ้นเบาๆ มองเขาด้วยความสับสน แล้วยกมือพันรอบคอของเขา

“หยวนเป่าหลิน เจ้า…”

คำถัดไปถูกขัดโดยหยวนเป่าหลิน

กู้ฉังชิงเนื้อตัวแข็งทื่อ สติที่เหลืออยู่หายไปจนหมดสิ้น

แขนของเขาโอบกอดนางไว้ แล้วพลิกตัวและกดนางไว้ข้างใต้

……….

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset