สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 949-3 ตอนอวสาน (3)

บทที่ 949-3 ตอนอวสาน (3)

บทที่ 949 ตอนอวสาน (3)

……….

กู้เจียวสีหน้ามึนงง “ข้ามียาอายุวัฒนะด้วยหรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่อง”

เจ้าสำนักหรงใกล้จะสิ้นใจแล้ว หากไม่ได้ยาอมตะ เขาก็จะตาย

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลง “ข้าจะเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย มอบยาอมตะมา! มิฉะนั้น วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนฝังเป็นไปพร้อมกับศพข้า!”

กู้เจียวเอ่ยอย่างจริงจัง “ข้าไม่มียาอมตะจริงๆ ถ้ามี ข้าคงกินไปเองนานแล้ว!”

เจ้าสำนักหรงโกรธจัด “เจ้า!”

เซียวเหิงถามกู้เจียวเบาๆ “เขาคิดว่าในกล่องยาของเจ้ามียาอมตะหรือเปล่า”

กู้เจียวเอ่ย “แต่ในกล่องยาของข้าไม่มี”

นางมองไปที่เจ้าสำนักหรง “ใครบอกเจ้าว่ามียาอมตะอยู่ในกล่องยา”

เจ้าสำนักหรงใช้ปราณภายในประครองชีพจรของเขา ทว่ากลับไร้ประโยชน์ ชีวิตของเขากำลังจะดับมอดลงในไม่ช้า เขาเริ่มกระวนกระวาย “ข้าเห็นกับตา! มันต้องอยู่ในกล่องของเจ้า! เอามันออกมา! เอามันออกมา!”

เจ้าหมอนี่คงจะบ้าไปแล้ว

เหมือนกับฮ่องเต้ที่หมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุเพื่อแสวงหายาอายุวัฒนะ แต่ในโลกนี้จะยาอายุวัฒนะหรือว่ายาอมตะได้อย่างไร

เจ้าสำนักหรงหมดความอดทนพลางเอ่ยกับหมอผี “ฆ่ามันซะ!”

กู้เจียวยื่นมือออกไป “ก็ได้! ก็ได้! ข้าจะให้เจ้า!”

เซียวเหิงเข้าสู่บทบาทในทันที คว้าข้อมือนางไว้ ก่อนจะเดินมาข้างหน้า ใช้ร่างกายบังการแสดงอันแสนแสลงตาของนางไว้ “เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้ามีแค่เม็ดเดียว! ถ้าให้เขา เจ้าจะทำอย่างไร”

ทักษะการแสดงของเขาไร้ที่ติ ถ้าเป็นชาติก่อนของกู้เจียว เขาคงได้เป็นออสการ์

ไม่มีใครสงสัยว่าเขาพูดโกหก

กู้เจียวถอนหายใจอย่างเจ็บปวด “แต่ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาฆ่าน้องชายและกู้เฉิงเฟิงของข้าได้ หากข้าไม่มียาอายุวัฒนะ อย่างมากก็เหมือนพวกเจ้า เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ไม่มีอะไรไม่ดี”

เซียวเหิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เจียวเจียว!”

“หยุดพูดได้แล้ว” กู้เจียวยกมือขึ้นอีกข้าง ทำท่าหยุด แล้วล้วงขวดกระเบื้องเล็กๆ ออกมาจากอก

เซียวเหิงคว้าขวดกระเบื้องไว้ หันไปมองเจ้าสำนักหรง ความไม่เต็มใจ ความโกรธ ความสิ้นหวัง และความซับซ้อนในดวงตาของเขาผสมปนเปกันอย่างชัดเจน “ส่งคนมา แล้วจะส่งยาให้ ข้าจะนับหนึ่ง สอง สาม เจ้าผลักคนมา ข้าจะโยนยาให้เจ้า”

ความโลภปรากฏขึ้นในดวงตาของเจ้าสำนักหรง “ตกลง”

“หนึ่ง สอง สาม!”

ทันทีที่เซียวเหิงเอ่ยจบ หมอผีก็ผลักคนออกไป เซียวเหิงโยนยาออกไปด้วย

หลงอีทะยานขึ้นไปรับกู้เฉิงเฟิง และกู้เจียวก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อรับกู้เหยี่ยน

ในขณะนั้น กู้เหยี่ยนที่หมดสติไปก่อนหน้านี้ก็ลืมตาขึ้นทันที เอื้อมมือไปข้างหลังคว้ากระบี่ยาว ดวงตาของเขาเย็นชาและแทงทะลุหัวใจของใครบางคนด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว!

หมอผีมองลงไปยังกระบี่นิลบุหลันที่แทงทะลุหน้าอกของเขา หันกลับมาอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้า…”

กู้เหยี่ยนเช็ดเลือดที่กระเด็นใส่ใบหน้าของเขาออก ดวงตาของเขาแจ่มใส “คิดจะให้ข้าทำร้ายพี่สาวข้ารึ ฝันไปเถอะ!”

หมอผีล้มลงจมกองเลือด

เจ้าสำนักหรงสูดหายใจเฮือก คว้าขวดยามาไว้ในมือ

กู้เหยี่ยนหมดแรงทรุดลงกับพื้น

กู้เจียวคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วกอดเขาไว้ “อาเหยี่ยน!”

กู้เหยี่ยนล้วงขวดกระเบื้องเล็กๆ ออกมาจากอกด้วยมือสั่นเทา เอ่ยเสียงสั่นเครือ “โชคดี… ข้ามียาพิษที่อาจารย์หนานให้มา… พี่สาวอยู่ห่างจากข้าหน่อย… ข้ายังอยากจะฆ่าท่านอยู่…”

หลงอีดึงกระบี่ยาวออกจากหลังหมอผี แล้วฟันหัวเขาด้วยกระบี่เดียว

กู้เหยี่ยนหมดสติไปในอ้อมแขนของกู้เจียว

เมื่อหมอผีตาย มนต์สะกดย่อมคลายไปตามธรรมชาติ สาเหตุที่เขาเป็นลมเพราะเขากินยาพิษที่อาจารย์หนานปรุงขึ้นเพื่อต่อต้านพิษ

กู้เจียวกอดเขาไว้แนบอก ใบหน้าแนบแก้มเย็นชาของเขา กระซิบ “เจ้าน้องโง่”

อีกด้านหนึ่ง เจ้าสำนักหรงที่ได้ยาอมตะก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้ามียาอมตะแล้ว… ข้าจะไม่ตาย… ไม่…”

เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น ทั้งห้องลับโคลงเคลงอีกไปมาอีกครั้ง ทรายทะลักลงมาจากรอยแตกบนเพดานและผนัง ฝุ่นละอองตลบอบอวลไปทั้งห้อง

เซียวเหิงมองไปรอบกาย พลางเอ่ยนิ่งสงบ “ดูเหมือนว่ามีคนเปิดกลไกใต้ดิน… ที่นี่กำลังจะถล่ม… รีบไปกันเถอะ!”

เขาจับมือของกู้เจียว

หลงอีหนีบคนไว้คนละข้าง กู้เฉิงเฟิงอยู่ทางซ้ายและกู้เหยี่ยนอยู่ทางขวา ตามหลังสองคนหน้าเพื่อปิดท้าย

ทันใดนั้นเองประตูหินของห้องลับก็ตกลงมา

หลงอีเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาโยนกู้เฉิงเฟิงและกู้เหยี่ยนในมือออกไปก่อน จากนั้นก็ผลักกู้เจียวและเซียวเหิงออกไปด้วยสองฝ่ามือ

ประตูหินร่วงเร็วมาก หลังจากทุกการกระทำนั้น เขาไม่สามารถวิ่งออกไปได้ทัน

กู้เจียว “หลงอี!”

เมื่อเห็นว่าห้องลับกำลังจะปิดลงโดยสมบูรณ์ กล่องยาใบน้อยก็ปรากฏขึ้นใต้ประตูหินหนักพันชั่งนั้น ค้ำมันไว้ไม่ให้ปิดลง

กู้เจียวและเซียวเหิงหมอบตัวลงแล้วมองเข้าไปในห้องผ่านรอยแตกของประตูหิน

เซียวเหิงเอ่ย “หลงอี! รีบมา!”

หลงอีกลิ้งไปมาบนพื้นและออกจากห้องลับผ่านช่องว่างที่ไม่ถึงหนึ่งนิ้วนั้น

เจ้าสำนักหรงเพิ่งกินยาอมตะ เขานั้นเป็นอมตะเหมือนกับเจ้าสำนักอั้นเย่คนแรกแล้ว แต่เขาไม่อาจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในที่รกร้างแห่งนี้ได้

เขาต้องออกไปและฟื้นฟูเจี้ยนหลูอีกครั้ง!

เขาเจาะเข้าไปในช่องว่างใต้ประตูหิน

กล่องยาไม่ขยับ

แต่แล้วในขณะที่เจ้าสำนักหรงกำลังคลานมาได้ครึ่งทาง ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น กล่องยาหายไปอย่างกะทันหัน ประตูหินหนักพันชั่งพลันร่วงตกลงมา!

“ไม่…”

ภายใต้ประตูหิน เจ้าสำนักถูกบดขยี้เป็นสองท่อน

เขาลืมตาขึ้น เห็นกล่องยาอยู่ตรงหน้าเขา

เขาสำรอกเลือดออกมา ฝ่ามือยื่นออกไป “มียา… มียาแล้ว… ก็จะ… มีชีวิตอยู่… ให้ยา… ข้า…”

ทว่าเมื่อถึงจุดจบของชีวิต แม้กล่องยาจะอยู่ตรงหน้าแต่นั้นกลับเอื้อมไม่ถึง

เดือนแปด ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน

กู้เจียวและหลงอีพักรักษาตัวอยู่ที่จวนขององค์หญิง

เสี่ยวจิ่วพันผ้าพันแผลที่ปีก เดินวางมาดไปมาอย่างองอาจในสนาม หยอกล้อกับน้องๆ นกตัวใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับมา

กู้เหยี่ยนไม่เป็นอะไรมากแล้ว เขาไปโรงเรียนกับกู้เสี่ยวซุ่นแล้ว

เซียวเหิงออกมาจากห้องของหลงอีพร้อมกับชามเปล่าในมือ

กู้เจียวมองไปที่ชามพลางเอ่ย “ดื่มหมดแล้วหรือ เชื่อฟังจัง”

เซียวเหิงยิ้มและหยิบกล่องดินสอถ่านออกมา “ข้าบอกว่าเจ้ารับปากแล้ว”

หน้าของกู้เจียวบึ้งตึง

ปลายเดือนแปด เซวียนหยวนฉีกลับแคว้นเจามาพร้อมกับฉังคุนและเย่ชิง

กู้เจียวคิดว่าฉังคุนมาหาฉังจิ่ง แต่ปรากฎว่าไม่ใช่

เขามาพบหลงอี

กู้เจียวกำลังนั่งหักดินสอกับหลงอีอย่างหงุดหงิดอยู่ในลานบ้าน ฉังคุนเดินเข้ามาหาเขาความตื่นเต้น อยากเข้าใกล้แต่ก็กลัวว่าจะทำให้หลงอีตกใจ จึงยืนอยู่ไม่ไกล มองไม่วางตา

“เขา… เขาคือเด็กคนนั้นหรือ” ขอบตาเขาแดงก่ำ

ฉังจิ่งมองท่านพ่อของเขาอย่างงุนงง

เซียวเหิงเอ่ย “ถ้าท่านกำลังเอ่ยถึงเด็กที่ถูกลักพาตัวไปโดยเจ้าสำนักเจี้ยนหลู ใช่แล้ว”

หลงอีถูกลักพาตัวไปโดยเจ้าสำนักเจี้ยนหลูเมื่อเขาอายุได้ห้าขวบ เจ้าสำนักเจี้ยนหลูให้หมอผีลบความทรงจำของเขา และฝึกฝนเขาให้เป็นเครื่องมือสังหาร

เซียวเหิงมองไปที่หลงอีที่กำลังเล่นกับกู้เจียวอย่างลืมตัวพร้อมกับแขนที่บาดเจ็บ พลางเอ่ยกับฉังคุน “หลงอียังเด็กตอนที่เขาจากไป เขาจำได้เพียงว่าเขามาจากเกาะอั้นเย่ ท่านพ่อของเขาเป็นเจ้าเกาะ นอกเหนือจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรเลย อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินจากฉังจิ่งว่าเจ้าไม่มีลูกชายที่โตเท่าหลงอี”

ฉังคุนหัวเราะขื่นพลางเอ่ย “เจ้าเกาะที่เขาเอ่ยถึงไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าเกาะคนแรก เขาเป็นลูกของเจ้าเกาะคนแรก ไม่ใช่ลูกของเจ้าเกาะเอง น่าจะถูกพามาจากที่อื่น”

“น่าจะหมายความว่าอย่างไร” เซียวเหิงถาม

ฉังคุนเอ่ย “เจ้าเกาะคนแรกเป็นคนแปลกประหลาด เขามีความลับมากมายที่คนธรรมดาไม่เข้าใจ เด็กคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ใช่เด็กธรรมดา”

หลงอีไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ

ฉังคุนถอนหายใจพลางเอ่ย “ก่อนที่เจ้าเกาะจะสิ้นใจ เขาได้ฝากเด็กคนนี้ไว้กับข้าและขอให้ข้าดูแลเขาอย่างดี ข้าไม่คาดคิดว่าคนของเจี้ยนหลูจะจับเขาไป ให้เขากินหญ้าจื่อเฉ่าด้วย และเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นหน่วยกล้าตาย ข้าทำให้เจ้าเกาะผิดหวัง”

หลังจากที่เด็กคนนั้นหายไป เขาก็ตามหาอย่างทั่งทุกสารทิศ แต่ไม่พบ เขาจึงคิดว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว

……….

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สามีข้าคือขุนนางใหญ่ ชื่อภาษาอังกฤษ : The Grand Secretary's Pampered Wife ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง(偏方方) ในอนาคตเขาจะได้เป็น 'ขุนนางใหญ่' อย่างนั้น 'เจ้' คนนี้จะประคอง 'สามี' คนนี้ ให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นเอง! รายละเอียด นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ ผู้เขียนเดียวกับเรื่องหมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม! จากสายลับสาวสวยแห่งยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในร่างของ กู้จียว หญิงอัปลักษณ์สติไม่สมประกอบแห่งหมู่บ้านชนบทห่างไกล แม้สติไม่สมประกอบแต่ชอบคนหน้าตาดี กรรมเลยไปตกที่ เชียวลิ่วหลัง ที่เจ้าของร่างช่วยเหลือเอาไว้โดยบังเอิญ เพราะบุญคุณเชียวลิ่วหลังจึงต้องแต่งเข้าอย่างไม่เต็มใจและยังรังเกียจเจ้าของร่างเดิมสุดใจ แต่พราะ "ฝันบอกเหตุ' ที่ร่างเดิมมีทำให้ กู้เจียวคนหม่ได้รู้ว่าเขี้ยวลิ่วหลังสามีของนางคนนี้ ในนาคตจะได้กลายเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนัก เพราะงั้นนางจะปกป้องเขาจากภัยร้ยทั้งหลายเพื่อประคองเขาชื้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่นเอง!

Options

not work with dark mode
Reset