ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) 528 : ปกป้องเกียรติ

ตอนที่ 528 : ปกป้องเกียรติ

    ตอนที่ 528 : ปกป้องเกียรติ

    ตอนนั้นได้มีการก่อกบฏในเผ่าชูมิขึ้นมา นำโดยฮันกูเพื่อต่อต้านกองกำลังของชูบ้า

    หวังเย่า, ชูหยุน และ ชูบ้า ได้ปรากฏตัวออกมาด้านนอก พวกเขารับรู้ถึงแรงกดดันจากการต่อสู้ และมีคนตายไปทีละคน ๆ

    หลังจากจบการก่อกบฏครั้งนี้ จำนวนคนในเผ่าชูมิก็จะลงไปอย่างน้อย 1 ใน 3

    ชูบ้าไม่อาจจะทนไหวและตะโกนขึ้น “ชูหยุน เราต้องรีบลงมือ ไม่งั้นแล้วเผ่าเราจบสิ้นแน่ ๆ ”

    ทหารของชูโก้ต่างก็ตายและโดนกลุ่มของฮันกูจับกุมเอาไว้

    ทหารสองคนจับตัวชูโก้เอาไว้ที่โต๊ะเพื่อทรมาน ก่อนที่ฮันกูจะประกาศออกมา “ชูโก้ โดนฉันจับเอาไว้แล้ว คนที่เหลือจะทิ้งอาวุธและยอมแพ้รึเปล่า ? ฉันรับปากว่าตราบใดที่ทิ้งอาวุธ ฉันจะไม่ถือสาพวกนาย”

    เมื่อเห็นคนของชูโก้โดนฆ่าไป พวกชาวบ้านจึงได้แต่กัดฟันแน่นและมองไปที่ฮันกูด้วยความเคียดแค้น

    เหล่าผู้อาวุโสได้ตะโกนขึ้นมา “เราต่างก็เป็นคนเผ่าชูมิ เราต้องดูแลกัน นายตัดสินชีวิตใครได้ด้วยหรือ ? ”

    ทหารคนหนึ่งยกแส้ขึ้นฟาดชูโก้อย่างแรง “ชูโก้ได้สั่งสมกองกำลังของตัวเองขึ้นมา เขาไม่ใช่คนดีแบบที่เห็น”

    “เขากับชูบ้าน่ะได้แอบสั่งสมกองกำลังของตัวเองขึ้นมาในตลอดหลายปีมานี้ บ่งบอกให้เห็นแล้วว่าพวกเขาน่ะอยากสร้างกองกำลังของตัวเองมากกว่าส่วนรวม ! ”

    “แต่สองคนนี้เป็นคนละคนกัน ชูบ้าต้องการให้ลูกสาวเป็นหัวหน้าเผ่า แต่ชูโก้คิดจะรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้”

    “การจะทำแบบนี้ได้ วิธีการของชูโก้น่ะโหดร้าย เขาขังพี่ตัวเองไว้และทำทีไม่สนใจ ยกสิทธิ์ลงคะแนนให้กับคนอื่นจนเขาได้ตำแหน่งหัวหน้าเผ่ามา ทั้งหมดน่ะดูไร้จุดบกพร่อง ! ”

    ไทลินสาดโคลนใส่ชูโก้ เขาคิดว่าตอนนี้ชูบ้าคงตายไปแล้วรวมถึงคนที่โดนขังไว้ด้านในด้วย

    ทหารที่ยังสู้อยู่เริ่มลังเลขึ้นมา “แล้วชูบ้าหายไปไหน มันจริงหรือที่ชูโก้ทำ ? ”

    ทุกคนไม่กล้าสรุปง่าย ๆ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกเขาก็กำลังทำลายเผ่าของตัวเองอยู่

    ไทลีนและฮันกูมองหน้ากันก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

    ฮันกูยกมือขึ้นและตะโกน “เชื่อฉันเถอะ ตราบใดที่พวกนายลดอาวุธ ฉันจะไม่ถือโทษพวกนาย”

    ทุกคนพากันถอนหายใจแล้วลดอาวุธของตัวเองลง แต่ตอนนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “วิเศษ วิเศษจริง ๆ ! ” หวังเย่าปรบมือแล้วเดินขึ้นมาที่ลานประหารพร้อมกับชูบ้า

    เมื่อเห็นชูบ้าปรากฏตัว ฮันกูก็หวั่นใจแต่ไม่ได้แสดงท่าทีกังวลอะไรออกมา

    “นาย…นายออกมาได้ยังไง ! ” ฮันกูพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น

    ชูบ้าไม่ได้มองไปที่อีกฝ่าย เขายังเดินเข้ามาด้วยมือที่ไพล่หลังจนมายืนอยู่ตรงกลางลานประหารและมองไปยังชาวบ้านรอบ ๆ “ พวกนายต่างก็โดนฮันกูหลอกเอา มันเป็นฮันกูที่ลอบโจมตีฉันก่อน ฉันต้องหนีไปที่คลังสมบัติโดยไม่ทันได้เตรียมการอะไรและรอดมาได้ สำหรับการที่ฮันกูบอกว่าฉันสั่งสมกองกำลังตัวเองเอาไว้ มันไร้สาระ ทุกอย่างต้องตัดสินผ่านกลุ่มผู้อาวุโส ฉันคนเดียวไม่ได้มีอำนาจจะตัดสินอะไรได้ ฉันได้บันทึกทุกอย่างที่ฉันได้ทำตลอดหลายปีมานี้ คำพูดของฮันกูก็แค่ทำลายความน่าเชื่อถือของน้องฉัน เพื่อที่ตัวเองจะได้ยึดตำแหน่งหัวหน้าเผ่า”

    ฮันกูมองไปที่ชูบ้าพร้อมกับกำหมัดแน่น สุดท้ายหน้ากากที่เขาสวมก็โดนฉีกออก เขากัดฟันแน่นและตะโกนออกมา “ชูบ้า ไอ้แก่ แกเป็นหัวหน้าเผ่ามาหลายปีแล้วยังไม่พอใจอีกรึไง ! ”

    “ดูคนในเผ่าตอนนี้สิ ? นายมีความสามารถที่จะนำพาเผ่าเรากลับไปเป็นแบบเดิมได้รึเปล่า ? เรายังใช้ชีวิตต่ำต้อย เราไม่อาจจะทวงคืนความยิ่งใหญ่กลับมาได้ มันคงเป็นได้แค่ความฝัน ! ”

    “แก…แกเองก็ทำไม่ได้ไม่ใช่รึไง ! ”

    “ถ้าคนในเผ่าอยู่ภายใต้การนำของนาย มันก็มีแต่จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ ! ”

    ชูบ้าเป็นหัวหน้าเผ่ามาหลายปี เขายังมีความสูงส่งและยิ่งใหญ่อยู่ เขามองไปที่ฮันกูแล้วตอบกลับ “ทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าตั้งแต่หายนะครั้งนั้น เราก็ถดถอยลงมาอย่างมาก การที่ฮันกูจะเป็นหัวหน้าเผ่าคงไม่มีทางทวงคืนความยิ่งใหญ่ของเรากลับมาได้ ! ”

    “เผ่าชูมิรุ่งโรจน์มากว่าพันปี มันจะไม่มีทางกลับไปเป็นแบบนั้นในชั่วข้ามคืน 20 ปีก่อนเป้าหมายของเราคือหาเลี้ยงตัวเอง วันนี้ฉันมีเป้าหมายที่เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ฉันดีใจที่หัวหน้าเผ่าคนก่อนไม่ได้มอบอำนาจนี้ให้กับนาย ไม่งั้นแล้วไม่รู้เลยว่านายจะนำเผ่าไปตกต่ำขนาดไหน”

    

    เมื่อได้ยินแบบนั้นฮันกูก็สีหน้าบิดเบี้ยวไป “ชูบ้า การที่นายได้ตำแหน่งนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย วันนี้แกกับน้องต้องตาย ! ”

    “ฆ่าเขาซะ ! ” ฮันกูมองไปที่ทหารสองคนข้าง ๆ ชูโก้ ก่อนจะสั่งให้ทหารฆ่าชูโก้

    แต่ตอนที่พวกนั้นยกดาบขึ้นก็มีเลือดพุ่งออกมาจากคอของพวกเขาก่อนที่หัวจะหลุดจากตัว แล้วร่วงลงไปด้านล่าง ไม่รู้เลยว่าชูโก้ไปยืนอยู่ข้าง ๆ ชูบ้าตั้งแต่ตอนไหน

    ทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตา หวังเย่าได้ใช้โอกาสที่ทุกคนไม่สนใจเขาได้เรียกเสี่ยวซวีออกมา

    “ชูบ้า แกคิดว่าคนนอกจะช่วยแกได้งั้นหรือ ? ”

    “ลงมือฆ่าเขาซะ ! ”

    ตอนนั้นได้มีคนหนึ่งพุ่งเข้าหาหวังเย่า

    นี่คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเผ่า ด้วยตำแหน่งของเขาตอนนี้แล้วหากอยู่ในอดีตแล้วก็เท่ากับแม่ทัพ มันไม่อาจจะประมาทได้

    “ใครที่กล้าต่อต้าน ฆ่าทิ้งให้หมด ! ” ฮันกูตะโกนออกมา

    พวกชาวบ้านต่างก็พากันยกอาวุธของตัวเองขึ้นเพื่อรับมือ

    “หยุด ! ” ตอนนั้นชูหยุนกลับปรากฏตัวขึ้นมา

    เมื่อเห็นเทพธิดาปรากฏตัว ทุกคนก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก พวกเขารู้สึกว่าชูหยุนต่างไปจากเดิม

    ชูหยุนในวันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สง่างาม

    ฮันมิตเห็นชูหยุนปรากฏตัวก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นร่างกายที่เย้ายวนของเธอ ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่เกิดความคิดแย่ ๆ ขึ้นมา

    “คุณชูหยุนนี่เอง เธอสวยกว่าเดิมอีกนะ” ฮันมิตเดินเข้าไปขวางหน้าชูหยุนเอาไว้และพยายามยื่นมือเข้าไปจับชูหยุน

    แต่มือเขายังไม่ทันได้ถึงหน้าชูหยุน ชูหยุนก็ปัดมืออีกฝ่ายออกไป

    ฮันมิตรรู้สึกได้ว่ากรามของเขาแตกออก พร้อมกับกระดูกคอที่หักก่อนที่เขาจะกระเด็นไปกองอยู่กับพื้น

    ปัง !

    เสียงตัวกระแทกพื้นดังขึ้นจนทำให้พวกทหารรอบ ๆ กลัวและพากันถอยกลับไป

    ตอนนี้ฮันมิตนอนกระอักเลือดอยู่ที่พื้นราวกับคนกำลังจะตาย !

    ในฐานะทหารระดับสูงของเผ่าชูมิแล้ว คนพวกนั่นรู้ดีว่าชูหยุนแกร่งแค่ไหน เธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วัน เธอกลับเติบโตได้น่ากลัวถึงขนาดนี้

    ฮันกูไม่รู้เลยว่าลูกเขาตายรึยัง เขาได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความแค้น “ใครฆ่าชูหยุนได้ ฉันจะให้รางวัล ! ”

    เมื่อได้ยินเรื่องรางวัล ทหารกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าหาชูหยุนทันที แต่ชูหยุนกลับยืนเฉย เธอแค่มองไปที่ฮันกูที่อยู่บนลาน

    ทหารที่พุ่งเข้าใส่ชูหยุน กลับพบว่าตัวเองอยู่ห่างจากชูหยุนไปเรื่อย ๆ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้นไกลขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว

    เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าร่างของชูหยุนส่องแสงออกมา

    บนหัวเธอมีรูปปั้นของเทพอยู่ รูปปั้นนี่หน้าตาเหมือนกับชูหยุนไม่มีผิด

    “เทพผู้พิทักษ์ของเผ่าชูมิ ! ”

    ทุกคนต่างก็ช็อก ฮันกูและไทลีนเองก็ยังอึ้งไม่ต่างกัน

    เคยมีตำนานบอกว่าเทพผู้พิทักษ์ได้ปรากฏตัวและปกป้องเผ่าชูมิเอาไว้ ภายใต้การเสียสละของเธอนั้นทำให้เผ่าชูมิยังอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

    “อ๊า…”

    เสียงกรีดร้องดังขึ้น

    แขนของทหารคนหนึ่งโดนฉีกออกก่อนจะโดนหวังเย่าโยนทิ้งออกไป

    ฮันกูมองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ขะ…เขาแกร่งขนาดนี้เลยหรือ ? ”

    ตลอดมาเขามั่นใจในตัวมอนซานโต้ว่าเป็นคนที่แกร่งที่สุดในเผ่าไม่มีใครรอดมาได้เมื่อเผชิญหน้ากับมอนซานโต้ แต่คนนอกตรงหน้าพวกเขากลับไม่เป็นอะไรเลย อีกทั้งยังจัดการมอนซานโต้ได้อีก

    หวังเย่าปัดฝุ่นที่มือก่อนจะยิ้มให้กับฮันกู “แกมีไพ่ลับอะไรอีกก็รีบเอาออกมา ไม่งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาส”

    ฮันกูและไทลีนกลับยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้

    ชูบ้าพอใจกับลูกเขยอย่างมาก เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมองรอบ ๆ แล้วตะโกนออกมา “เทพผู้พิทักษ์ปรากฏตัวแล้ว พวกนายยังไม่คุกเข่าอีกหรือ ? ”

    ทหารโดยรอบพากันวางอาวุธลงแล้วคุกเข่าลงไปทันที

    ชูบ้าได้มองไปที่ไทลีนและฮันกูอีกครั้ง “ชูหยุน ได้กลายเป็นเทพของเราแล้ว ฉันอยากให้เธอเป็นหัวหน้าเผ่า พวกนายสองคนมีอะไรคัดค้านรึเปล่า ? ”

    ไทลีนรีบคุกเข่าลงไปทันที “ฉัน ไทลีน เห็นด้วยและขอสนับสนุนชูหยุนให้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า”

    “ไทลีน นาย…” ฮันกูมองไปที่ไทลีนด้วยความผิดหวัง สายตาของเขาสั่นไหวแต่สุดท้ายก็คุกเข่าลงไปกับพื้น “ฉัน ฮันกู เห็นด้วยที่ชูหยุนจะเป็นหัวหน้าเผ่า”

    ชูหยุนค่อย ๆ เดินขึ้นไปที่ลานและมองไปยังทั้งสองคน ก่อนจะยกตัวทั้งสองคนขึ้น

    เมื่อฮันกูและไทลีนเงยหน้าขึ้น พวกเขาก็กำลังจะทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด

    ฮันกูและไทลีนยกมีดขึ้นมาเพื่อหวังจะแทงเข้าที่ท้องและหน้าอกของชูหยุน

    ชูหยุนลนลานเมื่อเห็นมีดที่พุ่งเข้ามา

    จากนั้นก็มีเลือดสาดกระเด็นออกมาพร้อมกับแขนของทั้งสองคนที่กระเด็นออกไป

    ฮันกูและไทลีนมองไปที่แขนตัวเองด้วยสีหน้าตะลึง จากนั้นพวกเขาก็กรีดร้องออกมา

    เสี่ยวซวีทำภารกิจเสร็จก็บินกลับไปที่ไหล่ของหวังเย่า

    ชูหยุนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ฉันไม่ต้องกลัวอะไรถ้ามีพี่อยู่ข้าง ๆ ”

    หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะมองไปยังทั้งสองคนที่กรีดร้องอยู่

    ทั้ง ๆ ที่ให้โอกาสแล้ว แต่สองคนนี้ก็ไม่คิดจะคว้าโอกาสเอาไว้

    “นายทำอะไร นายเป็นคนนอก นายไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเรื่องเผ่าชูมิ”

    “ใช่…นายไม่มีสิทธิ์ ! ”

    ฮันกูและไทลีนตะโกนออกมา

    หวังเย่าเผยรอยยิ้มออกมา “งั้นหรือ ? ”

    แล้วถ้าฉันจะยุ่ง ใครจะมีปัญหาอะไร !

    คอของทั้งสองคนมีเลือดพุ่งออกมาทันที

    ชูหยุนไม่ได้อธิบายอะไรกับทุกคน แต่กลับเดินไปหาหวังเย่าแล้วจับมือเขาเอาไว้

    การกระทำนี้เพียงพอจะบ่งบอกทุกอย่างแล้ว

    แกร๊ก…

    มิติเริ่มแตกออกพร้อมกับเกิดการสั่นไหวขึ้นกับทั้งโลก

    “เกิดอะไรขึ้น ? ท้องฟ้าจะถล่มรึไง ? ”

    พวกทหารต่างก็พากันลนลาน

    หวังเย่าและชูหยุนต่างก็รู้ว่าหายนะกำลังมาถึงแล้ว

    “หายนะมาเยือนแล้ว ทำตามคำสั่งของฉัน ยืนอยู่เฉย ๆ ฉันจะพาพวกเราไปที่มิติใหม่เพื่อสร้างบ้านใหม่ของเราที่นั่น”

    ตั้งแต่โบราณมาแล้ว ความสูงส่งของเทพนั้นไม่อาจจะมีใครปฏิเสธได้

    ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ไปรวมตัวรอบ ๆ ลาน

    เมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันแล้ว ชูหยุนก็ได้ใช้พลังมิติออกมาพาทุกคนไปยังมิติใหม่

    “พวกเขามากันแล้ว ! ” เมื่อเห็นคนเผ่าชูมิปรากฎตัวขึ้นมา ผู้สำรวจของหัวเซี่ยที่อยู่ที่นั่นก็ไปรวมตัวกันรอบ ๆ

    ชูหยุนยืนอยู่ใจกลางฝูงชนและพูดขึ้น “ในตอนฉุกเฉินแบบนี้ ฉันขอแต่งตั้งคนหัวเซี่ยทั้ง 8 คนนี้ ให้เป็นคนสั่งการที่นี่ก่อน เราจะแบ่งกันเป็น 8 ทีม พวกคุณฟังคำสั่งของพวกเขา”

    นี่คือสิ่งที่หวังเย่าและชูหยุนปรึกษากันมาก่อนแล้วว่าจะช่วยกันย้ายคนในโลกมนุษย์เข้ามาที่นี่ด้วย คนเผ่าชูมิคือชนพื้นเมืองที่นี่ พวกเขามีหน้าที่ต้องคอยรักษาความเป็นระบบระเบียบที่นี่

    ตอนนี้เฉี่ยนเจินเฉียน,ฮวงเทียนเจวี๋ยน และคนอื่น ๆ ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว รวมถึงตี้เวยจื๊อที่พวกเขาช่วยมาก็เช่นกัน

    บอกได้ว่า 8 คนนี้คือคนที่แกร่งที่สุดในมิติตอนนี้ ยังไงซะคนในเผ่าชูมิก็ต้องทำตามที่พวกเขาบอก

    ที่โลกมนุษย์ตอนนี้เวลาประมาณ 01.10 นาฬิกา คนหัวเซี่ยได้ส่งเครื่องบินจำนวนมากบินมาที่เส้นตัดมิติก่อนจะย้ายเข้าไปในมิติใหม่ภายใต้ความช่วยเหลือจากชูหยุน

    ตอนที่คนกลุ่มแรกมาถึง ทีมของเฉี่ยนเจินเฉียนก็ได้ไปหาที่พักให้พวกนั้น

    ตอนเวลา 01.30 นาฬิกา ก็มีเครื่องบินชุดที่สองบินเข้ามาพาคนหัวเซี่ยกว่าแสนคนมาที่นี่

    ดังนั้นมิติใหม่แห่งนี้จึงมีคนเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก ตอนนี้ทุกคนต่างก็ยุ่ง

    โชคดีที่ทั้งแปดคนทำงานได้เป็นอย่างดี พวกเขาได้กระจายงานให้กับทุกคน พวกคนหัวเซี่ยเองก็แยกทีมกันทำตามคำสั่งของพวกเขา

    ตอนตีสองของจำนวนมากรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ถูกขนเข้ามาที่มิติใหม่

    ตอนตีสาม ฐานที่ตั้งในมิติใหม่ก็ได้ติดต่อกับทางตะวันตก แต่อีกฝ่ายปฏิเสธข้อเสนอของทางหัวเซี่ย พวกเขามั่นใจว่าจะรับมือกับวิกฤตนี้ได้

    ตอนตีสี่ รอยแยกมิติในเส้นตัดมิติก็พังลงเร็วกว่าที่คาดเอาไว้

    โลกได้ระเบิดออก สิ่งมีชีวิตในทะเลได้แห่ขึ้นมาที่ผืนดินและทำการโจมตีมนุษย์อย่างบ้าคลั่ง

    ในเวลาเดียวกันหนวดปีศาจก็ได้พันรอบโลกเอาไว้ก่อนจะทำการกลืนกินทุกชีวิต

    โลกมนุษย์ได้ตกอยู่ในหายนะ !

    ตอน 6 โมงเช้าแสงแดดก็ไม่อาจจะส่องผ่านหนวดที่พันรอบโลกเอาไว้ ตอนนี้โลกตกอยู่ในความมืดมิด

    หวังเย่ายังคงเดินไปเดินมาในฐานชั่วคราว เขากดโทรหาจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมย แต่ไม่อาจจะติดต่อทั้งสองได้

    “พี่เย่ายังติดต่อกับพี่สองคนนั่นไม่ได้หรือ ? ” ชูหยุนถามด้วยสีหน้าหนักใจ

    หวังเย่าพยักหน้าและพูดขึ้น “ ทั้งสองเป็นผู้ใช้อสูรที่แข็งแกร่ง ฉันเชื่อว่าพวกเธอคงมีความสามารถพอจะปกป้องตัวเองได้”

    ชูหยุนไม่สบายใจ “รึว่า..จะให้ฉันไปหาพวกเธอกับพี่ด้วย ตราบใดที่ใช้พลังมิติของฉัน ฉันเชื่อว่าจะหาพวกเธอเจอ”

    หวังเย่าปฏิเสธทันที “จะทำแบบนั้นได้ยังไง เธอน่ะคือความหวังของมนุษย์ที่นี่”

    ชูหยุนกัดปาก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง หากไม่มีเธอที่นี่ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    “เดี๋ยวนะ ผู้ตรวจสอบสูงสุดยังไม่มาอีกหรือ ? สองคนนั้นน่าจะอยู่กลุ่มสุดท้ายไม่ใช่รึไง ? ”

    ตอน 07.50 นาฬิกา ไป๋เฟยเฉิงก็พาเครื่องบินหลายหมื่นลำเข้ามาในมิติใหม่แต่…ในหมู่พวกที่มาใหม่นั้นกลับไม่มีจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยเลย

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือกลุ่มสุดท้ายที่กลับมานั้นไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว คนกว่าครึ่งล้านต่างก็เป็นผู้ชายกันหมด

    “เป็นแบบนี้ได้ยังไง ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่น

    “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหนวดนั่นถึงได้เล็งแต่ผู้หญิง” ไป๋เฟยเฉิงพูดขึ้นมาโดยไม่สนใจบาดแผลตามตัวของตัวเองแม้แต่น้อย

    ตอนนี้หนวดนั่นได้ทำลายดาวเทียมทั้งหมด การสื่อสารทั้งหมดโดนตัดขาด มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ข้อมูลจากภายนอก

    “มาดูนี่สิ” ซือคงเป่าเปิดคอมและเผยให้เห็นภาพมิติภายนอก

    “นี่คือภาพสุดท้ายของจักรวาล” ซือคงเป่าอธิบาย

    เมื่อขยายภาพเข้าไป ทุกคนต่างก็ต้องตกใจ

    ในมิติภายนอกนั้นหนวดนั้นได้ส่องแสงสีเขียวออกมา ที่ปุ่มของมันมีคนหลายร้อยล้านคนโดนจับตัวไป

    เมื่อขยายภาพข้าไปอีกก็พบว่าพวกนั้นมีแต่ผู้หญิง

    “มันต้องการอะไรกันแน่ ! ” หวังเย่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น

    ปัง ปัง …

    มีคนเคาะประตูห้องสั่งการและพูดขึ้น “ คุณหวังเย่าเราเพิ่งจะเจอกับผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเพื่อนของคุณ”

    “เธออยู่ไหน ? ” หวังเย่าดีใจอย่างมากและรีบเดินออกมาทันทีโดยมีชูหยุนเดินตามมาติด ๆ

    หวังเย่าเปิดประตูห้องพักก่อนจะพบผู้หญิงชาวตะวันตกนอนอยู่

    “ริฮันน่า เธอเป็นยังไงบ้าง ? ” หวังเย่าถามขึ้น

    ชูหยุนมองไปที่อีกฝ่ายแล้วถามขึ้นมา “พี่เย่ารู้จักเธอด้วยหรือ ? ”

    หวังเย่าพยักหน้า “ เธอคือลูกหลานของหนึ่งในเก้าตระกูลใหญ่ในโซเวียต ตอนนั้นเราเจอกันได้ไม่นาน ดังนั้นเราจึงไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่”

    หมอที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา “ ตอนที่เราพบเธอนั้นก็พบหนวดที่แทงเข้าไปในตัวเธอ เราเอาหนวดนั้นออกแล้ว แต่รังไข่ของเธอก็โดนตัดออกไปด้วย”

    ชูหยุนจับมือหวังเย่าเอาไว้และมองไปที่ริฮันน่าด้วยความสงสาร “เธอน่าสงสารจริง ๆ ฉันหวังว่าเธอจะรอด”

    หวังเย่ากำหมัดแน่นและพึมพำออกมา “ฉันรู้แล้วว่าทำไมหนวดนั่นถึงได้โจมตีผู้หญิง มันดูดซับเซลล์ในการผลิต ฉันกลัวว่ามันจะเป็นแบบที่ฉันคิด เราต้องรีบปิดมิติใหม่และแยกตัวออกไป ไม่งั้นแล้วมนุษย์ที่นี่ตกที่นั่งลำบากแน่ ๆ ”

    “แต่ตะกี้นี้สองกองกำลังทางตะวันตกได้ตกลงกับเราและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแล้ว”

    “ฉันตัดสินใจไม่ได้ กลับไปที่ห้องสั่งการและถามความเห็นทุกคนก่อน”

    ในห้องสั่งการ ผู้ตรวจสอบหลายคนนั่งลงที่โต๊ะประชุมพร้อมกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์

    “จากมิติที่พังลงไป เราเดาว่าประมาณ 40 นาทีหนวดนั่นจะกลืนกินทุกมิติที่เชื่อมต่อกับโลก” นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งพูดขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญอีกคนพูดขึ้นมา “ ตามการวิเคราะห์จากกองกำลังตะวัตตกในตอนนี้ พวกเขาต้องใช้รถ มันต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าจะขนทรัพยากรที่สำคัญกับคนมาได้”

    ไป๋เฟยเฉิงตบโต๊ะแล้วตะโกนออกมา “พวกนี้ยังไม่ห่วงชีวิตอีกรึไง ! ”

    “เราให้เวลาพวกเขา 5 ชั่วโมงในการอพยพ แต่พวกนั้นปฏิเสธเรา พวกนั้นมั่นใจว่าตัวเองจะเอาชนะปัญหานี้ได้”

    ไป๋เฟยเฉิงจิบชาและมองไปที่ชูหยุนก่อนจะพูดขึ้น “ชูหยุน เราเป็นคนนอก ที่นี่คือดินแดนของเธอ เธอต้องตัดสินใจ”

    “อ่ะ ? ฉัน…” ชูหยุนหันไปมองหวังเย่า

    เฉี่ยนเจินเฉียนยิ้มออกมา “เธอตัดสินใจไม่ได้ก็ให้สามีเธอคิดก็แล้วกัน หวังเย่า ! ”

    หวังเย่าแสดงสีหน้านิ่งเฉยแล้วตอบกลับ “ผมคิดว่าเราให้เวลาพวกนั้นได้แค่ 40 นาที ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะอพยพคนได้มากแค่ไหน”

    ไป๋เฟยเฉิงพยักหน้า “งั้นก็ตกลงตามนี้”

    พวกเขาได้ส่งสัญญาณติดต่อกับทางตะวันตกก่อนจะทำการแปลสิ่งที่พวกเขาได้สรุปกันไว้

    คนแปลยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงตะโกนออกมาด้วยความโกรธจากอีกฝ่ายก่อนที่จะถูกตัดสายไป

    คนแปลสีหน้าหม่นลงและพูดขึ้น “พวกนั้นด่าเราและบอกว่าเราจงใจให้ข้อมูลผิดพลาดจนทำให้พวกเขาเสียโอกาสที่จะหนีและ…”

    “พวกนั้นยังบอกว่าหายนะนี้เราเป็นคนสร้างขึ้นมา ก๊าซลึกลับนั้นถูกพัฒนาขึ้นโดยประเทศเรา หนวดนั่นก็เป็นการทดลองของเราและ…”

    ทุกคนต่างก็หงุดหงิดขึ้นมา

    “ยังมีอีกสินะ นายบอกมาสิว่ามีอะไรอีก ! ”

    “พวกนั้นขู่ว่าถ้าไม่รอให้พวกเขาถอยจนเสร็จ พวกนั้นจะยิงนิวเคลียร์ใส่ที่นี่”

    หวังเย่าตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกตะวันตกคิดว่าคนหัวเซี่ยต้องเป็นฝ่ายโดนรังแกอยู่ตลอดรึไง ? ”

    “ชูหยุนปิดมิติ อย่าให้เวลาพวกนั้นอพยพเข้ามา ! ”

    “เห็นด้วย ! ”

    “ฉันก็เห็นด้วย ! ”

    

    ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนออกมา !

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统)

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统)

Score 10
Status: Completed

นี่คือโลกของสัตว์อสูร !

หายนะบังเกิดขึ้น เมื่อโลกได้เชื่อมต่อกับมิติอื่น ส่งผลให้สัตว์และพืชทุกชนิดเกิดการวิวัฒนาการอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดสัตว์อสูรไม่รู้จบขึ้นมา !

เหล่าผู้ใช้อสูรได้นำสัตว์อสูรของตนฟาดฟันกับเหล่าสัตว์อสูรอยู่ในแนวหน้า แย่งชิงพื้นที่และบุกเบิกอารยธรรมของมนุษย์ขึ้นมาใหม่

ด้วยการนำทางของ “ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ” ทำให้หวังเย่าได้ทะลุมิติมายังโลกนี้

ในขณะที่ผู้ใช้สัตว์อสูรคนอื่น ๆ ฝันอยากจะมีสัตว์อสูรระดับสวรรค์สักตัว แต่หวังเย่ากลับกังวลว่าตัวเองมีสัตว์อสูรระดับสวรรค์มากเกินไป…

หือ ? สัตว์อสูรวิ่งมากอดขาฉันและอ้อนวอนให้ฉันรับเลี้ยงงั้นหรือ ?

โทษทีนะพวก !

มีหลายตัวจองคิวไว้แล้ว นายต้องต่อคิวนะรู้ไหม


นี่คือเรื่องราวของระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ ที่จะนำกองทัพสัตว์อสูรบุกถล่มโลกสัตว์อสูรให้เหี้ยน

Options

not work with dark mode
Reset