“มอนิ่งนะครับ เเม่”
“มอนิ่งนะ อากิโตะ เมื่อวานก็ไปทำงานพิเศษอีกแล้วเหรอ? ไม่คิดจะเข้าชมรมบ้างเหรอ? นี่ก็เดือนเมษาแล้วนะ แม่ว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ ถ้าอยากวิ่งจริงๆ ก็ไปวิ่งในชมรมสิ”
“ไม่อะ ชมรมมันไม่ใช่แนวของผม ที่สำคัญการเข้าชมรมมันไม่ได้เงินหน่ะ แต่ถ้าทำงานที่ร้านคุณย่าผมก็จะได้เงินน้า”
“มีแต่เงินๆๆ ลูกนี่นะ สิ่งที่ลูกต้องทำหน่ะมันคือ การใช้ช่วงเวลาแห่งวัยรุ่น ต่างหากล่ะ!”
“ครับ ๆ อย่างน้อยผมก็ยังไปโรงเรียนอยู่นะ”
ผมวางกระเป๋าลงและนั่งลงบนเก้าอี้
อาหารเช้าก็เหมือนเดิมกับทุก ๆ วัน ขนมปัง ไข่เจียว ไส้กรอก กับกาแฟ
ขณะที่กำลังทาแยมลงบนขนมปัง ผมก็หันหน้าไปมองพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พ่อครับ เครื่องปริ้นเตอร์ ผมซ่อมให้แล้วนะ กระดาษมันยับและติดเพราะใส่กระดาษผิดขนาดนะครับ”
“โอ้ อากิโตะ ขอบใจมากเลย เอ๊ะ พ่อใส่ขนาดผิดเหรอ? พ่อว่าพ่อก็ใช้กระดาษแบบเดิมนี่นา”
“กระดาษที่ออกมามันขนาด B5 นะครับ”
“เดี๋ยวผมซื้อกระดาษแบบยกกล่องให้ก็แล้วกัน ใช้แบบนั้นนะครับ”
“โอเคๆ ช่วยได้มากเลย”
“แล้วถ้าเครื่องมันมีปัญหา ก็อย่าไปมั่ว ๆ กับมันสิค้าบ อ่านข้อความผิดพลาดก่อนสิ”
“ค้าบ ๆ “
ผมดื่มกาแฟพลางส่ายหน้าเบาๆ อย่างเหนื่อยใจกับท่าทีของพ่อที่ดูไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย
ครอบครัวของผมนั้นป็นครอบครัวธรรมดา ๆที่แม่ทำงานพาร์ทไทม์ที่ซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน ส่วนพ่อนั้นก็เป็นพนักงานบริษัท
ผมเป็นลูกคนเดียวของบ้านนี้ และพูดตามตรง ผมนั้นโตมาแบบไม่ขาดอะไรเลย
แต่ก็ดันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนมัธยมต้นตอนที่ผมอยู่ชมรมวิ่ง
ในตอนนั้นเอง มีเหตุการณ์ “แอบถ่าย” เกิดขึ้น และผมก็ถูกสงสัยว่าเป็นคนทำ
ถึงแม้ว่าไม่นานนักคนร้ายตัวจริงจะถูกจับได้ และผมก็ได้รับชื่อเสียงกลับคืนมา แต่ผมกลับรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนแล้วอีกช่วงแรก ๆช่วงแรกๆ แม่ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับผม แต่ไม่นานนัก เธอก็เอาแต่พูดเรื่องที่ว่าผมเรียนช้ากว่าคนอื่น และถามว่าผมจะเอายังไงกับการสอบเข้ามัธยมปลาย
คำพูดที่แม่มักพูดบ่อยที่สุดก็คือ “ถ้าลูกไม่ไปโรงเรียน ลูกจะไม่มีทางมีชีวิตที่ธรรมดาได้นะ”
จนตอนนั้นเอง ผมถึงรู้ว่าแม่ผมให้ความสำคัญกับคำว่า “ธรรมดา” มากแค่ไหน
ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะคุณย่า
คุณย่าเป็นคนตรงข้ามกับแม่ผมโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนแปลกแหวกแนวสุด ๆ
ถึงขั้นที่ว่าตอนผมไม่ไปโรงเรียนได้แค่สามวัน คุณย่าก็ลากคอผมไปโยนทิ้งไว้ในย่านการค้า
เรื่องที่ทำให้เห็นความแปลกของคุณย่าชัดเจนที่สุดคือ ตอนที่ผมอยู่ ม.1 เธอบอกว่า
“จะให้อั่งเปาผมตลอดชีวิต” แล้วก็ยื่นเงินหนึ่งล้านเยนมาให้ผม
แม่ตกใจมากและพยายามจะคืนเงินให้คุณย่า
แต่คุณย่าไม่ยอมแล้วก็สวนกลับว่า
“เงินล้านนี้จะช่วยอากิโตะมองเห็นทิศทางที่ควรจะเลือกเดินได้”
เอาตรง ๆ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ผมก็เอาเงินนั้นไปซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโปรแกรมแต่งภาพที่ผมอยากได้มาตลอด
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมกลายเป็นคนเก่งเรื่องคอมฯ และคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากเรื่องนี้ก็คือพ่อผมนั่นเอง
ครอบครัวธรรมดาอย่างแม่และพ่อ รวมกับคุณย่าที่สุดโต่ง
รวมถึงที่ทำงานพิเศษของผม ผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรเลย
“ไปก่อนนะครับ”
“จ้ะ ระวังตัวด้วยนะ ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นรีบบอกแม่เลยนะ”
“……ครับ ๆ “
ตั้งแต่ผมกลับไปเรียนใหม่หลังจากเหตุการณ์นั้น แม่ก็มักจะใช้คำพูดนี้ส่งผมออกจากบ้านตลอด
ถึงจะอยากให้เลิกพูดได้แล้วก็เถอะนะ แต่ที่จริงผมว่ามันคงจะแฝงความหมายว่า
“ขออย่าให้ลูกไม่ไปโรงเรียนอีกเลย”
ก่อนที่จะหยุดเรียนไป ผมมีโอกาสจะได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายด้วยการใช้คะแนนรับรองแต่เพราะขาดเรียนไปหนึ่งเดือน โอกาสนั้นเลยหายไป
สุดท้ายผมจึงเลือกเข้าโรงเรียนเอกชนที่ต้องนั่งรถไฟไปถึงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งค่าเทอมแพงกว่าและคะแนนเฉลี่ยต่ำกว่าโรงเรียนที่เคยหวังไว้แน่นอนว่าผมรู้ว่าตัวเองทำให้พ่อแม่ลำบาก ผมเลยตั้งใจที่จะยอมรับความเป็นห่วงของแม่อย่างเต็มใจ
“โย่ อากิโตะ! เช้านี้โคตรง่วงเลยว่ะ เมื่อคืนดันดูสตรีมสนุกจนเผลออีกทีก็ดันเช้าเลย”
“ส่วนเมื่อวานฉันก็โคตรลำบากมากเลยว่ะ อาจารย์อุจิดะดันโยนงานยุ่งยากมาให้ทำ ทำให้วุ่นวายไปหมดเลย”
“เอาเถอะถึงแกจะขอให้ฉันช่วย ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ดีนั่นเเหละ ฮ่าๆ”(TL:เพื่อนแท้จริง ๆ )
ที่ล็อกเกอร์เก็บรองเท้า ผมเจอเพื่อนสนิทในห้องเดียวกัน นาคาโซโนะ ทัตสึยะ
เขายักคิ้วแล้วยิ้มทะเล้น จากนั้นก็ขยิบตาให้ผม
ให้ตายสิ…น่าหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็เถอะ ถ้าผมเป็นเขา ผมก็คงหาทางเลี่ยงงานเหมือนกัน
ทัตสึยะเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมต้นเดียวกันกับผม แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฉลาดหรือคิดอะไรลึกซึ้งนัก แต่เขาเป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมา แถมยังชอบคอมพิวเตอร์เหมือนผม เลยสนิทกัน
ตอนเกิดเรื่องที่ผมโดนกล่าวหาว่าเป็นคนแอบถ่าย ก็ได้เขานี่แหละที่เป็นคนแรกที่พูดว่า “อากิโตะไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก”
ถึงแม้ผมจะเสียดายที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนที่คะแนนเฉลี่ยสูงกว่า แต่ว่าการมีทัตสึยะอยู่ด้วยมันก็ดีไม่น้อย
พอเข้าไปในห้องเรียน ผมก็เห็นโยชิโนะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะแถวหน้า
ต่างจากเมื่อคืนนี้อย่างสิ้นเชิง
เธอรวบผมบ็อบสั้นอย่างเรียบร้อย นั่งตัวตรง และใส่แว่นตา
เมื่อคืนเธอแต่งตัวเซ็กซี่มาก แต่ตอนนี้เธอกลับดูเรียบร้อยมาก ผมแอบตกใจกับภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันของเธอ แต่ก็รู้สึกใจเต้นในเวลาเดียวกัน
โยชิโนะซังเหมือนจะสังเกตเห็นผม เธอวางหนังสือในมือลงจากมองมาทางผมแวบหนึ่ง แล้วก็ยิ้มบางๆ
ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันที มันเหมือนกับว่าเรามีความลับร่วมกัน
จากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือน LINE
ข้อความนั้นมาจากโยชิโนะซัง
“รออยู่เลย อรุณสวัสดิ์นะ~ วันนี้ก่อนไปทำงานพิเศษพอจะมีเวลาคุยกันได้ไหม?”
“พอมองไปที่โยชิโนะซังก็เห็นว่าเธอวางมือถือไว้บนโต๊ะขณะที่อ่านหนังสืออยู่
เธอคงกำลังรอผมอยู่สินะ
มือที่กำมือถือของผมเริ่มชื้นเหงื่อจนต้องเช็ดกับเสื้อ
ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าว ผมกับโยชิโนะซังที่เมื่อวานยังเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นธรรมดา กำลังคุยกันด้วยหัวข้อที่มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้ นั่นทำให้ผมรู้ตื่นเต้นสุด ๆ
‘ร้านอยู่ตรงนี้นะ ผมเลิกเรียนแล้วจะไปถึงประมาณห้าโมงเย็น เพราะเริ่มงานตอนหกโมง’
ไม่นานข้อความก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
‘ฉันก็เริ่มตอนหกโมง งั้นห้าโมงเจอกันเนอะ! ได้คุยกันตั้งหนึ่งชั่วโมงเลย ไว้เจอกันนะ~!’พร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์น่ารัก
เมื่อผมเหลือบมองไปทางโยชิโนะซังอีกครั้ง ก็พบว่าเธอกำลังเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเพื่อน ๆ คนอื่น
ผมเก็บมือถือเข้ากระเป๋า พร้อมกัดริมฝีปากที่กำลังยิ้มจนหุบไม่ได้
“นี่มันอะไรกัน สนุกแบบสุด ๆ ไปเลย”
ในขณะที่ผมกำลังนั่งยิ้มอยู่ จู่ ๆ โทรศัพท์จอยักษ์ของทัตสึยะก็โผล่เข้ามาในสายตาของผม
บนจอแสดงภาพการแข่งขันเกม FPS
“เฮ้ อากิโตะ ดูนี่ดิ Aimแม่นเกินไปมั้ยวะ?”
“…ไม่ไหวแล้ว ใจแม่งโคตรสั่นเลย”
“ดูตรงมุมนี้ดิ นี่มันแบบโคตรจะเหลือเชื่อ ทำไมถึงตอบสนองได้ขนาดนี้ว่ะ อย่างเอา”
“กุตื่นเต้นจนจะไม่ไหวแล้ว แม่มเอ้ยอยากให้ถึงตอนนั้นเร็ว ๆ จัง “(TL: คนนึงติดเกม อีกคนติด** ขออภัยสำหรับคำหยาบครับ สต. มองว่าน่าจะได้อรรถรสมากกว่าคิดเห็นไงบอกกันได้นะครับ)
จริงๆ แล้วตอนนี้หัวใจผมยังเต้นแรงอยู่เลย ทำให้ไม่ได้ฟังที่ทัตสึยะพูดเลยสักนิดส่วนผมก็แค่เพ้ออะไรออกไปเรื่อยเปื่อยเองแหละส่วนทัตสึยะมันก็สนใจอยู่แต่กับเกมของมัน เลยไม่สนใจหรอกว่าผมจะฟังอยู่หรือเปล่า ซึ่งผมว่ามันดีเเล้วแหละ
“เขาว่ากันว่าเป็นเพราะแลคนะ แกดูแล้วคิดว่าไงวะ?”
เขาดันจอมาใกล้จนผมต้องหันกลับมาสนใจ
“…แข่งเมื่อคืนนี้ใช่ป่ะ?”
“ใช่แล้ว ดูเพลินจนตีสองเลยวะ ง่วงชะมัดเเล้วก็การบ้านยังไม่ได้ทำเลยขอลอกหน่อยดิ”
“ไปทำเองไป!”
ทัตสึยะเป็นคนที่สอบเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
แต่ว่าเขาดันเล่นเกมเก่งถึงขนาดมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับโปรเพลเยอร์หลาย ๆ คน แถมยังทำสตรีมแบบเปิดหน้าอีกด้วย
ผมก็ชอบเล่นเกมนะ แต่ผมไม่เคยเล่นเกินสองชั่วโมงเลยเพราะเวลสแพ้แล้วมันน่าหงุดหงิดนี่หน่า
ส่วนเขาเล่นเกมวันละ 7 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เห็นได้ชัดเลยว่าเขา “เกิดมาเพื่อสิ่งนี้”
ระหว่างที่คุยกัน ผมเหลือบไปเห็นโยชิโนะซังเดินอยู่ที่ระเบียง พร้อมกับช่วยอาจารย์อุจิดะขนเอกสารจำนวนมาก
จากนั้นเธอก็เดินกลับไป
…ให้เดาเธอคงมีอะไรที่ต้องไปขนมาอีกสินะ
ผมอยากคุยกับเธอสักหน่อย แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
เพื่อที่จะยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน
ผมบอกทัตสึยะว่า “จะไปเข้าห้องน้ำ” แล้วแอบตามโยชิโนะซังไป
เธอเดินเข้าไปในห้องเก็บเอกสาร แล้วหยิบกองเอกสารออกมา
ผมเดินเข้าไปข้างๆ แล้วพูดขึ้น
“…เดี๋ยวผมช่วยถือนะครับ”
“อ๊ะ…ขอบคุณค่ะ”
ผมแบ่งกองเอกสารมาถือครึ่งหนึ่ง แล้วเธอก็ขยับเข้ามาใกล้จนไหล่ของเธอชนผมเบาๆ
เอ๊ะ? หรือว่าผมควรจะไม่เข้าไปใกล้เธอในโรงเรียน? หรือผมล้ำเส้นไป?
แต่เมื่อหันไปมอง เธอกลับโน้มตัวเข้ามากระซิบที่หูผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ขอบคุณมากนะ ฉันโดนให้ขนของแบบนี้บ่อยมากรู้สึกเหมือนเป็นทาสเลย แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยอีกครั้งนะ”
ลมหายใจที่แตะเข้าที่หูของผม และกลิ่นหอมหวานจากแชมพูของเธอ บวกกับวิธีพูดแบบเดียวกับเมื่อคืน
แต่ตอนนี้เป็นโยชิโนะซังในชุดนักเรียน
…โธ่เอ๊ย เมื่อวานนี้มันไม่ใช่ฝันแน่ ๆ
โยชิโนะซังเมื่อคืนกับตอนนี้ คือคนเดียวกันจริง ๆ
ผมพยายามเก็บอาการ แล้วช่วยเธอถือเอกสารกลับไปที่ห้อง
พอเข้าห้องเรียนมา ผมก็รู้สึกเลยว่าเวลามันผ่านไปช้ามากเลยนะเนี่ย ผมนั่งเรียนไปเรื่อย ๆ แล้วก็แอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่คุยกับโยชิโนะซังเป็นระยะ ๆ พอถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ชุดทำงานที่ร้านมีกลิ่นน้ำมันแรงมาก ถ้าไปเจอเธอแบบนี้คงไม่ดีแน่ เลยตัดสินใจว่าจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยแอบออกมา
พูดคุยหลังแปล
เอาละขอบอกเลยว่าสอบเสร็จเเล้ววุ้ยยย เเล้วที่สำคัญอืมคงเป็นอาจจะมีการใช้คำหยาบ ถ้าไม่ชอบบอกได้ครับจะปรับปรุงเอาละมาประเด็กหลักเลยคือ ติดเกมครับแน่นอนว่า คือเกม strinova คือเเรงค์ไต่ทั้งวันเเรงค์เท่าเดิม เเล้วก็นิยายก็อย่างที่เห็นเนอะช่วงนี้นิยายเลิฟคอมผุดมาเป็นดอกเห็ด สุดท้ายขอขอบคุณที่ตามกันนะค้าบ