ตอนที่ 523 : การชดใช้ของฉิงจี
“อย่ารบกวนเธอ ! ” เมื่อเห็นหวังเย่ามาถึงที่นั่น ฉิงจีก็ตะโกนออกมา
“ใครบอกให้พาเธอมาที่นี่ ! คุณต้องการอะไร ! ? ” หวังเย่ามองไปที่ชูหยุน แต่ก็ไม่คิดจะรีบดึงชูหยุนกลับออกมา
ฉิงจีหันกลับมามองที่หวังเย่า ตอนนั้นหวังเย่าเตรียมที่จะสู้ทันที !
“อย่ารบกวนเธอ ! ” ฉิงจียังยืนนิ่ง เขาเอามือไพล่หลังไม่คิดที่จะทำอะไร
“เธอเป็นอะไรไป ! ” หวังเย่ามองไปที่ชูหยุน เขารู้สึกได้ว่าชูหยุนนั้นผิดปกติไปจากเดิม
“ที่เธอเผชิญอยู่ในตอนนี้คือโชคชะตา ! ”
เมื่อเห็นสภาพของชูหยุน หวังเย่าก็รู้ว่าเขาไม่อาจจะเข้าไปรบกวนเธอได้
“คุณบอกผมมาทีว่าอะไรคือโชคชะตา !”
ถึงหวังเย่าจะเป็นคนแบบนี้ แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับคำสัญญาอย่างมาก การที่เขารับปากกับชูบ้าว่าจะพาชูหยุน กลับไปอย่างปลอดภัยนั้นเขาต้องทำให้ได้
“นายเห็นลูกปัดนั้นรึเปล่า ? ”
ความตึงเครียดเริ่มเบาบางลง
หวังเย่ามองไปตามที่ฉิงจีชี้ไป ก่อนจะพบกับสิ่งที่ลอยอยู่บนลาน
“นั่นคือลูกแก้วหวันยี สมบัติของเผ่าชูมิ ! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็พอรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉิงจีพูดว่าคือโชคชะตานั้นหมายถึงอะไร นี่คือกุญแจสำหรับการชุบชีวิตคนในเผ่าชูมิรึไง ?
เธอจะทำได้หลังจากที่ได้ลูกปัดนี้มางั้นหรือ ? เธอจะขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ใช่หรือไม่ ?
“สมบัติ ! ” หวังเย่าพึมพำก่อนจะถามขึ้นมา “ ได้มันมาแล้วยังไง ? เธอจะกลายเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่รึไง ? ”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังเย่า ฉิงจีก็พยักหน้าตอบรับ
เพราะประสบการณ์มากมายนั้นจึงทำให้หวังเย่ารู้ว่ามันต้องไม่ใช่ของธรรมดา และนี่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการชุบชีวิตของคนเผ่าชูมิ
“ทำไมต้องเป็นเธอ ? แค่เพราะเธอหน้าตาเหมือนกับคนในรูปปั้นนั้นงั้นหรือ ? สำหรับคนแข็งแกร่งแบบคุณแล้ว มันไม่น่ายากที่จะสร้างรูปปั้นนั้นขึ้นมาในเวลาอันสั้นไม่ใช่รึไง ? ”
ฉิงจียิ้มออกมา
“นายยังหนุ่มแต่ก็รอบคอบดี ที่นายบอกมานั้นทำได้จริง แต่นายบอกฉันทีสิว่า ฉันจะทำไปทำไม ? ” ฉิงจีมองไปที่หวังเย่า “มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องทำแบบนั้น ? มันเพื่อหลอกนายรึไง ? ”
หวังเย่าไม่รู้คำตอบ เพราะเขาเองก็หาเหตุผลที่ฉิงจีจะทำแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“แล้วคุณมีเป้าหมายอะไร ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
ฉิงจีไม่คิดว่าหวังเย่าจะถามมาตรง ๆ แบบนี้
สุดท้ายฉิงจีก็ตัดสินใจจะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับหวังเย่า
“นายหาจุดอ่อนของค่ายกลฉันได้ยังไง ? ”
“เพราะผมรู้ว่าที่เกล็ดส่วนบนนั้นมีค่ายกลอยู่ จากนั้นผมก็หาจุดศูนย์กลางของค่ายกล” หวังเย่าตอบกลับ ยังไงซะเขาก็สร้างค่ายกลเป็น ดังนั้นการที่จะทำลายมันเขาก็พอรู้อยู่บ้าง
“ดูเหมือนว่าคุณจะใช้งูนั่นเพื่อรั้งผมเอาไว้ บอกผมมาทีว่าคุณมีเป้าหมายอะไรกันแน่ ? ”
“เป้าหมายของฉันคือลบล้างบาป” ฉิงจีเดินผ่านหวังเย่า เขามองไปที่ชูหยุนรวมถึงมองไปที่ลูกปัดด้วย
“ฉันเองก็มาจากหัวเซี่ย ฉันอยู่ที่นี่มานาน นานจนฉันลืมไปแล้วว่าฉันมาที่นี่ตอนไหน มันนานจนฉันลืมไปแล้วว่าบ้านเกิดตัวเองเป็นยังไง ฉันบอกนายก็ได้ว่าเกิดะไรขึ้นที่นี่บ้าง” ฉิงจีถอนหายใจออกมา “ตอนนั้นฉันตกหลุมรักคนหนึ่งเข้า เธอคือผู้หญิงจากเผ่าชูมิ”
หวังเย่ายิ้มออกมา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“แต่ฉันเป็นคนนอก คนที่ฉันรักก็กำลังจะเป็นหัวหน้าเผ่าคนต่อไป ดังนั้นเรื่องของเราจึงโดนขัดขวาง”
หวังเย่ารู้ว่าความรักต่อหน้าผลประโยชน์แล้วมันแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
“ลูกปัดที่เธอจะเอาเรียกว่าลูกแก้วหวันยี นายรู้ไหมว่ามันทำอะไรได้ ? ”
หวังเย่าส่ายหน้า
ฉิงจีตอบกลับ “มันรู้จักกันในอีกชื่อคือหินกฎ มันมีค่ายกลที่แข็งแกร่งอยู่ในนั้น มันสามารถเชื่อมต่อกับความคิดของคนที่ครอบครองได้ การดูดซับมันเท่ากับการดูดซับพลังจากโลกเทพ เราจะรับรู้ความคิดของทุกชีวิต การอาศัยค่ายกลของมันจะส่งผลต่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมได้”
“หากรวมลูกปัดนี่เข้ากับสิ่งมีชีวิต มันจะสร้างโลกที่มีกฎสมบูรณ์ขึ้นมา โลกที่ต่างจากมิติลับ มันคือโลกที่แข็งแกร่งแต่…”
ฉิงจีเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “หลังจากที่ดูดซับลูกปัดนี่ไปแล้ว มนุษย์จะกลายเป็นหินไป 10 ปี ถึงร่างกายจะเหมือนตายแต่ก็มีความคิดเหมือนกับเทพ ฉัน…ไม่มีทางให้คนที่ฉันรักกลายเป็นหินได้”
“ดังนั้นฉันจึงเข้าไปสู้กับคนที่เข้ามาหยุดฉัน แน่นอนว่าการต่อสู้นั้นได้ทำลายแทบทุกอย่าง สุดท้ายมันก็มีสภาพเป็นแบบทุกวันนี้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังเย่าก็อึ้งไปทันที คนคนเดียวสู้กับคนทั้งเผ่า โลกนี้แทบถูกทำลายแต่ชายคนนี้ยังรอดมาได้
“สัตว์อสูรพวกนั้น…”
สำหรับคนหัวเซี่ยแล้ว หวังเย่าเดาว่าการที่สัตว์อสูรพวกนั้นบุกมาที่นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับความรักและการต่อสู้ของเผ่าชูมิกับฉิงจีอย่างแน่นอน
“นายเดาถูกแล้ว ฉันโดนล้อมโดยคนเผ่าชูมิ นายน่าจะคิดได้ว่าฉันจะคิดยังไง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตายไปด้วยกันกับพวกนั้น ถ้าฉันโชคดีฉันอาจจะออกจากที่นี่ไปได้ ! ”
“ ดังนั้นคุณจึงเปิดมิติด้วยการแลกด้วยเลือดของคุณงั้นหรือ ? ”
หวังเย่ารู้ว่านี่คือวิธีต้องห้าม เพราะราคาที่แลกมานั้นช่างโหดร้าย หากดูจากสภาพของโลกที่นี่ก็พอมองออก แต่หวังเย่ามีคำถามในใจเพราะเมื่อใช้วิธีนี้แล้วจะไม่สามารถปิดรอยแยกมิติได้ การใช้วิธีนี้คนที่ใช้จะอยู่รอดได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ฉิงจีกลับยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งหวังเย่าก็ยังไม่พบรอยแยกมิตินั้นเลย !
“แล้วรอยแยกมิตินั้นอยู่ไหน ? คุณปิดมันงั้นหรือ ? ”
“ไม่ ! ” ฉิงจีส่ายหน้า “นายก็รู้ไม่ใช่รึไงว่ารอยแยกมิติจะปิดลงเองไม่ได้ ? ”
“ก็จริง”
“รูปปั้นนั้น ชูโม่ได้ยืมพลังของลูกปัดมาเพื่อปิดรอยแยกมิติโดยแลกกับตัวเธอเอง”
“ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น ? ”
“เพราะมันมีก๊าซลึกลับไหลเข้ามา มันส่งผลกระทบที่หนักหนาต่อสภาพแวดล้อมและสัตว์ป่าของที่นี่..”
“ชูโม่ตายไป ไม่กี่ปีต่อมาก็มีเส้นตัดมิติสีดำนี้ปรากฏขึ้น มันได้เชื่อมต่อกับมิตินับไม่ถ้วน ความพยายามของเธอเสียเปล่า เธอไม่อาจจะฟื้นคืนชีพมาได้ แต่…ฉันกลับรอดมาได้ ! ”
หวังเย่าขมวดคิ้วและคิดตาม
การใช้วิธีต้องห้ามนี้แต่กลับมีชีวิตรอด หวังเย่ากลัวว่าฉิงจีอาจจะเป็นคนแรกที่ทำได้
ในฝั่งชูหยุน เธอเองก็ค่อย ๆ เดินไปหาลูกแก้วอย่างช้า ๆ
ตอนนี้เธอไม่เห็นชูโม่รึฉิงจีอีกต่อไป แต่กลับเห็นเธอกับหวังเย่าแทน !
“ถ้าเธอได้มันไปและเธอกลายเป็นหินล่ะ ? ” หวังเย่าได้สติขึ้นมา และถามขึ้น
ฉิงจีพูดขึ้น “นายอยากจะหยุดเธอรึไง ? ”
“ไม่ เรื่องของเผ่าชูมินั้น ฉันจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะให้ชูหยุนรู้ถึงผลกระทบของเรื่องนี้ไม่ใช่รึไง”
“นี่คือโชคชะตาของเธอ มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ! ” ฉิงจีเข้าไปขวางทางหวังเย่าเอาไว้
“อย่าบังคับให้ผมต้องลงมือ ! ” หวังเย่าตะโกนออกมา
“ฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะอันคุ้นเคยดังขึ้น ซึ่งทำให้หวังเย่าและฉิงจีต่างก็ต้องผงะ
“อย่าเถียงกันเลย ลูกปัดนี้ต้องเป็นของฉัน ฮ่าฮ่า…”
“เป็นเขานี่เอง ! ” หวังเย่าหรี่ตาลงทันที