“ฉัน คาบูรากิ มิฮารุ เจ้าสาวในอนาคตของเธอ!”
…………
ความเงียบเข้าปกคลุม ราวกับมีเสียงสะท้อนก้องอยู่ในหัว “…เจ้าสาวของผมในอนาคต?” ผมยังตั้งสติกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้เลย
สมองผมกำลังประมวลผลคำพูดแปลกๆ ของรุ่นพี่คาบูรากิไม่ทัน ผมได้แต่ยืนอึ้ง มองหน้าเธอแบบงงๆ
“เอ๋… หืม?”
เห็นผมทำหน้าแบบนั้น รุ่นพี่คาบูรากิที่ตอนแรกยืนยิ้มอย่างมั่นใจ ก็ดูเหมือนจะเริ่มสับสน เธอเอียงคอเล็กน้อย
“นี่ เธอฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย?”
“เอ่อ… ครับ ก็… ฟังอยู่ครับ”
ก็น่าจะฟังอยู่นะ แม้ว่ามันจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปก็เถอะ
“ฟังอยู่แล้วทำหน้าแบบนี้เนี่ยนะ ฉันอุตส่าห์รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วนะ…”
“คือ… ผมก็…”
ไม่ไหวแล้ว หัวผมมันตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลย
เอาล่ะ ค่อยๆ ตั้งสติ
ก่อนอื่นเลย… ใช่ ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่กับรุ่นพี่คาบูรากิสองต่อสองได้ล่ะเนี่ย? ถ้าจำไม่ผิด… เอ่อ…วันนี้ผมเป็นเวรประจำวัน
อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเลยสั่งให้ผมไปเก็บสมุดการบ้านที่ห้องพักอาจารย์หลังเลิกเรียน
พอไปถึงก็โดนใช้ให้ช่วยขนหนังสือบ้าง นั่งฟังอาจารย์คุยเล่นบ้าง… รู้ตัวอีกทีก็เย็นซะแล้ว
ในโรงเรียนแทบจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่แล้ว ได้ยินแค่เสียงดนตรีจากชมรมเป่าเครื่องลมแว่วมาไกลๆ กับเสียงตะโกนของชมรมกีฬาจากข้างนอก บรรยากาศเงียบสงบกว่าตอนกลางวันเยอะเลย
(กลับบ้านช้ากว่าที่คิดแฮะ)
ผมเดินออกมาจากห้องพักครูแบบหมดแรง พร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัว
ผมไม่ได้เข้าชมรมอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่โรงเรียนจนเย็นขนาดนี้ แสงอาทิตย์ที่ส่องลอดเข้ามาตามทางเดินทำให้รู้สึกแปลกตาไปจากตอนกลางวัน แต่ผมก็ไม่มีธุระอะไรต้องทำแล้ว เลยเดินตรงไปที่ทางเข้าออก
แล้วตอนที่กำลังลงบันไดจากชั้น 2 (ที่เป็นที่ตั้งของห้องพักอาจารย์) ลงมาชั้น 1 นั่นแหละ… ผมก็เห็นเธอเข้า
(รุ่นพี่คาบูรากิ…)
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เจอเธอ นับตั้งแต่วันปฐมนิเทศ เธอกำลังยืนเท้าคาง จ้องมองตู้เก็บรองเท้าของนักเรียนปี 1 ด้วยสายตาจริงจัง
แปลกที่เธอไม่ได้ยืนอยู่หน้าตู้เก็บรองเท้าของนักเรียนปี 2
แล้วก็… ดูเหมือนเธอจะมองมาทางผม… หรือว่าผมคิดไปเองนะ?
แต่…
(จะทำยังไงดี?)
แย่ล่ะสิ ผมต้องหลบสายตาเธอ แล้วค่อยเปลี่ยนรองเท้า
แต่จะให้ผมเข้าไปทักคนที่เพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้นเนี่ยนะ… รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้
ถ้าทำอะไรผิดพลาดไป ผมอาจจะโดนจับข้อหาหมิ่นประมาทเลยก็ได้
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น รุ่นพี่คาบูรากิก็ยังคงยืนนิ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ แน่นอนว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นผมเลย
(ถ้าแอบเอื้อมมือไปหยิบรองเท้าเร็วๆ น่าจะไม่เป็นไรมั้ง? แต่ถ้าเธอเห็นแล้วหาว่าผมเสียมารยาทล่ะก็… ชีวิตนักเรียนของผมคงจบสิ้นแน่…)
ภาพอนาคตอันเลวร้ายต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวผมเต็มไปหมด
ถ้าเรื่องที่ผมไปรบกวนรุ่นพี่คาบูรากิแพร่สะพัดออกไป ผมอาจจะโดนคนทั้งโรงเรียนรังเกียจ หรือโดนพวกหัวรุนแรงลากไปประจานกลางเมืองก็ได้!
(ไม่หรอก ไม่เป็นไร ฮิมิยะ ยูกิ แกต้องกล้าๆ หน่อย! แค่ขอทางเธอแป๊บเดียวเอง! ทักทายแล้วก็รีบเปลี่ยนรองเท้าให้เร็วที่สุด! คนอย่างรุ่นพี่คาบูรากิ คงไม่สนใจคนธรรมดาๆ อย่างผมหรอก ต่อให้ตอนนี้เธอจะมองว่าผมเสียมารยาท แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็คงลืมผมไปแล้ว ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่!)
ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ที่กำลังเต้นระรัว จากนั้นก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ
“เอ่อ… รุ่นพี่ครับ”
“หืม?”
รุ่นพี่คาบูรากิหันมามองผม
ดวงตาของเธอสบเข้ากับตาผม ผมถึงกับพูดไม่ออก ตัวแข็งทื่อ
(ใกล้ๆ แบบนี้… เธอยิ่งสวยกว่าที่คิดอีก…)
ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้
ร่างกายของผม สัญชาตญาณของผม มันเหมือนกำลังเคารพเเละยำเกรงในตัวตนของรุ่นพี่คาบูรากิ ผมมองเธอตาค้าง ละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
สำหรับเธอ นี่คงเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที หรือบางทีตอนนี้เธออาจจะเริ่มลืมไปแล้วว่าผมยืนอยู่ตรงนี้
แต่สำหรับผม ผมจะไม่มีวันลืมภาพความรู้สึกในตอนนี้ ที่เหมือนเวลาหยุดหมุนไปเลย
ผมจะจดจำมัน นึกถึงมัน และเก็บมันไว้ในความฝัน หัวใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึง
ผมมั่นใจแบบนั้น…
“เยี่ยมเลย!”
“เอ๋?”
จู่ๆ เธอก็ยิ้มกว้าง รอยยิ้มสดใสแบบเด็กๆ ทำให้ผมลืมเรื่องที่กำลังคิดอยู่ไปเลย
“ฉันคิดว่ารองเท้าคู่นี้น่าจะเป็นของเธอ เลยลองมาดู ไม่คิดเลยว่าจะเจอตัวจริงจังๆ แบบนี้! หุๆๆ หรือว่าเราสองคนจะเป็นเนื้อคู่กันนะ?”
“หา? เอ่อ… เนื้อคู่?”
“โอ๊ะ คุยกันตรงนี้ก็ไม่ค่อยสะดวก ไปที่อื่นกันเถอะ ฉันรู้จักที่นึง ไปคุยกันที่นั่นดีกว่า!”
รุ่นพี่คาบูรากิพูดรัวเร็ว ก่อนจะคว้าแขนผม
“อ๊ะ…”
เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกายผม
แขนของเธอเล็กและบอบบาง แต่ผมกลับรู้สึกว่า ต่อให้ใช้แรงทั้งหมดที่มี ผมก็คงสะบัดมันออกไม่ได้ สมองผมมันสั่งการไม่ได้ ร่างกายผมขยับไม่ได้เลย
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
“เอ่อ… คือ… รุ่นพี่ครับ ผิดคนรึเปล่าครับ?”
ผมพยายามตั้งสติ แล้วพูดออกไป
ผมไม่เข้าใจสถานการณ์นี้เลยสักนิด
แต่ที่แน่ๆ รุ่นพี่คาบูรากิไม่มีทางยิ้มให้ผม หรือคว้าแขนผมแบบนี้แน่ๆ ต่อให้เป็นความฝันก็เถอะ!
“หุๆ”
แต่… รุ่นพี่คาบูรากิกลับหัวเราะเบาๆ
เธอดูมีความสุข อารมณ์ดี และไร้เดียงสา
เธอมองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“ไม่ผิดหรอก ฮิมิยะ ยูกิคุง”
รุ่นพี่คาบูรากิพูดชื่อผมอีกครั้ง เหมือนเป็นการยืนยัน
…
แล้วเธอก็พาผมมาที่นี่
ห้องชมรมที่อยู่สุดทางเดินชั้น 6 ของตึกตะวันตก ถ้าจำไม่ผิด ป้ายหน้าห้องเขียนว่า “ชมรมวรรณกรรม”
ตรงกลางห้องมีโต๊ะยาวสองตัววางชิดกัน รอบๆ โต๊ะมีเก้าอี้พลาสติกวางอยู่หลายตัว
บนโต๊ะมีโน้ตบุ๊กเปิดค้างอยู่ รอบๆ มีกระดาษที่ขยำเป็นก้อนๆ วางอยู่เต็มไปหมด…
“อ่าฮ่าๆ อย่าไปสนใจเลย ฉันกำลังหาไอเดียอยู่น่ะ”
รุ่นพี่พูดพร้อมกับปัดกองกระดาษออกจากโต๊ะ ดูไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่เลยแฮะ
“เชิญนั่งสิ”
ผมรู้สึกเกร็งๆ เล็กน้อย แต่ก็ทำตามที่เธอแนะนำ เดินไปนั่งที่เก้าอี้
รุ่นพี่คาบูรากินั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม แล้วก็… เป็นอย่างที่เล่าไปเมื่อกี๊
(ใช่แล้ว มันเกิดขึ้นจริงๆ…)
ผมนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อกี้ พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
เพราะเธอคือรุ่นพี่คาบูรากิ
คนที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง คนที่ผมไม่มีทางเข้าถึงได้ คนที่ “พิเศษ” เกินไป
ทำไมเธอถึงรู้จักชื่อผม? ทำไมถึงพาผมมาที่นี่?
ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด คิดไม่ออกเลยว่าทำไม!
หรือว่า…
(ผมไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจโดยไม่รู้ตัวรึเปล่านะ?)
แบบ… ทำอะไรแย่ๆ โดยไม่ตั้งใจ
ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง อาจจะเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้ง หรือรีดไถได้ง่ายๆ…
“นี่ ไหวรึเปล่า?”
รุ่นพี่คาบูรากิโบกมือไปมาตรงหน้าผม
“อย่าทำหน้าเครียดสิ ฉันไม่ได้จะกินเธอนะ”
รุ่นพี่คาบูรากิเห็นผมทำหน้าตกใจ ก็ยิ้มแห้งๆ
“ดูท่าจะไม่ได้ผลสินะ เหมือนเดิมเลย แต่ก็โล่งใจหน่อยๆ”
“เหมือนเดิม?”
“อ่า ช่างเถอะ คือแบบนี้… ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพราะ… อ๊ะ ใช่!”
รุ่นพี่ดีดนิ้ว เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“ตอนนี้ชมรมวรรณกรรมของเรากำลังรับสมัครสมาชิกใหม่อยู่น่ะ ฉันอยากให้เธอมาเข้าชมรมด้วย”
“ชมรมวรรณกรรม… ผมเห็นป้ายหน้าห้องเหมือนกันครับ…”
แต่ผมไม่เห็นชื่อชมรมนี้ในรายชื่อชมรมที่แจกตอนเปิดเทอมเลยนะ
“เอ่อ… มีใครเป็นสมาชิกชมรมบ้างเหรอครับ?”
“ตอนนี้มีแค่คนเดียว ก็คือฉันน่ะสิ!”
“หา?”
“เอ่อ มันมีเหตุผลน่ะ แต่ฉันไม่ได้ถูกบังคับให้อยู่คนเดียวหรอกนะ ในเมื่อเป็นนักเรียนม.ปลายทั้งที ฉันก็อยากมีรุ่นน้อง อยากลองเป็นรุ่นพี่ดูบ้าง เพราะงั้น…”
รุ่นพี่คาบูรากิหยิบซองเอกสารออกมาจากไหนไม่รู้ แล้วก็ยื่นกระดาษกับปากกาให้ผม
“ตอนนี้เธอไม่ได้เข้าชมรมอะไรใช่ไหม? ชมรมเราก็ค่อนข้างอิสระ ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมาก แค่แวะมาบ้างตอนว่างๆ ก็พอ… ว่าไง ยูกิคุง?”
พอเธอเรียกชื่อผมอีกครั้ง ผมก็รู้สึกใจเต้นแรง
แต่ผมก็เริ่มรู้แล้วว่า ภาพลักษณ์ที่ผมจินตนาการ กับตัวตนจริงๆ ของเธอ มันต่างกันมาก
พอได้คุยกันจริงๆ ผมก็ไม่รู้สึกว่าเธอสูงส่ง หรือเข้าถึงยาก อย่างที่เคยคิด
เธอน่ารัก ยิ้มง่าย เป็นกันเอง ถึงจะสวยมากๆ ก็เถอะ
(ชมรมวรรณกรรมกับรุ่นพี่คาบูรากิ…)
อย่างที่รุ่นพี่บอก ผมไม่ได้เข้าชมรมอะไร จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากเข้าชมรมไหนอยู่แล้ว
ผมไม่ได้มีความสนใจ หรือความหลงใหล ในชมรมไหนเป็นพิเศษ แถมยังมีปัญหาเรื่องที่บ้านอีก
แต่ผมรู้สึกว่ารุ่นพี่คาบูรากิเข้าใจเรื่องนั้น
เธออนุญาตให้ผมทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ อยากมาตอนไหนก็ได้ เป็นชมรมที่เข้าก็เหมือนไม่เข้า แถมยังได้อยู่กับรุ่นพี่คาบูรากิสองต่อสอง…
(เดี๋ยว ผมไปคิดอะไรทะลึ่งๆ เนี่ย…)
ผมส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป
“ไหวรึเปล่า?”
“เอ่อ… ครับ”
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้จับสังเกต ผมโล่งใจ แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองเธอ
เธอยังคงสวย และมีออร่า มากๆ
ถ้าเผลอ ผมคงโดนเธอสะกดจนโงหัวไม่ขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ผมรู้ว่าเธอเป็นคนที่ “พิเศษ” อยู่คนละโลกกับผม
แต่ถ้ารุ่นพี่กำลังลำบาก แล้วผมช่วยได้… การไม่ช่วย ก็น่าจะเป็นเรื่องผิดเหมือนกัน
“ขอบคุณสำหรับคำชวนนะครับ คือ… ถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้…”
“จริงเหรอ?”
ดวงตาของเธอเป็นประกาย
“หุๆๆ ขอบคุณนะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะตอบตกลง แต่ก็ดีใจอยู่ดีที่ได้ยินแบบนี้”
“ครับ…”
เธอคาดหวังและเชื่อมั่นในตัวผมขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนั้นกับผม แต่ก็รู้สึกเขินๆ แปลกๆ
“งั้นเรามาเซ็นเอกสารกันเลยดีกว่า”
“อ่า ใบสมัครเข้าชมรมสินะครับ”
ผมก้มลงมองกระดาษที่รุ่นพี่ให้มาเป็นครั้งแรก
แค่เขียนชื่อ แป๊บเดียวก็เสร็จ…
(หืม?)
ผมรู้สึกแปลกๆ เลยหยุดมือ
กระดาษที่รุ่นพี่ให้มา… มันใหญ่เกินไปรึเปล่า?
แถมช่องให้กรอกก็เยอะแยะเต็มไปหมด
นอกจากชื่อ ยังมีที่อยู่ ทะเบียนบ้าน…?
แล้วก็มีช่องให้กรอกชื่อพ่อแม่ กับ… พยาน?
แถมยังมีชื่อของรุ่นพี่เขียนไว้แล้วด้วย ในช่องที่อยู่ข้างๆ ช่องชื่อของผม
ผมรู้สึกแปลกใจ เลยมองไปที่มุมซ้ายบนของเอกสาร ตรงที่มีชื่อเอกสารเขียนไว้… แล้วก็แทบทรุดลงไปกองกับพื้น!
“รุ่… รุ่นพี่ครับ นี่มัน… ‘ใบทะเบียนสมรส’ ไม่ใช่เหรอครับ?”
ทำไม…? เกิดอะไรขึ้น…?
ใบสมัครเข้าชมรมกลายเป็นใบทะเบียนสมรสได้ยังไง? หรือว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก? แล้วทำไม…
“หืม? มีอะไรรึเปล่า ยูกิคุง?”
รุ่นพี่ส่งยิ้มหวานมาให้ ในขณะที่ผมกำลังสับสน
“คือ… เอ่อ… นี่มันไม่ใช่ใบสมัครเข้าชมรม…”
“ใบสมัครเข้าชมรมน่ะแหละ แต่ว่า… มันเป็นใบสมัครเข้าชมรมแบบพิเศษ”
“พิเศษ?”
“ใบสมัครใบนี้ มันจะเปลี่ยนรูปร่างไปตามสิ่งที่คนมองต้องการยังไงล่ะ!”
“หา…?”
“ก็คือ สมมตินะ ถ้าเธอ มองว่าใบสมัครใบนี้เป็นใบทะเบียนสมรสล่ะก็… มันก็จะเป็นแบบนั้นแหละ!”
รุ่นพี่ยิ้มกริ่ม ดูสนุกสนาน
เธอพูดอะไรของเธอเนี่ย? จะหลอกเด็กก็หาวิธีที่ดีกว่านี้หน่อยสิ!
“คือ… เรื่องเวทมนตร์อะไรเนี่ย ผมไม่เข้าใจหรอกนะครับ นี่มันไม่ใช่เวทมนตร์ แต่มันคือใบทะเบียนสมรสจริงๆ ใช่มั้ยครับ?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ต่อให้มันเป็นใบทะเบียนสมรสจริงๆ สิ่งที่ต้องทำก็เหมือนกับใบสมัครเข้าชมรมนั่นแหละ ก็แค่เซ็นชื่อ”
“มันไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าผมเซ็นชื่อลงไป ผมก็ต้องแต่งงานกับรุ่นพี่นะครับ…”
แต่งงานกับรุ่นพี่คาบูรากิ…
ผมเป็นคนพูดเองแท้ๆ แต่พอพูดออกมาแล้ว ผมก็แทบจะเป็นลม
“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้เซ็นชื่อในใบทะเบียนสมรส เราก็ไม่ได้แต่งงานกันเดี๋ยวนั้นหรอก ต้องเอาไปยื่นที่เขต แล้วรอให้เขาอนุมัติก่อน แถมในประเทศนี้ ผู้ชายกับผู้หญิงต้องอายุถึงเกณฑ์ก่อน ถึงจะแต่งงานกันได้”
“นั่นสินะครับ…”
“แค่เซ็นชื่อเท่านั้นเอง เร็วๆ เข้า”
“คือ… รุ่นพี่ยังจะ…”
“ฉันเป็นคนหัวแข็งนะ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าถ้าฉันตัดสินใจอะไรแล้ว ฉันจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ”
“ผมไม่รู้ว่ารุ่นพี่พูดจริงหรือพูดเล่น…”
“หุๆๆ ยังไงก็เหมือนกันนั่นแหละ เร็วๆ เข้าาาา”
รุ่นพี่คาบูรากิพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายกับกำลังร้องเพลง แล้วก็เดินอ้อมมาข้างหลังผม
“อ๊ะ…”
เธอโน้มตัวมาข้างหน้า เอา… เอาหน้าอกมาชนหลังผม!
“เห็นไหม แค่เขียนชื่อตรงนี้ เหมือนกับตอนเขียนใบสมัครเข้าเรียน หรือใบตอบข้อสอบนั่นแหละ ที่เธอเขียนมาตั้งหลายครั้ง แค่คราวนี้ มันเป็นช่อง ‘ชื่อสามี’ เท่านั้นเอง”
“สะ… สามี…”
“เร็วๆ สิ ฮิ มิ ยะ”
“ครับๆ ผมจะเขียนแล้วครับ!”
ผมไม่เข้าใจความคิดของอัจฉริยะแบบเธอเลย
แต่ที่รู้แน่ๆ คือ สถานการณ์แบบนี้ ที่โดนรุ่นพี่คาบูรากิกอดจากด้านหลัง มันเกินต้านทานสำหรับคนที่ “ไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิต” อย่างผม
สัมผัสที่นุ่มนิ่ม ที่ไม่น่าจะมีชุดนักเรียนหรือเสื้อชั้นในมาขวางกั้น กลิ่นหอมๆ ที่น่าหลงใหลยิ่งกว่าน้ำหอมใดๆ ทุกอย่าง…
ผมพยายามทำใจให้สงบ ก่อนที่จะเลือดกำเดาพุ่ง แล้วก็รีบเขียนชื่อลงไปในช่องว่าง
“เก่งมาก”
รุ่นพี่คาบูรากิดึงใบทะเบียนสมรสไป หลังจากที่ผมเขียนชื่อเสร็จ
จากนั้นเธอก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม แล้วเก็บใบทะเบียนสมรสใส่ซองอย่างระมัดระวัง
“แล้ว… รุ่นพี่จะเอาไปทำอะไรต่อเหรอครับ?”
“หุๆๆ ก็เหมือนกับไทม์แคปซูลนั่นแหละ ไว้ค่อยมาเปิดดูพร้อมกัน อีก 2 ปี 5 เดือนข้างหน้านะ”
รุ่นพี่พูดพร้อมกับเอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
2 ปี 5 เดือน…