ตอนที่ 2291 การต่อสู้ที่ต้องตาย
สิ้นเสียงตะโกน คนพวกนั้นไม่มีเวลาจู่โจมเฟิ่งจิ่ว รีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะที่ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นระเบิดตนเอง เฟิ่งจิ่วถอยหลบพร้อมกับยกสองมือรวบรวมกลิ่นอายพลังเร้นลับซัดออกไป ร่างกายอันบวมเป่งของผู้ฝึกวิชามารนั่นกระเด็นปลิวไปทางผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังบึ้ม
เห็นเพียงกระแสพลังอันแข็งแกร่งสะท้อนกลายเป็นริ้วคลื่นกลางอากาศ ริ้วคลื่นนั้นเปรียบเสมือนคลื่นทะเลที่ดีดตัวกระจายออกไปกลางอากาศ จุดใดที่ไปถึง ไม่ว่าต้นไม้หรือหญ้ารกล้วนตายเรียบ…
นั่นคือการระเบิดตนเองของผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เซียนคนหนึ่ง แรงกดดันที่เกิดขึ้นนั้นทรงพลังมาก มิใช่คนธรรมดาจะต้านทานได้ แม้แต่ผู้ฝึกเซียนไร้สำนักที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามร้อยจั้ง ยามนี้ก็ยังได้ยินเสียงระเบิด ประกอบกับสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่สะท้อนออกมา
เสียงต้นไม้หักโค่นดังสนั่น ต้นไม้ที่มีขนาดหนึ่งคนโอบถูกกระแสพลังอันแข็งแกร่งนั่นซัดกระแทกจนหัก ล้มระเนระนาดเต็มพื้น ต้นหญ้าที่สูงเท่าครึ่งคนล้วนถูกกดทับจนราบแบน พายุทรายม้วนพัด ใบไม้ร่วงโรย การมองเห็นเลือนราง
ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นที่โฉบถอยหลังเวลานี้ยังล้มตัวหมอบอยู่กับพื้นเพื่อหลบคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่สะท้อนออกมา ทว่า ในตอนนี้เอง เฟิ่งจิ่วกลับลุกขึ้นมา ดวงจิตจับจ้องไปที่ร่างของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นซึ่งถูกบดบังอยู่ท่ามกลางพายุทราย ฉวยโอกาสลงมือตอนที่พวกเขายังไม่ทันตั้งตัว
“ซี้ด! อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น ในเสียงนั้นสะท้อนความตกใจและเหลือเชื่อ ท่ามกลางอากาศ กลิ่นคาวเลือดกระจายออกไปพร้อมกับคลื่นพลังที่พุ่งพล่าน กระตุ้นผู้ฝึกวิชามารที่เหลือที่ยังนอนหมอบอยู่บนพื้น พวกเขาตกตะลึง รีบกระเด้งตัวลุกขึ้น
“นี่เจ้าลอบโจมตีงั้นรึ!”
ท่ามกลางพายุทรายที่ม้วนพัดเอาใบ้ไม้ร่วง เงาร่างสีเขียวร่างนั้นกำลังเคลื่อนไหว เพียงแต่ยามพวกเขาพยายามเพ่งมองให้ชัด กลับถูกพายุทรายบดบังสายตา
“อึก!”
เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง ได้ยินเสียงเหมือนเสียงล้มลงไปราวกับดังอยู่แค่ข้างๆ พวกเขา นั่นทำให้ผู้ฝึกวิชามารสองคนที่เหลือตื่นกลัว แววตาเริ่มฉายความหวาดกลัว
พวกเขาโบกมือสลายกระแสพลัง ในที่สุด พายุทรายและใบไม้ที่ร่วงเหล่านั้นก็ค่อยๆ หยุดลง ทว่าขณะเดียวกัน เงาร่างสีเขียวก็ปรากฏสู่ครรลองสายตาของพวกเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง
เพียงแต่ ยามเห็นศพสามศพที่นอนอยู่บนพื้นรอบๆ หัวใจของพวกเขาสองคนพลันบีบเกร็ง ก้าวถอยไปข้างหลังอย่างคิดจะหนี
“จะหนีหรือ?” เฟิ่งจิ่วเดินเข้าใกล้สองคนนั้นทีละก้าวๆ เสียงเยือกเย็นดุจมัจจุราชจากขุมนรกเปล่งออกจากปาก “สำหรับคนที่ต้องการเอาชีวิตข้า ข้ามักไม่เคยปรานี ชีวิตสองชีวิตของพวกเจ้า วันนี้ ข้าจะเก็บมันเสีย”
“จะฆ่าพวกข้า? อย่างนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาหรือไม่!”
สองคนนั้นกัดฟัน รู้ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ ด้วยเหตุนี้จึงกำกระบี่ในมือแน่น พุ่งออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“แกร๊ง! ชิ้ง!”
พลังกระบี่ฟาดผ่านไปอย่างเฉียดฉิว เฉือนชุดคลุมของเฟิ่งจิ่ว กระแสพลังอันดุดันกระจายไปในอากาศ จิตสังหารของสองคนนั้นพวยพุ่งออกมาในเวลานี้ ที่ต่างจากก่อนหน้านี้คือ เวลานี้พวกเขาสองคนสู้ด้วยใจที่พร้อมตาย
เพราะพวกเขารู้ดี หากฆ่าคนตรงหน้าไม่ได้ อย่างนั้นคนที่ตายก็ต้องกลายเป็นพวกเขา! ฉะนั้น ในการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาไม่ออมแรงเลยแม้แต่น้อย ทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อสังหารศัตรูจนดวงตาแดงก่ำ…
กู่เสียงที่อยู่บนต้นไม้ไม่ไกลมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า รู้สึกเพียงหัวใจบีบเกร็งไปทั้งดวง สองคนนั้นมุ่งสังหารทุกกระบวนท่า เค้นพลังทั้งหมดที่มีออกมา เกรงว่านายท่านคงจะ…
………………………………….
ตอนที่ 2292 หนึ่งธนูทะลุหัวใจ
ทว่า ในขณะที่เขามองดูอยู่ด้วยอารมณ์ตึงเครียด กลับเห็นดาบสั้นของนายท่านราวกับมีชีวิตขึ้นมา มันหมุนคว้างอยู่กลางฝ่ามือของเขา การหมุนและกระบวนท่าอันแปลกประหลาดของดาบสั้นเล่มนั้น ดูซับซ้อนจนรับมือไม่ทัน
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีคนใช้ดาบสั้นได้คล่องแคล่วถึงเพียงนั้น ราวกับดาบสั้นเล่มนั้นได้รวมเป็นหนึ่งกับนายท่าน ท่าร่างและการจู่โจมอันรวดเร็วค่อยๆ พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบสองคนนั้น เห็นเพียงขณะที่นายท่านของเขาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของสองคนนั้น ดาบสั้นในมือพุ่งบินออกไป แทงเข้าไปในจุดตันเถียนของหนึ่งในนั้น…
เสี้ยวนาทีที่ดาบสั้นพุ่งแทงเข้าไปที่จุดตันเถียนของผู้ฝึกวิชามารคนนั้น แม้เขาจะอยู่ไกล แต่กลับเหมือนได้ยินเสียงตันเถียนแตกร้าวอย่างไรอย่างนั้น
ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นคำรามอย่างเจ็บแค้นก่อนจะล้มลงไป หัวใจที่ตึงเครียดของเขาก็พลอยผ่อนคลายไปด้วย นายท่านน่าจะชนะได้ไม่มีปัญหาแล้ว
แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ สีหน้าของเขากลับเคร่งเครียดขึ้นมา หันไปมองข้างหลัง ก่อนจะหันกลับไปมองสองคนที่ยังคงสู้กันอยู่ สุดท้าย เขาเหาะกลับไปยังทิศทางเดิมตอนที่มา
ทางนั้น ผู้ฝึกเซียนไร้สำนักเหล่านั้นเพราะเสียงเคลื่อนไหวอันดังสนั่น จึงเกิดความคิดที่อยากจะมาสำรวจ ก็แค่เด็กหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่ง ถึงเจ้าเด็กนั่นจะดูประหลาดอยู่บ้าง แต่ด้วยพลังของห้าคนนั้น น่าจะไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ให้กับเขากระมัง?
ขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้ามา รู้สึกว่าตอนที่เข้าใกล้แล้ว บนต้นไม้ข้างหน้า จู่ๆ กลับมีชายวัยกลางคนที่ถือธนูไว้ในมือคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
“ทุกท่านจะให้ดีอย่าเข้าใกล้ดีกว่า” กู่เสียงยืนอยู่บนต้นไม้ จ้องกลุ่มคนข้างล่างพร้อมกับเตือนเสียงเข้ม
“แล้วเจ้าเป็นใครล่ะ? ทำไมถึงมาสั่งให้พวกข้าไม่ต้องเข้าใกล้?” หนึ่งในผู้ฝึกวิชามารแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
กู่เสียงจ้องพวกเขา เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “หากยังจะเข้ามา ก็รับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยตนเอง!” นายท่านบอกเขาว่าอย่าทำอะไร เขาก็ไม่ทำอะไร แต่คนพวกนี้กลับจะปล่อยให้เข้าไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ยากนักที่พวกเขาจะไม่คิดสังหารนายท่านด้วย
คนคนเดียวแข็งแกร่งไม่นับว่าแข็งแกร่งเกินไป ทว่าหากคนพวกนี้ล้วนเกิดจิตสังหารและร่วมมือกันเล่นงานนายท่าน อย่างนั้นหากพวกเขาเพียงสองคนคิดจะเอาชนะคนมากมายขนาดนี้ กลับเป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะรู้ว่าคนพวกนี้จะฉวยโอกาสตอนที่นายท่านสู้กับคนอื่นอยู่ลอบโจมตีเขาหรือไม่? สำหรับคนที่อยู่ในนี้ เขาไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่ทำอย่างนั้น
ท่ามกลางผู้ฝึกตนเหล่านั้น ปราชญ์เซียนผู้นั้นจ้องกู่เสียงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมองข้างหน้า สุดท้าย ก็หมุนตัวเดินกลับไปก่อน หันเดินไปทางแหล่งน้ำ ตักน้ำเสร็จก็เดินจากไป ตั้งใจจะไปล่าสัตว์
แต่คนอื่นๆ กลับไม่ไปไหน ในกลุ่มพวกเขา ผู้ฝึกวิชามารที่พูดขึ้นเป็นคนแรกเห็นทุกคนล้วนหยุดเดิน จึงหัวเราะหยัน สาวเดินไปข้างหน้า ขณะเดียวกันยังมองกู่เสียงอย่างท้าทายแวบหนึ่ง ราวกับกำลังพูดว่า ‘ถึงข้าจะไป แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้?’
เห็นอย่างนั้น ทุกคนสีหน้าสั่นไหว แต่พริบตาต่อมา พวกเขาต่างก็ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่ทันตั้งตัว
เพราะกู่เสียงที่อยู่บนต้นไม้ง้างคันธนูในมือ พลังของปราชญ์เซียนสำแดงออกมาในเวลานี้ ธนูแหลมที่ห่อหุ้มไปด้วยกลิ่นอายพลังของผู้แข็งแกร่งถูกยิงออกมา ความเร็วนั้น ไม่ใช่ความเร็วที่ผู้ฝึกวิชามารระดับเซียนเหินคนนั้นจะหลบได้
“ฟิ้ว!”
“ฉึก!”
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ผู้ฝึกวิชามารคนนั้นตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เลือดสีแดงสดกระอักออกจากปาก ตรงหน้าอกของเขากลับทิ้งรูแผลที่เกิดจากการทะลุผ่านของธนูแหลมลูกนั้น…
………………………………….